จักรวาลอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ยังมีดาวเคราะห์สีฟ้าสวยที่สุด ภายใต้ผืนแผ่นฟ้า ยังมีน้ำใสสีครามและพื้นแผ่นดิน ชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้..."โลกใบสุดท้าย"
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Devil in Destiny Machines (ปิศาจพยากรณ์) ภาค 1 ส่วนที่ 2

กิ๊บเดินมารวมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งกำลังรุมดูอยู่ที่เครื่องทำนายไพ่ยิบซี
“อ้าว..กิ๊บแกดูเสร็จแล้วเหรอ” เจี๊ยบทักแต่กิ๊บทำหน้าเครียด ๆ ได้แต่พยักหน้าไม่พูดไม่จาอะไร
“แล้วนี่ทำไมเครื่องมันยังไม่ทำงานต่อวะแก ฉันก็ใส่ผมกับเล็บไปแล้วนะ”
ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจรอการประมวลผลของตู้ยิบซีอยู่นั้น นิดก็แอบหยิบใบเซียมซีออกมาแอบอ่านคำทำนายของตัวเองว่าเขียนไว้ว่าอย่างไร เนื่องจากเธอเองก็กำลังรอหาจังหวะที่จะได้เปิดอ่านเสียที
“เซียมซีใบที่ ๒๖
ชีวิตอาจตกสู่กลางเหว เดินเท้าไม่หวั่นเกรง ใจนักเลงต้องสู้มัน
หนทางสั้นนั้นยังว่ายาว หาทางก้าวอย่าท้อถอย
เวลาไม่รอคอย อย่าท้อถอยต้องสู้ทน
ชีวิตวันข้างหน้า ต้องนำพาสู่ความฝัน
ขยันและอดทน สู้ดิ้นรนจนยิบตา
สิ่งใดที่เคยตั้ง จงสมหวังหากไม่ล้า
หนทางวันข้างหน้า ในไม่ช้าจะถึงเอง....
ความรักไม่ปักจิต คนเคยคิดไม่ปักใจ
คนจริงอยู่ไม่ใกล้ คนไกลไม่ใช่จริง
มีเพียงรักบางสิ่ง ที่เป็นจริงหรือลวงตา
ปรารถนาที่คนมอง ความรักมักทำพิษ
ไม่สุจริตจิตคิดหม่นหมอง
ความรักต้องประคอง ใจทั้งสองเดินคู่กัน
ปัญหามีไว้แก้ อย่ายอมแพ้ยังมีหวัง
รักนี้ไม่ถึงพัง หากเจ้านั้นไม่ลวงใจ”
หลังจากนิดอ่านข้อความทั้งหมดในใบเซียมซีจบแล้วก็รีบพับเก็บมันไว้ในกระเป๋า แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหันไปสนใจเพื่อน ๆ ที่ตู้ทายไพ่ยิบซี ซึ่งตอนนี้มันได้ปรากฏข้อความให้อ่านแล้ว
“กฎข้อที่ ๒.
ไพ่นี้มีเพียงสาม (ตามประสงค์)
ต้องจำนงต่อจิตใจ
ความคิดที่ฝันใฝ่ อยู่ในใจอย่างซื่อตรง
เจ้าจงถามสามสิ่ง บอกความจริงในจิตใจ
จะได้มานั้นหรือไม่ อยู่ที่ใจเจ้าเลือกเอง...
.........................................................
...........................................................”
ข้อความค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาที่ตรงกลางจอ จนเมื่อเหมียวอ่านจบ ข้อความนี้ก็อันตรธานหายไปแล้วปรากฏใหม่ตรงที่เดิมดังนี้...
