แชมป์โลก 3 สมัยของทีมชาติบราซิล มาเจสตาด ดา โบลา เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่เซาเปาโล CBF กำหนดให้ไว้ทุกข์เจ็ดวัน

ไอดอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอลโลกเสียชีวิตในวันพฤหัสบดีนี้ (29) ในเซาเปาโล Edson Arantes do Nascimento, Pelé อายุ 82 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาล Albert Einstein King of Football ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในปี 2021 และได้รับการยืนยันการเสียชีวิตของเขาในบ่ายวันนี้เนื่องจากปัญหา โดยอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว

การเสียชีวิตของไอดอลเป็นข่าวที่น่าเศร้าที่สุดที่ CBF รายงานตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 108 ปีที่แล้ว เนื่องจากการเสียชีวิตของเปเล่ ประธานองค์กร เอ็ดนัลโด โรดริเกซ จึงประกาศไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการเป็นเวลาเจ็ดวัน

“ผมรู้สึกสะเทือนใจกับการจากไปของเปเล่ CBF จะยกย่องนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เปเล่เป็นนิรันดร์ และเราจะพยายามรักษาประวัติศาสตร์ของเขาและสืบสานมรดกของเขาตลอดไป" เอ็ดนัลโด โรดริเกซ ประธาน CBF กล่าว

“วันนี้ฉันยังจำได้ถึงอารมณ์ที่เห็นเปเล่ลงเล่นในอิลเฮอุส เมื่อทีมชาติของเมืองนี้เผชิญหน้ากับซานโตสในปี 1967 ฉันอายุเพียง 13 ปีและได้รับผลกระทบ เขาทำประตูได้หนึ่งประตู สองปีต่อมา ผมเดินทางไปซัลวาดอร์เพื่อดูประตูที่ 1,000 ของเขา ซึ่งจบลงด้วยการไม่เกิดขึ้น นิลโดได้ประตูเกือบริมเส้น เกือบทั้งฟอนเต โนวา และผมโห่ใส่กองหลังบาเฮีย สามวันต่อมา ราชันทำประตูที่ 1,000 ในริโอกับวาสโก” เอ็ดนัลโด โรดริเกซเล่า

ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟุตบอลโลกเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ที่เมือง Três Corações, Minas Gerais เขาเป็นนักกีฬาคนเดียวที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยในอาชีพของเขา ด้วยท่วงท่าที่สวยงามและยิงได้มากกว่าพันประตูในอาชีพของเขา เปเล่มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำให้ฟุตบอลเป็นที่นิยมในโลก และกลายเป็นมากกว่าไอดอลของฟุตบอลโลก เขาเป็นไอคอนวัฒนธรรมป๊อป

เปเล่ในทีมชาติเป็นตัวเลข
ทีมชาติบราซิล (ตั้งแต่ปี 1957 ถึง 1971)
เกม: 113
เป้าหมาย: 95
ชนะ 84 เสมอ 15 แพ้ 14
ชื่อ: ฟุตบอลโลก (1958, 1962 และ 1970), Copa Roca (1957 และ 1963), Atlantic Cup (1960), Oswaldo Cruz Cup (1958, 1962 และ 1968) และ Bernardo O'Higgins Cup (1959)

ความฝันของเด็กชาย

ความสัมพันธ์ของเปเล่กับฟุตบอลเริ่มตั้งแต่เขายังเป็นเด็กชาย ไม่นานก่อนที่จะอายุได้ 10 ขวบ เขาเฝ้าดูความโศกเศร้าของดอนดินโญ่ผู้เป็นบิดากับความพ่ายแพ้ของบราซิลในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1950 โลกในสนาม และมันก็เป็นจริงในอีกแปดปีต่อมา

ในวัยเด็ก ครอบครัวของนักเตะย้ายไปอยู่ที่เมืองเบารู ซึ่งอยู่ในเมืองเซาเปาโล เปเล่ช่วยงานบ้านอย่างสุดความสามารถ เขาขายถั่วลิสง รองเท้าขัดเงา (กล่องขัดรองเท้าเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเขาและเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานในพิพิธภัณฑ์ของเขา) และเมื่ออายุได้ 16 ปี เขาก็ไปที่ซานโตส ซึ่งเขาเริ่มอาชีพการงาน

เส้นทางสู่ประวัติศาสตร์เริ่มต้นขึ้นในปี 1957 เปเล่ถูกเรียกตัวโดยบิเซนเต ฟีโอลา เปเล่เป็นเดิมพันโดยโค้ชสำหรับข้อพิพาทโคปา โรกา ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์กระชับมิตรแบบดั้งเดิมระหว่างบราซิลและอาร์เจนตินา ตอนอายุ 16 ปี เปเล่เปิดตัวกับทีมชาติที่ Maracanã ด้วยความพ่ายแพ้ บราซิลแพ้อาร์เจนตินา 2-1 แต่เปเล่ทิ้งรอยไว้ ชายหนุ่มลงมาในนาทีที่ 20 ของครึ่งหลังและทำประตูเป็นครั้งแรกกับ Amarelinha ซึ่งเสมอกัน

