สฟิงซ์ (sphinx)

ยุคหนึ่งอารยธรรมอียิปต์เป็นอะไรที่ผู้หลงใหลในเรื่องราวประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี บนแผ่นดินลุ่มแม่น้ำไนท์ ความน่าสนใจใคร่รู้นี้ทำให้มีการค้นคว้าสำรวจ เป็นบันทึกออกมาทั้งในสื่อรูปแบบหนังสารคดีเคลื่อนไหวและหนังสือที่มีหลักฐานภาพประกอบเป็นหลักฐานของวิทยการก้าวหน้าน่าทึ่งในยุคที่อียิปต์รุ่งเรืองด้วยสิ่งก่อสร้างด้วยหินโบราณสถานต่างๆ  มรดกยืนยันให้เห็นตั้งปรากฎสายตามาจากอดีตการจนถึงปัจจุบัน

ความน่าสนใจของอารยธรรมอียิปต์นั้น  นอกจากหนังสือสารคดีแล้ว อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีหนังสือนิยายก็มีให้เห็นได้เยอะทีเดียว ทั้งของไทยและต่างประเทศ ล้วนต่างได้แรงบันดาลใจของอาณาจักรอารยธรรมอียิปต์มาแต่งเติมในรูปแบบของนิยาย แม้แต่ไทยเองยังไปหยิบยืมสร้างจินตนาการเอาประวัติศาสต์อียิปต์สร้างตัวละครในยุคโบราณ เรื่องราวของตัวละครไปกับท้องเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นรสนิยมแบบของไทย หากเสิร์ทในอินเตอเน็ทกูเกิ้ลพิมพ์คำว่านิยายแนวไอยคุปต์ หนังสือนิยายไทยแนวนี้ขึ้นมาเพียบ
แต่ของต่างประเทศนั้น ดูจะเป็นสากลกว่า (เพราะแพร่หลายไปทั่วโลก) มีนิยายออกมามากทีเดียว เช่นของนักเขียนหญิง บาบารา วู๊ด นี้ก็มีแปลมาจากสำนักพิมพ์วิบุลย์ นักเขียนหญิงท่านนี้ก็น่าจะเรียกว่าเป็นเจ้าแม่นิยายอียิปต์ก็ว่าได้ นวนิยายที่เธอแต่งแนวนี้ส่วนใหญ่สร้างตัวละครและเรื่องราวได้ลึกลับน่าติดตาม มีทั้งในแนวยุคโบราณและยุคปัจจุบัน

อียิปต์โบราณหรือไอยคุปต์ หมายถึงสร้างเรื่องราวในยุคฟาโรห์ จินตนาการวางตัวละครให้โลดแล่นไปในยุคที่ใช้ม้าใช้ดาบกันชิงราชบัลลังก์หรือแย่งคนรักสตรีนางอันเป็นที่รัก

ส่วนยุคสมัยใหม่ คือ การสร้างโครงเรื่องในยุคปัจจุบัน ตัวละครจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของจิตวิญญาณรอการมาฟื้นคืนชีพ  การผจญภัยในสถานที่ โบราณสถาน และตามหาวัตถุโบราณ ตามหาลายแทงขุมสมบัติ ล่วงล้ำไปค้นพบมนต์ดำคำสาปนำมา ซึ่งภัยวิบัติมาตามล้างจองเวรกัน นี้น่าจะเป็นนิยายที่เป็นที่นิยมของคนอ่าน เพราะมีความร่วมสมัยกว่าจะไปอ่านนิยายในยุคโบราณ แบบเพ้อฝันตามแต่จะจินตนาการไปในทิศทางความต้องการของนักประพันธ์แต่ละคน



 
 
 
ในจำนวนนักประพันธ์แนวนี้ มีหนังสือเล่มหนึ่งในชื่อ “sphinx” ซึ่งแต่งขึ้นในปี 1970 โดยโรบิน คุก (robin cook) เป็นนักเขียนชายที่มาจับนิยายแนวนี้ และสร้างชื่อให้นิยายเรื่องนี้เป็นที่นิยม จนนำมาซึ่งการสร้างเป็นหนังขึ้นมาในชื่อเรื่องเดียวกันในปี 1981

โรบิน คุกนั้นเขียนนิยายได้หลายแนว ที่รู้จักกันเช่น  coma  เรื่องราวในฉากโรงพยาบาลการแพทย์ ซึ่งก็ได้รับความนิยมจนมาเป็นภาพยนตร์ให้ดูกันอีกเรื่องกันเช่นกันในปี 1977

สฟิงซ์ (sphinx) ของโรบิน คุก นิยายแนวอารยะธรรมอียิปต์มีการแปลเป็นภาษาไทยตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มครั้งแรกในปี 2525 โดยสำนักพิมพ์สี่เกลอ ฉบับสำนวนการแปลของ ป.สามโกเศศ ชื่อหน้าปก สฟิงซ์

