หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

งานสัปดาห์หนังสือ



“นิยายเรื่องนี้มันเป็นเรื่องยังไงเหรอคะน้อง”
ปริมยิ้มหวานแล้วยื่นหน้าไปดูหนังสือ ที่คนถามยกขึ้นเสมออก
“เรื่องนี้เป็นนิยายที่พระเอกเป็นชีคทะเลทราย ลักพาตัวนางเอกไปเพราะเข้าใจผิดว่านางเอกแย่งคู่หมั้นญาติตัวเอง แล้วก็รักกันค่ะ”
คนฟังพยักหน้าเข้าใจ


“สนุกไหม”
คำถามที่เจอวันละร้อยหน และคำตอบที่ออกแนวเดียวกัน
“ต้องลองอ่านดูค่ะ แล้วแต่คนชอบ แต่ลูกค้าคนอื่นก็ซื้อไปเยอะนะคะ”
ลูกค้ามองดูปกหนังสือแล้วทำท่าลังเลสักครู่หนึ่ง ปริมจึงต้องปิดการขายด้วยประโยคเด็ด


“พระเอกเป็นชีคทะเลทราย ร้ายกาจค่ะ ทำนางเอกท้องแล้วนางเอกหนีไป ต้องตามไปง้อที่ประเทศนางเอก”
“ว๊าย เถื่อนจัง”
คนฟังอุทาน แต่ก็ยังจับหนังสือเล่มนั้นไม่ปล่อย ปริมเดาได้ทันทีลูกค้าคนนี้ต้องซื้อนิยายเล่มนี้แน่ ...เสร็จอีตาชีคโรคจิตไปอีกหนึ่ง


“ปริม กินข้าว กินข้าว”
แมวเหมียวสาวร่างเล็กผมสีน้ำตาลดัดหยิกใบหน้าจิ้มลิ้ม มาดึงมือหล่อนไปทางศูนย์อาหาร เด็กสาวทั้งสองอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ท่อนบนใส่ผ้ากันเปื้อนติดตราสำนักพิมพ์หรา
“เหนื่อยจัง วันนี้คนเยอะเนอะ”
แมวเหมียววางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ขณะที่ปริมยกสปอนเซอร์ขึ้นดื่ม
“อ้า...ชื่นใจ”
หล่อนคราง เวลาเหนื่อยๆอย่างนี้การดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ช่วยบำรุงกำลังดีนักแล


“ปริม แกอย่าทำอะไรที่ไม่เข้ากับหน้านักสิ”
แมวเหมียวแม้จะคุ้นกับนิสัยชวนอึ้งของเพื่อนตรงหน้า แต่ก็อดบ่นไม่ได้
“อุตส่าห์มีหน้าตาสวยใสแบบเกาหลีแท้ๆ”
ปริมนั้นจัดว่าหน้าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวจัดเพราะมีเชื้อจีน ผมหล่อนดำยาวเหยีดตรงเพราะผู้เป็นแม่ห้ามไว้ไม่ให้ตัด ผมม้าที่หน้าผากนั่นไม่ใช่ตัดตามเทรนด์แต่อยางใด แต่เพราะเด็กสาวมีหน้าผากกว้างจึงไว้ผมทรงนี้เพื่อปิดความเหม่ง
‘ปริมน่ะหน้าตาดี แต่ต้องเป็นตอนอยู่เฉยๆนะ’
พี่ปาน พี่ชายวิศวกรปากสว่างมักค่อนแคะปริมเสมอ ซึ่งน้องสาวก็ตอบแทนด้วยการเตะไปทีหนึ่ง


“เออนี่ปริม ฉันทำเรื่องย่อของนิยายสองเรื่องนี้มาให้อ่านแล้วนะ”
เพื่อนยื่นกระดาษเอสี่เขียนด้วยปากกาเป็นพรืดมาให้
“อ่านซะ ถ้าลูกค้ามาถามจะได้อธิบายได้ถูก”
ปริมรับมาอ่านแล้วก็ต้องนิ่วหน้า
“อะไรเนี่ย ทั้งเรื่องมีแต่แย่งผู้หญิงกับเรื่องเข้าใจผิด โรคกินหญ้าเป็นอาหารนี่ ผู้ชายมันเป็นกันทุกประเทศหรือยังไง”
หล่อนวิจารณ์พลางนิ่วหน้า เพื่อนได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ


“ฉันว่าถ้าพระเอกในนิยายพวกนี้เป็นฟาโรห์ ป่านนี้บัลลังค์อียิปต์คงไม่พอให้ฟาโรห์นั่งแน่ เยอะเกิน ไหนจะต้องสร้างปิรามิดไว้เก็บศพตอนตายใหม่อีก”
คำพูดที่ขัดกับหน้าเป็นนิสัยเฉพาะของเจ้าตัว ที่ทำเอาผู้ชายมาจีบหน้าหงายมาแล้ว
“แล้วอะไรเนี่ยแวมไพร์ ทำไมมันมีเยอะอย่างนี้ สงสัยตอนกลางคืนต้องมีไฟจราจรทางอากาศสำหรับแวมไพร์ละมั้ง ไม่งั้นคงต้องบินชนเครื่องบินตายกันมั่ง เอ...แต่พวกนี้เป็นอมตะนี่นะคงไม่ตายหรอก”


ปริมไม่ชอบนิยายรัก ไม่ชอบการ์ตูนรัก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเกี่ยวกับความรัก เด็กสาวว่ามันเลี่ยนไป แต่ทำไมปริมต้องมาเป็นพนักงานอยู่บูทขายหนังสือนั้นนะหรือ... เรื่องมันเริ่มมาจากมีงานสัปดาห์หนังสือ แล้วแมวเหมียวเพื่อนซี้หล่อนมาชวนไปสมัครทำงานพิเศษ ในช่วงปิดเทอม
‘บูทขายนิยายรักเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก เปลี่ยนเป็นนิยายกำลังภายในได้ไหมหรือนิยายสืบสวนก็ได้’
เด็กสาวร้องเสียงหลงตอนที่แมวเหมียวมาชวน


