กันยายน 2548

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
Day 2 : Bath and Salisbury
27 August 2005
Bath & Salisbury

วันนี้ เราตื่นเช้าครับ เพราะว่ามีโปรแกรมต้องไปเที่ยวนอกลอนดอน วันนี้เราจะไปด้วยกันสองเมืองครับ ที่แรกที่เราไป คือ Bath ส่วนที่ที่สอง เราจะไป Stonehenge ครับ เพราะว่า อยู่ใกล้ๆกันกับ Bath ไปรวบยอดเลยครับ
เรานั่งรถโคชกันไป Bath (อ่านว่า บาธ) นะครับ
ที่บาธนี้ เอกต้องบอกเลย ว่า ตั้งแต่ไปเมืองต่างๆมาหลายเมืองในอังกฤษ ปีก่อนก็มีทริปขับรถทั่วด้านใต้เลย ขึ้นเมืองเหนือๆก็พอสมควร เมือง บาธนี้สวยที่สุดเลยครับ ความสวยของบาธนั้น กลมกลืนระหว่างธรรมชาติ และ สถาปัตยกรรม ทั่วทุกๆมุมเลยครับ


บาธเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศเป็นเขา ดังนั้น บ้านเรือนต่างๆก็จะสร้างไล่ตามเขาขึ้นไป ดูแล้วสวยมากครับ อีกทั้งที่นี่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานครับ


ตามประวัติศาสตร์แล้ว บาธเป็นสถานที่ที่ชาวโรมัน มาอาศัยก่อนที่พวก Anglo Saxon จะมาอยู่อีกนะครับ พวกทหารโรมันมายังบาธ เพราะว่า บาธมีสิ่งพิเศษอย่างนึง ที่ ไม่มีที่ไหนในอังกฤษเลยครับ จะมีก็มีแค่ที่นี่ที่เดียว ซึ่งนั่นก็คือ Hot Spring ครับ น้ำพุร้อนนั่นแหละครับ แต่น้ำพุร้อนที่นี้พิเศษตรงที่ว่า มันมีแร่ธาตุต่างๆอยู่มากกว่า 400 ชนิด และมันก็มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคทางผิวหนังในสมัยก่อนได้ชงัดนัก


มีตำนานเล่าไว้ว่า มีชายผู้หนึ่งถูกเนรเทศจากเพื่อนบ้างเนื่องจากเค้าเป้นโรคผิวหนังที่น่ารังเกียจ คนอื่นก็กลัวจะโดนเชื้อโรคนี้ด้วย ชายผู้นี้ก็ได้มาอยู่ที่บริเวณข้างๆบ่อน้ำในป่าแห่งนึง กับพวกหมู ที่อาศัยอยู่ก่อน วันนึง ชายคนนี้ได้สังเกตว่า เวลาที่หมู ที่มักจะมีบาดแผล หรือ รอยช้ำแดงตามตัว ลงไปในน้ำแล้ว พอขึ้นมา รอยพวกนั้นมันจะจางลง แผลก็เริ่มสมาน ชายคนนี้เลยลองไปแช่บ้าง
ปรากฏว่า โรคที่เค้าเป็นเรื้อรังมานาน ก้หายเป็นปลิดทิ้งครับ เรื่องนี้ทำให้บ่อน้ำแห่งนี้เป้นที่โด่งดัง กล่าวขานกันไปทั่ว จนกระทั่งไปเข้าหูพวกทหารโรมัน นั่นแหละครับ ทำให้ พวกโรมัน เข้ามาอยุ่แล้วก็สร้าง บ่อน้ำเป้นเรื่องเป้นราว อีกทั้งยังมีการบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ โดยมีการสร้างวัด และ สถานที่ศักดิ์สิทธ์ ในบริเวณบ่อน้ำนั้นทีเดียว จึงไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ที่เค้าเรียกน้ำพุร้อนที่นี่ว่า Sacred Hot Spring พวกโรมัน สร้างบ่อน้ำไว้อาบน้ำผ่อนคลาย เป็นศาสตร์สปานั่นแหละครับ ว่ากันว่าช่วยบำรุงร่างกาย และ ฟื้นฟูกำลังได้ดีเชียว และนี่ก็เป้นที่มา ของชื่อเมืองที่ชื่อว่า Bath นั่นแหละครับ


เฮ้อ…. ร่ายประวัติเสียยาวนาน ปัจจุบันที่แห่งนี้เป้นจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาเมืองบาธทุกคนไม่พลาดหรอกครับ เราเรียกว่า The Bath Spa ซึ่งเป็น Historical Site ตั้งแต่สมัยโรมันนั่นแหละครับ ที่นี่จริงๆเพิ่งถูกค้นพบนะครับ เนื่องจากมันเคยถูกทับถมด้วยซากปรักหักพังที่เกิดมาจากสงคราม
แต่จู่ๆ วันนึง ชาวบ้านที่อาศัยในละแวกนั้น ก็สังเกตเห้น กลุ่มก๊าซที่พวยพุ่งคุกรุ่นออกมาจากดิน เลยแจ้งต่อรัฐบาล เมื่อนักธรณีวิทยามาตรวจสอบ ถึงได้ค้นพบสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้ครับ


