ลีล่าประจำตัวที่เป็นสัญญาลักษณ์ของเปเล่ ในเกมอุ่นเครื่องที่บราซิลชนะเบลเยี่ยม 5-0 ปี 1965
นักเตะผู้ผ่านการลงสนามในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 4 สมัย ยิงประตูเกินกว่า 1,000 ลูก ที่รวมถึง 12 ประตูในฟุตบอลโลก ที่ช่วยให้ทีมชาติบราซิลชุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคว้มแชมปืในการแข่งขันปี 1958, 1962, 1970 ด้วยการเล่นที่ผสมผสานระหว่างความว่องไว และความแข็งแกร่งทำให้เปเล่ ควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างใจต้องการ มีพลังในการยิงที่ดุดันและความสามารถที่จะทำลายแนวรับคู่แข่ง จนเหมือนกับว่าแฟนบอลทุกคนคาดหวังที่จะเห้นเทคนิคการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่เปเล่ครอบครองบอล และจาการที่บราซิลยึดสไตล์การเล่นฟุตบอลที่เปิดเกมรุกเป็นหลัก และมุ่งมั้นที่จะทำประตูให้มากที่สุดในทุกนัดที่ลงสนาม จนทำให้แฟนบอลอยากจะลืมเสียงเชียร์จากแฟนบอลแซมบ้าที่ร้องตะโกนว่า "Bra-zil, cha cha cha, Bra-zil, cha cha cha" ในทุกครั้งที่นักแตะเซเลเซาลงแข่งขัน ทำให้หลังจากมีการถ่ายทอดเกมฟุตบอลโลก ปี 62 ที่ชิลี สู่หน้าโทรทัศน์ของชาวยุโรปแฟนบอลชาวอังกฤษนำวิธีการเชียร์แบบลาตินไปใช้ทันที โดยเริ่มต้นจากการแข่นขันฟุตบอลระดับสโมสร ด้วยการเรียกชื่อทีมก่อนจะตบมือตาม และการเชียรืรูปแบบนี้ยังคงใช้อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในช่วงเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
เปเล่ เกิดที่ยานคนจน เทรส โคร โคเอส ในปี 1940 ตอนดินโญ่พ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้แม่ของเขาไม่ค่อยอยากสนันสนุนให้ลูกชายเล่นฟุตบอลที่ได้รับค่าตอบแทนน้อย เพื่อจะมีอนาคตที่ดีกว่า จนเกือบจะทำให้วงการฟุตบอลพลาดโอกาศเห็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในปี 1954 ทักษะการเล่นที่สุดยอดของเปเล่ ได้เข้าตาของวัลเดมาร์ เดอ บริโต้ อดีตนักเตะทีมชาติบราซิล ทำให้มีโอกาศเข้าสู่บาอูรู แอธเลติก คลับ สโมสรเล็กๆของรัฐ เซา เปา โล ตอนอายุ 14 ปี จากนั้นอิก 2 ปี ต่อมาเขย้ายสู่วานโตส แม้จะมีอาการบาดเจ็บหัวเข่ารบกวนก็ตาม และลงเล่นยาวนานถึงปี 1974 เปเล่ และซานโตส กลายเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการลูกหนัง โดยระหว่างทัวร์ยุโรปช่วงปลายปี 1972 ราชาลูกหนังเคยเปลี่ยนจากชุดสีขาวล้วนที่คุ้นตามาอยู่ในชุดน้ำเงินสลับขาวของ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในเกมที่ฮิลส์โบโร่
เปเล่ตอนเล่นกับกับสโมสรซานโตส
ฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน ถือเป็นเวทีแจ้งเกิดอย่างแท้จริงของเปเล่ด้วยวัยเพียง 17 ปี หลังเพิ่งผ่านการติดทีมชาตินัดแรกเพียง 1 ปี และเดินทางมากับทีมโดยมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่พอได้โอกาศลงสนามในนัดสุดท้ายของรอบแรกกับสหภาพโซเวียต ที่โกเตนเบิร์ก ทุกคนก็รับรู้ว่ามีสตาร์ดวงใหม่ของวงการฟุตบอลได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วบราซิลชนะ 2-0 โดยที่เปเล่เปิดให้วาว่ายิงประตูที่ 2 หลังจากเขายิงพลาดไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย แต่มาแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการยิงประตูนำขุนพลเซเลเซาเฉือน ชนะ เวลส์ 1-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยนับเป็นประตูแรกของเปเล่ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ก่อนจะยิงอิก 6 ประตูจาก 3 เกมที่เหลือ แฮตทริกในรอบรองชนะเลศกับฝรั่งเศษ และอิก 2 ประตูในรอบชิง กับ สวีเดน ทำให้เปเล่ ได้รับคำยกย่อง และกลายเป็นนักเตะที่ได้รับการจับตามองที่สุดของยุด ไบรอัน แกลนวิลล์ นักวิจารณ์ผู้คร่ำหวอดของวงการฟุตบอลอังกฤษ เคยเขียนถึงยอดนักเตะชาวแซมบ้าเอาไว้ในหนังสือ The Story of the World Cup ว่า "เขาจับบอลที่ลอยโด่งเข้ามาในเขตโทษด้วยต้นขา จากนั้นเข้าใช้หัวตั้งบอลลงมา ก่อนจะวอลเลย์เต็มแรงผ่านสเวนส์สัน" เปเล่ นำบราซิลไล่ถล่มนักเตะสวีดีช ต่อหน้ากองเชียร์เจ้าถิ่น คว้าแชมป์โลกสมัยแรก และกลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวขึ้นมาโด่งดังในระดับโลก
อิก 4 ปีต่อมาที่ชิลี บราซิลตอกย้ำความเป็นราชันแห่งวงการลูกหนังโลกหลังจากเปเล่ ที่ถูกยกย่องให้เป้นนักเตะที่ดีที่สุดของโลก ในวัยเพียง 21 ปี ช่วยให้บราซิลป้องกันแชมป์ไว้ได้ โดยเริ่มต้นเส้นทางด้วยการต้อนเม็กซิโก 2-0 เปเล่ยิงประตูที่สุดสวยด้วยการเลี้ยงหลบผ่านผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม 4 ราย ก่อนจะยิงบอลผ่านผู้รักษาประตู แต่ยอดดาวเตะหมายเลข 10 ต้องโชดร้ายได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาฉีกในเกมเสมอ เชกโกสโลวาเกีย จนทำให้เขาต้องพักยาวตลอดทัวร์นาเมนต์ แต่นักเตะเซเลเซาก็ยังร่วมแรงร่วมใจนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลศ และแก้ตัวเอาชนะเชกได้ขาดลอย 3-1 หากจะบอกว่าฟุตบอลโลกปี 1962 เป็นความโชดร้ายของเปเล่
เปเล่บาดเจ็บต้องออกจากการแข่ง ที่แข่งกับโปรตุเกส ฟุตบอลโลก 1966 ที่อังกฤษ
