ฟังแล้วชม : ตลาดเมืองจีนในเกาะรัตนโกสินทร์ : Part I
กิจกรรมเมื่อวันที่ 12 - 13 กรกฎาคม 2555 จัดโดย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ช่วง 5-6 ปีหลังมานี้ สิ่งที่เราทำเสมอในวันคล้ายเกิดของตัวเอง คือ "ลาพักร้อน" ไม่ว่าจะมีกิจกรรมใดๆ หรือไม่ก็ตาม เราก็ขอใช้สิทธิ์นี้ อยู่กับครอบครัวเป็นหลัก ดังนั้น พอได้ทราบข่าวกิจกรรมบริการสังคมของสถาบันไทยคดีศึกษา จัดขึ้นตรงกับวันคล้ายวันเกิดตัวเอง ก็จัดการส่งอีเมล์ไปลงทะเบียนร่วมกิจกรรม แล้วก็เขียนใบลาตามมาทันที
ในวันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม 2555 ช่วงบ่าย เป็นการบรรยายทางวิชาการเรื่อง การเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของสำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อย : ศักยภาพและการดำรงรักษาอัตลักษณ์วัฒนธรรมแบบจีน โดยนางสาววารุณี โอสถารมย์ ผู้ทำหัวข้อวิจัยนี้ มาบอกเล่าถึงความเป็นมาของย่านสำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อย และเล่าถึงพัฒนาการของชุมชน ผุ้คน และวิถีชีวิตในพื้นที่นั้น ก่อนที่จะมีการนำชมในวันรุ่งนี้ ขอยกเนื้อหาจาก "หลักการและเหตุผล" ของโครงการนี้มาเลยละกันนะ
สำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อยหรือตลาดเมืองจีน (China Town) เกาะรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่บนถนน สามสายตัดผ่าน คือ ถนนทรงวาด (และราชวงศ์) เยาวราชและเจริญกรุงเป็นตลาดชุมชนชาวจีนอพยพ กำเนิดมาพร้อมกับการสถาปนากรุงเทพฯ แม้ว่าในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตลาดเมืองจีนแห่งนี้ถือว่าอยู่ นอกประตูกำแพงพระนครด้านใต้ของพระบรมมหาราชวัง แต่ก็ยังอยู่ในเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นตลาดซึ่ง พัฒนาจากชุมชนชาวจีนอพยพที่ทำการเกษตรและค้าขายสินค้าจากเมืองจีน เติบโตขึ้นเป็นตลาดเมืองจีน มีระบบเศรษฐกิจการค้าส่งออกที่ท่าเรือสำเภาในแถบย่านตลาดน้อย ต่อมาในยุคเศรษฐกิจการค้าเสรีได้มี การพัฒนาท่าเรือการค้าด้วยเรือกลไฟแถบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและย่านทรงวาดแถบศาลเจ้าปูน เถ้ากง โดยมีระบบการค้าภายในในย่านสำเพ็ง ซึ่งในที่สุดกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการพาณิชย์ สำคัญของกรุงเทพฯ ตลาดเมืองจีนหรือที่ปัจจุบันรู้จักกันว่าไชนาทาวน์เมืองไทยมีอายุถึงกว่าสองศตวรรษ สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ในฐานะย่านชุมชนการค้าชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ว่าทุกวันนี้ สำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อย ไม่สามารถดำรงฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญที่สุดเพียงแห่งเดียวได้ อีกต่อไป เนื่องจากมีการเติบโตของเมืองมหานครและการกระจายตัวของศูนย์กลางการค้าออกไปยังชาน เมืองและจังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ แต่ตลาดเมืองจีนเก่าแก่แห่งนี้ ก็ยังสามารถดำรงรักษาสถานะ เป็นแหล่งจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคตามแบบวัฒนธรรมจีนในชีวิตประจำวันแบบขายส่งและยังเป็น ศูนย์กลางธุรกิจการค้าทองคำที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย แหล่งอาหารและร้านอาหารจีนไปจนถึงแหล่ง ศิลปวัฒนธรรมแบบจีนที่ยังคงอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ไว้อย่างน่าสนใจ สถาบันไทยคดีศึกษา ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการวิจัยบริการวิชาการและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้ศึกษาวิจัยพื้นที่สำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อยในฐานะแหล่งวัฒนธรรมชุมชนชาติพันธุ์จีนในเมืองไทย บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ พิจารณาเห็นว่า การเผยแพร่ความรู้ ประวัติและความเปลี่ยนแปลงพื้นที่ของ ตลาดเมืองจีนและการนำชมพื้นที่เชิงสำรวจให้แก่ นักวิชาการ ครู อาจารย์ นักศึกษา และสาธารณชน ผู้สนใจ น่าจะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ศักยภาพ การปรับและการฟื้นตัวของชุมชนเก่าขนาดใหญ่ที่ ยังคงความเป็นเมืองและอัตลักษณ์ชาติพันธุ์แบบจีนและความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่แอบซ่อนอยู่ จึงได้ดำเนินการจัดการบรรยายทางวิชาการและนำชมเชิงสำรวจสำเพ็ง-เยาวราช-ตลาดน้อย เฉพาะแหล่ง
