เรียนไปเที่ยวไป: เส้นทางบังคับ กรุงเทพมหานคร - Part V : วัดเบญจมบพิตร
ความเดิมตอนที่แล้ว
วันที่ 2 ของการทัศนศึกษาเส้นทางบังคับกรุงเทพมหานคร ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 ตามโปรแกรมในคู่มือ จะต้องเดินทางเองไปยังจุดต่างๆ แต่พอถึงวันจริง คณะทำงานก็จัดบัส 2 คัน เพื่อให้บริการพาผู้อบรมไปพร้อมกัน เหมือนเมื่อครั้งออกต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นการดี เพราะวันนี้สถานที่กระจาย หาต้องรอครบคน ก็อาจจะเสียเวลาก็ได้ วันนี้เก็บอีก 4 ที่เลยล่ะ
ในสมัยรัชกาลที่ 3 คราวศึกเจ้าอนุวงศ์ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 โปรดตั้งกองทัพรับขบถเจ้าอนุวงศ์ที่วัดแหลม หลังเสร็จศึกแล้วได้มีศรัทธาปฏิสังขรณ์วัดแหลม ร่วมกับพระเจ้าน้องยาเธอ อีก 4 พระองค์ คือ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ พระองค์เจ้าหญิงอินทนิล และพระองค์เจ้าหญิงวงศ์ ต่อมารัชกาลที่ 4 โปรดตั้งชื่อใหม่ว่า "วัดเบญจบพิตร" หมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์
กาลเวลาล่วงผ่านเข้าสู่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้มีการขยายพระนคร สร้างพระราชวังดุสิต และได้ทรงซื้อที่ดินบริเวณคลองสามเสนและคลองผดุงกรุงเกษมตอนเหนือของวัดที่ทรุดโทรมนี้ ทรงทำผาติกรรม แล้วสร้างขึ้นเป็นวัดประจำพระราชวัง พระราชทานนามว่า "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม" หมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 พระองค์รงแสดงพระราชประสงค์ให้นำพระสรีรังคารมาบรรจุไว้ภายใต้รัตนบัลลังก์ พระประธานในพระอุโบสถ
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้านี้ จึงเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยโปรดให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงค์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เป็นประธานในการก่อสร้าง และรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างหินอ่อนจากเมืองคาราร่า ประเทศอิตาลีมาใช้ประดับตกแต่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงรู้จักวัดนี้ในชื่อ "MARBLE TEMPLE"
รัชกาลที่ 5 โปรดให้จำลอง "พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก" มาประดิษฐานเป็นประธานในพระอุโบสถ โดยมีช่างญีปุ่่นช่วยปิดทอง รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคตก่อนการสร้างแล้วเสร็จ และ ณ พระแท่นรัตนบัลลังก์พระประธานนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ผู้ทรงสถาปนาวัด แล้วให้ดำเนินการต่อแล้วเสร็จครบถ้วนสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 7
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบผังพระอุโบสถเป็นแบบจตุรมุข แบบไม่เท่ากัน หลังคามุงกระเบื้องกาบกล้วย (เป็นลอน) หน้าบัน 4 ทิศ ออกแบบโดยใช้ตราพระราชลัญจกร (ตราประทับ) คือ ตราพระครุฑพ่าห์ ตราจักรรถ ตราไอยราพต และตรามหาโองการ ส่วนหน้าบันระเบียงคด เป็นตราประจำกระทรวงทั้ง 10 เหนือกรอบหน้าต่างประดับกระจกสีเป็นรูปเทพพนม และมีภาพวาด "จอมเจดีย์" ซึ่ง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นผู้เลือก พระเจดีย์ธาตุที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และ / หรือ มหาราชทรงสร้าง - เจดีย์วัดช้างล้อม – พ่อขุนรามคำแหง สร้าง
- เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล – สมเด็จพระนเรศวร สร้าง
- พระปฐมเจดีย์ - แรกสร้าง เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ดินแดน
