หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
13 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Bit of these, bit of those but almost romance.(เรื่องสั้น3ตอนจบ)...01


หล่อนเกลียดนิยายรัก!
ประเภทบทบรรยายที่ว่า นางเอกร่างบาง พระเอกอกแกร่ง แก้มนวล ริมฝีปากหวาน ดวงตาคมกล้า

...ซึ่งในชีวิตจริงหาคนลักษณะนี้แทบไม่ได้ หากจะมี เขาคงตกเป็นของคนอื่น ไม่มาเดินถนนให้คนแถวนี้เก็บได้หรอก

“นิยายรักคือของหวาน เป็นยาชูกำลังใจให้ผู้คน ใครๆ ก็ชอบรสหวานจริงไหมคะ”
น้าสาวหล่อน ...สาวใหญ่วัยสี่สิบหน้าแฉล้ม บก.สำนักพิมพ์นิยายรักขายดีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย กำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหนังสือบันเทิงรายหนึ่ง

“แล้วคิดอย่างไรคะ ที่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราบอกว่า นิยายพวกนี้เน้นแต่ฉากเซ็กส์ ไม่ต่างจากหนังสือปกขาว”
คนสัมภาษณ์ยิงคำถามตรงประเด็น เล่นเอาหล่อนที่เอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟแอบยิ้มเพราะเห็นด้วย

“ตายจริง ยุคน้องยังทันหนังสือปกขาวด้วยเหรอคะเนี่ย”
น้าสาวยิ้มละไม แต่ว่าวาจาที่เอ่ยออกไปกลับจิกเล็กๆ

“เรื่องนี้มันมองได้หลายมุมค่ะ เหมือนกับเรื่องกากีนั่นแหละ”
คนพูดเว้นจังหวะสักครู่เพื่อดูปฏิกิริยาคนฟัง เมื่อเห็นแต่อาการนิ่วหน้าสงสัย จึงเริ่มร่ายต่อ
“เรื่องกากีเป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่อง เป็นสมบัติของชาติ ถ้าถอดเนื้อความออกจริงๆ แล้วล่ะก็มันก็แค่เรื่องของหญิงชั่วกับชายชู้”

“แต่ภาษาเรื่องนี้สวยเป็นบทกวีนะคะ”
นักข่าวค้านเพราะนึกตะหงิดในใจกับตรรกะแปลกๆ ของคนถูกสัมภาษณ์

“แหม...แต่คุณน้องคะ ประเด็นน่ะมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากร้อยกรองเป็นร้อยแก้ว ถ้านักเขียนของพี่บรรยายเป็น
* ‘บันดาลพลาหกเทวบุตร ก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการ สะท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์
สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น คงคาลั่นเป็นระลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน ก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย’”

คนฟังอ้าปากค้างเพราะไม่เคยเจอบก.ที่ไหนท่องเป็นกลอนแบบนี้ ขณะที่หล่อนนึกในใจว่าน่าจะตบด้วยเสียงระนาด ...เตร่งเตร๊ง จะได้ครบสูตร

“ถ้านักเขียน เขียนอย่างนี้ คนอ่านคงจะเขวี้ยงหนังสือพี่ลงกับพื้นแน่ๆ”
ว่าแล้วน้าสาวก็ค้อนประหลับประเหลือก
“น้องต้องเข้าใจนะคะ ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร พี่ให้นักเขียนสำนักพิมพ์พี่เขียนบรรยายอย่างงดงามสละสลวย”

“แต่ว่า...”
ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคน้าสาวบก.ของหล่อนก็ใส่ต่อ
“มันเป็นนิยายรักนะคะ แต่วางใจได้เลยค่ะพระเอกกับนางเอกของสำนักพิมพ์พี่สุดท้ายก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมายทุกคู่ อาจจะมีการฉุด ข่มขู่บ้างเล็กน้อย ขโมยจูบนี่ซีนบังคับ แต่ไม่มีการข่มขืนหยาบคายกับนางเอกค่ะ”

หล่อนเปิดประตูออกไปนอกห้องน้าสาว ใจนึกสงสารนักข่าวคนนี้ว่าคงจะโดนกล่อมให้เข้าลัทธินิยายรักในไม่ช้า น้าสาวหล่อนเก่งเชียวล่ะในเรื่องสาธยายคุณความดีของพระเอกนิยายที่ไม่มีอยู่ในชีวิตจริง

“พี่ๆ มาดูนี่เร็ว”
เด็กฝึกงานในชุดนักศึกษากวักมือเรียกหยอยๆ ชวนมาอ่านบล็อกนิยายในอินเตอร์เน็ต

“นี่ๆ เรื่องนี้พระเอกไซต์ XXL”
“อะไรไซต์กางเกงในเหรอ”
หล่อนเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กรุ่นน้อง

“ไม่ใช่พี่ ไอ้ที่ใส่ในกางเกงต่างหาก”
คนคลิกเม้าท์อยู่หัวเราะคิกคัก
“ทะลึ่งแล้วแก เป็นเด็กเป็นเล็ก อ่านนิยายแบบนี้เดี๋ยวก็ใจแตก”
เด็กหลบศีรษะวูบเมื่อหล่อนยกมือแกล้งจะเขกกะโหลก

“โธ่เอ๊ยพี่! พวกหนูยี่สิบกว่าแล้ว รุ่นนี้ใจไม่แตกแล้ว มีแต่จะไปทำผู้ชายให้ตบะแตกแทน”
เสียงหัวเราะลูกคู่รับกันเกรียวกราวเลยทีนี้