“ความจริงที่ได้รับ จะมากมายฤาล้ำค่า ขึ้นอยู่เจ้าเลือกมา...ตามกำลัง”
“อาหารใดที่เจ้าจักให้ จงบอกมา ”
“๑. เลือด”
“๒. เนื้อ”
“๓. ความสุข”
“๔. ชีวิต”
“๕. วิญญาณ”
“ว่าไงพวกแก...เลือกอะไรดี”
ถึงคราวตัวเองเหมียวก็เริ่มลังเลที่จะเลือกบ้างแล้ว
“เลือก ๆ ไปเหอะไม่มีอะไรหรอก” นิดพูดขึ้นเหมือนทุกครั้ง
“………...” กิ๊บเงียบสนิทจนน่าแปลกใจ
“กิ๊บ แกเป็นอะไรไปวะ แปลก ๆ นะแก” นิดมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“คงจะคิดมากเรื่องคำทำนายนั่นมาแน่ ๆ เลย” เหมียวเดาได้แม่นมาก
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลยมันก็เป็นแค่เกมส์ตู้ธรรมดาไม่มีอะไรหรอกกิ๊บ” นิดปลอบใจ
“ใช่ กิ๊บ แกคิดมากไปหรือเปล่า มันก็เหมือนกับที่เราไปเล่นจับคู่ภาพเหมือนในตู้เกมส์นั่นแหละน่า”
เจี๊ยบช่วยปลอบใจเพื่อนด้วยอีกแรง
มันทำให้กิ๊บรู้สึกดีขึ้นเมื่อคิดเสียว่ามันก็เป็นแค่ตู้เกมส์อย่างหนึ่งที่เคยเล่นมาก็เท่านั้น
“เอาล่ะ ฉันเลือกเป็น ข้อ ๓. ละกันนะ ไม่รู้ปิศาจจะชอบกินหรือเปล่านะ” เหมียวพูดเล่นอย่างไม่กลัว
ไพ่ยิบซีปรากฏขึ้นจนเต็มหน้าจอและมันคว่ำหน้าทั้งหมดทุกใบ ต่อไปเป็นการเลือกไพ่ขึ้นมาสามใบจากทั้งหมดที่มีวางอยู่บนหน้าจอ
ดนตรีประกอบบรรเลงเป็นทำนองที่กระตุ้นต่อมความตื่นเต้นเร้าใจให้อยู่ในจังหวะของการเล่นเกมส์
”เอา...ใบนี้หนึ่งใบ” เหมียวสัมผัสไปบนภาพด้านหลังของไพ่ใบที่หนึ่ง
“แล้วก็ใบนี้”
“อันนี้ใบสุดท้ายละ”
ไพ่ที่เหมียวได้เลือกแล้ว ค่อย ๆ พลิกกลับมาให้เห็นภาพด้านหน้าของมันอย่างช้า ๆ ทีละใบตามลำดับที่ได้สัมผัสไปก่อนหลัง
“ไพ่หมายเลข 18 The Moon” (ไพ่ใบนี้เป็นรูปสุนัขเห่าดวงจันทน์)
“ไพ่หมายเลข 6 The Lover” (ไพ่ใบนี้มันเป็นรูปนางฟ้ามีปีกสีขาวกับบริวารที่เป็นผู้ชายยืนเปลือยกายอยู่ทางขวา และ ผู้หญิงเปลือยกายอยู่ทางด้านซ้าย)
“ไพ่หมายเลข 13 Death” (ไพ่ใบนี้เป็นรูปหัวกะโหลกในผ้าคลุมสำนั่งอยู่บนม้าสีดำตัวใหญ่ ในมือถือเคียวคมยาว ใช้สำหรับเกี่ยววิญญาณ)
“ฉันกลัวไอ้ไพ่ใบที่สามนี้จังเลยว่ะ” เหมียวเห็นภาพแล้วก็คิดมาก หน้าตาหายร่าเริงไปชั่วขณะ
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ก็แค่เล่นสนุก ๆ เท่านั้น” นิดปลุกความซ่าของเหมียวขึ้นมาอีกครั้ง
ไพ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกำลังกระเด็นกระจายออกไปจากหน้าจอ มันกระเด็นออกไปด้านหลังคงเหลือไว้แต่ไพ่ใบที่ถูกเลือกทั้งสามซึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาให้ดูใกล้ขึ้นพอเรียงกันจากซ้ายไปขวาได้เต็มจอ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกับเพลงบรรเลงแบบเดิม และปรากฏข้อความขึ้นใต้ไพ่ทั้งสามใบว่า...
“กฎข้อที่ ๓.
ไพ่นี้เป็นความลับ เจ้าเลือกแลกด้วยชีวิต จึงได้มา
บทความตามพรรณนา ต่อจากนี้ มีจากใจ
ทุกอย่างอยู่ที่เจ้า สิ่งใดเล่าที่เลือกมา
บทความตามพรรณนา มันก็มาจากเจ้าเอง
คำทำนายมิใช่บทเพลง อย่าบรรเลงให้ใครฟัง
…………………………………………….
…………………………………………….”