เอาชนะมาได้ในเกมแรก บราซิล พลิกกลับความเสียเปรียบได้ เกมถัดมา ราชันทำผลงานได้ดีอีกครั้ง เปเล่ยิงหนึ่งในสองประตูให้ทีมชาติในชัยชนะ 2-0 ที่โมรุมบี ซึ่งคว้าตำแหน่งโคปา โรกา ซึ่งเป็นครั้งแรกของเขากับทีมชาติบราซิล

ดาวดวงแรกในสวีเดน

หนึ่งปีต่อมา เปเล่ไปสวีเดนเพื่อเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรก ด้วยวัยเพียง 17 ปี เจ้าหนูแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่และการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ซับซ้อนมาก การเปิดตัวของเขานั้นแม่นยำในนัดที่สามของบราซิล มิดฟิลด์รายนี้ได้รับบาดเจ็บในเกมเตรียมพบกับโครินเธียนส์ ซึ่งยังอยู่ในบราซิล และสามารถเปิดตัวได้เพียงแค่รอบสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น เมื่อเทียบกับสหภาพโซเวียต นำโดยเลฟ ยาชิน ทีมบราซิลจำเป็นต้องชนะเพื่อรับประกันตำแหน่งในรอบน็อกเอาต์

ในสนาม บราซิลพิสูจน์ให้เฟโอลารอเปเล่ได้อย่างสมเหตุสมผล เคียงข้าง Garrincha และ Didi ชายหนุ่มเปลี่ยนทีมชาติให้กลายเป็นเครื่องจักรฟุตบอลที่แท้จริงและนำทีมไปสู่ชัยชนะ 2-0 โดยบอลชนคานและผ่านประตูที่สองของVavaซึ่งปิดการแข่งขัน กระดานคะแนน ในรอบก่อนรองชนะเลิศ คิงทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ตัดสินให้เวลส์ชนะ 1 ต่อ 0

ถ้าเปเล่ทำได้ดีอยู่แล้ว รอบรองชนะเลิศก็ยิ่งดีไปอีก ในเกมกับฝรั่งเศสที่ Just Fontaine ทำประตูได้ เขายิงได้ 3 ครั้ง และนำบราซิลพ่ายแพ้ 5-2 แปดปีหลังจากเห็นพ่อของเขาร้องไห้ที่บ้าน ชายหนุ่มจาก Três Corações ได้เข้าชิงฟุตบอลโลก ในการตัดสินกับทีมเจ้าบ้าน สวีเดน เปเล่กลับมาทำประตูได้ มีสองประตูในชัยชนะ 5-2 ซึ่งทำให้บราซิลคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์

bi ในชิลี

การป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก บราซิลมาถึงชิลีในปี 2505 เต็มไปด้วยความคาดหวัง สาเหตุหลักมาจากการกลับมาใช้พันธมิตรที่ยิ่งใหญ่จากฟุตบอลโลกครั้งก่อน เช่น Garrincha, Didi และแน่นอน Pelé ในการเปิดตัวกับเม็กซิโก การคัดเลือกไม่พบความยากลำบากและชนะด้วยคะแนน 2 ต่อ 0 เปเล่ออกจากตำแหน่งของเขา แต่เส้นทางของราชันในถ้วยใบนี้คงจะอยู่ได้ไม่นาน แม้ในตอนต้นของการแข่งขันกับเชโกสโลวะเกีย เขารู้สึกบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ adductor ที่ต้นขาและต้องออกจากสนาม นั่นจะเป็นนัดสุดท้ายของเปเล่ในฟุตบอลโลกที่ชิลี

โชคดีสำหรับแฟน ๆ ชาวบราซิลและกษัตริย์เอง Garrincha อยู่ที่นั่น และ Anjo das Pernas Tortas ก็เข้ามาการันตีแชมป์สมัยที่สอง มาเน่มีความเด็ดขาดในการปะทะกันทั้งหมดจนถึงรอบชิงชนะเลิศและมอบตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่สองให้กับบราซิล ซึ่งเสมอกับอิตาลีและอุรุกวัย