“เออพี่ อย่าลืมเอาไฟล์ต้นฉบับที่ส่งมาพิจารณาไปอ่านด้วยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องมาแชร์กันว่าเรื่องไหนน่าสนใจ”
หนึ่งในกลุ่มเด็กฝึกงานบอกขณะที่หล่อนหยิบกุญแจรถจากโต๊ะทำงาน อันเป็นสัญญาณว่าจะกลับบ้านแล้ว

“แกอ่านไปเหอะ ถ้าชอบเรื่องไหนก็มาบอกฉันละกัน ขืนฉันอ่านเองล่ะก็ไม่ไหวว่ะ พาลจะตาลายเวียนหัว มันเลี่ยน”
ไม่ได้ดัดจริตหรือโกหกสักคำนะนั่นที่พูดออกไป

นี่ถ้าไม่อยู่ในช่วงหางาน เพราะใบสมัครที่หว่านไปแถวโรงงานมาบตาพุดเป็นหมันด้วยข่าวสารพิษรั่ว จ้างให้วิศวกรสุดห้าวอย่างหล่อนก็ไม่มาเป็นกองบก.ในสำนักพิมพ์นิยายของน้าสาวหรอก


“ที่รักจ๊ะ ผมกลับมาแล้วจ้ะ”
หนุ่มใหญ่รูปหล่อ ใส่แว่น ผมเรียบแปล้ ในสูทสีดำมาดนักธุรกิจอย่างหรู ร้องเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามา

“ที่รักคะ คิดถึงจังเลย คิดถึงคุณทั้งวันเลย”
สาวสวยรุ่นใหญ่ในชุดลายดอกไม้ วิ่งมากอดหนุ่มคนนั้น
“คิดถึ้ง...คิดถึง”

“อะแฮ่ม...พ่อกับแม่คะก่อนจะจูบกันน่ะปิดประตูบ้านเสียหน่อยก็ดีนะ”
ต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้หล่อนเกลียดนิยายรักทั้งสองหันมายิ้มแหยๆ หลังจากจูบแรกผ่านไป

“พ่อขอโทษนะลูก ก็แม่ของลูกน่ะสวยจนพ่ออดใจไม่ไหว”
วาจาพ่อทำให้หล่อนเบ้หน้า ขณะที่ ‘คนสวย’ ที่กล่าวถึงก็ทุบอกคนที่กอดอยู่เบาๆ
“บ้า คุณนี่พูดจาอะไรก็ไม่รู้ อายลูกมั่ง เราแก่แล้วนะคะ”

“อะไรกัน ผมไม่เห็นว่าคุณจะแก่เลย คุณน่ะสวยเสมอ...”
หล่อนต้องรีบเลี่ยงไปก่อนที่จะโดนไอความหวานจากคู่รักวัยดึกเคลือบตัว


“จ๋า...จ้ะ ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่ไปรับนะ”
ผู้ชายอีกคนตัวสูงรูปหล่อ ผิวขาวจัด เดินคุยโทรศัพท์ผ่านหน้าหล่อนไป

“พี่ไม่นอกใจหรอก เราต่างหากล่ะ อย่าไปมองผู้ชายแปลกหน้ามากนักล่ะ เดี๋ยวเขาเข้าใจผิดแล้วมาจีบ ถึงตอนนั้นแล้วล่ะก็พี่จะลงโทษเสียให้เข็ด”
คนพูดเข่นเขี้ยวแววตากรุ้มกริ่มก่อนจะรีบออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ


“วันนี้คุณพ่อไม่ให้ไปเที่ยวกับพี่เหรอ แค่ไปดูหนังเนี่ยนะ”
เสียงห้าวที่ฟังกี่ครั้งก็เหมือนตะคอก แต่เจ้าตัวยืนยันว่านี่เป็นเสียงพูดคุยปรกติตะโกนใส่โทรศัพท์

“อะไรนะ! คุณพ่อป่วยวันนี้ด้วยเหรอ”
หล่อนพอจะเดาใบหน้าภายใต้หนวดเคราเฟิ้ม ลักษณะมหาโจรของเจ้าของเสียงได้ว่า กำลังโกรธเพียงใด

“ได้ๆ งั้นบอกคุณพ่อน้องนะว่าคืนนี้ระวังหน้าต่างประตูไว้ให้ดี บางทีตื่นมาแล้วลูกสาวอาจจะหาย เพราะพี่จะไปฉุด”

ปลายสายโทรศัพท์ร้องกรี๊ดดังมาแว่วๆ ไม่รู้กรี๊ดตกใจหรือกรี๊ดดีใจกันแน่ที่พี่ชายหน้ามหาโจร พระเอกนิยายแนวตบจูบจะไปหา และแล้วหนุ่มทั้งสองก็ออกไปจากบ้านทั้งคู่

การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอะไรที่มากเกินไปมักให้ผลร้ายอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นความหวานของความรัก ตั้งแต่จำความได้หล่อนเห็นพ่อกับแม่หวานกันตลอด ตั้งแต่ผิวยังเต่งตึงหนุ่มสาว จนผิวหย่อนคล้อยย่างเข้าสู่วัยกลางคน คำว่ารักลอยวนปะปนอยู่ในอากาศรอบบ้าน