ข้อความยังคงปรากฏขึ้นที่หน้าจอ แต่เสียงเพลงบรรเลงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นทำนองที่รุนแรงดุดันแล้วจู่ ๆ ก็จบลงเพียงสั้น ๆ อย่างทันทีทันใด ตามต่อขึ้นมาด้วยเสียงคล้ายเครื่องจักรภายในเครื่องกำลังทำงานอะไรบางอย่าง
“ป้อง ป้อง ป้อง”
เสียงไพ่ยิบซีจำนวนสามใบหล่นลงในช่องหยิบข้างล่างของตู้ไพ่ยิบซีนี้
“นั่นมันไพ่ยิบซีนี่” เหมียวย่อตัวลงนั่งแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบไพ่ที่ช่องดังกล่าวข้างล่างตู้ แล้วเอามันขึ้นมาดู
“ไพ่ใบที่ฉันเลือกนี่”
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนใจกับไพ่ที่อยู่บนมือเหมียว เครื่องทำนายไพ่ยิบซีกำลังดับลง โดยไม่มีใครได้สนใจอีกเช่นเคย
ส่วนไพ่ที่เหมียวได้รับมามีทั้งหมดสามใบ ตามที่เหมียวได้เลือกไว้ ด้านหนึ่งเป็นรูปภาพที่เหมียวเลือกอีกด้านหนึ่งเขียนคำทำนายของแต่ละภาพเอาไว้
“ไหน ๆ ฉันขอดูบ้างสิเหมียว” กิ๊บอยากรู้ความหมายนั้นมากพยายามจะแย่งมันออกมาจากมือเหมียว
“ไม่ได้หรอกนะ เขาให้เป็นความลับนี่นา”
“ถ้าอย่างนั้นเดี่ยวเธออ่านเสร็จมาแลกกันดูกับฉันเอาไหม” นิดต่อรองเพราะความอยากรู้
“อะ อะ ก็ได้”
“เอาอย่างนี้นะ ถ้าใครไปเล่นที่ตู้ไหนมาก็ให้เก็บไว้ก่อนเดี่ยวเราค่อยมาแลกกันดูก่อนกลับละกัน”
เจี๊ยบเสนอเพื่อตัดปัญหา
“เราลองไปหาตู้อื่นดูกันอีกดีกว่า เจี๊ยบยังไม่ได้ดูเลย” เหมียวบอกกับทุก ๆ คน แล้วเดินจ้ำไปตรงอื่นต่อ
“เดี่ยวฉันขอกลับไปดูตู้เซียมซีตรงนั้นก่อนละกันนะ” กิ๊บบอกเพื่อน ๆ พร้อมกับชี้มือไปทางที่จะไปแล้วเดินออกมาจากกลุ่ม
“นั่นลองไปดูทางนั้นกันดีกว่า” นิดชี้ชวน
“โห...น่ากลัวว่ะไม่เอาหรอก นี่มันตู้อะไรกันนี่” เจี๊ยบปฏิเสธด้วยความเกรงกลัว เพราะตู้นี้มันมีรูปปั้นครึ่งตัวของปิศาจที่น่าเกลียวน่ากลัวมากอยู่ในตู้ทำนายนั่นและมันเหมือนมีชีวิตจริง ๆ
“เจี๊ยบ แล้วแกอยากจะไปดูตู้อะไรล่ะ” เหมียวถาม
“ฉันอยากจะหาตู้พยากรณ์ตามวันเกิดนะสิ”
“เออก็ดีเขาว่าดูแบบนี้แม่นที่สุด” นิดพูดตามที่เคยได้ยินมา
“เราไปเดินหาตู้พยากรณ์กันดีกว่า” ถึงเวลาของเจี๊ยบออกนำเพื่อนทุกคนแล้ว เธอเดินไปก่อนใคร
ในขณะที่เพื่อนทั้งสามกำลังหาตู้พยากรณ์ดวงชะตาอยู่นั้น ทางฝ่ายของกิ๊บก็กำลังเล่นเกมส์กับตู้เสี่ยงเซียมซีอยู่
“ความจริงที่ได้รับ จะมากมายฤาล้ำค่า ขึ้นอยู่เจ้าเลือกมา...ตามกำลัง”
“สิ่งใดที่เจ้าแลก จงบอกมา ”
“๑. ความสุข”
“๒. ชีวิต”
“๓. วิญญาณ”
.......ข้อความบนหน้าจอของตู้เซียมซีปรากฏขึ้น พร้อมเสียงดนตรีที่เหมือนมีมนตร์ตรายึดดวงจิตดวงใจของกิ๊บให้หลงใหลต้องในคำสาปสะกดนั้น......เพียงแต่ว่าสิ่งที่จะแลกได้เหลืออยู่เพียงสามสิ่งเท่านั้น นี่เป็นเพราะว่าเธอได้เลือกข้อ ” ๒. เนื้อ” ไปแล้วตั้งแต่ตู้ดูลายมือ ดังนั้นเมื่อเสียเนื้อย่อมต้องเสียเลือดด้วยเป็นธรรมดา จึงทำให้ข้อ “๑.เลือด” และ ข้อ “๒. เนื้อ” นั้นหายไป ตอนนี้จึงทำให้เธอเหลือเพียงสิ่งที่เหลือให้เลือกอยู่เพียงเท่านี้
กิ๊บไม่ได้ใส่ใจหรอกว่ามันจะมีให้เลือกสักกี่ข้อ ถึงแม้จะมีให้อีกสิบข้อเธอก็คงเลือกทั้งสิบ เพราะเธออยู่ในอารมณ์ที่เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง เธอจึงเลือกสัมผัสปุ่มไปที่ข้อ “๑. ความสุข”
ทันใดนั้นหน้าจอทั้งหมดก็ถูกลบออกไป ค่อย ๆ ปรากฏข้อความใหม่ขึ้นพร้อมกับเสียงบรรเลงเพลงบทใหม่ที่ฟังดูลึกลับและวิเวกวังเวง....
