เรียนไปเที่ยวไป: เส้นทางภาคเหนือ - Part VIII : วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จ.ลำปาง
ความเดิมตอนที่แล้ว
บ่ายวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566 หลังรับประทานอาหารมื้อเที่ยง (ตอนบ่ายนิด ๆ) เรียบร้อยแล้ว คณะผู้อบรมและวิทยากร ก็เดินทางกันต่อ แม้ว่า อาจารย์ศักดิ์ชัยจะนั่งอยู่กับพวกเราในบัส 1 อาจารย์จะไม่บรรยายเนื้อหาใด ๆ ล่วงหน้าเลย ผู้อบรมจะได้รับข้อมูลการนำชมพร้อมกันเท่านั้น ส่วนจะรับรู้และทำความเข้าใจกันได้แค่ไหน ก็สุดแท้แต่แนวทางจดจำของแต่ละคน
บนรถบัสแต่ละคันจะมี "มัคคุเทศก์ต้นแบบ" เป็นผู้บรรยาย ก็จะเป็นเรื่องหน้าที่ของมัคคุเทศก์เมื่ออยู่บนรถ เมื่อลงจากรถ เมื่อนำเข้าที่พัก เมื่ออยู่ร้านอาหาร การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในประเด็นต่างๆ ก็ไม่ใช่บรรยายแบบในห้องเรียนหรอก เป็นลักษณะ "เล่าประสบการณ์" สลับกับให้มัคคุเทศก์เวรประจำวัน ออกมาจับไมค์ยืนพูดหน้ารถกันบ้าง
ระยะทางจากอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มุ่งหน้าไปยังอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จาก Google Map ที่เช็ค ณ วันนี้ (8 กันยายน 2566) ก็เป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงกว่า บางคนฟัง บางคนหลับ บางคน (เช่นเรา) อ่านหนังสือสลับกับไถจอมือถือเข้าสังคมออนไลน์ ...มีแวะปั้ม พักรถ และเข้าห้องน้ำกันบ้าง ปั้มปตท.และ 7-11 เป็นที่พึ่งตามเส้นทางหลวงได้ดีจริง ๆ
ประมาณบ่ายสี่โมง เราก็เข้าเขตจังหวัดลำปาง เราเคยมาเที่ยวลำปาง 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกกับเพื่อนที่ทำงาน เมื่อปีพ.ศ.2552 ครั้งนั้นนอนที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ก็นั่งรถจากอำเภอห้างฉัตรมาเที่ยวในเมือง บันทึกเรื่องราวไว้ที่ Bloggang ด้วย ลองคลิกหาอ่านได้ (ถ้าอยากอ่านเรื่องเก่านะ)
ปลายปีพ.ศ.2560 เป็นทริปวิ่งไปเที่ยวไป คือ มาร่วมกิจกรรมวิ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตลำปาง ทริปนี้ยังไม่ได้เขียนบันทึก ...ตั้งใจว่าจะเขียนนะ ..เป็นทริปที่เดินทาง 2 คนและได้เพื่อน Bloggang พาเที่ยว 1 วัน
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 3 ที่มาเยือนเมืองลำปาง
รถบัสก็เลี้ยวเข้าประตู วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม รวมตัวถ่ายรูปหมู่ ซึ่งก็ต้องถ่ายรูปเกือบทุกสถานที่ เพราะคณะทำงานต้องทำรายงานสรุปการอบรมส่งให้กับกรมการท่องเที่ยว ตอนช่วงแรก ๆ รวมตัวช้า บ่อยครั้งเข้าก็เริ่มชิน เรียกปุ๊บ จับป้าย เข้าประจำตำแหน่ง ครบคน กดสองสามแชะ ...แยกย้าย ...ไปรวมตัวฟังอาจารย์บรรยายได้
เริ่มกันที่องค์พระธาตุประธานของวัด เล่ากันต่อมา สร้างโดย เจ้าอนันตยศ โอรสของพระนางจามเทวี เมื่อปีพ.ศ.1223 ซึ่งก็คงเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบศิลปะล้านนาในช่วงเวลานั้น แต่ ปัจจุบันที่เห็นอยู่ตรงหน้าเรานั้น บูรณะซ่อมขึ้นใหม่แล้ว
การสร้างพระธาตุประจำเมืองของล้านนา ก็มีตำนานเช่นกัน คือ สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานที่นี้ และทรงทราบว่าอดีตพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาแล้วฝังพระเกศาธาตุไว้ พระองค์จึงประทานพระเกศา 108 เส้นบรรจุไว้ด้วย แล้วมีพุทธทำนายว่า หลังจากพระองค์ดับขันธุ์ปรินิพพานไปแล้ว จะมีอัครสาวกนำพระธาตุมะแกวและหัวใจมาบรรจุไว้ในพระธาตุ...จึงมีการสร้างพระธาตุเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระธาตุ นั่นแล
