Day 3 : Rochester and Maidstone

28 August 2005
Rochester & Maidstone (Leeds Castle)

วันนี้พวกเราก็ตื่นตั้งแต่เช้าเช่นเคยครับ เพราะว่าวันนี้เราต้องไปแจมกับ Andersons Tour ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงในอังกฤษ ที่นี่จะมีไกล์พวก Blue Badge เยอะ ซึ่งกว่าแต่ละคนจะได้เข็มกลัดน้ำเงิน (ซึ่งแสดงความเป็นไกด์ที่สุดยอด อะไรประมาณนั้น) พวกคนเหล่านี้จำเป้นต้องสอบนะครับ ทั้งปฏิบัติ ทั้งทฤษฎี ไม่ว่าจะวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ถือว่าค่อนข้างยากพอสมควรเลยครับ

---

วันนี้ เราก็ไป join กับ group ที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวก รัชเชียน แล้วก็ญี่ปุ่น เราไปขึ้นรถที่ Earl’s Court ครับผม
รถที่นี่ถือว่า ขนาดสบายเลย สามารถเอนลงและนอนได้ ค่อนข้างสบาย อีกอย่างวันนี้เป็นวันอาทิตย์ (คนเลยไม่ค่อยมาเที่ยว – หรือเปล่า ?) ในรถเลยมีคนไม่เยอะครับ พวกเราสามารถแบ่งนั้น คนนึง ต่อ สองที่นั่งได้เลย อิอิ
ใช้เวลาเกือบ สอง ชั่วโมงครับ เราก็ไปถึง เมือง Rochester (อ่านว่า ร๊อ เชสเทอร์) ซึ่งถือเป็นเมืองในอดีตที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกันนะครับ
แต่เอกไม่ขอเล่าดีกว่า (เพราะไม่รู้ เหอๆๆ) จริงๆ เค้ามี local guide มาเล่าประวัติอะไรบ้าบอไม่รู้ เกี่ยวกับแม่น้ำอะไรไม่รู้ของที่นี่ แต่เอกไม่อยากฟังหรอกครับ แม่เอกก็ไม่อยาก เราอยากเดินดูเมืองสวยๆมากกว่า จะต้องตามเค้าไปทุกที่ (ซึ่ง เค้าก็พาไปไม่กี่ที่ ดันไปอยู่ที่เดิมๆ แล้วเล่าประวัติ เสียนานสองนาน)



ภาพข้างบนเป็นบ้านเมืองในเมือง Rochester นะครับ นี่ไม่ได้เป็นสถาปัตยกรรมที่จะเห็นได้บ่อยในเมืองนี้นะครับ เพราะตึกแบบนี้ เป็นแบบ Elizabethan ในสมัย ควีน อลิซาเบธ นั่นแหละครับ

แล้วเราก็เดินมาถึง Rochester Cathedral นะครับ

ดูค่อนข้างเก่ามากเพราะมันมีประวัติยาวนานครับ มันเป็นโบสถ์ที่ค่อนข้างสำคัญด้วยนะครับ เพราะถือเป็นโบสถ์แรกๆเลยของ Henry VIII ที่สร้างเพื่อจะขยายอำนาจของ Church of England ที่เป็น Sect หนึ่งของ Protestant
ถ้าเพื่อนๆทราบ (อันนี้ต้องขอบคุณ Term paper ปีที่แล้ว อิอิ) ว่า Henry VIII นั้นต้องการหย่ากับเมียคนแรกครับ ชื่อ Catharine of Aragon เพราะเธอไม่สามารถมีบุตรชายให้เค้าได้ คลอดออกมาก็มีแต่ผู้หญิง ชื่อ Mary ซึ่งนั่นก็คือ Queen Mary ในเวลาต่อมานั่นแหละครับ
ประมาณว่า ในตอนนั้น มีความเชื่อกันว่า ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถครองราชย์ได้ เนื่องจากหญิงนั้นอ่อนแอ) ดังนั้น Male Heir (อ่านว่า แฮ นะครับ) จึงเป้นสิ่งที่เฮนรี่ต้องการมากที่สุด