‘เอาน่าปริม ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ แค่ไปเป็นเพื่อน...นะ’
แมวเหมียวอ้อนอย่างน่าสงสาร แมวเหมียวไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดีเกินไป อยู่ในกลุ่มแล้วเด่น เวลาไปไหนมาไหนผู้ชายมักจะเข้ามาจีบ เพื่อนผู้หญิงจึงเขม่นแมวเหมียวอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วแมวเหมียวไม่สนใจผู้ชายในชีวิตจริงเลย ผู้ชายที่แมวเหมียวใฝ่ฝันคือพระเอกในนิยาย ...โดยเฉพาะจำพวกชีคๆกับการแก้แค้น


การจับคู่กันของหล่อนและแมวเหมียวนั้นจึงเป็นการจับคู่ของสองสาวดูโอหน้าตาดี ไปที่ไหนมีแต่หนุ่มๆมองตาปรอย นิสัยจริงหล่อนนั้นตรงข้ามกับแมวเหมียว แม้จะมีรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดผู้ชายเหมือนกัน แต่พอเปิดปากพูดผู้ชายที่ตั้งหน้าตั้งตาจะมาจีบก็หายหมด ในสายตาเพื่อนผู้หญิงขี้อิจฉาปริมจึงกลายเป็นตัวประหลาดโดยสิ้นเชิง


‘โคนันเล่มนี้ คนตายน้อยจัง แต่ดีหน่อยที่คินดะอิจิมีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องให้ได้ตื่นเต้น’
พี่ปานเบ้หน้าทันทีเมื่อได้ยินหล่อนวิจารณ์การ์ตูนสองเล่มโปรด
‘หนูว่านะพี่ปานถ้าฆาตกรมันใช้ยาพิษคงรอด แต่นี่ดันใช้ทริคอย่างหน้าไม้เลยจับได้ง่าย’
‘แกน่ะซาดิสซ์’
พี่ชายมักค่อนแคะเสมอ ปริมกับพี่ชายอ่านการ์ตูนแนวเดียวกัน รสนิยมเหมือนกัน ถ้าพี่ชายว่าหล่อนซาดิสซ์ก็เหมือนว่าตัวเองด้วยนั่นแหละ


‘เด็กผู้หญิงทำอะไรให้สมเป็นเด็กผู้หญิงมั่งสิ อย่างอ่าน...นิยายรัก’
‘หนูก็อ่านอยู่แล้วนี่ไง พี่ปานซื้อนิยายคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรม...ให้ด้วยนะ มันออกเล่มใหม่แล้ว‘
น้องสาวเถียงพลางเรียกร้องหนังสือเล่มโปรด


‘ชอบอ่านนิยายประเภทไหนคะ
ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน เลือดโชกค่ะ...ปริมเกือบตอบอย่างนั้นแล้วตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่สำนักพิมพ์
‘นิยายรักค่ะ’
เด็กสาวยิ้มหวานตอบตามที่ซักซ้อมไว้กับแมวเหมียวเป็นอย่างดี
‘ชอบนักเขียนคนไหนคะ’


‘ชอบพี่...ชอบการดำเนินเนื้อเรื่องค่ะ แล้วก็บทกุ๊กกิ๊กน่ารักดี’
สาเหตุที่ชอบก็เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฆาตกรรมและการสืบสวนสอบสวนต่างหาก ส่วนบทกุ๊กกิ๊กนั้นคนชอบและเล่าเรื่องปนพร่ำพรรณนาให้ฟังทุกวันคือแมวเหมียว ผลของการสัมภาษณ์คือ...ผ่าน ปริมรู้เหตุผลที่ผ่านก็รู้ดีอยู่หรอกว่าเพราะหน้าตาเป็นเหตุ แต่ก็ช่างเถอะถือเสียว่าไปทำงานเป็นเพื่อนแมวเหมียวแถมยังมีอะไรทำในช่วงปิดเทอมจะได้ไม่นอนกลิ้งเกลือกอยู่กับบ้านอย่างเดียว


‘ท่านชีคเรื่องนี้นะคะ...ท่านลอร์ดเรื่องนี้นะ...ฟาโรห์องค์นี้ค่ะ...
หล่อนละอิจฉาแมวเหมียวจริงๆที่อธิบายให้ลูกค้าฟังได้เป็นคุ้งเป็นแคว ปริมมักขอทำงานหนักประเภทขนหนังสือ หรือไม่ก็แคชเชียร์มากกว่า


“แล้วพี่ปานไม่มางานหนังสือเหรอ”
แมวเหมียวถามหลังจากจัดการเค้กไปแล้วหนึ่งชิ้น ส่วนปริมกินคุ้กกี้ข้าวโอ๊ตชิ้นใหญ่
“ไม่รู้สิ พักนี้พี่ปานยุ่งๆ”
หล่อนรู้...เรื่องยุ่งของพี่ชายคือเรื่องผู้หญิงแน่ๆ เพราะเมื่อวานตอนเข้าไปเอาหนังสือการ์ตูนในห้องพี่ชาย เด็กสาวเห็นบัตรส่วนลดของร้านไอศรีม ทีแรกก็นึกแปลกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร พี่ชายหล่อนไม่ชอบร้านพวกนี้


‘ร้านพวกนี้ต้องคนมีแฟนเข้าไปกินถึงจะอิน’
หลักฐานยิ่งแน่ชัดเมื่อหล่อนแอบเห็นรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือของพี่ชาย รูปที่ถ่ายกับสาวสวย สงสัยปริมกำลังจะได้พี่สะใภ้


“ปริม แวะบูทหนังสือแถวนี้หน่อยนะ”
แมวเหมียวดึงมือหล่อนไว้เมื่อกินอาหารเสร็จ บูทหนังสือที่ว่าเป็นสำนักพิมพ์คู่แข่งกันกับสำนักพิมพ์ที่หล่อนและแมวเหมียวมาทำงานพิเศษ
“หนังสือของนักเขียนคนโปรดฉันออกเล่มใหม่ล่ะ รอเดี๋ยวนะ”
เพื่อนวิ่งเข้าไปในบูทหนังสือสักพัก ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับหนังสือสีสันสดใส


“นี่ไง ได้มาแล้ว”
แมวเหมียวโชว์หนังสือให้ดูพลางยิ้มร่า ปลายสายหล่อนเห็นชื่ออะไรออกแนวรักๆแค้นๆ
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายนางเอกไปรักกับน้องสาวพระเอกแล้วพระเอกไม่ชอบ กีดกันทุกอย่างแต่ไม่สำเร็จ พระเอกเลยมาแก้แค้นเอากับนางเอก”
ปริมเดาตอนจบได้ทันทีว่าจะลงเอยเช่นไร