นิยายเรื่องนี้ยังเคยตีพิมพ์มาแล้วในนิตยสารดิฉัน ในชื่อ คำสาปสฟิงซ์ จากสำนวนการแปลและเรียบเรียงของนิดา คงจะด้วยเป็นที่นิยมมากกระมัง จึงนำนิยายเรื่องนี้มาพิมพ์เป็นพ๊อกเก็ตบุ๊ครูปเล่มกะทัดรัดในปี 2538 โดยสำนักพิมพ์หมึกจีน ราคาแพง 140 บาท เพราะใช้กระดาษปอนด์ขาว  หลังจากที่ซื้อหนังสือของบาบารา วู๊ดในแนวอียิปต์ไว้หลายเล่ม ลองมาอ่านของนักเขียนอื่นดูบ้าง

แรกที่เจอหนังสือหน้าปกรูปหน้ากากไอยคุป์เล่มนี้เข้า เมื่อเปิดอ่านบทแรก เพราะอยากรู้ว่าเดินเรื่องในยุคสมัยไหน จึงได้พอรู้คร้าวๆว่าเป็นแนวสมัยใหม่  จึงตัดสินใจซื้อ ใช้เวลาอ่านไม่นานก็จบ สนุกสนานไปกับเรื่องราวของนักโบราณสาวชาวอเมริกา เอริกา บารอน ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าวัตถุโบราณของอียิปต์ในตลาดมืดสู่เหตุฆาตกรรมเรียกว่าความสอดรู้อยากรู้ไปหมดตามนิสัยของพวกฝรั่ง จนนำไปสู่ภัยคุกคามไปกับเรื่องที่ชวนติดตาม  และในที่สุดก็เป็นนิยายที่ชอบอีกเรื่องในแนวที่ชอบไม่แพ้ของบาบารา วู๊ด ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกนำไปสร้างเป็นหนังให้ดูกัน

สฟิงซ์ค์ก็เช่นกันได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังในปี 1981 (2524) ห่างจากนิยายตีพิมพ์มาแล้ว 2 ปีสร้างโดย Orion picture จัดจำหน่ายโดย Warner brother ได้นักแสดงสาวชาวอังกฤษ Lesley anne down มารับบทเป็น เอริกา บารอน นักโบราณคดีสาวชาวอเมริกัน มาเป็นตัวเดินเรื่อง ตั้งแต่ฉากแรกจนฉากสุดท้ายบทที่วางไว้ให้นักแสดงสาวสวยที่มีส่วนสูง 5 ฟุต 5 นิ้ว (165 ซม.) ตาสีฟ้าคนนี้ ใช้เสน่ห์อย่างสาวสวยแบบฉบับหญิงชาวฝรั่งยุโรปสาวอ่อนไหวแต่ห้าวหาญ ทำให้หนังพอให้ติดตามได้เพลิดเพลินตาเจริญใจ

อย่างที่ว่าไว้นิยายสฟิงซ์นี้ในต่างประเทศคนน่าจะสนใจอยู่ใช้ได้ คงเป็นกระแสเหมือนสมัยนี้ที่นิยายเรื่องไหนโด่งดัง ก็มักจะเอามาทำเป็นหนังให้ดูกัน ในมิติหนึ่งในความสนุกของสื่อแบบภาพยนตร์

 

เลสลีย์ แอนน์ ดาวน์ เกิดเมื่อปี 1954 (2497) ปัจจุบัน 64 ปีแล้ว แสดงหนังไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นหนังเล็กๆ ที่น่าสนใจ เช่น หนังที่ดูไม่รู้เรื่องอย่าง nomads (พลังอาถรรพ์) หนังปี 1986 แสดงกับ pierce brosnan (พระเอกเจมส์บอนด์) ที่เขียนบทและกำกับโดย john mctiernan

มาแสดงเรื่อง sphinx เมื่ออายุได้ 27 ปี สมัยยังสาวสวยสพรั่ง  หนังกะส่งให้เธอแจ้งเกิด แต่หนังก็พอให้รู้จักเท่านั้น อาจเพราะหนังไม่ได้เดินตามหนังสือเดิม ที่ออกแนวสืบสวน มีตัวละครเข้ามาหลายคน ล้วนเกี่ยวข้องทั้งขบวนการค้าตลาดมืดค้าของล้ำค่าวัตุโบราณ นำสมบัติของอียิปต์ออกนอกประเทศ
 
ตามโครงเรื่องเดิมในหนังสือนั้นมีเรื่องราวของตัวพระเอกเกี่ยวข้องกับนางเอกถึง 3 คน คู่รักแฟนหนุ่มหมอชาวอเมริกัน บุรุษหน้าตาดีชาวฝรั่งเศสผู้มีเบื้องหลังแอปแฝง และหนุ่มหน้าคมเข้มชาวอียิปต์ข้าราชการกองโบราณคดี ร่วมไปถึงโยงใยหลายบุคคลในขบวนการค้าที่ต้องการครอบครองวัตถุโบราณทั้งสิ้นอีกหลายชาติอย่างชาวกรีก