- พระธาตุหริภุญไชย - พระธาตเจดีย์เก่าแก่ ในภาคเหนือ
- พระมหาธาตุนครศรีธรรมราช - เก่าสุด พุทธลังกาวงศ์
- พระธาตุพนม - เก่าสุด ในภาคอีสาน
- พระมหาธาตุเชลียง – เก่าสุดที่คนไทยสร้าง
- พระมหาธาตุลพบุรี - มหายานที่เก่าที่สุดในไทย
บริเวณระเบียงคด มีการจัดเรียงพระพุทธรูปยืนสลับพระพุทธรูปนั่ง ซึ่งโปรดให้อัญเชิญมาจากหัวเมืองต่าง ๆ หากไม่สามารถอัญเชิญมาได้ ก็ทรงสร้างขึ้นใหม่ โดยมีบรรดาเจ้านายหรือขุนนางร่วมสร้าง อุทิศถวาย เราสามารถเดินอ่านจารึกที่ฐานพระพุทธรูปได้ โดยรัชกาลที่ 5 มีพระประสงค์จะให้เป็นการจัดแสดงลักษณะแกลลอรี่พุทธปฎิมา เพื่อให้ประชาชนได้เห็น ชื่นชม และศึกษาลักษณะพุทธศิลป์ในสมัยต่าง ๆ รวมถึงพุทธศิลป์จากต่างชาติด้วย
และเสมาที่วัดนี้จะเป็นแบบฝังลงดิน มีลายแกะสลักบนแผ่นกระเบื้อง เป็นเครื่องว่า "เสมา" อยู่ตำแหน่งนี้
จากเขตพุทธาวาส ข้ามมายังเขตสังฆาวาสนั้น มีแนวคูน้ำคั่น และมีสะพานเหล็กหล่อสีแดง ซึ่งเป็นเหล็กหล่อจากอิตาลี สร้างด้วยเงินจากการออกร้านในงานฤดูหนาว จึงชื่อตามการออกร้าน คือ สะพานพระรูป (ทรงเปิดร้านถ่ายรูป) สะพานถ้วย (เครื่องถ้วย / เครื่องกระเบื้อง) สะพานงา (เครื่องงา)
พระที่นั่งทรงผนวช รัชกาลที่ 5 เป็นพระที่นั่งที่รื้อจากพระบรมมหาราชวังมาปรุงใหม่ บานประตู บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ ลายเครื่องราชอิศริยภรณ์ 5 ตระกูล คือ นพรัตน์ราชวราภรณ์ จุลจอมเกล้า (แถบชมพู) ช้างเผือก (แดง) มงกุฎไทย (สีฟ้าน้ำเงิน) และมหาจักรีบรมราชวงศ์ (สีเหลือง) ภายในเขียนจิตรกรรมประวัติรัชกาลที่ 5 และประวัติอาคาร
ศาลาสี่สมเด็จ สร้างโดยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ 4 พระองค์ คือ จุฬาลงกรณ์-จันทรมณฑล-จาตุรนต์รัศมี - ภานุรังษีสว่างวงษ์ ที่หน้าบันจำหลักลายตราประจำแต่ละพระองค์และปีนักษัตร ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นหอกลอง
พระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ทรงสร้างอุทิศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ พ.ศ.2445 และใช้งานพิธีต่าง ๆ รวมถึงตั้งพระศพ ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลพระศพ มีศักดิ์เป็นรองจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
หอระฆังบวรวงศ์ สร้างโดยเชื้อสายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ วังหน้า หน้าบันจำหลักหลาย พระนารายณ์ทรงปืน และ ตราจุฬามณี ซึ่งเป็นตรางประจำสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ วังหน้าในรัชกาลที่ 4
อาคารอีกหลัง คือ วิหารสมเด็จ เราไม่ได้ไปดูใกล้ ๆ ได้แต่ซูมกล้องจับภาพ หูก็ฟังอาจารย์บรรยาย มือก็จดไปด้วย หน้าบันมีตราพระนามาภิไธยย่อ “สผ” (เสาวภาผ่องศรี) ประดิษฐานพระฝาง
วัดนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย หนาตากว่าเอเซียชาติอื่น ๆ และเมื่อปลายเดือนกันยายน 2566 เพิ่งมีข่าวตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่กองการท่องเที่ยว จับมัคคุเทศก์เถื่อน ..คือ ชาวอินเดียที่มาทำหน้าที่บรรยายสถานที่ซะเอง
สมควรแก่เวลา ก็พากันขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดต่อไป ...
ติดตามตอนต่อไป : คลิก คลิปรายการหลงรักวัด โดย สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยแพร่เมื่อ 26 มีนาคม 2565
Create Date : 29 กันยายน 2566 |
|
2 comments |
Last Update : 8 ตุลาคม 2566 12:35:34 น. |
Counter : 612 Pageviews. |
|
|
|