“ฉันว่าผู้ชายที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่น้องตัวเองจะรักกับใครนี่มันผิดปรกติแล้ว ผู้ชายแท้ๆเขาไม่มาทำอย่างนี้กันหรอก”
“โธ่เอ๊ย ปริมนี่ละก็ ในโลกแห่งความรักอะไรกันก็เกิดขึ้นได้ รู้จักไหม?บุพเพสันนิวาสกับโชคชะตาน่ะ”
ที่เพื่อนพูดมานั่นคือธีมของนิยายสำนักพิมพ์ที่พวกหล่อนมาทำงานพิเศษเลยล่ะ


บูทของสำนักพิมพ์หล่อนอยู่ท้ายสุด ริมกำแพงมีเก้าอี้กระดาษให้คนนั่งพัก ถ้าเป็นโซนอื่นอาจจะเห็นเป็นผู้หญิงหรือไม่ก็เด็กที่นั่งบนเก้าอี้กระดาษพวกนั้น แต่โซนของสำนักพิมพ์หล่อนนั้นแตกต่างออกไป เพราะมีแต่ผู้ชาย!
ทุกคนทำหน้าเซ็งๆนั่งรอผู้หญิงที่มาซื้อหนังสือนิยายจากบูทหล่อน
“หนังสือเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไรเหรอคะพี่”
สาวน้อยผมเปียสองข้างถามหล่อน หน้าปกหนังสือที่สาวผมเปียถามนั่นเป็นรูปแวมไพร์


‘อย่าอ่านเลยน้อง แวมไพร์หื่น ดูดคอเสร็จยังมีดูดที่อื่น แถมยังนอกใจนางเอกไปดูดสาวอื่นอีกแน่ะ นางเอกก็เป็นง่อย ดีแต่ร้องไห้ น่าจะเอากางเขนแทงอกแก้แค้นอีตาแวมไพร์หื่นสักฉึกสองฉึก’
คำพูดที่อยู่ในใจจากการอ่านย่อเรื่องฝีมือแมวเหมียว แค่อยู่ในใจพูดออกมาไม่ได้เดี๋ยวพี่ส้มที่ดูแลบูทสำนักพิมพ์จะฉีกอกหล่อนเอา
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์ค่ะ ออกแนวโบราณหน่อย”



“แล้วโรแมนซ์หรือเปล่าคะพี่”
ศัพท์คำนี้แมวเหมียวสอนให้ตั้งแต่ตอนหลงมาคบกัน มันคือนิยายประเภทที่มีฉาก...ร้อนแรงซะจนนึกว่าพระเอกเป็นพระเอกหนังโป๊ยุคโบราณแน่ๆ
“ต้องลองอ่านเองค่ะ”
ตอบแล้วก็ยิ้มหวานหนึ่งที เด็กคนนี้สงสัยเสร็จอีตาแวมไพร์หื่นแน่


“ไป น้องๆคนที่แคชเชียร์เริ่มเยอะแล้ว ออกปฏิบัติการดาวกระจายได้”
พี่ส้มร้องบอก ปฏิบัติการดาวกระจายที่ว่าคือการถือตัวอย่างหนังสือไปให้ลูกค้าอ่านพร้อมจดออเดอร์หนังสือมาด้วย ลดการเบียดเสียดในบูท ปริมกำลังบรรยายนิยายเกี่ยวกับเรื่องท่านลอร์ดอดีตมืดโศกชนิดที่ต้องหม่นหมองประคองอารมณ์อ่านกันเลยทีเดียว


“น่าสงสารท่านลอร์ดจริงๆนะคะ”
ลูกค้าหล่อนพึมพำ ปริมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ในใจนั้นคิดว่า...จะไปสงสารมันทำไมเรียกร้องความสนใจชัดๆ เดียวนางเอกก็ต้องมาช่วย ต้องทรมานนางเอกให้เจ็บทั้งใจและกาย สุดท้ายก็รักกัน เป็นหล่อนหน่อยละก็ไม่ได้จะจับส่งโรงพยาบาลบ้าเสียให้เข็ด ทายได้เลยว่าลูกค้าคนนี้คงได้ตบจูบกับท่านลอร์ดแน่


“ขอโทษนะครับ พอจะแนะนำหนังสือให้ผมหน่อยได้ไหม”
เสียงแหบๆของผู้ชายดังใกล้ๆ ผู้ชายใส่เสื้อช็อปแบบช่างสีเทามอๆมายืนข้างหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาตัวสูงจนปริมต้องแหงนหน้ามอง เด็กสาวได้กลิ่นสีทาใหม่ๆจากคนยืนใกล้ ผมเขายุ่งและมีฝุ่นสีเทาเกาะ แว่นตาที่ใส่ก็พลอยมีแต่ผงฝุ่นไปด้วย


“ผมจะซื้อไปให้หลานสาวน่ะครับ แกติดเรียนมาไม่ได้”
เขายิ้มเขินๆ หล่อนจึงยื่นตัวอย่างหนังสือให้ดู
“ผมไม่คุ้นกับนิยายประเภทนี้ รบกวนคุณช่วยแนะนำหน่อยครับ”
เขาใช้คำพูดที่เป็นผู้ใหญ่กับหล่อนมาก แสดงว่าคงไม่คุ้นกับนักศึกษาอย่างพวกหล่อน ปริมคะเนว่าเขาคงจะเป็นคนงานในไซต์งานตกแต่งศูนย์ประชุมแห่งนี้แน่ เพราะเห็นตอนที่เดินลงไปศูนย์อาหารว่ามีการปรับปรุงห้องประชุมด้านล่าง


“หลานสาวคุณอายุเท่าไหร่คะ ชอบหนังสือประเภทไหน”
หล่อนถามอย่างอารีปนรู้สึกชอบใจที่เขาเป็นคุณลุงใจดีซื้อหนังสือให้หลานอ่าน อายุและท่าทางของคนตรงหน้าชวนให้ปริมคิดอย่างนั้น
“ยังไม่ถึงยี่สิบครับ แกชอบอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์คุณมาก โดยเฉพาะนิยายรัก”
ยามที่เขาพูดถึงหลานสาวนั้นดวงตาคนพูดมีประกายแวววาว ใบหน้ายิ้มอ่อนโยน