“กฎข้อที่ ๓.
ความลับแห่งสวรรค์ จะสรรค์เสกให้เป็นจริง
มีเพียงอยู่บางสิ่ง ที่เจ้า...ต้องทำตาม
บทความ...ต่อไปนี้ มีเรื่องดี มีเรื่องร้าย
ฟ้าดินจักทำนาย ให้กลาย...แต่เรื่องดี...
เรื่องนี้...เป็นความลับ จงระงับอย่าแพร่งพราย
เจ้านั้นสมควรตาย หากเจ้านั้นเฉลยมัน...”
“ O...สัญญา สาบาน ด้วยชีวาวาย”
กิ๊บไม่รีรอเมื่อมันปรากฏขึ้นเธอก็กดปุ่มรับคำสัญญาทันทีทันใด โดยไม่ต้องอ่านข้อความเลย....
“ถ้อยแถลง แสดงความ ตามใจเจ้า
สิ่งใดเล่าที่เจ้าถาม ตามอธิษฐาน
ดลจิตคิด ดลจิตฝัน ดลบันดาล
ให้พานสบ พบสิ่งดี...”
“...หากเจ้าทุกข์ใจร้อนกาย ให้เศร้าหมอง
จงประคองลองตามเซียมซี ชี้เฉลย
ความในใบเข้าทำนองตามจริงนั้นใช่เลย
ด้วยมิเคยทายใครให้ผิดคำ…”
สักพักหนึ่งกระดาษใบเซียมซีใบเก่า ๆ ก็โผล่ออกมาจากช่องข้างล่าง กิ๊บรีบก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที...
“เซียมซีใบที่ ๑๔ สวยรูปจูบมิหอม เข้าทำนองแต่หนหลัง แต่งตัวเหลือกำลัง จึงน่าชังจากข้างใน จิตใจ
ไม่คงมั่น มักช่างฝันให้ได้มาชอบติฉินคำนินทา รักแล้วลาไม่ใยดี คนดีต้องหนีจาก เพราะเรื่องมากตนช้ำใจ วันคืนไม่สดใส มิอาจโน้มให้ใจงาม ชีวิตนั้นไม่นานนัก เดินทางลัดดั่งต้องมนตร์ วิถีมิมีถนน ช่างวกวนแลวนเวียน หนทางอย่างป่าเขา พอทำเนาให้หักเห เดินทางเหมือนร่อนเร่ ชีวิตชอบลังเล หันเหดั่งต้องลม ชีวิตจึงผสมด้วยลั่นทม และ ลำเค็ญ
ปัญญาฉลาดหลัก ปัญหาหนักใช้ไม่เป็น สิ่งดีจึงไม่เห็น เพราะไม่เป็นด้วยปัญญา ความคิดย่อมตรึกตรอง แต่ทั้งผองใช้เพื่อบ้า ความคิดพิจารณา นำพามาให้เป็นภัย ปัญหาใหญ่หลวงนัก ใครก็ทักแต่ไม่ฟัง ปัญญาท่วมหัวพัง มิอาจรั้งให้เย็นใจ คนดีมีเป็นสิบ แต่ไม่คิดเลือกคนบ้า ทุกอย่างต้องตามตำรา เรื่องนี้หนาจงระวัง
เนื้อคู่มี มิใช่เนื้อคู่แท้ คู่แน่ ๆ มีอยู่ไม่รู้หมาย ชีวิตนี้มีรักอย่างมากมาย แต่สุดท้ายก็เลือกได้ เพียงสามคน คนหนึ่งก็เห็นว่าเป็นบ้า บ้าตัณหา บ้าราคะ บ้าสับสน คนสองเหมือนดั่งโดนของต้องมนตร์ อยู่มิทนแล้วจากไปไม่กลับมา คนสุดท้ายได้หวังเป็นที่พึ่ง อยู่มิถึงนานก็จางหาย เหนื่อยรัก เหนื่อยใจ เหนื่อยกายา สุดท้ายมาอยู่เงียบอย่างเดียวดาย”