---

เมื่อไม่สามารถมีได้ เค้าก็ต้องการจะไปแต่งงานกับหญิงอื่นหนะครับ เพื่อจะมีลูกชายด้วย แต่การหย่าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับ Christianity ครับ Pope ในโรม จะไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
ดังนั้นเฮนรี่จึงได้รับคำแนะนำ จากผู้ช่วย ให้ตั้งนิกายใหม่ (เนื่องจากสมัยนั้น แนวความคิดแบบ Lutheran และ นิกายต่างๆใน Protestant เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ซึ่งล้วนต่อต้านความรุ่งเรืองของ คริสตศาสนจักรทั้งสิ้น) นิกายใหม่นี้ จะทำให้กษัตริย์อังกฤษ เป็นประมุขของศาสนาแทนและมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ จะมีเมียกี่คน จะหย่ากี่ครั้งก็ได้ และนี้ก็คือ Church of England ที่ถือเป็นศาสนาประจำประเทศอังกฤษ จวบจนวันนี้เลยครับผม

---

ว่าแล้วเล่าต่อดีกว่า คือ หลังจากที่ตั้งนิกายนะครับ เฮนรี่ก้ต้องพยายามทำให้คนเริ่มเชื่อ เริ่มนับถือ ศาสนาใหม่นี้ แต่มันก็เป้นการยากนะครับ การที่คนอังกฤษนับถือ Christianity มาตั้งนานนม อยู่ดีๆจะมาเปลี่ยนให้เป็น Church of England ใครจะไปเปลี่ยนได้หละครับ

---

ด้วยเหตุนี้ เฮนรี่ถึงต้องสร้างโบสถ์เยอะๆเพื่อขยายอำนาจ ทำลายโบสถ์ต่างๆที่เป้นของ Christianity ซะ
แล้วหนึ่งในโบสถ์ที่เฮนรี่ สร้างก้คือ Rochester Cathedral แห่งนี้ นี่เอง ! (เหอๆๆ ทำเสียงแบบรายการ TV Champion)

---

ขอเล่าต่ออีกหน่อยนะครับ คือหลังจากแต่งงานกับเมียคนที่สอง ชื่อ Anne Boleyn แล้ว เฮนรี่ ก็ยังไม่มีลูกชายอีกอยู่ดีครับ มีแต่ลูกสาว คือ Elizabeth (ซึ่งก็คือ Queen Elizabeth I ในเวลาต่อมา) เค้าจึงต้องแต่งงานใหม่ แล้วก็ต้องหาข้ออ้างในการหย่าคนนี้ ข้ออ้างนั้นคืออะไรรู้มั้ยครับ
"Adultery" ครับ
นั่นก็คือ การคบชู้ เฮนรี่ใส่ร้าย (โดนยุจากผู้ช่วยเช่นเดิม) แอน ว่าแอนมีชู้ เลยจับไปประหาร ที่ Tower of London หนะครับ ซึ่งแน่นอน เอกเล่าให้ฟังไปแล้วในวันแรก

ลองกลับไปอ่านดูจิครับ อิอิ
กดที่นี่ ไปดู Tower of London ครับ

แล้วเฮนรี่ก็แต่งงานใหม่ครับ คราวนี้แต่งกับ Jane Saymour ซึ่งเป็นคนที่เฮนรี่รักมากที่สุดในทุกคน ทำไมหนะเหรอครับ ก็เพราะควีน เจน เธอสามารถกำเนิดบุตรให้เฮนรี่ได้หนะสิครับ ซึ่งคือ Edward VI ในเวลาต่อมานั่นแหละครับ (แต่ Edward ไม่เก่งครับ สักพักก็ตาย บังลังก์เลยตกมาที่ลูกคนแรกของ เฮนรี่ นั่นคือ Mary ครับ )
แต่โชคร้ายครับ หลังจาก Jane คลอดบุตรไม่นาน เธอก็เป็นโรค ตายครับ
ทำให้เฮนรี่ โศกเศร้ากับเรื่องนี้มาก และไม่มีเมียใหม่ เป้นเวลานานครับ (3 ปีแหน่ะ เหอๆๆ) สุดท้ายก็ทนเหงาไม่ไหว แต่งงานใหม่ กับเมีย ที่ 4 5 และ 6 แต่ละคนก็ประสบชะตาคล้ายๆกันนะครับ ไม่หย่าก็ฆ่าทิ้ง
จะมีก็แค่คนสุดท้ายครับ คนที่หก ที่รอดตาย เพราะ เฮนรี่ดันมาตายเสียก่อน
จึงได้มี Rhyme ท่อนนึงครับ แต่งมาสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ

Divorced, Beheaded, Died,..... Divorced, Beheaded, Survived!