“งั้นเล่มนี้ดีไหมคะ เพิ่งออกใหม่ เล่มนี้ด้วย”
ปริมเปิดตัวอย่างหนังสือให้เขาดูทีละเรื่อง เขาพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยเสียงแหบๆ
“คุณคิดว่าสนุกเหรอครับ”


“ค่ะ”
เด็กสาวตอบจากใจจริง สนุกไม่สนุกแมวเหมียวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาอ่านนิยายพวกนี้
“งั้นผมเอาทั้งหมดที่คุณบอก รับบัตรเครดิตไหมครับ”
เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา ปริมมองเขาตาค้างเรื่องที่หล่อนแนะนำมีสิบกว่าเรื่องจะซื้อทั้งหมดเลยหรือ? ป๋าจริงๆทำไมหล่อนไม่มีญาตินิสัยเจ้าบุญทุ่มแบบนี้บ้างหนอ พี่ปานก็ไม่เคยซื้อของให้ปริมขนาดนี้


“รับบัตรเครดิตไหมครับ หรือว่ารับแต่เงินสด”
คนเสื้อช็อปมอซอถามซ้ำแสดงความเจตนาว่าจะจ่าย


“หนูว่าลุงน่าจะเลือกไปสักสองสามเล่มก่อน ซื้อไปเยอะๆอย่างนี้เกิดหลานลุงไม่ชอบจะเสียดายเงินเปล่า”
เขาเลิกคิ้วแปลกใจกับวาจาของคนขายเช่นหล่อน สรรพนามที่เพิ่มอายุให้อีกอักโข หล่อนนึกเสียดายเงินแทนเขา เรื่องอะไรที่มากเกินไปมันก็เฝือ โดยเฉพาะเรื่องที่ชวนน้ำตาลพุ่งอย่างความรักในนิยาย


“สักสองสามเล่มหลายๆแนว ถ้าชอบก็มาซื้อใหม่ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวัน”
“คุณพูดไม่เหมือนคนขายหนังสือเลย ปรกติเขาจะต้องดีใจไม่ใช่เหรอครับที่ขายหนังสือได้”
มุมที่หล่อนกับเขายืนคุยกันนั้นห่างจากบูทเล็กน้อย ลูกค้าคุยกับพนักงานขายคนอื่นเกือบหมด เขากับหล่อนจึงยืนกันตามลำพัง


“เราไม่อยากแค่ขายหนังสือหรอกค่ะ เราอยากให้คนอ่านมีความสุขด้วย ค่อยๆอ่าน ค่อยๆเลือก หนูว่าน่าจะดีกว่า เกิดหลานลุงไม่ชอบก็จะกลายเป็นว่าหนูแนะนำหนังสือไม่ดีอีก”
“ผมเลือกหนังสือไม่เป็นหรอกครับ โดยเฉพาะนิยายรัก”
คนโดนเรียกว่าลุงสารภาพตรงๆ เสียงแหบๆของเขาฟังแล้วน่าสงสาร


“ถ้าเขาชอบนิยายกำลังภายในหรือเรื่องสืบสวนเหมือนผมก็ดีนะสิ”
ประโยคต่อท้ายของคนตรงหน้าทำเอาปริมตาลุก คนรสนิยมเดียวกันนี่นา ...เด็กสาวจึงคุยกับเขาอย่างออกรสออกชาติเรื่องนิยายที่ทั้งสองชอบ จนพี่ส้มเริ่มเหล่


“งั้นผมเอานิยายที่คุณแนะนำให้ก็แล้วกัน”
เขายืนยันความคิดเดิม ปริมมองหน้าเขาแล้วมองซ้ายมองขวา พี่ส้มหันไปสนใจทางอื่นแล้ว ปริมจึงเริ่มป้องปาก
“ถ้าลุงอยากจะซื้อไปให้หลานจริงๆละก็ หนูจะแนะนำให้”
หล่อนเริ่มเปิดไปยังตัวอย่างหนังสือเล่มที่เห็นว่าเข้าท่า’


“เล่มนี้นางเอกไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วไปเจอคดีฆาตกรรม มีการไล่ล่ากัน เนื้อเรื่องใช้ได้”
มือขาวบางชี้ไปที่รูปย่อปกหนังสือเป็นภาพวาดสถานที่ในต่างประเทศ
“ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องผี มุกก็พอไหว ถึงจะเดาตอนจบง่ายก็เถอะ”


“แล้วเรื่องนี้ล่ะ จอมโจรทะเลทราย เขาติดว่าเบสเซลเลอร์ไม่ใช่เหรอ”
นิ้วมือที่เปื้อนคราบสีของเขาชี้ไปที่ปกนิยายรูปทะเลทรายและผ้าคลุมแบบอาหรับ
“เรื่องนี้นะเหรอ”
ปริมนิ่วหน้า ก่อนจะบอกเสียงเรียบ
“หนูว่ามันเพ้อฝันไปหน่อย นิสัยพระเอกแย่นะคะ เจ้าคิดเจ้าแค้น คิดว่าแค่กำลัง ยศศักดิ์ แล้วเติมคำว่ารักลงไปนิดหน่อยผู้หญิงก็หลงแล้ว ผู้ชายอย่างนี้เร้าใจแค่ตอนหนุ่ม พอแก่แล้วคงไม่แคล้วเป็นตาแก่หัวแข็ง”
คนแต่งตัวมอซอหัวเราะหัวเราะหึๆกับวาจาของคนอ่อนวัย


“คุณมองโลกในแง่ร้ายจัง”
เด็กสาวยักไหล่ไม่ได้ตอบอะไร ลุงที่หล่อนเรียก ซื้อหนังสือไปหลายเล่มเขาจ่ายด้วยบัตรเครดิตแพลทตินัม
“ขอชื่อด้วยค่ะ จะได้เขียนลงในใบสั่งซื้อสินค้า”

“ผมชื่อธีร์ ทอธงสระอี รอเรือการันต์”
เขาสะกดชื่อให้เสร็จสรรพเมื่อเห็นปริมทำท่าจะเขียนชื่อเป็นตัวท.ทหารสระอี
ก่อนกลับลุงชื่อธีร์หันมายิ้มให้ด้วย
“ขอบคุณมากครับ”