ในขณะที่เธอยืนอ่านใบเซียมซี เครื่องเซียมซีได้ดับลงไปแล้ว ทิ้งไว้ก็แต่กิ๊บเท่านั้นที่ยังไม่ดับความเครียดที่ตอนนี้มันสุมเป็นไฟลุกขึ้นอยู่ในใจของเธอเอง
“บ้า! มันไม่จริง ทำไมมันเหมือนกันอย่างนี้ เป็นไปไม่ได้” กิ๊บอยู่ในอาการที่ควบคุมอารมณ์โมโหโกรธานั้นไว้ไม่อยู่
เธอเอาใบเซียมซีที่เพิ่งอ่านจบมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่เธอกำลังฉีกเสียงโหยหวนร้องครวญครางเหมือนใครต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ดังขึ้นก้องไปทั่ว มันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของกิ๊บด้วยเช่นกัน กิ๊บร้องกรี๊ดด้วยความตกใจกลัวแล้วโยนเศษกระดาษที่ฉีกเป็นชิ้น ๆ นั้นทิ้งไป แล้วรีบจ้ำเท้าเดินมาหาเพื่อน ๆ ทันที
เศษส่วนชิ้นเล็กชิ้นน้อยของกระดาษเซียมซีปลิวไปพร้อมกับลุกติดไฟขึ้นเผาตัวจนเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่รู้สาเหตุ…ที่สำคัญไม่มีใครได้สังเกตมันเลย
เพื่อนทั้งสามสาวกำลังศึกษาวิธีเล่นจากตู้พยากรณ์ กำลังหันมามองกิ๊บเป็นสายตาเดียวกันด้วยความสงสัยที่กิ๊บแผดเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่นอย่างนั้น พวกเธอกำลังมองไปที่กิ๊บตั้งแต่จ้ำเท้าเข้ามาหาจากที่ตู้เซียมซีตรงนั้นแล้ว
“แกเป็นอะไรวะ ร้องซะเสียงดังลั่นเลย” นิดถาม
“ก็ไอ้ตู้เซียมซีบ้านั่นนะสิ”
“แกก็อย่าไปซีเรียสมันนักเลยวะ คิดเสียว่าหมอดูก็คู่หมอเดา หรือไม่ก็คิดว่ามันเป็นตู้เกมส์หยอดเหรียญธรรมดา ๆ เครื่องหนึ่งก็พอ” เหมียวเตือนกิ๊บให้ได้สติ แต่ไม่ได้ผล
“อย่างนี้ละกัน แกมายืนดูเจี๊ยบมันเล่นตู้พยากรณ์นี่ละกันเผื่อว่ามันจะดีขึ้นมาบ้าง” นิดเรียกให้เข้ามาร่วมวงในใกล้ ๆ
“เอาล่ะทีนี้ เจี๊ยบแกเริ่มเล่นต่อได้ละ” เหมียวพูดขึ้นและทุกคนตอนนี้ก็พร้อมหน้ากันแล้ว
“ฉันพิมพ์วันเดือนปีเกิดละนะ” เจี๊ยบพิมพ์ข้อมูลวันเดือนปีเกิดของตัวเองบนแป้นคีย์บอร์ดแบบที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป มันจึงเป็นตู้ทำนายดวงอีกเครื่องหนึ่งที่ทันสมัยมาก
“เวลาเกิด” ข้อมูลสุดท้ายที่เจี๊ยบต้องชะงัก
“เวลาเกิดฉันไม่รู้วะ รู้แต่ว่าเป็นช่วงค่ำ”
มันน่าเหลือเชื่ออย่างที่สุดเพียงแค่การสนทนากันของกลุ่มสาวทั้งสี่คน ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้นอย่างพอที่จะเดาได้ว่ามันคืออะไร...