พ่อกับแม่คุยกันได้เพียงคู่ก็จูบกันเสียแล้ว ยิ่งพี่ชายสองคนยิ่งแล้วใหญ่ มีแฟนก็ทั้งรักทั้งหวงแฟนจนน่ารำคาญ ทำตัวเหมือนพระเอกในนิยายของสำนักพิมพ์น้าสาวเปี๊ยบ รอบตัวหล่อนมีแต่คำว่ารักและความหวานจนเลี่ยน

ยิ่งจำต้องมาทำงานกับน้าสาวในการอ่านนิยายเป็นสิบๆ เรื่อง ฉากประเภทลิ้นชอนไช ขาเกี่ยวกระหวัดจึงหลอนอยู่ในหัว ...คิดว่าเรื่องความรักของคนในครอบครัวตนเองเลี่ยนแล้ว กลับต้องมาเจอพฤติกรรมของพระเอกนางเอกในนิยายที่ยิ่งเลี่ยนกว่า ต่อมเกลียดนิยายรักของหล่อนจึงเริ่มทำงานมาจนถึงเดี๋ยวนี้


“พี่ๆ รู้หรือยังว่าคุณชมพูรำเพยเขาจะส่งต้นฉบับให้เรา”
เด็กฝึกงานรีบเล่าทันทีเมื่อหล่อนมาถึงโต๊ะทำงาน
“ใครน่ะ คุณชมพูรำเพย”

“โหย...พี่ สมเป็นเด็กเส้นหลานบก.จริงๆ ที่เขานินทาว่าพี่เกลียดเรื่องรักทั้งๆ ที่หน้าตาสวยนั่นเรื่องจริงไม่อิงนิยายใช่ไหมเนี่ย”
หล่อนไม่ตอบ มือสาละวนกับการเปิดคอมพิวเตอร์

“ก็คุณชมพูรำเพยนักเขียนนิยายโรแมนซ์ไง นักเขียนผู้ลึกลับ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับใครมาก่อน”
คนเล่าตาลอยเคลิ้มฝัน
“นิยายของเขาสนุกทุกเรื่องนะพี่ โดยเฉพาะฉากพวกนั้น”

“เพ้อมากไปแล้วแก ฉากพวกนั้นมันก็มีแต่เข้าๆ ออกๆ มันจะสนุกได้ไง”
หล่อนพูดแบบไม่คิดอะไรกับวิชาเพศศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่เหล่าคนฟังกลับหน้าแดงเสียเอง

“บ้า...พี่นี่พูดอะไรก็ไม่รู้ลามก!”
เด็กฝึกงานทั้งหลายอายม้วนต้วนยืนบิดมือไปมา

“พอๆ ไปทำงานได้แล้วไป เช็คเมล์แล้วก็ก็อปปี้นิยายที่ส่งมาพิจารณาลงแฮนดี้ไดร์ฟด้วย จะได้ช่วยกันอ่าน”
หล่อนโบกมือไล่ เด็กฝึกงานจึงวิ่งปรู๊ดไปทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว

จนถึงช่วงบ่ายน้าสาวเรียกประชุมคนในกองบก.และแจ้งข่าวบางอย่าง
“มีข่าวดีมาบอกนะจ๊ะ คุณชมพูรำเพยตกลงแล้วที่จะส่งต้นฉบับเรื่องใหม่ให้เรา”
เสียงฮือฮาดังขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษาฝึกงานหน้าบานกันเป็นแถบๆ

“แล้วต้นฉบับมาแล้วหรือยังคะพี่”
“เรียบร้อยแล้ว นอนอุ่นอยู่ในคอมพ์พี่เอง”
เสียงกรี๊ดดังขึ้นเป็นคำรบที่สอง

“แล้วเขาจะเข้ามาสำนักพิมพ์เราไหมคะพี่ หนูอยากเจอตัวจริง อยากขอลายเซ็น”
“เขาบอกว่าจะเข้ามาจ้ะ” น้าสาวอมยิ้มแปลกๆ “จะเข้ามาเร็วนี้ๆ”


“ถามจริง คุณชมพูรำเพยที่ว่านั่นดังมากเลยเหรอ”
หล่อนอดที่จะหาคำตอบไม่ได้เมื่อเวลาพักกลางวันมาถึง เพราะดูเหมือนทั้งสำนักพิมพ์ตื่นเต้นเรื่องนี้เสียเหลือเกิน

“ดังสิพี่ แต่นิยายของเขาไม่ได้ทำเป็นละครเท่านั้นเอง เพราะบทเลิฟซีนมันร้อนแรง”
“ใช่ๆ” เด็กฝึกงานหลายคนรับเป็นลูกคู่ หล่อนและเด็กฝึกงานมากินข้าวแกงที่ร้านประจำข้างออฟฟิศ

“แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ บทเศร้าๆ ก็กินขาด ยิ่งตอนบรรยายตอนพระเอกอกหักนี่เล่นเอาน้ำตาซึม”

“จริงด้วย ยิ่งเรื่องอดีตฝันวันวาน ฉากที่นางเอกปฏิเสธรักพระเอกน่ะ หลอกให้พระเอกไปรอเก้อตั้งสามชั่วโมง”
คนได้ฟังอย่างหล่อนส่ายศีรษะระอา เพราะพล็อตน้ำเน่าแบบนี้อ่านมาไม่รู้กี่รอบแล้ว