เมื่อเลิกงานแล้วปริมกลับบ้านมาอย่างเหนื่อยอ่อน พี่ปานนั่งอยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว พี่ชายกำลังคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งอยู่ สีหน้าเคร่งเครียด
“ผมรู้ ว่าเจ้านายเขาไม่ชอบผม”
ร่างสูงบึกบึนคร้ามแดดของพี่ปานลุกจากโซฟาแทบจะทันทีเมื่อเห็นน้องสาวมาใกล้ ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไป


“ถึงเขาจะกีดกันผมยังไง ผมก็จะพยายามให้เขายอมให้ผมคบกับคุณให้ได้”
โอ๊ะ...โอ ความรักของพี่ชายหล่อนท่าว่าจะมีอุปสรรคชิ้นโต พี่ชายมักบ่นถึงเจ้านายจอมเฮี้ยบอยู่บ่อยครั้ง
เอ...แล้วเรื่องรักของพี่ชายไหงมีเจ้านายมาเกี่ยวข้องกันด้วยละนี่


วันนี้บูทของหล่อนก็มีลูกค้ามากมายอีกตามเคย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายที่มาด้วยก็ยืนรอ นั่งรออยู่ริมกำแพงเหมือนเดิม ในกลุ่มผู้ชายที่นั่งรออยู่นั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง ตัวสูง ผิวขาวใส่เชิ๊ตดำ สวมแว่นใส ผมยาวระต้นคอหวีเรียบไปทางด้านหลัง ร่างสูงที่ยืนอยู่ดูมีรัศมีข่มชาวบ้านนิดๆเห็นผู้ชายอย่างนี้แล้วหล่อนนึกถึงเหล่าบรรดาสารวัตรขี้เก๊กในนิยายสืบสวนสอบสวน เขามองมาที่บูทหล่อนนิ่ง


“หนังสือที่ซื้อไปคราวที่แล้วหลานผมชอบมาก ขอบคุณนะครับ”
เสียงแหบๆเอ่ยอยู่ใกล้ เมื่อปริมเงยหน้าขึ้นดู หนุ่มเชิ๊ตดำกำลังยิ้มให้หล่อนอยู่ ใครกัน? ปริมไม่รู้จัก
“วันนี้ผมคงไม่ได้อุดหนุนนะครับ เพราะจะมาซื้อนิยายกำลังภายในกับคินดะอิจิ”
ปริมจำได้ในทันใด ...เสียงแบบนี้ ลุงคนนั้นนั่นเอง แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดูหนุ่มนักล่ะ คะเนอายุน่าจะประมาณสามสิบ


“อะแฮ่ม!” เสียงพี่ส้มกระแอมอยู่ใกล้ๆไม่รู้ว่าแกมาจากเคาน์เตอร์เมื่อไหร่ ปริมจึงต้องรีบจบการสนทนากับเขาเอาตัวอย่างหนังสือไปให้ลูกค้าคนอื่นดู เรื่องการพูดคุยเล่นหัวกับลูกค้าพี่ส้มไม่ถือ แต่เรื่องสัมพันธ์ชู้สาวนี่ พี่ส้มห้ามเด็ดขาด แม้จะเป็นบูทสำนักพิมพ์นิยายรัก แต่ตอนนี้พี่ส้มบอกให้รักเงินของลูกค้าไว้ก่อน


“นี่ปริม ผู้ชายเชิ๊ตดำที่คุยกันกับแกเมื่อครู่นี้ใครเหรอ”
แมวเหมียวถามเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน แววตาเพื่อนเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเวลากำลังอ่านนิยายรัก
“แค่ลูกค้าน่ะ”


“ไม่หรอกปริม ฉันเห็นนะว่าผู้ชายคนนั้นน่ะจ้องแกอยู่ตั้งนานแล้วนะ”
แมวเหมียวค้าน
“ไม่หรอกแก เดี๋ยวก็คงเหมือนทุกคนนั่นแหละ”
ปริมหมายถึงผู้ชายที่เข้ามาจีบแล้วรับไม่ได้กับนิสัยประหลาดๆของหล่อน


“แต่ฉันว่าสายตาเขาเวลามองดูแกมันร้อนแรงยังไงพิกลนะ”
เพื่อนยังแสดงความเห็นไม่เลิก พยายามลากเข้านิยายรักโรแมนซ์จนได้
“จะไม่ร้อนยังไงไหวก็ในบูทน่ะลูกค้าเบียดกันจะตาย ไหนจะต้องทำยุทธศาสตร์ดาวกระจายอีก”
ปริมประชด แมวเหมียวได้แต่หัวเราะคิกคัก


ขากลับจากมื้อกลางวันแมวเขียวขอไปดูหนังสือการ์ตูนตาหวานออกใหม่ หล่อนจึงต้องเดินกลับบูทคนเดียว ยังมีเวลาเหลือในการพักกลางวันอีกยี่สิบหน้าที เด็กสาวจึงเร่ไปดูที่บูทสำนักพิมพ์เรื่องสืบสวนสอบสวน มีซีรี่ย์คินดะอิจิออกใหม่อีกแล้ว ราคาก็อักโขอยู่


หนังสือพวกนี้เหมือนมีมนต์ขลัง ถ้าได้อ่านแล้วแม้เพียงหนึ่งหน้าก็ต้องอ่านให้หมด มิฉะนั้นจะคลั่งอยากรู้ตอนจบที่ยากจะคาดเดา การที่ใครมากระซิบบอกตอนจบนั้นถือว่าเป็นความผิดมหันต์ นี่คือเสน่ห์ของนิยายสอบสวน ลองลิ้มรสตัวอักษรสักครั้งแล้วจะติดใจ หนังสือต้องห้ามที่ต้องอ่านให้จบภายในคราวเดียว


ปริมล้วงกระเป๋าสตางค์ในกางเกงขึ้นมาดู มีเงินอยู่ไม่กี่ร้อย ไม่พอที่จะซื้อซีรี่ส์นี้ครบชุด คงต้องรออ้อนกึ่งบังคับพี่ปานเสียแล้ว
“ถ้าเป็นเป็นชุดคินดะอิจิน่ะผมซื้อแล้วนะ หนังสือเพิ่งได้วันนี้”
เสียงแหบดังขึ้นใกล้ ผู้ชายเชิ๊ตดำยืนยิ้มอยู่ข้างๆมือของเขาถือถุงหนังสืออยู่
“ผมได้มันมาแล้วละครับ แต่คงยังไม่มีเวลาอ่าน”