แต่อิก 4 ปีต่องมายิ่งเลวร้ายกว่า ความสำเร็จของอังกฤษชาติเจ้าภาพกลางเป็นความล้มเหลวสำหรับบราซิลที่ต้องปราชัยในฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี และตกรอบแรกอย่างไม่มีลุ้นหลังจากเปเล่ ต้องเผชิญการเล่นนอกเกมที่สกปรกจากนักเตะโปรตุเกส บราซิลปักหลักลงเตะทีกูดิสัน ปาร์ก สนามของสโมสรเอฟเวอร์ตัน ตลอด 3 เกม ของรอบแรก โดยออกสตาร์ตด้วยชัยชนะเหนือบัลแกเรีย 2-0 โดย 1 ประตูมาจากลูกฟรีคิกของเปเล่ แต่เกมที่ 2 จอมทัพแซมบ้าไม่อาจลงวาดลีลาจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ได้รับบทเรียนสำคัญจากผลังลูกหนังของของฮังการีที่ไล่ต้อนไปขาดลอย 3-1 เปเล่ฝืนสังขานกลับมาช่วยทีมนัดสุดท้ายกับโปรตุเกส โดยที่สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเต็มที่ และมีการเปลี่ยนแปลงทีมถึง 7 ตำแหน่งจากนัดที่แพ้ฮ้งการี แต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดความแตกต่างใดๆ โมเรส ที่ส่งลงมาประกบตายเปเล่ ยายามงัดลูกตุกติก และการเข้าสกัดที่รุนแรงออกเล่นงานสตาร์ลูกหนังแซมบ้าจนงอม แต่จอร์จ แม็คแค็บ กรรมาชาวอังกฤษปล่อยให้เข้าลอยนวลอยู่ในสนาม พร้อมกับความปราชัย 3-1 ของแชมป์เก่า
เปเล่ตอนอยู่สโมสร นิวยอร์ก คอสมอส ปี 1974-1977
หลังจากนั้นไม่นานเปเล่ ประกาศจะไม่ขอลงเล่นในฟุตบอลโลกอิกต่อไป แต่พอการแข่งขันที่เม็กซิโก ในปี 1970 เขาก็เปลี่ยนใจกลับมาสวมเสื้อสีทองนำขุนพลแซมบ้าที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล จากเด็กหนุ่มที่เป็นลูกไล่ให้ซิโต้ และการ์ริมช่า ผ่านยุดของ อามาริลโด้และดิดี่ เปเล่วัย 29 ปี กลางเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นอาวุโสที่จะสร้างสันเกมรุกร่วมกับริเวลิโน่, ทอสเทา, และจาร์ซินโญ่ ท่ามกลางเปลวแดดของกัวดาลาฮาร่า เพลงแข้งแซมบ้าถูกบรรเลงขึ้นอิกครั้งหนึ่ง บราซิลเริ่มต้นด้วยการถล่มเชกโกสโลวาเกย 4-1 แม้ว่าเกมรุกที่สวยงามของพวกเขาจะเปิดช่องว่างในแนวรับจนพลาดท่าให้ถูกตีเสมอ หลังจากที่ริเวลิโน่ ยิงฟรีคิกที่สวยงามให้ทีมขึ้นนำเพียงไม่นาน ทำให้แชมป์โลก 2 สมัยเดินหน้าพับสนามบุกจนได้มา 3 ประตูรวดจาก เปเล่, แจร์ซินโญ่ 2 ประตู จากนั้นเป็นเกมที่ที่แฟนบอลจับตามองมากที่สุดของทัวร์นาเมนต์นี้ บราซิลเจออังกฤษ แชมป์เก่าที่มีเทคนิคที่พัฒนาขึ้นหลังจากคว้าแชมป์โลกในบ้านตัวเองเมื่อ 4 ปีก่อน อลัน มูลเลรี่ ถูกส่งลงมาประกบเปเล่ แต่คุณจะใช้วิธีใดประกบยอดอัจฉริยะลูกหนังนี้ เพียงแค่ 10 นาทีแรก เปเล่ สลัดการประกบขึ้นโหม่งบอลจากการเปิดของแจร์ซินโญ่ ทางเสาไกล แต่ที่เหนือกว่าเปเล่ กลับเป็นกอร์ดอน แบ็งค์สนายทวารอังกฤษที่พุ่งปัดบอลที่กำลังมุดเข้าโดนเสาออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ จนถูกยกย่องให้เป็นการเซฟแห่งศตวรรษ จากผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้ดูการถ่ายทอดเกมการแข่งขัน เกมที่ถูกยกย่องให้เป็นนัดชิงชนะเลศที่แท้จริง ทั้งการตั้งรับที่แข็งแกร่งของอังกฤษ แต่ประตูที่ได้ของแจร์ซินโญ่ ที่เกิดจากการเปิดของเปเล่ มากพอที่จะทำให้บราซิลชนะ 1-0 และหลังจบเกมก็เกิดภาพประทับใจที่แสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาระหว่าง เปเล่ กับ บ็อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่เดินเข้ามากอดและแลกเสื้อแข่ง เปเล่ยิงอิก 2 ประตู ให้บราซิลปิดรอบแรกด้วยการเฉือนชนะโรมาเนีย 3-2 ก่อนจะถล่มเปรู และอุรุกวัย กรุยทางเข้ารอบชิงชนะเลศพบกับอิตาลี ทำให้กลายเป็นเกมตัดสินว่าประเทศใดจะได้ครอบครองถ้วยจูลริเม่ต์เป็นการถาวร หลังจากทั้ง 2 ทีมเคยคว้าแชมป์มาคนละ 2 สมัยก่อนหน้านี้ เปเล่ ปิดฉากการเล่นในศึกฟุตบอลโลกของเขาได้อย่างสวยงาม จากลูกโหม่งที่ยอดเยี่ยม และการช่วยเปิดอิก 2 ประตู บราซิลเหมือนเล่นอยู่อิกระดับกับพวกนักเตะอิตาเลียน ด้วยสกอร์ที่ขาดลอด 4-1 ทำให้เขาเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ครบ 3 สมัย
เปเล่ได้รับการยกย่องจากเพื่อนๆหลังได้แชมป์โลกสมัยที่3 ปี 1970 ที่เม็กซิโก้
หลังจากนั้นเปเล่ ประกาศอำลาทีมชาติ แต่เขายังลงสนามให้ซานโตสต่อมาอิก 4 ปี ก่อนจะแขวนสตั๊ดในวัย 34 ปี พร้อมกับยกเลิกเสื้อหมายเลข 10 เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และรู้ว่าคงไม่มีใครจะมีฝีเท้าเทียบกับเจ้าของฉายา ไข่มุกดำ เกิดขึ้นอิกแล้ว แต่ในปี 1975 เปเล่ สร้างความตกตะลึกให้กับวงการลูกหนังทั่วโลก ด้วยการกลับมาลงเล่นกับทีมนิวยอร์ก คอสมอส ในศึกฟุตบอลลีกอเมริกาเหนือที่เพิ่มก่อตั้งขึ้น ด้วยค่าตอบแทน 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาลงเล่น 2 ปี และมีโอกาศร่วมทีมอเมริกาลงเตะทัวร์นาเมนต์ครบรอบ 100 ปี กับอังกฤษ ที่มี บ็อบบี้ มัวร์ มิตรในสนามของเขากลับลงมาเล่นด้วย เปเล่แขวนสตั๊ดอย่างเด็ดขาดในปี 1977 แต่เขายังเปรียบเสมือนทูตของวงการกีฬา และรับตำแหน่งรัฐมนตรีกีฬาของบราซิลอยู่พักหนึ่งช่วงกลางทศวรรษที่ 90 และได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 1 ของนักกีฬาแห่งศตวรรษที่ 20 จากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ (เไอโอซี) เหนือกว่า สิงห์จอมโว โมฮัมเหม็ด อาลี อดีตราชันรุ่นเฮฟวี่เวต และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ปี 1960, คาร์ล ลูอิส ยอดนักกีฑาชาวอเมริกัน เจ้าของ 9 เหรียญทองโอลิมปิก, ไมเคิ่ล จอร์แดน ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบาสเกตบอลสหรัฐ และมาร์ค สปิตซ์ นักว่ายน้ำชาวอเมริกันเจ้าของ 7 เหรียญทองโอลิมปิก
แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาร่วม 30 ปี ความยิ่งใหญ่ของเปเล่ ยังคงถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้เป็นนักเตะที่อยู่ในดวงใจของชาวบราซิลเลียนเท่านั้น แต่เป็นขวัญใจของผู้คนทั่วโลกที่มีฟุตบอลอยู่ในหัวใจ