“ตอนอ่านนะ หนูล่ะเกลียดนางเอกจัง แล้วก็สมน้ำหน้าที่โดนพระเอกแก้แค้นเอาคืน ตอนมาเป็นเจ้านายในบริษัท”
“ใช่ๆ นางเอกใจร้ายสมควรโดนดี”
ลูกคู่รับอีกแล้ว

ทำเอาหล่อนรู้สึกว่าน้าสาวช่างรับเด็กฝึกได้ตรงกับคอนเซ็ปสำนักพิมพ์จริงๆ บ้านิยาย ช่างฝัน คิดอะไรเป็นจริงเป็นจังไปเสียหมด ทั้งๆ ที่เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้น เพียงจินตนาการน้ำหมึกบนกระดาษ

“พูดถึงเรื่องผู้หญิงใจร้าย บก.เขาเล่าว่าพี่น่ะเป็นนักหักอกผู้ชายเหรอคะ”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนมาที่หล่อนอย่างฉับพลัน
“จริงด้วย บก.เขาเล่าว่าตอนพี่อยู่ ม.ต้นขนาดผูกผมเปีย หน้าตามอมแมม ก็ยังเสน่ห์แรงมาก มีเด็ก ม.ปลายเขียนจดหมายรักถึงด้วยเหรอคะ”

หล่อนข้าวแทบติดคอ น้าสาวปากโทรโข่งช่างเล่าเสียจริง ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะลืมเรื่องน่าอายครั้งนั้นแล้วเชียว

“หักอกเขาชนิดเอาจดหมายไปปาหน้าเจ้าของ พี่โดนเพื่อนล้อทั้งโรงเรียนเลยพาลเกลียดนิยายรักไปเลยใช่ไหมคะ”
...และอีกหลายอย่างที่เด็กฝึกงานรุมกันถาม จนหล่อนต้องตีหน้ายักษ์ทำเสียงเข้มว่า

“เรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบ ถ้าขืนใครยังถามอีกเวลาเขียนคอมเม้นท์ในใบผ่านการฝึกงาน จะบอกบก.ให้เขียนแย่ๆ”
เสียงถามจึงเงียบลงได้บ้าง เหลือแต่อาการลอบยิ้มและหัวเราะคิกคัก เพราะรู้ความลับของสาวห้าวเสียแล้ว

บ่อยครั้งที่หล่อนคิดเหมือนกันว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหลักจริงๆ ของอาการเกลียดนิยายรัก จดหมายรักประหลาดที่ได้มา บทกลอนชวนเลี่ยน พร่ำเพ้อพรรณนาอะไรก็ไม่รู้ แถมคนส่งยังเป็นหนุ่มสิวเขรอะตัวอ้วน

จำได้ว่าหลังเกิดเรื่องหล่อนไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์จนอาจารย์ต้องมาตาม ส่วนคู่กรณีก็ได้ข่าวว่าย้ายโรงเรียนไป

กระนั้นเพื่อนก็ยังเล่าเรื่องหนุ่มอ้วนมาเข้าหู
‘พี่เขาเสียใจมากนะแก เห็นเพื่อนเขาบอกว่าพี่เขาร้องไห้ด้วย แกน่ะใจร้าย’
หมอนั่นร้องไห้แล้วได้ย้ายโรงเรียน ส่วนหล่อนต้องทนโดนล้ออยู่เป็นปี

อยากจะถามนักว่าใครที่โชคร้ายกว่ากัน
เรื่องรักแสนหวานประเภทจดหมายรัก พระเอกสุดหล่อแบบในนิยายนั้นไม่มีอยู่จริง

...ที่เหลือทิ้งไว้มีแต่ความอับอาย ซ้ำยังโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงใจดำ คนเจอมากับตัวอย่างหล่อนเท่านั้นจึงจะซึ้ง


หล่อนแวะซื้อของในร้านสะดวกซื้อก่อนกลับเข้าออฟฟิศ เพราะน้าสาวโทร.มาบอกว่าอยากทานสเลอร์ปี้ พอบ่นว่ากินแล้วจะอ้วน คนโทร.ก็คร่ำครวญอีกหลายยกว่าหลานใจร้ายใจดำ แถมปากจัด จนหล่อนอ่อนใจและรับปากว่าจะซื้อไปให้

ระหว่างที่กำลังบิดสเลอร์ปี้ใส่แก้วอยู่นั้นสัญชาตญาณก็บอกว่ามีใครสักคนกำลังจ้องอยู่

พอหันไปดูก็สบตากับหนุ่มหล่อ ผมเสยเรียบ ใส่เชิ๊ตสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจัด เขาค่อยๆ เดินมาช้าๆ ตายังจ้องที่หล่อนอยู่

เสียงค่อนแคะในใจบ่น ...เกลียดนักเชียวผู้ชายแบบนี้ ทำอย่างไรได้เล่าก็ในเมื่อแม้หล่อนจะมาดห้าว ทว่าหน้าตาก็ยังสวยสะดุดตาผู้ชาย คนจึงมาขายขนมจีบบ่อยๆ พอเจอนิสัยปราศจากน้ำตาลของหล่อนเข้าไปก็ถอยเป็นแถบๆ

แต่ครั้งนี้ขอเปรียบเทียบหน่อยเถอะ ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาคนนี้หล่อที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา ถ้าไม่นับดารานักร้องหรือคนดัง

“ขอโทษนะครับ”
หล่อนกำลังคิดว่าถ้าเขาถามเบอร์โทร.จะให้เป็นเบอร์รองเท้าดีไหม หรือให้เป็นเบอร์โทรศัพท์สถานีตำรวจดี