ปริมไม่เคยนึกขอบคุณลักษณะที่สะดุดตาของตัวเองเท่าวันนี้มาก่อนเลย วันที่หล่อนได้หนังสือมาอ่านฟรีๆแม้จะติดด้วยคำว่าให้ยืม และเจือด้วยความพิศวาสเสน่หาอะไรเถือกนั้นก็ตามเถอะ แต่ปริมได้มาแล้ว เด็กสาวอ่านทุกเล่มจนจบภายในคืนเดียว วันต่อมาแม้จะตาโหลไปทำงานก็ไม่นึกเสียใจ ปริมเอาหนังสือมาคืนเขาแล้ว คนชื่อธีร์บอกว่าเขามาคุมงานก่อสร้างที่ห้องด้านล่างของศูนย์ประชุมแห่งนี้


ประมาณช่วงก่อนเที่ยงลูกค้ากำลังเยอะ คนเต็มบูทจนพี่ส้มให้ใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายกันเร็วกว่าทุกวัน หลังจากเด็กสาวแนะนำหนังสือ ’รักสุดท้ายของท่านลอร์ด’ให้ลูกค้าสาวแว่นกลุ่มหนึ่งแล้ว อดีตลุงที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหน้าตาดีก็มายืนใกล้หล่อนอีกครา


“สนุกไหม คินดะอิจิน่ะ”
ปริมมองซ้ายมองขวากลัวพี่ส้มจะอยู่แถวนี้ โล่งอก...แกกำลังเม้าท์อยู่กับกลุ่มคุณป้าแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดกลุ่มหนึ่ง
“สนุกคะ สุดยอด ฆาตกรคิดได้ยังไง ที่เหนือกว่านั้นก็อีตาคินดะอิจินี่แหละ"
หล่อนเล่าตาเป็นประกาย เขายิ้มให้


“หนูอ่านจนจบทุกเล่มเลยค่ะ วันนี้เดี๋ยวหนูเอามาคืน”
แม้จะรู้ว่าอายุเขาไม่ใช่ลุงอย่างที่คิด แต่สรรพนามปริมก็ยังไม่เปลี่ยน ท่าทางเขาดูน่าเกรงขาม มีอำนาจ เหมือนเป็นอาจารย์หรือไม่ก็เจ้านายคน ยิ่งอุตส่าห์ให้หล่อนยืมหนังสือก็ต้องยกย่องเอาใจหน่อย


“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบร้อนเรายังมีเวลาตั้งเยอะ”
เสียงแหบๆของเขานั้นห้าวลึกพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ


“ปริม”
“อาธีร์คะ”
เสียงแรกเป็นพี่ชายหล่อน ทำเอาปริมรีบหันไปดู พี่ปานเดินควงแขนมากับสาวสวยที่อายุน่าจะมากกว่าหล่อนประมาณปีสองปี เจ้าของเสียงหวานเรียกคนตัวสูงที่ยืนข้างหล่อน เด็กสาวคุ้นๆกับหน้าของผู้หญิงคนนี้นัก


“ปริม เจ้านาย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
พี่ปานเสียงสั่น สีหน้าเข้มขึ้นกะทันหัน ปริมอ้าปากเหวอมองดูเขาสลับกับพี่ชาย เจ้านาย ลูกน้อง? จำได้แล้วผู้หญิงคนนี้ ...ผู้หญิงที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของพี่ชาย


“ไหน เจ้านายบอกว่าอยู่ภูเก็ตไง”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เลยมาคุมงานที่นี่”
อดีตลุงในความคิดของปริมดึงร่างหล่อนให้มายืนเคียงข้าง
“เลยมาเจออะไรดีๆนะปริม”
เขาว่าพลางหัวเราะหึๆตาเป็นประกายระยิบระยับ


“อย่ายุ่งกับน้องสาวผมนะเจ้านาย”
พี่ชายตวาดลั่น ขณะที่คนรอบข้างเริ่มตีวงไปยืนดูกันอยู่ห่างๆ

“นายก็เลิกยุ่งกับหลานสาวฉันก่อนสิ”
“ไม่นะคะอาธีร์”
สาวสวยที่มากับพี่ปานแทรกขึ้น
“หนูกับพี่ปานรักกันค่ะ อาธีร์อย่ามาขวาง”

“งั้นเหรอ ปริม คุณคิดว่ายังไงกับรักต่างวัย” เขาโคลงศรีษะไปมา
“ปาน น้องสาวนายนี่น่ารักกว่าที่คิดนะ
แล้วหันมาทางปริมทั้งๆที่หน้าเด็กสาวยังเอ๋ออยู่
“ ผมมาซื้อหนังสือที่นี่ สงสัยไม่ได้จ่ายแค่เงิน หัวใจก็จ่ายไปด้วย”
วาจาของเขานั้นชวนอึ้งยิ่งกว่า สำนวนจีบสาว‘ลุง’ ที่สุดตั้งแต่ปริมมีผู้ชายมาจีบ


“น้ำเน่าได้อารมณ์มากค่ะอาธีร์ขา”
แมวเหมียวกรี๊ดกร๊าด รีบวิ่งเขามาเกาะแขนปริมทันที รู้สึกถึงเค้าลางแห่งความวุ่นวายจากความรัก

“พล็อตนิยายตบจูบแก้แค้น เขาแค้นพี่ปานก็เลยมาจีบแก ฉันบอกแล้วในโลกแห่งความรักอะไรกันก็เกิดขึ้นได้ บุพเพสันนิวาสน่ะมันทำงานตลอดเวลา”
ปริมปากสั่นหน้าชักจะร้อนๆขึ้นมากะทันหัน นี่มันอะไรกัน...