“ความจริงมิอาจเร้น แต่ต้องเน้นแสวงหา
ข้อมูลที่ได้มา จะถามหาความเป็นจริง
จงหาของบางสิ่ง อันที่จริงอยู่กับตัว
มันอยู่ข้างบนหัว ไม่ต้องกลัวแค่เส้นเดียว”
“ฉันทายไม่ผิดว่าต้องเป็นเส้นผมแน่เลย” เหมียวรู้ความหมายดีเพราะเคยเจอกับตัวมาแล้ว
“กิ๊บแกช่วยดึงผมให้ฉันสักหนึ่งเส้นสิ”
“ได้สิ เดี๋ยวนะ อยู่นิ่ง ๆ นะ” กิ๊บกำลังเล็งจับเส้นผมที่ผ่านการดัดมาจนหยิก จนได้มาตามที่สั่ง
“ฉันต้องเอามันใส่ลงไปในช่องนี้ใช่หรือเปล่า ?” เจี๊ยบถามเพื่อน ๆ แต่ก็หย่อนผมลงไปแล้ว
หลังจากเครื่องประมวลผลได้สักพักหนึ่ง จึงได้แสดงข้อมูลขึ้นอีกครั้งด้วยข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ
“เจ้านั้นเกิดเมื่อยาม ๗ หรือ ๗ โมงเช้า”
เครื่องพยากรณ์ไฮเทคชี้แจงช่วงเวลาที่เจี๊ยบเกิดได้จากเพียงผมเส้นเดียวเท่านั้น
“สุดยอดไหมละ ใครนะช่างคิดเครื่องนี้ได้ อยากรู้จักจริง ๆ”
ข้อความใหม่กำลังถูกแทนที่บนหน้าจออย่างช้า ๆ
“ความจริงที่ได้รับ จะมากมายฤาล้ำค่า ขึ้นอยู่เจ้าเลือกมา...ตามกำลัง”
“สิ่งใดที่เจ้าแลก จงบอกมา”
“๑. เลือด”
“๒. เนื้อ”
“๓. ความสุข”
“๔. ชีวิต”
“๕. วิญญาณ”
ตอนนี้ทุกคนคุ้นเคยกันดีกับข้อความที่ขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องคิดมากในการเลือก
“ฉันเลือกข้อ ๑.นะ”
“เฮ้ย เดี่ยวสิ ไม่ลองเอาข้อสี่ข้อห้าดูบ้างล่ะ เลือกข้อแรง ๆ จะได้คำทำนายเยอะ ๆ ไงล่ะ” นิดพูดแทรกขึ้นจนเจี๊ยบต้องหยุดชะงักกะทันหันก่อนที่จะเอื้อมไปสัมผัสถึงหน้าจอ
“ไม่เอาล่ะ ฉันเลือกข้อนี้ก็ดีแล้ว”
“ไอ้นิดแกไปยุ่งเรื่องของเจี๊ยบทำไมวะ ดวงมันก็ตามใจมันเหอะน่า” กิ๊บบ่นใส่อย่างหงุดหงิด
เจี๊ยบไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เมื่อเห็นว่าเพื่อนหยุดปัญหาลงได้แล้ว เธอเริ่มทำเกมส์ให้จบโดยเร็ว
......................................................................................
ที่ห้องสตูดิโอถ่ายรูป ภายในบริเวณเดียวกันกับตู้ทำนายดวง นักศึกษาสาวทั้งสี่คนถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว อยู่ในระหว่างที่นั่งรอรูปจากเครื่อง
“ไหนเจี๊ยบฉันขอดูใบพยากรณ์ของแกหน่อยสิ ว่าเป็นไงบ้าง” กิ๊บขออ่าน
“แล้วเหมียวล่ะ ไพ่ยิบซีสามใบที่ได้มา ได้อ่านหรือยัง” เจี๊ยบถาม
“อย่างนี้ละกันนะ เดี่ยวฉันอ่านของเจี๊ยบให้พวกแกฟังก่อนละกัน” เหมียวหยิบใบพยากรณ์ของเจี๊ยบมาอ่านออกเสียงดังจนได้ยินกันทั่ว
“ดวงเจ้านั้นตกต้องยามตามเกิด พระราหูเข้าพระเสาร์แทรกนั้นเล่า แม้ยามเกิดเจ้าแลแม่ย่อมต้องลำบาก ด้วยเกิดยากยิ่ง จะตายก็แต่ยังน้อย มักเลี้ยงยากเพราะมีโรคาพยาธิมากจึงเจ็บป่วยได้ไข้อยู่บ่อย ชะตาจำต้องนำพาให้จากที่อยู่ พ่อแม่หักมักทุ่มเถียงซึ่งกันมิสามัคคี เพื่อนจะนำทุกข์ร้อนมาให้ คราวเคราะห์นั้นต้องเสียขา เสียตา เสียตีน พิการขาซ้าย หรือ ง่อยเปลี้ย แต่ว่าใจเย็นเดินได้ทางถูกก็มิต้องเสีย อาจจะต้องตกเป็นชู้ด้วยมิรู้ เบื้องต้นต้องลำบากหากผ่านพ้น บั้นปลายชีวิตจึงจะสบายแล ชายต่ำต้อยดำแดงอยู่ทางทิศบูรพาจะได้เป็นที่พึ่ง ให้ฤทธิ์โทษบรรเทาเคราะห์ร้ายหายสูญ” เหมียวอ่านจบแล้ว แต่ทุกคนยังนิ่งรอฟังใบต่อไป