“สเลอร์ปี้ล้นแล้วครับ”
เขาบอกยิ้มๆ เล่นเอาหล่อนต้องรีบบิดปิด และยกแก้วไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ รู้สึกอายนิดๆ ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะมาจีบ

ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่สถานการณ์อย่างนี้เจอบ่อย ปลายสายตาหล่อนเห็นเขาบิดสเลอร์ปี้สีชมพูลงแก้ว ต่อด้วยหลังจากนั้นก็ซื้อป๊อกกี้รสตรอเบอร์รี่
เท่านั้นยังไม่พอยังซื้อขนมอีกหลายอย่างที่มีแต่สีชมพูและรสตรอเบอร์รี่

โธ่เอ๋ย...เพื่อนสาวนี่เอง หล่อนครางในใจ
ถ้าเป็นผู้ชายแท้คงแปลกไปล่ะที่จะซื้อของพวกนี้เสียเต็มถุง


“พี่ๆ คุณชมพูรำเพยมาแล้ว”
เด็กฝึกงานวิ่งละล่ำละลักมาบอกหล่อนที่โต๊ะทำงานในยามบ่ายจัดของวัน
“บก.ให้พี่เอาน้ำไปเสิร์ฟในห้องประชุม”

“อ้าว...แล้วพวกแกล่ะ”
“ไปเถอะน่าพี่ บก.เขาบอกให้พี่นั่นแหละเข้าไป”
หลายเสียงเร่ง หล่อนจึงจำต้องเตรียมน้ำเข้าไปเสิร์ฟ

“ฝากขอลายเซ็นต์คุณชมพูรำเพยด้วยล่ะพี่”
เด็กร้องไล่หลัง เมื่อหล่อนยกถาดน้ำเข้าไปก็พบกับน้าสาวและบรรดาผู้ช่วยบก.หลายคน นั่งล้อมรอบผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนเดียวกับที่หล่อนเห็นในร้านสะดวกซื้อ

“มาแล้วๆ มารู้จักคุณชมพูรำเพยเร็ว นี่ค่ะบก.ของทางเราที่จะมาดูแลโปรเจ็คนี้กับคุณชมพูรำเพย”
น้าสาวรีบแนะนำท่ามกลางอาการงงงันของหล่อน โปรเจ็คอะไร...ทำไม่ไม่เคยรู้มาก่อน

“ครับยินดีที่ได้รู้จัก”
ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มสวยมาให้


“พี่ๆ เป็นไงคุณชมพูรำเพยเป็นยังไงบ้าง สวยไหม น่ารักหรือเปล่า ได้ลายเซ็นมาไหม”
เด็กๆ รุมถามหล่อนทันทีที่ออกมาจากห้องประชุม

“ทีละคำถามสิเว้ย! ฉันงงนะแก”
หล่อนแว้ด ทั้งงงกับโปรเจ็คด่วนที่เพิ่งรู้ แถมยังตกใจที่ได้ทำงานกับนักเขียนมีชื่อ หนึ่งในคนอยากรู้จึงยกมือขึ้นโดยพลัน
“หนูถามก่อน ข้อที่หนึ่งคุณชมพูรำเพยเป็นผู้หญิงที่สวยไหม”

“สวยน่ะ ไม่สวยหรอก เพราะเขาเป็นผู้ชาย”
แถมยังมีทีท่าว่าน่าจะเป็นเกย์อีกด้วย เพราะภาพที่เขาหอบขนมสตรอว์เบอรี่ในร้านสะดวกซื้อยังติดตา

“งั้นก็ต้องเป็นคนหล่อเมื่อกี้ ที่เข้ามาในสำนักพิมพ์น่ะสิ”
เสียงกรี๊ดดังขึ้นเบาๆ ไม่รู้กรี๊ดเพราะตกใจหรือสาแก่ใจกันแน่ที่จะมีผู้ชายมาเป็นอาหารตา

“ข้อต่อไป แล้วคุณชมพูรำเพยชื่อจริงชื่ออะไร ขอชื่อเล่นก็ได้ หนูว่าท่าทางแมนๆ อย่างนั้นคงไม่อยากให้ใครเรียกเขาว่าชมพูหรอก”
“ใช่ๆ”
ลูกคู่พยักพเยิดตามเคย

“เสียใจนะ เขาบอกให้ทุกคนเรียกเขาว่าชมพูรำเพยได้เลย คนที่รู้ชื่อจริงของเขามีแต่บก.ใหญ่”
...ผู้ชายแท้แมนๆ ที่ไหน จะใช้นามปากกาเสียหวานแหววว่า ‘ชมพูรำเพย’
“ต๊าย...ลึกลับ หนุ่มรูปงามผู้มีเรื่องต้องปกปิด”
หลายคนเพ้อตาลอย
“เขาจะเขียนนิยายแบบไหนให้สนพ.เราหนอ”


“ผมจะเขียนนิยายโรแมนติคแฟนตาซี เกี่ยวกับปีศาจและเจ้าหญิง”
นักเขียนชื่อดังเปรยกับหล่อน ขณะนั่งอยู่ในห้องประชุมลำพังกันสองต่อสอง เพราะต้องคุยเรื่องคอนเซ็ปนิยายและเรื่องย่อคร่าวๆ