แล้วก็ยังมีตำนานเกี่ยวกับ "พระแก้ว" อีกเรื่อง เล่ากันว่า นางสุชาดา ซึ่งเป็นอุปัฏฐายิกา (สีกาที่แสดงตนเป็นผู้อุปการะภิกษุประจำวัด) ได้นำผลแตงโม ซึ่งภาษาถิ่นล้านนาเรียกว่า "หมากเต้า" มาถวายพระเถระ เมื่อพระท่านผ่าลูกแตงโม ก็พบแก้วสีเขียว จึงตั้งใจจะแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แต่ช่างก็ทำไม่สำเร็จ ร้อนถึงพระอินทร์ แปลงตนเป็นชีปะขาวมาช่วยแกะ จนได้องค์พระพุทธรูปจากแก้วสีเขียวนั้น เรียกกันว่า "พระแก้วดอนเต้า" (ปัจจุบันประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวง) ต่อมานางสุชาดาถูกกล่าวโทษว่าเป็นชู้กับพระเถระ เจ้าเมืองลำปางจึงสั่งลงโทษนาง ภายหลังต่อมา (อีกนาน) ความจริงปรากฎว่านางไม่ผิด จึงสร้างวัดบนพื้นที่บ้านเดิมและไร่แตงโมงของนาง อุทิศให้กับคุณงามความดีที่นางเคยทำมา เรียกชื่อว่า "วัดสุชาดาราม"
ต่อมา กรมการศาสนา ได้รวมวัดพระแก้วดอนเต้าเข้ากับวัดสุชาดาราม เปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม เมื่อปีพ.ศ.2527 นอกจากองค์พระธาตุดอนเต้า ที่วัดก็ยังมีพระเจดีย์สุชาดา ที่สร้างพร้อมกับวิหารลายคำ ในปีพ.ศ.2463 ซึ่งวิหารนี้ ผู้หญิงเข้าไม่ได้ เราจึงให้เพื่อนผู้ชายเข้าไปเก็บภาพด้านในให้
วัดนี้เป็นวัดสำคัญ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองลำปาง มีการใช้งานต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงมีการบูรณะปฎิสังขรณ์หลายครั้ง ในสมัยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์ที่ 13 บูรณะองค์พระธาตุ และสร้างพระมณฑป ศิลปะพม่า (มัณฑะเลย์) อยู่เบื้องหน้าพระธาตุ ซึ่งมีจารึก 2 หลักระบุที่มาที่ไป ชื่อผู้สร้าง และปีที่สร้างไว้ชัดเจน เป็นภาษาพม่าและภาษาไทย
ภายในพระมณฑปประดิษฐาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า-มัณฑะเลย์ เป็นประธาน ตกแต่งประดับประดาด้วยงานแกะสลักไม้ ประดับกระจกสีเต็มพื้นที่ ทั้งเสา ผนัง ไปจนถึงเพดาน เป็นเรื่องราวเวสันดรชาดก พระอาทิตย์ พระจันทร์ และรูปเทวดาคิวปิด ซึ่งพิจารณาดูดี ๆ ก็ไม่น่าจะเป็นคิวปิดหรอกนะ ที่ดูสะดุดตาที่สุด คือ ตราอาร์มแบบตะวันตก คงเป็นบริษัทฝรั่งที่รับสัมปทานป่าไม้ ร่วมบริจาคเงินสร้างด้วยก็ได้
เราถ่ายรูปเพลินมาก ...แต่ก็เมื่อยคอมากด้วยเช่นกัน
กดชัดเตอร์รัว ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกให้ขึ้นรถ เราจะไปกินมื้อเย็น ชมพระอาทิตยตกเย็นแถวสนามบิน ที่ร้านครัวรันเวย์
มื้อนี้ได้กินออเดิฟเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยแหนม น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ...เป็นอาหารพื้นเมืองมื้อแรกในดินแดนล้านนา ...อิ่มแล้วขึ่งไปชมวิว ...นี่ถ้ามีเค่รื่องบินขึ้นหรือลงซะหน่อย จะได้ภาพสวยกว่านี้
เข้าเช็คอิน โรงแรมเดอะ สเปซ ลำปาง แล้วรับมอบงานต่อจากมัคคุเทศก์เวรประจำวัน ... รุ่งขึ้นกลุ่มเราปฏิบัติหน้าที่มัคคุเทศก์ประจำวัน ...และชีวิตจะเริ่มต้นแบบ 6-7-8 อีกครั้ง
เพื่อน ๆ หลายคนรวมตัวกันเรียกแกรปไปเดินเที่ยวกาดกองต้า ส่วนเรานั้น ขออาบน้ำแล้วนอน สะสมพลังงานไว้ปฏิบัติหน้าที่ในวันต่อไป
ติดตามตอนต่อไป : คลิก
Create Date : 08 กันยายน 2566 |
|
0 comments |
Last Update : 9 กันยายน 2566 11:49:22 น. |
Counter : 585 Pageviews. |
|
|
|