แต่ในหนังนั้น มีแต่ตัวเอกคือเอริกาเดินเรื่องเด่นในบทนางเอกเป็นนักโบราณสาวที่เดินทางไปเที่ยวอียิปต์ นัยว่าทะเลาะกับแฟนแล้วหนีมาเที่ยว เดินอยู่ในตลาดหาซื้อของเก่า เข้าไปในร้านขายของเก่าเข้าเท่านั้นเป็นเรื่อง เมื่อในร้านมีชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาการโต้เถียงกับชายแก่เจ้าของร้าน แล้วมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น ชายแก่เจ้าของร้านถูกมีดฟันเข้าตายในสายตาแอบมองของเธอที่แอบดูจากในอีกห้องหนึ่ง

หลังจากนั้นก็มีเงื่อนงำ ไหนจะถูกจับ ไหนจะต้องพบกับคนลึกลับผู้ดีชาวฝรั่งเศสในคราบผู้ร้ายที่ตีสนิทช่วยเหลือ และพระเอกอาห์เหม็ด คาซซานแสดงโดย frank langella มารับบทเป็นเจ้าหน้าที่กองโบราณคดี ที่เป็นเพื่อนพาเธอไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆของอียิปต์ในฐานะคนเจ้าถิ่น แล้วก็เกิดสนิทสนมจนเป็นความรักขึ้น แต่ก็ยังมีชายอีกฝ่ายไล่ตามสกดรอยตามเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ ยังดีที่มีพระเอกชาวอียิปต์มาดผู้ดีนี้อยู่เคียงข้าง

ด้วยความที่เป็นนักโบราณคดี ไม่อยู่นิ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะซอกแซกไปหานั้นดูนี้ ตามลายแทงเบาะแสไปตามหาคนที่เคยขุดค้นสมบัติในยุคลอร์ดคาร์นาร์วอน จนถูกจับขังอยู่ในคูหาลึกลับหาทางออกในหุบห้องลับ บังเอิญไปค้นพบเอาห้องที่เก็บกองสมบัติมหาศาลของโบราณวัตถุอียิปต์ที่เก็บซุกซ้อนเอาไว้ และนั้นเองที่เป็นเรื่องราวว่าทำไมเธอถึงถูกตามไล่ วิ่งไล่จับหล่อนนัก เพราะไปพบความลับที่ซ้อนห้องเก็บทรัพย์สมบัติประมาณค่าไม่ได้เข้านั้นเอง

 
แม้จะใช้พลังดาราสาวมาเป็นตัวชูเรื่อง เสียเวลากับฉากไล่ล่าที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก กับการตามหาเบาะแสจนไปพบห้องเก็บวัตุโบราณจำนวนมากเท่านั้น  จะเน้นสืบสวนตื่นเต้นก็ไม่เชิง จะเน้นการผจญภัยก็ไม่ใช่ หนังไม่แสดงจุดแข็งสักอย่าง แต่อย่างน้อยเสน่ห์ของดาราอย่างเลสลีย์ แอนน์ ดาวน์ ก็พาหนังให้ดูจนจบ  น่าเสียดายที่หนังขาดทุนเก็บมาได้เพียง 2 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 14 ล้านเหรียญ

จำได้ว่าน่าจะเจอหนังสือก่อน แล้วไปเจอแผ่นหนังที่หลัง คืออ่านหนังสือแล้วไปดูหนังอีกทีเป็นหนังแผ่นวีซีดี เพราะหาแบบแผ่นดีวิดีไม่เจอ แต่ก็พอดูได้ในสมัยนั้น แต่เสียดายที่แผ่นหายไป แต่ก็หาได้ในอินเตอร์เน็ทโหลดมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ฉบับภาษาอังกฤษไม่มีพากษ์หรือบรรยายไทย ถึงจะเป็นหนังเก่ามากแล้ว แต่ก็ยังพอมีคุณค่าให้เสาะหามาชมได้ อยากได้ดีวีดีฉบับภาษาไทยมาเก็บไว้ แต่คงจะหาซื้อยากหน่อยในยุคนี้
 
หลังจากนั้นก็มีหนังในแนวนี้ออกมาอีกมาก แต่จะเน้นไปที่เรื่องของ mummy โดยเฉพาะ สร้างเรื่องกันออกมาเป็นบทหนัง ไม่ได้เอามาจากนิยาย เช่น ไตรภาคชุด The mummy แสดงโดยนักแสดงสาวสวยชาวอังกฤษ เรเชล ไวสซ์ (ที่แสดงเพียง 2 ภาค ในปี 1999 และ 2001) มัมมีเป็นผู้ชาย   หรือ The mummy ฉบับนักแสดงชาย ทอม ครูซ ในปี 2017 มัมมีเป็นผู้หญิง
 




 

Create Date : 17 กันยายน 2562
0 comments
Last Update : 18 กันยายน 2562 17:42:03 น.
Counter : 1897 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปางนู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Group Blog
 
 
กันยายน 2562
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 กันยายน 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปางนู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.