“เออ ฉันก็ว่าใช่นะตอนเกิดแม่บอกว่ารกพันคอ กว่าหมอจะช่วยได้เกือบตายเหมือนกัน ส่วนทุกวันนี้พ่อแม่ฉันก็ทะเลาะกันได้บ่อย ๆ ทำเอาฉันเบื่อไปเลย แล้วเรื่องเจ็บไข้พวกแกก็เห็นว่าเดี่ยวฉันก็เป็นนู่นเป็นนี่ตลอด เพื่อนพาทุกข์ร้อนมาให้ก็พวกแกไงที่ชอบหาเรื่องมาให้ฉัน” เจี๊ยบกำลังจะพูดต่อ แต่รู้ว่าอาจจะต้องถูกเพื่อนด่าแน่
“อย่างหลังน่ะ ฉันล้อเล่น” เจี๊ยบพูดทันก่อนที่เพื่อน ๆ จะอ้าปาก
“แล้วชายต่ำต้อยละเจี๊ยบ แกหาได้ยังทิศบูรพานะ” นิดแซวจนทำให้ทุกคนนั่งหัวเราะไปพร้อม ๆ กัน
“ต่ำต้อยหรือว่าเป็นเจ้าชายกบวะพวกแก” เหมียวแซวเสริมขึ้นมาอีกยิ่งทำให้บรรยากาศหายเครียดไปได้สนิท
“ถ้าอย่างนั้นเหมียวแกอ่านคำทำนายจากไพ่ของแกให้พวกฉันฟังบ้างสิ” กิ๊บทวง เพราะจริงแล้วเธออยากรู้เรื่องของเพื่อน ๆ บ้างว่าจะเลวร้ายเหมือนอย่างเธอหรือไม่
“ได้สิ เอาล่ะ ฉันอ่านล่ะนะ นี่ใบนี้ก่อนละกัน” เหมียวหยิบไพ่ใบที่หนึ่งออกมามันเป็นรูปดวงจันทน์ที่มีสุนัขกำลังนั่งเห่าหอนอยู่
“ไพ่หมายเลข 18 The Moon อารมณ์ช่างหวั่นไหว จิตใจเกิดความสับสนจนกดดันความสัมพันธ์ไม่อาจจะคืบหน้าความระแวงคลานเข้าแทนที่ ความเหงาความว้าเหว่ ขาดศรัทธาในตนเอง การเงินฝืดเคืองมีเรื่องต้องใช้จ่ายมาก” เหมียวอ่านจบแล้วก็หยิบไพ่ใบที่สองขึ้นมาแล้วอ่านต่อ
“ไพ่หมายเลข 6 The Lover...” เหมียวกำลังอ่านความหมายต่อไปแต่ต้องถูกขัดจังหวะ
“แหมเป็นรูปนางฟ้าด้วยนะ” กิ๊บเห็นรูปบนไพ่จึงได้พูดแทรกขึ้น ทำให้ทุกคนชะเง้อหน้ามามองที่ภาพบนไพ่กันใหญ่
“ความรักที่สื่อกันระหว่างชายหญิง แต่ยังต้องเลือกระหว่างความพอใจกับความเหมาะสมหรือมีความรักที่ดื่มด่ำ เป็นคนที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เจ้าชู้มีปัญหาเรื่องความรักที่มีสามคน”
“โอ้โห ! นี่เหมียวแกนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ แกผิดมากเลยในข้อหาไม่แบ่งเพื่อน” นิดแซวแล้วตัวเองก็หัวเราะเสียเอง
“นี่เหมียวขอฉันอ่านใบที่สามให้แกเองนะ”
เหมียวจึงได้ยื่นไพ่ใบที่สามให้กับกิ๊บมันเป็นรูปโครงกระดูกสวมชุดผ้าคลุมสีดำถือเคียวโง้งยาวแหลมจนดูน่ากลัว
“น่ากลัวจังเลยวะแก” กิ๊บแค่เห็นรูปก็รู้สึกไม่ดีแล้ว
“ไพ่หมายเลข 13 Death จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิต มันคือช่วงเวลาที่ต้องเริ่มเรื่องราวใหม่และเรื่องเดิมจะจบลง เช่นเดียวกับการจบสิ้นเพื่อเริ่มต้นใหม่ ความรักที่ต้องจบลง หรือ ชีวิตที่ต้องจบลงแล้วเริ่มใหม่ สุขภาพมิสู้ดีจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเสียเลือดเสียเนื้อ”
“แล้วของกิ๊บล่ะ เห็นไปมาตั้งสองเครื่อง เป็นอย่างไรบ้างล่ะ” เจี๊ยบถามถึงผลการทำนายทั้งหมด
“ขอโทษนะ ฉันเห็นว่ามันไม่ดีก็เลยฉีกทิ้งไปแล้วล่ะ”
“แล้วแกล่ะนิด แกทิ้งไปหรือยัง”
นิดยังไม่ทันตอบ เสียงดนตรีจากเครื่องถ่ายรูปก็ดังขึ้นเพื่อเรียกความสนใจมาที่รูปซึ่งกำลังออกมาจากเครื่องจำนวนสี่ใบครบคนพอดี
“ฉันว่าเราไปเอารูปแล้วก็ไปจากที่นี่กันเหอะ” นิดเอ่ยชวนเพื่อน ๆ
“ใช่ ! ฉันว่าเราอยู่ในนี้นานเกินไปแล้วนะ ดูสินี่ก็จะห้าโมงเย็นแล้วนะ ตกลงไม่ได้เดินไปที่ไหนเลย” กิ๊บเห็นด้วยเช่นเดียวกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม
“เราไปเดินเล่นแล้วหาอะไรกินกันดีกว่านะ” เหมียวเสนอ
“แล้วใบทำนายพวกนี้ล่ะ” กิ๊บถามทุกคน
“เฮ้ย เขาว่าถ้าคำนายออกมาไม่ดี ไม่ให้เอาเก็บไว้นะ ทิ้งไว้ที่นี่แหละ” เจี๊ยบคิดว่าจะทิ้งไว้ที่นี่
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเอารูปแล้วไปกันเถอะ” กิ๊บลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้ถ่ายภาพพร้อมกับเพื่อนลุกขึ้นเดินตามแล้วทุกคนก็ทิ้งคำทำนายทั้งหมดไว้ที่นี่อย่างไม่ได้สนใจมันอีกเลย
กิ๊บก้มลงหยิบรูปทั้งหมดจำนวนสี่ใบออกมาจากช่องรับรูปที่อยู่ข้างล่าง แล้วแจกให้เพื่อน ๆ คนละใบเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
“เออดีวะพวกแก มาที่นี่ยังไม่เสียเงินเลยสักบาทนะ”
เหมียวพูดถูกยังไม่มีใครเสียเงินเลย แต่บางทีอาจจะต้องเสียอะไรบางอย่างซึ่งมากกว่านั้นแทน
“ไปกันเถอะนะ” กิ๊บตัดบทขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังพินิจพิจารณาความสวยของตัวเองบนรูปหมู่นั้น
แล้วสาวสวยสี่คนเดินย้อนกลับออกมาตามทางเดินอีกครั้ง...
“นั่น ข้อความเขียนอะไรข้างบนนู่นแหนะ” นิดเห็นมันแต่ไกล
ทุกคนกำลังก้าวเดินมาใกล้ ๆ ทางออกที่มีข้อความนี้อยู่ข้างบนปากทาง แล้วอ่านมันอย่างพิจารณา

“คืนวันจันทร์แลพระจันทร์เต็มดวง
เมื่อแสงแรกฉายผ่านรัตติกาลอันยาวนาน
จุดเริ่มแห่งพยากรณ์จักอุบัติ
หากมันผู้ใดต้องอาบแสงจันทร์ฉายแห่งค่ำคืนดารา
บัญชีที่มันผู้นั้นเลือกไว้ ข้าจักทวงเอา”

ทุกคนเดินอ่านแล้วผ่านไปอย่างไม่ได้คิดแปลความหมายอะไรให้ปวดหัวอีก เพราะตอนนี้ทุกคนอยากไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจกับเสียงเพลงและอาหารมื้อเย็นแสนอร่อยเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเธอมันจบลงแล้วในความหมายที่เหมือนไม่มีอะไรนอกจากรูปคนละใบที่ถืออยู่ในมือ

ใบพยากรณ์คำทำนายทั้งหมดที่สาวทั้งสี่คน ได้ทิ้งเอาไว้ลุกติดไฟขึ้น ในขณะที่พวกเธอได้ก้าวพ้นออกไปจากทางเข้าของดินแดนพยากรณ์แห่งนี้
ไฟประดับประดาของแสงหยดดาวตรงทางเข้าดับลงทันทีพร้อม ๆ กับตู้ทำนายดวงทุก ๆ ตู้ ราวกับว่ามันได้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว ช่องทางเข้าออกแห่งนี้กำลังค่อย ๆ จาง ลางเลือนไปทีละน้อยแล้วหายไป กลายเป็นกำแพงเรียบ ๆ ธรรมดาในบัดนั้นเอง....
ติดตามอ่านส่วนที่ 3 ที่นี่
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=box-x&month=05-2008&date=13&group=1&gblog=21


Create Date : 13 พฤษภาคม 2551
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 11:07:39 น. 0 comments
Counter : 305 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonblue
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




สวัสดีชาวโลก.....
ยินดีอย่างยิ่งที่ท่านได้เข้ามาทักทาย
เราคือผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับทุกท่าน
บนโลกที่กำลังหมุนอยู่ใบนี้
เราเฝ้าดูและรายงาน...สรรค์สร้าง..
..เพื่อโลก..เพื่อเรา....
ก้าวเดินไปด้วยกันสิ เราจะเล่าให้ฟัง...

ขอบคุณท่านผู้เจริญ....
bluesky_planet@hotmail.com
Friends' blogs
[Add boonblue's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.