“คุณคิดว่ายังไง”
“ก็น่าสนุกดีนะคะ”
หล่อนยิ้มให้แต่นึกบ่นในใจว่าพล็อตน้ำเน่าอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้หรืออย่างไร

“ไม่คิดว่ามันน้ำเน่าไปเหรอครับ”
“ก็คิดอยู่...เอ๊ย! เปล่าค่ะ”
เขาดักคอจนหล่อนเผลอตอบความจริง
“ฉันว่ามันเป็นพล็อตที่ดีนะคะ น่าจะโรแมนติก”

“คุณคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ”
น้ำเสียงเขาฟังเยาะๆ อย่างไรพิกล
“แปลกที่คุณคิดว่าโรแมนติก ก็ไหนบก.ใหญ่เขาบอกว่าคุณเป็นไร้ความโรแมนติกที่สุดในสนพ.ไงล่ะ เพราะอย่างนั้นเราถึงได้มาทำงานด้วยกัน”

โปรเจ็คด่วนที่ว่าของน้าสาวคือ...นิยายรักสำหรับคนเกลียดเรื่องรัก สร้างสรรค์จริงๆ ให้ดิ้นตาย คนตั้งโปรเจ็คไม่ได้คิดเลยว่าคนที่ไม่ชอบ ทำอย่างไรก็ไม่ชอบ กรรมจึงตกที่หล่อนต้องมานั่งเป็นบก.ให้เจ้าพ่อนิยายรัก

“อย่างแรกที่คุณควรรู้ก่อนที่เราจะทำงานร่วมกัน ผมไม่ชอบคนโกหก ถ้าไม่ชอบ ก็บอกไม่ชอบ ไม่รู้สึกว่าโรแมนติกก็บอกว่าไม่ โอเคไหม”
เขาจ้องหล่อนด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่จับผิดเด็ก ทั้งจิกทั้งข่มจนอดคิดไม่ได้ว่าหล่อนไปทำความแค้นให้เขาตั้งแต่ชาติปางไหน

หรือว่านี่เป็นอารมณ์เกย์เปลี่ยวกันแน่?

“เอาล่ะผมขอคิดพล็อตคนเดียวสักครู่ คุณช่วยไปชงกาแฟให้ผมหน่อยได้ไหม”
นักเขียนหนุ่มตัดบทเอาเสียดื้อๆ แถมยังโบกมือไล่
“ชงกาแฟเหรอคะ”
เขาเลิกคิ้วเมื่อคนได้ฟังทำหน้าเหรอหรา

“ใช่ ครับ ...ชงกาแฟ”
หนุ่มรูปหล่อเน้นเสียง สาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยชงกาแฟให้ใคร แม้แต่พ่อตัวเองก็ตาม ...เพราะหน้าที่เอาใจคนแบบนั้นแม่จะเหมาไปหมด

“กาแฟสอง น้ำตาลหนึ่ง ครีมเทียมผมขอเป็นครีมเทียมไขมันต่ำยี่ห้อ... ถ้าไม่มีก็เอายี่ห้อ...”
เขาสั่งทั้งๆ ที่มือยังเขียนอะไรยุกยิกลงบนกระดาษ

“งั้นเดี๋ยวฉันจะให้เด็กยกมาให้นะคะ”
หล่อนเลี่ยงกำมือแน่นระงับอารมณ์ ตาเกย์ขี้เก๊กคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครหนอ สั่งหล่อนอย่างกับเป็นคนรับใช้

“คุณนั่นแหละที่ต้องยกมา ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาผมคิดงาน” ว่าแล้วใบหน้าหล่อๆ นั้นก็เงยมายิ้มให้
“เร็วหน่อยนะครับ ผมหิว”

“งั้นฉันขอใช้สิทธิ์ไม่โกหกที่คุณบอกเมื่อกี้เลยได้ไหม ...ฉันไม่ชอบชงกาแฟให้ใคร!”
แต่ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่จะไม่สนอาการเกรี้ยวกราดของหล่อนเลย
“เหรอครับ...”
เขาลากเสียงชวนโมโห

“แต่ผมชอบนี่นา เอ้อ...คุณช่วยลงไปซื้อแยมโรลรสสตอว์เบอร์รี่ที่ร้านสะดวกซื้อให้ผมด้วยนะ แล้วก็ขนมปังหมูหยอง”
นี่เป็นวันแรกในชีวิตจริงๆ ที่หล่อนเกิดอาการอยากจะฆ่าเกย์!


“น่า...อดทนหน่อยนะ แค่ชงกาแฟแก้วสองแก้วเอง”
น้าสาวปลอบเมื่อหล่อนแจ้นไปเปิดประตูห้องฟ้อง
“แต่หนูไม่ใช่ขี้ข้าเขานะ”

“อย่าไปคิดมาก พวกคนเก่งๆ เขาก็แปลกๆ อย่างนี้แหละ ดูอย่างเจ้มิแรนด้า พรีสท์ลี่ เจ้านายจอมร้ายกาจ ในเรื่อง** นางมารสวมปราด้าสิ”
บก.สาวใหญ่พาดพิงถึงภาพยนตร์เรื่องโปรด

“คิดเสียว่าแกน่ะเป็นนางเอกนะ ที่ตอนนี้ถูกพระเอกย่ำยี เอ๊ย! ถูกเจ้านายใจโหดใช้งาน”
คนพูดหัวเราะรื่นเริงแถมยังเอาเรื่องซีเรียสของหล่อนไปผูกเป็นนินายเสียอีก