“อะแฮ่ม”
พี่ส้มกระแอมเสียงดัง แล้วยิ้มเย็น อันเป็นสัญลักษณ์ว่าจัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อยแล้วขอคำอธิบายหลังบูทด้วย ปริมกับแมวเหมียวหน้าม่อยลงทันใด รู้ถึงชะตากรรมว่าโดนดุแน่ๆ


“ขอโทษด้วยครับที่รบกวน แต่ผมกำลังคุยกับปริมเรื่องจะสั่งหนังสือล็อตใหญ่สักห้าสิบเล่ม”
ธีร์บอกพี่ส้มเสียงเรียบ พี่ส้มตาโตเตรียมจะรี่เข้ามาหาเขา
“ผมก็จะสั่งเหมือนกันเอาร้อยเล่ม แต่ขอให้ยัยปริมลาออกจากงาน แล้วกลับบ้าน”
พี่ปานเกทับและย่างเท้าจะมาดึงมือน้องสาวไปแต่ธีร์กันไว้เสียก่อน


“เจ้าตัวเขาไม่เต็มใจจะลาออกนะปาน”
“แต่นั่นน้องสาวผมนะ”
พี่ชายเถียง
“ที่ยืนอยู่นั่นก็หลานสาวฉันเหมือนกันนั่นแหละ”
อีกฝ่ายก็ไม่ลดละเช่นกัน


“เจ้านายอย่าใช้วิธีนี้เลย ถึงไม่ชอบที่ผมคบกับหลานเจ้านาย ก็อย่ามาลงกับน้องสาวผมสิ”
พี่ปานกัดฟันกรอด
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น” หนุ่มเชิ๊ตดำยักไหล่
“แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว น้องสาวนายน่ารักดี ฉันขอสมัครเป็นน้องเขยนายก็แล้วกัน”
แมวเหมียวกรี๊ดลั่นกับฉากเด็ด ก่อนที่ธีร์จะดึงแขนปริมไป


“ขอยืมตัวสักประเดี๋ยวนะครับ เรื่องหนังสือผมจะให้เลขามาจัดการ”
เขาลากหล่อนลิ่วๆไปท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่ปาน

“ลุง เอ๊ย!คุณจะทำอะไรน่ะ”
ปากปริมก็ถามไปแต่ในใจกลับนึกถึงนิยายตบจูบแก้แค้นอะไรเถือกๆนั้นแบบที่เพื่อนชอบ เขายังจับมือบางไว้ไม่ปล่อย ร่างสูงกดโทรศัพท์มือถือหาใครสักคน พูดอะไรสองสามคำแล้วก็ตัดสาย


“ผมขอความร่วมมือคุณหน่อย”
เขายอมปล่อยมือพร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ปริมสงบปากสงบคำกะทันหัน สรรพนามที่เรียกก็เปลี่ยนไปด้วย ยังไงเขาก็เป็นเจ้านายของพี่ปาน เกิดเฮี้ยนจนไล่พี่ปานออก หล่อนก็อดไถเงินพี่ชายกันพอดี

“เรื่องหลานสาวผมกับพี่ชายคุณ”
“เขารักกันนี่ ไม่น่ามีปัญหา”
ปริมออกความเห็น ดวงตาหลังแว่นนั้นวาววับไม่พอใจอย่างชัดเจน
“มันเร็วไป หลานผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย”


“นี่คุณอายุเท่าไหร่กันแน่ หลานคุณหนูว่าเป็นรุ่นพี่หนูซะละมั้ง”
เขาไม่ตอบได้แต่กอดอก

“เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหมคะ เดี๋ยวหนูจะไปทำงานต่อแล้ว”
ปริมเตรียมชิ่ง ไร้สาระกันเสียจริง เรื่องพวกนี้ไปพูดกับพี่ชายหล่อนสิ หล่อนไม่เกี่ยว สถานการณ์อย่างนี้กลับไปต้องโดนพี่ส้มเฉ่งแน่ๆ


“เดี๋ยวก่อนสิครับ นั่นน่ะยังไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะพูดเสียหน่อย”
เด็กสาวชะงักมองหน้าเขา สายตาแป๋วแหว๋วของหล่อนทำเอาเขาอึดอัดก่อนที่จะเอ่ย
“เขาว่ากันว่ารักแท้ต้องมีอุปสรรค เรามาเป็นอุปสรรคให้เขากันเถอะ คุณช่วยคบกับผมหน่อยนะ”
หล่อนตาเหลือกมองเขาเหมือนเห็นผี ตั้งแต่เคยโดนผู้ชายจีบมาเขานี่แหละเป็นรายแรกที่มาแบบฮาร์ดคอร์มาก


“แค่แกล้ง คอยดูพฤติกรรมของทั้งสองคนไว้ คุณคงไม่อยากเห็นพี่ชายเสียใจ ผมก็ไม่อยากเห็นหลานผมเสียใจเหมือนกัน”
พอพูดถึงหลานสาวสีหน้าเขาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่...


“หนูขอปฏิเสธค่ะ”
ปริมยืนยันหนักแน่น เรื่องอะไรจะต้องไปแสดงละครเป็นคู่รักอันน่าวี้ดวิ้วด้วยล่ะ
“แค่หลอกๆ มันก็เหมือนการวางแผนฆาตกรรมในนิยายสืบสวนนั่นแหละ ต้องมีสถานการณ์คับขันคนเราจึงจะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา”
“แต่พี่ปานเป็นคนดีนะ”
หล่อนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาริ้วๆที่เขาพูดมาเหมือนพี่ชายเลวเสียเหลือเกิน


“หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
คราวนี้คนตัวสูงตรงหน้าหล่อนใช้สำนวนนิยายกำลังภายในมาเชียว
“ถ้าพี่ชายคุณดีจริงล่ะก็ คบกับผม เราจะได้เห็นด้วยกันว่าสถานการณ์คับขันเขาจะแสดงธาตุแท้ตัวเองออกมายังไง”
เสียงนั้นแม้จะแหบแต่ปริมสัมผัสได้ถึงความรื่นเริง ขณะที่หล่อนนิ่วหน้ากับคำสบประมาทพี่ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“มันน่าจะมีวิธีอื่น”
แต่กระนั้นปริมก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี ใครมันจะไปยอมล่ะ ต้องคบกับผู้ชายที่เป็นเจ้านายของพี่ชายด้วยเหตุผลพิลึกกึกกือ

“งั้นเดี๋ยวเราค่อยคิดกันใหม่ แต่ตอนนี้เราต้องคบเป็นแฟนกันก่อน”
“ไม่เอา”
“ว้า! แม้แต่น้องสาวอย่างคุณก็ยังไม่เชื่อใจพี่ชายตัวเอง แสดงว่านายปานแย่มาก”
อีกแล้วเขาสบประมาทพี่ชายหล่อนอีกแล้ว


“หนูจะเชื่อใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลย อย่างเมื่อกี้นี้ ...ที่คุณพูดอะไรแปลกๆ”
อะไรที่เลี่ยนๆลุงๆตามที่ปริมคิด ประโยคนี้เจืออาการเหน็บคำพูดเชยๆของเขาอยู่หน่อยๆ