เปเล่ตอนอยู่สโมสรซานโตส
เรื่องที่คุณอาจไม่รู้ของเปเล่
นักฟุตบอลชาวบราซิลเลียนส่วนใหญ่จะมีชื่อเล่นประจำตัว โดยชื่อของเปเล่ ถูกตั้งขึ้นตอนเขาอายุ 9 ปี โดยเพื่อนที่เล่นบอลด้วยกัน โดยเจ้าตัวไม่รู้ที่มา และไม่มีความหมายใดๆ ในภาษาโปรตุกีส
สมัยรุ่งๆวุฒิสภาของบราซิล ลงมติให้เปเล่เป็นสมบัติของชาติเพื่อไม่ให้เขาย้ายไปเล่นในต่างประเทศ
เกือบตลอดอาชีพค้าแข้ง เปเล่ ลงเล่นให้ซานโตส ในศึกเซา เปาโล ลิก โดยลงสนามรวม 1,036 เกม นำทีมคว้าแชมป์ 8 สมัย ใน 11 ปี
วัลเดมาร์ เดอ บริโต้ วิงฮาล์ฟของทีมชาติบราซิล 1934 เป็นผู้ค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเปเล่ ระหว่างทำหน้าที่โค้ชทีมบาฮูรู ที่ดอนดินโญ่ พ่อของเปเล่เคยลงเล่น
ปี 1969 แฟนบอลกว่า 80,000 คน เข้ามาชมเกมที่สนามมาราคาน่า เพื่อเป็นสักขีพยานด้วยตาของตัวเองในการทำประตูลูกที่ 1,000 ของเปเล่กับซานโตส และยิง 65 ประตู ให้นิวยอร์ก คอสมอส และวันที่ 1 ตุลาคม 1977 แฟนบอล 77,691 คน เต็มความจุของสนามไจแอนต์ส สเตเดี้ยม มาร่วมชมเกมนัดอำลาสนามของเขากับซานโตส ต้นสังกัดเก่า
เมือง เทรส โครา โคเอส เปลี่ยนชื่อถนนที่บ้านเกิดของเปเล่ให้ใช้ชื่อเดียวกับเขา หลังจากนำรูปปั้นของเขามาตั้งไว้ในปี 1971
เปเล่กีบทีมชาติ ปี 1957
แฟ้มบุคคล เปเล่
ชื่อเต็ม เอ็ดสัน อรันเตส โด นาซิเมนโต้
เกิด 23 ตุลาคม 1940 ที่ เทรส โครา โคเอส รัฐมินาส เกราส
สโมสร ซานโตส (1956-1974) นิวยอร์ก คอสมอส (1975-1977)
ทีมชาติ 92 เกม 77 ประตู นัดแรกเจออาร์เจนตินา ปี 1957
ลงสนาม 1,363 เกม 1,281 ประตู
เกียรติประวัติ แชมป์โลก 1985, 1962, 1970
แชมป์รัฐ เซาเปาโล 1956, 1958, 1960, 1961, 1962, 1964, 1965, 1967, 1969, 1973
แชมป์สโมสรโลก 1962, 1963
แชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 1962, 1963
แชมป์บราซิลเลี่ยน คัพ 1963, 1964, 1965, 1968
แชมป์ลีกอเมริกาเหนือ 1977
นักเตะยอดเยี่ยมทวีปอเมริกาใต้ 1973
นักกีฬาแห่งศตวรรษไอโอซี 1999
ดาวซัลโวศึกชิงแชมป์ รัฐ ซา เปาโล 1958, 1958, 1960, 1961, 1962, 1963, 1964, 1965, 1969, 1976
จาก ฟุตบอลฮีโร่ version 1
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอามาจากกระทู้ฟุตบอลต่างประเทศ
Pele VS Maradona [ฟุตบอลต่างประเทศ] akilis (5 - 21 ธ.ค. 52 12:20)
//www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8679887/S8679887.html
Create Date : 30 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 21 ธันวาคม 2552 13:21:10 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1980 Pageviews. |
|