“เขาเป็นนักเขียนที่จะมาทำเงินทำทองให้เรา เอาใจเขาหน่อยเถอะ”
“ตัวเงินตัวทองล่ะก็ไม่ว่า”
หล่อนเปรยเสียงหมิ่นๆ จนน้าสาวต้องสมนาคุณที่แขนดังเพี๊ยะ

“เป็นสาวเป็นนางดูพูดจาเข้า ไม่ได้อ่อนหวานเลยนะหลานฉัน มีดีแค่สวยจริงๆ ไป๊...ไป ไปชงกาแฟให้คุณชมพูรำเพยเขา ฝีกเอาไว้เถอะแก อีกหน่อยก็ต้องชงให้แฟนกิน”

เมินเสียเถอะที่หล่อนจะชงให้ เด็กฝึกงานจึงกรี๊ดกร๊าดที่ได้เอากาแฟและของว่างไปเสิร์ฟนักเขียนในดวงใจถึงห้อง


“พี่ๆ คุณชมพูรำเพย เรียกพี่น่ะ”
เด็กฝึกงานเดินมาเรียกหน้าตาตื่น
“ไปบอกเขาไปว่าฉันไม่ว่าง”
หล่อนนั่งก๊อปปี้ไฟล์นิยายจากอีเมล์อยู่ หางานทำให้ตัวเองดูยุ่ง จะได้ไม่ต้องไปทะเลาะกับตาเกย์อารมณ์เปลี่ยวในห้องนั้น

“แต่เขาจะคุยกับพี่นะ เขาให้หนูมาตาม”
“เออ...นั่นแหละ ก็บอกว่าฉันติดงานไง เขาจะเอาอะไรแกก็ทำให้ก่อนไป ทั้งชงกาแฟ หาขนมให้กิน หรือจะช่วยนวดไหล่ก็ได้”
เด็กหน้าเสียออกไป แต่สักพักก็วิ่งกลับมาอีกพร้อมกับอาการเดิม

“พี่ๆ คุณชมพูรำเพย เรียกพี่น่ะ”
“เฮ้ย! ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่าง ถ้าเขาอยากคุยเรื่องนิยายก็ไปตามบก.ใหญ่สิ”
แว้ดเด็กเสร็จหล่อนก็หันมาจดจ่อกับคอมพิวเตอร์ต่อ

“พี่คะ...”
หล่อนละสายตาจากเกมคอมพิวเตอร์ที่กำลังเล่นอยู่เพราะทำงานเสร็จแล้ว คราวนี้คนมาตามทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อะไรอีกล่ะ”

“คุณชมพูรำเพยเขาให้หนูมาตามพี่ จนกว่าพี่จะยอมไปหาเขาค่ะ พี่ไปหาเขาเถอะนะคะ พวกหนูวิ่งจนปวดขาแล้ว”
คนมาตามทำเสียงละห้อยเสียน่าสงสาร


เมื่อเข้าไปในอีกห้องนั้นก็มีเสียงแว่วทักมา
“คุณว่าบทนำตรงนี้โอเคไหมที่ถ้าผมจะเขียนว่า...ผมรักจนไม่อยากให้ใครเห็นแม้ปลายเส้นผมคุณ ขณะเดียวกันก็เกลียดจนอยากหักคอ”

หนุ่มหล่อ ผมเสยเรียบ ใส่เชิ๊ตสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจัดที่นั่งอยู่ขอความเห็น ตาเขากำลังมองตัวอักษรบนโน๊ตบุคบางเฉียบราคาแพง

“ค่ะยังไงก็ได้ค่ะ บทพูดนั้นก็ดี”
แต่ในใจหล่อนกำลังคิดว่าผู้ชายคนไหนที่พูดอย่างนี้กับคนรัก สมควรพาไปโรงพยาบาลโรคจิตโดยด่วน

“ไม่ใช่คิดว่าโรคจิต ฟังแล้วเหมือนพระเอกเป็นผู้ชายโรคประสาทเหรอ”
เขาดักคอรู้ทันความคิดอีกแล้ว

“ไม่หรอกค่ะคุณชมพูรำเพย แบบนี้น่ะเจ๋งแล้วค่ะ ฟังแล้วรู้สึกว่าพระเอกเป็นพวกชอบตบจูบๆ ดี”
นักศึกษาฝึกงานอีกคนที่มานั่งสังเกตการณ์และดูแลเขาอยู่ยิ้มหน้าระรื่น

“ขอบคุณครับที่ชม” เขาค้อมศีรษะรับยิ้มน้อยๆ
“แต่ผมอยากได้ความเห็นจากคุณบก.มากกว่า”

“ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยบก.ค่ะ ถ้าอยากได้ความเห็นล่ะก็เดี๋ยวรอถามบก.ดีกว่า”
หล่อนเลี่ยงอยากจะให้จบการสนทนานี้โดยไว เพราะอาการอยากฆ่าเกย์ลอยเข้ามาในหัวอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร ผมแค่ถามความคิดเห็น ในฐานะที่คุณเป็นนักอ่าน ในฐานะผู้บริโภค”
คนถามยังไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนเขาจะชอบจี้ให้หล่อนตอบเสียจริง
“ตอบมาเถอะครับ ผมรับได้ ผมบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ชอบ ก็บอกไม่ชอบ นักเขียนที่ดีต้องยอมรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ”

“ฉันว่าพระเอกที่พูดอย่างนี้ประสาท”
หล่อนโยนก้อนอิฐโครมใส่เขา
“เพราะ...”