“วางใจได้ครับ ผมก็มีรสนิยมของผมเองเหมือนกัน”
ร้อยยิ้มพร้อมกับเสียงแหบๆนั้นทำเอาปริมหงุดหงิด รู้ตัวอยู่ว่าจัดอยู่ในจำพวกสาวน่ารัก คงไม่ถูกใจคนอายุลุงๆอย่างเขาหรอก
“ตกลงนะครับ สินบนก็เป็นหนังสือที่ผมให้ยืมนั่นแหละ เดี๋ยวผมจะซื้อใหม่อีกชุด”
ปริมถึงบางอ้อ ในความใจดีของเขา


“อีกอย่างนะครับปริม”
คนตัวสูงเชิ๊ตดำยื่นหน้ามาใกล้
“ผมไม่ใช่ลุง อายุผมแค่สามสิบสาม อย่าเรียกอย่างนั้นอีก ผมรู้สึกไม่มั่นใจเลยกับการมีแฟนอายุน้อยกว่ามากๆ”
แววตาหลังแว่นเขาไม่ใช่การตัดพ้อ แต่กลับระยิบระยับค้านกับคำว่า’ไม่มั่นใจ’ที่เจ้าตัวพูด

“ก่อนอื่นกฎข้อแรกของการเป็นแฟนกัน ก็คือไปเดท คุณอยากได้หนังสือชุดนักสืบปัวโรไหม?”
คนอายุมากกว่าเริ่มหลอกล่อ
“แต่หนูต้องทำงาน”
ปริมเลี่ยง


“ไม่เป็นไรสักยี่สิบนาที ผมโทรหาเลขาแล้ว ป่านนี้เลขาของผมคงกำลังติดต่อเรื่องซื้อหนังสืออยู่ ถ้าผู้จัดการบูทคุณดุ เดี๋ยวผมซื้อหนังสือเพิ่มอีกสักร้อยเล่มในบูทคุณ ทำยอดหนังสือให้”


“คุณนี่เจ้าบุญทุ่มเหลือเกินนะ ทุ่มหาวิธีแยกพี่ชายฉันกับหลานสาวคุณขนาดนั้น”
เขาช่างมีนิสัยป๋าจริงๆ จ่ายหนักแบบไม่กลัวขนหน้าแข้งร่วง
“เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องทุ่มเทกับมัน ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”


“สรุปแล้ว หนูเป็นตัวประกันใช่ไหมคะนี่?”
ปริมสรุปเนื้อเรื่องอย่างปลงๆ คนไม่ชอบนิยายรักอย่างหล่อน ไหงวันนี้เจอเรื่องน้ำเน่ายุงชุมเสียได้


“เปล่าเสียหน่อย”
เขายิ้มบางๆ
“เราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันต่างหาก ให้ชีวิตรักของพี่ชายคุณกับหลานสาวผมมีอุปสรรค จะได้รู้ยังไงล่ะ ว่าเขาคู่ควรกับหลานสาวผมหรือเปล่า ผมน่ะเป็นคนดีจะตาย ยอดคุณอาเชียวนะ”
ปริมมองหน้าเขานิ่งแล้วนึกในใจ


นี่ถ้าเล่าให้แมวเหมียวฟัง
สาวกนิยายขนานแท้คงกรี๊ดสลบ
พล็อตเรื่องรักต่างวัยบวกแก้แค้น วางแผนฆาตกรรมเอ๊ย!ไม่ใช่
แต่อย่างหนึ่งที่ปริมรู้สึกขึ้นมาตงิดๆ

ชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยาย...หล่อนหมายถึงอาจจะประหลาดกว่า
ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้เจ้ามือซื้อนิยายรายใหม่แล้วนอกจากพี่ปาน


+++++++++++++++++FIN++++++++++++++++++




 

Create Date : 14 เมษายน 2552
7 comments
Last Update : 14 เมษายน 2552 15:51:48 น.
Counter : 527 Pageviews.

 

มาอ่านอีกรอบค่ะ


ดีจังที่คุณจโกระเอานิยายเรื่องสั้น

มารวมไว้ในที่เดียวอย่างนี้

เวลาอยากอ่านจะได้ย้อนมาอ่านได้ง่ายๆ

และบ่อยๆ เมื่อไหร่จะออกหนังสือรวมเรื่องสั้นคะเนี่ย

 

โดย: cruduslife 14 เมษายน 2552 19:03:23 น.  

 

ตามมาอ่านค่ะ
ถ้าออกเป็นเล่มเมื่อไร อย่าลืมบอกกันนะคะ
จะรีบตามไปซื้อเลย

 

โดย: maybe IP: 202.28.180.202 14 เมษายน 2552 20:35:07 น.  

 

สวัสดีค่ะ ตามมาจาก เวปเลิฟ ชอบเรื่องสั้นของคุณจโกระมากเลย แต่เรื่องนี้แอบใส่อารมณ์ส่วนตัวรึเปล่าคะ

 

โดย: meg IP: 125.26.4.142 15 เมษายน 2552 0:17:12 น.  

 



คุณ: cruduslife +คุณ:maybe
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ส่วนเรื่องรวมเล่มเรื่องสั้นนั้น ตอนนี้กำลังทำต้นฉบับอยู่ค่ะ


คุณ: meg แม่นแล้วค่ะ หนังสือที่นางเอกชอบอ่านก็คือหนังสือที่อิฉันชอบนั่นแหละค่ะ เขียนออกแนวประชดประชันแนวฮาๆค่ะ อยากให้นางเอกนิสัยเถื่อนตรงข้ามกับหน้า

 

โดย: จโกระ&ลาชา 15 เมษายน 2552 14:51:38 น.  

 

ชอบเรื่องสั้นของคุณ จโกระ ทุกเรื่องเลยค่ะ มันน่ารักหวานแบบไม่เลี่ยนดี

 

โดย: หนอนชาแดง IP: 58.8.126.210 16 เมษายน 2552 0:32:08 น.  

 

น่ารักค่ะ ...

ว่าแล้วเชียว นางเอกเนี่ย คุณจโกระตัวจริง 555+

 

โดย: wa-ne IP: 76.213.236.2 1 พฤษภาคม 2552 2:05:39 น.  

 

น่ารักมาก...ก..ก

 

โดย: lemonproblem IP: 161.200.255.162 6 พฤษภาคม 2552 13:46:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.