ภาพนี้เป้นภาพบริเวณบ่อน้ำร้อนที่ครั้งหนึ่ง ทหารโรมันใช้อาบจริงๆนะครับ แต่ปัจจุบัน น้ำมันก็ไม่ใสแล้ว (หรือว่าไม่ใสมานานแล้ว) พอลองเอามือไปจับดู ก็อุ่นใช้ได้เลยนะครับ ลงอาบคงสบาย อิอิ

นอกจากบริเวณ Bath Spa แล้ว เสน่ห์ของบาธก้คือ ตัวเมืองนั่นแหละครับ เนื่องจากทหารโรมันเคยมาอยู่ก่อน ดังนั้นสถาปัตยกรรมต่างๆก็ล้วนได้รับอิทธิพลจากโรมันมาเต็มๆเลยครับ
ที่ดังๆของที่นี่ก็คือ

The Circus


งาน Masterpiece ของ John Wood สถาปนิกของอังกฤษ ตัวอาคารจะเป้นวงกลมครับ ล้อมรอบ ต้นไม้ขนาดใหญ่มากกกกกกกก ไว้ ความพิเศษของตึกนี้คือ จะมีเสาเป้นสามชั้นนะครับ ชั้นบนสุดเป็นแบบ Corinthian ตรงกลางเป้น Ionic และ ล่างสุดเป้นแบบ Doric ครับ ซึ่งตรงนี้เป็นกระจกสะท้อนอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมของพวกโรมัน ที่มีต่อที่นี่ได้เป้นอย่างดีเลยครับ

The Royal Crescent




ผลงานจากคนเดียวกันนั่นแหละครับ แต่สร้างเป้น รูปโค้งพระจันทร์ สวยมากๆๆครับ ซึ่งอยู่ในบริเวณ Victoria Park ครับ

นอกจากนี้ก็ Bath Abbey นะครับ เป้นสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ครับ


ส่วนนี่เป้น High Street ของ บาธ ครับ บ้านเมืองสวยดี วันนี้ค่อนข้างคึกคักครับ เพราะเป็นวันเสาร์ คนออกมาเดินเต็มไปหมดเลย



นี่ก็อีกมุมครับ


แล้วเราก็เดินไปยัง Pulteney Bridge ครับ ซึ่งเป้นหนึ่งในสี่สะพานเท่านั้น ของโลกปัจจุบันนี้ ที่มีร้านรวงด้านบนของสะพานหนะครับ ด้านล่างก็เป็น แม่น้ำครับ (ถ้ายังจำได้ ในอดีต ลอนดอนเองก็มีสะพานแบบนี้ครับ….. London Bridge ไงครับ


ภาพด้านบนก็คือสะพาน Pulteney นะครับ สังเกตสิครับ มีตึกอยู่บนสะพานจริงๆ และ ถ้าเดินอยู่บนสะพานจะไม่รู้เลยนะครับ ว่าเดินข้ามแม่น้ำอยู่ เพราะสองข้างทางมันก็เป็นตึกไปหมด เหมือนเราเดินกลางถนนธรรมดาเลยครับ แต่พอมองลอดหน้าต่างของตึกไป จะเป้นแม่น้ำเลยครับ อิอิ สวยครับ



บริเวณสะพานครับ ดูออกมั้ยครับ ว่าอยู่บนสะพาน อิอิ

หลังจากเที่ยว บาธ เราก้ไปต่อที่ Salisbury ครับ (อ่านว่า ซอลสบรี้ ครับ) เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับ บาธ และก็เป็นที่ตั้งของ หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ Stonehenge ครับ
จะว่าไปแล้ว เอกเคยเล่าถึงเรื่องของสโตนเฮนจ์ไปแล้วนะครับ ลองไปอ่านดูที่นี่เลยครับ
คลิ๊กที่นี่เลยครับ ไปดู Stonehenge

แล้วพวกเราก็นั่งรถโคชจาก Salisbury ตรงเข้ามาลอนดอนเลยครับ กว่าจะกลับก็เกือบทุ่มนึงแล้ว ซึ่งก็ยังสว่างอยู่ แต่เอกกับแม่ก็ไม่ได้ไปไหนต่อหรอกครับ เพราะว่าต้องนอนเร็ว พรุ่งนี้มีคิวต้องไปต่างเมืองอีกแย้ววว เจอกันใหม่ วันพรุ่งนี้นะครับ

ปล. พวกประวัติศาสตร์ที่เล่ามา เอกอ่านจาก Pitkit Guide ของที่นี่อีกทีนะครับ อิอิ




Create Date : 02 กันยายน 2548
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 17:48:16 น.
Counter : 2337 Pageviews.

1 comments
  
อ่านก็หนุก ไปเองน่าจะหนุกกว่านี้





โดย: basketman IP: 203.148.162.231 วันที่: 2 กันยายน 2548 เวลา:18:12:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

coombe lane's guy
Location :
Bangkok,  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



I ain't easy to find, I am one of a kind!