เช้าวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2555 ผู้ร่วมกิจกรรมก็เดินทางมายังจุดนัดหมาย วัดปทุมคงคา
อันที่จริง วัดนี้ก็มีอะไรที่น่าสนใจหลายๆ อย่าง แต่ทว่า กิจกรรมนี้เน้นเรื่องราวของ "ตลาดเมืองจีน" ดังนั้น จีงข้ามเรื่องของวัดปทุมคงคาไปก่อน ...เอาไว้มีโอกาสจะมาเขียนถึงวัดนี้ละกัน พอคนที่ลงทะเบียนไว้ ก็เริ่มเดิมทางกัน จากวัดปทุมฯ เข้าซอยวานิช 2 มุ่งหน้าจุดหมายแรก
ที่จริง ถ้าให้เราจัดนะ เราจะนัดที่ท่าน้ำสีพระยา หน้าริเวอร์ซิตี้ ที่ทำงานเราเอง ...ง่ายกว่ากันเยอะเลย เพราะนัดกันที่ "วัดปทุมฯ" ทำให้หลายคน หลงไป "วัดปทุมวนาราม" ซะงั้น
จุดหมายแรกของทริป คือ ศาลเจ้าโจวซือกง หรือ วัดซุ่นเฮงยี่ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนฮกเกี้ยนในเมืองไทย ตามประวัติบอกว่า สร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2347 เป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ (โจวซือกง) ท่านเป็นพระอรหันต์จากมณฑลฮกเกี้ยนที่เก่งเรื่องรักษาโรคภัยด้วยน้ำใสบริสุทธิ์ ใครที่มากราบไหว้ ก็มักจะขอพรให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ฟังผู้จัดการศาลเจ้าบรรยายประวัติความเป็นมา แล้วก็พากันสักการะ ทำบุญ และถ่ายภาพกันเต็มที่
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของที่นี่ เป็นแบบปลายราชวงค์ชิง (ค.ศ.1589 - 1911) มีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้อย่างดี หลังคาศาลเจ้าเป็นแบบซานเหมินติ่ง บริเวณบนสุดของหลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว และหงส์คู่ชู่ดอกโบตั๋น แต่ว่า ถ่ายภาพแล้วก็ย้อนแสง มองไม่เห็น อย่างที่ตาเห็น เอาไว้จะหาโอกาสไปถ่ายรูป เก็บรายละเอียดใหม่
จากนั้นก็รวมพล แล้วออกเดินกันต่อไป ผ่านบ้านตระกูล "ตันติเวชกุล" ก็เลยถ่ายรูปเก็บมาด้วย
ลัดเลาะเข้าซอยเล็กๆ ก็มาโผลที่ "บ้านโซวเฮงไถ่" ของคุณนายดวงตะวัน ... บ้านจีนหลังนี้ เราเคยแวะเข้ามาแล้ว มาครั้งนี้ เจ้าบ้านเตรียมของว่างไว้ต้อนรับด้วย
สาคูไส้หมู ไม่หวานเกินไป และข้าวต้มผัด ฝีมือคุณนายดวงตะวัน ขึ้นชื่อลือชา หยิบกันคนละถาดคนละชิ้น แล้วก็กินไป นั่งฟังเจ้าของบ้านเล่าประวัติของบ้านไปด้วย ....เราไม่เอามาเล่าซ้ำนะ มีคนเขียนถึงเยอะแล้ว ลงถาม Google ได้เลย
กลางบ้านที่เคยเป็นลานกว้าง ตามแบบของบ้านจีนตระกูลใหญ่ ปัจจุบันเป็นสระสำหรับสอนดำน้ำ เพราะฉะนั้น ใครอยากเข้าชมบ้านนี้ ก็ควรจะไปสมัครเป็นนักเรียนดำน้ำซะนะ
พบเจอระหว่างทาง ...ลืมไปแล้วว่า คือ อะไร ???
ออกจากบ้านนี้แล้ว ก็พากันเดินตามซอยเล็กๆ มาถึงจุดเชื่อมต่อ ซอยวานิช 2 อีกครั้งหนึ่ง
ณ ทีนี่ พวกเราก็ได้นั่งพัก ชื่นชมความงดงามของศิลปะประดับกระจกสี ทีเล่าเรื่องตามพระคัมภีร์ โดยมีวิทยากรจากโบสถ์บรรยายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง และถ้าอยากรู้เยอะๆ ก็คลิกเข้าไปที่เวปไซค์ของวัดได้เลย >> ที่นี่
ถึงตรงนี้ก็ได้เวลาพักเที่ยง แยกย้ายกันไปรับประทานอาหารตามอัธยาศัย แล้วไปนัดเจอกันภาคบ่ายที่วัดไตรมิตร ....
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 20 มกราคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 20 มกราคม 2557 22:10:50 น. |
Counter : 2229 Pageviews. |
|
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
มาตามเที่ยวตามทัวร์เดินชมตลาดเมืองจีนด้วยคนครับ เห็นภาพบรรยากาศแล้วก็อยากจะไปเดินตามด้วยจังเลยครับ ที่วัดปทุมคงคาผมก็ยังไม่เคยไปเลยครั ส่วนที่บ้านจีนที่พาแวะผมก็เพิ่งจะได้รู้จักจากบล็อกนี้เช่นกันครับ
บล็อกนี้ทั้งภาพและข้อมูลประกอบเยอะมากเลยครับ ผมชอบครับ
อิอิ