ความผิดหวังบนดินอังกฤษ

แชมป์โลกสองสมัยทีมบราซิลไปอังกฤษในปี 2509 เป็นทีมเต็งสำหรับตำแหน่ง แต่บราซิลกลับทำผลงานได้ดีไม่แพ้ฟุตบอลโลก 2 ครั้งที่ผ่านมา ตามล่าในชัยชนะเหนือบัลแกเรีย 2-0 เปเล่ถูกคัดออกจากรอบที่สองกับฮังการี หลังจากเสมอกับฮังกาเรียนแบบไร้สกอร์ บราซิลจำเป็นต้องเอาชนะโปรตุเกสเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป นั่นคือตอนที่อัจฉริยะอย่างยูเซบิโอเข้ามามีบทบาท ซึ่งนำทีมโปรตุเกสคว้าชัยชนะ 3-1 แม้ว่าจะมีเปเล่เป็นตัวจริงก็ตาม ส่งผลให้ทีมตกรอบแรก นั่นจะเป็นครั้งเดียวที่เปเล่ไม่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก

เป้าหมายที่พัน

ระหว่างฟุตบอลโลกครั้งหนึ่งกับอีกถ้วย เปเล่คว้าแชมป์นับไม่ถ้วนกับซานโตส สโมสรที่เปิดเผยตัวเขาและเล่นให้กับเขาเกือบตลอดอาชีพการงาน สำหรับ Peixe แล้วที่ King ได้รับตำแหน่งแชมป์ของ Conmebol Libertadores และ Mundial Interclubes ในปี 1962 และ 1963 สำหรับสโมสร Baixada Santista เขายังได้รับตำแหน่งระดับชาติและใช้ชีวิตในช่วงเวลาพิเศษที่ Maracanã ในปี 1969 ต่อหน้าผู้คนเกือบ 200,000 คน คิงทำประตูที่ 1,000 ในอาชีพของเขา

จากจุดโทษที่เตะต่ำเอาชนะผู้รักษาประตู Andrada จาก Vasco da Gama และพบตาข่ายของวัดแห่งฟุตบอลโลก ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ซึ่งงดงามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อกษัตริย์ได้อุทิศเพลงให้กับเยาวชน: "นึกถึงคริสต์มาส คิดถึงเด็กๆ (...) อาหาร ช่วยเด็กที่ยากไร้ซึ่งต้องการเพียงเล็กน้อยจากผู้ที่มี มาก” เขาบอกกับสื่อมวลชน

ไตรและพิธีราชาภิเษกในเม็กซิโก

ที่ฟุตบอลโลกปี 1970 เปเล่ตอกย้ำตำแหน่งของเขาในฐานะผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ราชันเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ด้วยสี่ประตูและหกแอสซิสต์ นำบราซิลไปสู่ตำแหน่งแชมป์ ในเกมแรกเขาทำแต้มกับเชโกสโลวะเกีย ในเกมกับอังกฤษ เขาจ่ายบอลให้กับเป้าหมายของ Jairzinho ซึ่งเป็นประตูเดียวของการแข่งขัน พบกับโรมาเนีย อีกสองประตูสำหรับบัญชีของราชัน ในรอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับเปรู เปเล่มีส่วนร่วมกับสี่ประตูในชัยชนะ 4-2 แต่ก็ไม่ทิ้งเขา

ในรอบรองชนะเลิศ คู่แข่งคืออุรุกวัย และเปเล่ได้แสดงในช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดช่วงหนึ่งในอาชีพของเขา ราชันเปิดบอลลึกหลอกผู้รักษาประตูมาซูร์เคียวิคซ์เพียงแค่ใช้ร่างกายของเขาและเปิดประตูไว้เพื่อทำประตูที่ยอดเยี่ยม แต่ลูกยิงนั้นข้ามคานออกไป และลูกยิงนั้นกลายเป็น "ประตูที่เปเล่ไม่ได้ประตู" ในนัดชิงชนะเลิศ เปเล่แสดงความหรูหราเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ต้องสงสัยเลยเกี่ยวกับสถานะของเขาในวงการฟุตบอล มันเป็นบทเรียนฟุตบอลตั้งแต่ต้นจนจบ ราชันเปิดบ้านเอาชนะอิตาลี 4-1 โดยได้ลูกโหม่งและจ่ายบอลให้ประตูที่สี่โดยคาร์ลอส อัลแบร์โต ตอร์เรส

จนถึงทุกวันนี้ เปเล่เป็นผู้เล่นคนเดียวที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นหมายเลข 10 ของการคัดเลือกในการพิชิตฟุตบอลโลกสามครั้ง ต่อหน้าอัซเตก้าที่ขายหมดเกลี้ยง เปเล่กล่าวอำลาฟุตบอลโลกเหมือนเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมเสมอมา อันเป็นที่รักของชาวเม็กซิกัน นักเตะถูกแฟนบอล นักข่าว และตำรวจพาขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่บุกเข้าไปในสนามหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย

อำลาเป็นมืออาชีพ

เปเล่กล่าวอำลากับอมาเรลินญาด้วยวัยเพียง 31 ปีในปี 1971 ต่อหน้าฝูงชนที่มาราคาน่าที่แออัด กษัตริย์อยู่ในทีมบราซิลที่พบกับยูโกสลาเวียในวันที่ 18 กรกฎาคม เกมจบลงด้วยผลเสมอ 2-2 โดยได้ประตูจากเกอร์สันและริเวลลิโน แต่ผลที่ตามมาคือข่าวการแข่งขันน้อยที่สุดซึ่งเกิดจากการเกษียณของ King Pelé ขึ้นชื่อว่ามีสมรรถภาพทางกายที่โดดเด่น เขายังสามารถขยายเส้นทางของเขาด้วยการคัดเลือก แต่เขาเลือกที่จะจบด้วยโน้ตเสียงสูง นั่นคือวิธีที่เขากำหนดการตัดสินใจนั้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าในวันที่ 11 กรกฎาคม 1971 ในวันนั้น บราซิลเผชิญหน้าและเสมอกับออสเตรีย 1-1 ที่เมืองโมรุมบีในเซาเปาโล

เปเล่ยิงประตูสุดท้ายจาก 95 ประตูให้กับทีมชาติ เมื่อเผชิญกับการร้องขอหลายครั้งให้เขาอยู่ต่อไปจนถึงฟุตบอลโลกปี 1974 เปเล่ตัดสินใจบอกลาการคัดเลือกในช่วงเวลาสำคัญ “ฉันไปตอนนี้เมื่อทุกคนต้องการให้ฉันอยู่ มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ต้องจากไปเมื่อทุกคนคิดว่าถึงเวลาแล้ว” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์โดยยังคงอยู่ที่ Morumbi

ครั้งสุดท้ายในปี 2533

บนสนามหญ้าของ Giuseppe Meazza ในมิลาน เปเล่ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายในสนามโดยสวมเสื้อทีมชาติบราซิล ในการกระชับมิตรเพื่อฉลองพระชนมพรรษา 50 พรรษาของกษัตริย์ ทีมชาติซึ่งมีเปาโล โรแบร์โต ฟัลเกาเป็นโค้ช ได้เล่นกับทีมที่รวมกันจากส่วนที่เหลือของโลก ซึ่งมีสตาร์อย่างมาร์โก ฟาน บาสเท่น ฮริสโต สตอยคอฟ และจอร์จ ฮากี บราซิลแพ้ 2-1 แต่ความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ของคืนนั้นคือเปเล่ ซึ่งเดินออกจากสนามพร้อมเสียงปรบมือจากแฟนๆ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่กษัตริย์สวมปลอกแขนกัปตันทีมบราซิล

ในปี 2012 กลับไปที่ Rasunda

54 ปีหลังจากคว้าแชมป์โลกครั้งแรก เปเล่กลับมาที่ราซุนดาในสตอกโฮล์มเพื่อรำลึกถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1958 งานเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของสนามกีฬาซึ่งถูกทำลายเมื่อปลายปี 2012 ในวันก่อน กระชับมิตรระหว่างบราซิลและสวีเดน ทั้งสี่ไปที่สนามหญ้า Rasunda เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งพวกเขาได้พบกับชาวสวีเดนบางคนที่เป็นคู่แข่งกันในนัดชิงถ้วย

"ฉันจำได้ทุกอย่าง" ในเวลานั้น กษัตริย์ตรัสขณะให้สัมภาษณ์กับนักข่าว "ความรู้สึกในการช่วยเหลือบราซิลนี้ยังคงอยู่ บราซิลเริ่มต้นที่นี่ ก่อนปี 1958 ไม่มีใครรู้จักบราซิล" เปเล่เน้นย้ำ

รูปปั้นที่พิพิธภัณฑ์ทีมชาติบราซิล

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งที่ 3 ในปี 1970 เปเล่ได้รับรางวัลพิเศษจาก CBF หน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดของฟุตบอลบราซิลสร้างรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงโดยวัดจากตัวกษัตริย์เอง เพื่อทำให้พระองค์เป็นอมตะในพิพิธภัณฑ์ทีมชาติบราซิล ชิ้นส่วนนี้ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในริโอ เดอ จาเนโร ถูกนำเสนอให้เขาในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ที่เมืองกัวรูจา ที่บ้านของเปเล่

พระราชารู้สึกยินดีกับการผลิตซ้ำอย่างซื่อสัตย์ว่าเขาเป็นอย่างไรในการแข่งขันชิงแชมป์ครั้งที่สาม ด้วยความประทับใจในความคล้ายคลึงกัน เขาพูดติดตลกและอวยพรให้เพื่อนใหม่ของเขาโชคดี "ให้ตายเถอะ เขาสวยกว่าฉัน เขาสมบูรณ์แบบ! โชคดี เปเลซินโญ่" เขากล่าว



ข้อมูลจาก https://www.cbf.com.br/