ภาพด้านบนก็คือ เมียทั้งหก ของ Henry VIII ครับ

เหอๆๆ จบเรื่องรักๆใคร่ๆ ดีว่า อิอิ

---

เอกกับแม่ก็เดินต่อมา ไปยังบริเวณ High Street ของที่นี่ครับ นี่ครับภาพ


แล้วก็เดินทะลุมาเจอแม่น้ำ ของที่นี่ครับ ค่อนข้างตื้นนะครับ ในสมัยก่อนนี้ ตื้นขนาดที่สามารถเดินข้ามได้เลยนะครับ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว



แล้วเราก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยัง Maid Stone นะครับ ซึ่งเป้นที่ตั้งของ Leeds Castle หนะครับ ปราสาทนี้สวยมากๆๆๆๆๆเลยครับ อย่างกับ สวรรค์เลย เค้าก็ยกย่องกันว่า เป็น The Loveliest Castle in England เลยครับ สวยจริงๆ

นี่เป้นตัวปราสาทนะครับ จริงๆ ยังมีส่วนของสวนต่างๆ ทางเดินต่างๆ ที่สวยมากๆๆด้วยครับ ไม่เฉพาะตัวปราสาทอย่างเดียว

อันนี้เข้ามาข้างใน แล้วถ่ายออกไปข้างนอกปราสาทครับผม

อันนี้เป็นห้องทรงพระอักษรนะครับ (ห้องอ่านหนังสือไง อิอิ ใช้ราชาศัพท์ถูกป่าววะเนี่ย)



อันนี้ ห้องเสวยพระกระยาหารครับ อิอิ ห้องกินข้าว ครับ


นี่เป็นอีกมุมของปราสาทนะครับ สวยมากๆทีเดียว และนางแบบในภาพก็สวยเช่นกัน (แม่ผม แม่ผม คริคริ)


นอกจากตัวปราสาทแล้ว ที่นี่ยังมีส่วนอื่นๆที่ยังน่าสนใจอยู่นะครับ เช่น สวนนก ที่รวบรวมพันธุ์ต่างๆมากมายไว้ (แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ มันเล็กๆเอง) สวนดอกไม้ รวมไปถึง The Maze นั่นก็คือ เขาวงกตครับ เข้าไปแล้วจะงงๆ หาทางออกไม่ได้ เหอๆๆ เอกเล่นที่นี่มา สามครั้งแล้ว ก็ยังออกไม่ได้ง่ายๆเลยสักครั้งครับ คราวนี้ก็เล่นอีกครับ


มุมนึงของ The Maze นะครับ แอบงงเหมอืนกันนะเนี่ย อิอิ

แต่ทางออก ที่นี่ ไม่ใช่ว่า พอถึงแล้วออกมาข้างนอกนะครับ มันพิเศษตรง ทางออกจะ นำไปสู่ บันไดวน ไปยังยอดตรงกลางของ Maze ครับ ที่ยอดนี้เอง เราจะเห็นคนมากมายเลยจากด้านบนที่ติดอยู่ใน Maze แล้วยังหาทางออกไม่ได้ เหอๆๆ


แล้วทางออกเราคือ เดินลงไปใต้ดินหนะครับ
ซึ่งจะเป็นน้ำตกรูปหน้าคน เหอๆๆ น่ากลัวพิกล เรียกว่า Grotto ครับ


นี่ครับ น้ำตกรูปหน้าคนครับ

แล้วเราถึงออกมาทางถ้ำใต้ดิน แล้วมาโผล่ตรงใกล้ๆกับทางเข้า Maze นั่นแหละครับ อิอิ หนุกดีครับ


นี่ไงครับ คุณแม่ โผล่มาแล้ว อิอิ

แล้วเราก็เดินกลับกันครับ เพราะถึงเวลาที่เราต้องนั่งรถกลับ London กันแล้ว สรุปว่าเหนื่อยมากๆๆๆเลยครับ เพราะเราเกินกันเยอะมากๆๆทั้งใน Rochester แถมยังใน Leeds Castle ที่ใหญ่สุดๆๆอีก กลับบ้านมาก็ต้องมานวด เคาน์เตอร์เพน กันเลยครับ อิอิ

ปล. ของฝากที่น่าซื้อที่ Leeds Castle คือ ช๊อคโคแลตครับ เป็นของ Leeds Castle เลย อร่อยมากๆๆครับ โดยเฉพาะรสที่มันสอดใส้ Strawberry อิอิ

Create Date : 02 กันยายน 2548 Last Update : 8 ธันวาคม 2554 17:47:58 น. Counter : 4915 Pageviews.		14 comments
Share Tweet