“เจ้าคิดเจ้าแค้น หึงโหด ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”
เด็กฝึกงานทำตาโตด้วยความตกใจ
“แล้วนางเอกก็เป็นมาโซหรือยังไง เอาแต่ร้องไห้ให้พระเอกแกล้งอยู่ได้”

“พะ...พี่ๆ”
คนอายุน้อยที่สุดในวงสนทนาดึงแขนเสื้อปราม เพราะเห็นคนพูดแววตาท้าทาย ส่วนคนฟังก็มองนิ่งเดาอารมณ์ไม่ออก สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง เพราะคนหนึ่งก็นักเขียนขายดี อีกคนหนึ่งก็หลานสาวสุดที่รักของบก.

“คุณนี่ไม่โรแมนติกเลย ไม่รู้จักกระทั่งรสหวานหรือของความรัก นิยายรักน่ะมีพื้นฐานมาจากเรื่องพวกนี้แหละ” เขาปรามาศกันซึ่งๆ หน้า

“คุณเคยรักใครบ้างไหมครับ รักมากจนเจ็บเมื่อเขาทรยศ จากกันเป็นสิบปี คิดว่าจะลืมเขาเสียแล้ว แต่แค่เจอหน้า ความรู้สึกเจ็บก็แล่นแปล๊บเข้าในอก”

สาบานได้ว่าหล่อนได้ยินคำพูดนี้จากปากคน ไม่ใช่ตัวอักษรบนกระดาษ เขาช่างสมกับเป็นนักเขียนขายดีเสียจริงขนาด แค่พูดยังเป็นสำนวนสละสลวยถึงเพียงนี้ ดวงตาของคมกริบมองหล่อนเรียบนิ่ง

“ความรู้สึกทั้งโมโหที่หล่อนไม่สนใจ ทั้งเกลียดตัวเองที่ยังมองตามหล่อนอยู่ได้ รู้สึกขมขื่นใจเมื่อคิดถึง”
ชายหนุ่มกดปุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วพับมันลงเสีย

“บอกผมหน่อยสิคุณเคยรู้สึกอย่างนี้กับใครหรือเปล่า”
เสียงที่เอ่ยมานั้นแปร่งปร่า จนสองสาวรู้สึกได้

“ตอบสิครับ คุณคนไม่โรแมนติก”
สามครั้งภายในวันเดียวที่โดนเขาว่าเช่นนี้ โรแมนติกหรือไม่ ...อย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย
อีกอย่าง จะมาจี้ถามเอาอะไรจากหล่อน

“เคยค่ะ แต่ฉันจะเลือกโรแมนติกกับคนที่ฉันชอบเท่านั้น”
หล่อนโกหกไปเต็มปาก อารมณ์แค่อยากจะเอาชนะ

“คุณโกหก”
ชายหนุ่มเน้นเสียง คนโดนว่าหน้าตึงในทันใด
“ฉันเปล่า”

“งั้นผมมีแบบฝึกหัดจะให้ ในฐานะบก.”
เขายื่นแฮนด์ดี้ไดร์ฟให้
“จัดหมวดหมู่ข้อมูลให้ผมหน่อย เพราะต้องใช้ในนิยาย เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะแก้นิยายบทนี้ใหม่ แล้วจะส่งให้คุณทางอีเมล์”

จากนั้นท่านนักเขียนใหญ่ก็ตัดบทแล้วเดินเนิบๆ ออกจากห้องไป ท่ามกลางอาการงงงันของคนที่เหลืออยู่ ไม่เข้าใจอาการเหมือนผีเข้าผีออกของเขา

“พี่ๆ หนูว่าคำพูดของคุณชมพูรำเพยเมื่อกี้มันแปลกๆ อยู่นะ”
เด็กฝึกงานกระตุกแขนเสื้อหล่อนปึดๆ

“ใช่ๆ เหมือนคำพูดท่านชีคที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะมาลักตัวนางเอก”
ลูกคู่รับอีกตามเคย

“พี่แน่ใจนะ ว่าไม่เคยหักอกเขา พี่ชายพี่ไม่เคยทำน้องสาวเขาตาย พ่อแม่พี่ไม่ได้ไปทำบริษัทเขาล่ม ต้นตระกูลไม่ได้เป็นปรปักษ์กัน”
“พอเลยนะพวกแก”
หญิงสาวเอ็ดเสียงเขียว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจจริงจังเพราะเด็กยิ่งซุบซิบหาคำตอบพร้อมผูกเรื่องกันอย่างสนุกสนาน

+++++++++++++มีต่อ

* กากีกลอนสุภาพ
**The Devil Wears Prada




Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 3:18:26 น. 3 comments
Counter : 387 Pageviews.

 
น่าสนใจมั่ก เราว่าคุณชมพูรำเพยเน่าได้ใจจิงๆ


โดย: ree IP: 222.123.27.136 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:09:58 น.  

 
ชอบนิยายของคุณค่ะ ชอบสำนวนของคุณ ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่หมอเอิงจะมาโลดแล่นอีกคะ คิดถึงจริงๆจึงมาถามหา


โดย: minafiba IP: 203.144.144.165 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:32:49 น.  

 
รอเรื่องสั้นด้วยใจจดจ่อ



โดย: เสือสั่งป่า วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:40:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.