KRU. JESSE, THE GREAT!!!
 
กันยายน 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
4 กันยายน 2550
 
 

BETTER TOGETHER

BETTER TOGETHER

(IT’s always better when we’re together!!!)

สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้อง เป็นระยะเวลากว่า 3-4 เดือนที่ครูไม่ได้มาเขียนเล่าเรื่องอันใดให้ฟังเลย แม้ว่าเรื่องของเด็ก ย่อมไม่จบลงง่ายๆ เฉกเช่นโชคชะตาฟ้าที่ลิขิตลงมาให้ครูยังปักหลักสู้รบกับเด็กๆอย่างเหนียวแน่น
หลายครั้งในชีวิต ที่เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ ครูเองก็เคยเหนื่อยกับการเป็นครู เหนื่อยและท้อและเริ่มไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเองว่า นี่ช้านเป็นครูที่ดีรึเปล่าเนี่ย? วัยรุ่นเครียด...แต่พอมีโอกาสได้เข้าสัมมนาหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับวงการการศึกษา ก็รู้สึกเป็นสุขใจยิ่งนักรู้สึกมีแรงบันดาลใจอยากจะนำมาประยุกต์ใช้การการสอนเด็กๆ ผู้เป็นที่รักยิ่งของคุณครู เลยสรุปในใจว่า ไปไหนไม่รอดแล้วตู อยู่ตรงนี้ก็จงทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เผื่อว่าวันนึงจะได้เปิดโรงเรียนของตัวเองกับเค้ามั่ง แต่ทั้งนี้ก็เพราะใจรัก ไม่ได้ต้องการจะแสวงหากำไรทุกรูปแบบหรอกนะคะ ไม่อยากหากินกับเด็ก...อ้าวพูดจริงๆนะคะ ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อไม่เหมือนแฟรนไชส์ซี่บางคนหรอกค่ะ ไม่ได้พาดพิงใครนะเนี่ย
ในโลกที่แสนวุ่นวายทุกวันนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนส่วนมากที่เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ และใจแคบ เอาแต่ได้(ดูเหมือนเก็บกดไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ยเรา(- -) ) ครูเห็นดังนั้นก็ห๊วงห่วง กลัวอนาคตของชาติจะเกิดจากแม่พิมพ์บิดเบี้ยว พิกลพิการเช่นนี้จริงๆ ดังนั้น ผู้ปกครองที่เป็นผู้อ่านทั้งหลายโปรด พิจารณาตัวเองให้เป็นแม่พิมพ์ที่สวยด้วยนะคะ ขอร้องกันตรงนี้เลย และถ้าครูสามารถเป็นคนหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้แม้เพียง สักเล็กน้อยก็จะเป็นการดีที่เราจะอยู่ตรงนี้และร่วมมือกัน It’s always be better when we’re together!
มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ครูกำลังสอนนองฬิว น้องนานา ทำขนททับทิมกรอบอยู่นั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้ำในหม้อต้องเดือด เพราะเราจะต้องต้มเม็ดทับทิมกรอบเอาไว้ เด็กๆตื่นเต้นกันมากๆเลยเพราะมันมีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมา ครูจึงถามเด็กๆว่าน้ำในหม้อตอนนี้เหมือนกับอะไรเลย น้องฬิวก็บอกว่า เหมือนน้ำพุร้อนเลย เมื่อเด็กพูดมาเรื่องนี้ครูก็เลยถามต่อไปด้วยความสงสัยว่า รู้จักน้ำพุร้อนด้วยเหรอ ทั้งฬิวและนานาต่างก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างร่าเริง ครูจึงถามว่า

“เด็กๆเคยไปบ่อน้ำพุร้อนรึยังจ๊ะ?”

น้องฬิวพยักหน้าอย่างองอาจแล้วบอกว่า
“เคยไปสิครู ก็นี่ไงบ่อน้ำพุร้อน....” พูดพลางชี้ไปทางหม้อต้มทับทิมกรอบซะอย่างนั้น 555
********************************************
ช่วงที่เรื่องแก้วตาพี่ดังมากๆ ซึ่งเรื่องนั้นพี่ติ๊กเล่นเป็นคนตาบอด คืนนั้นเรื่องนี้กำลังจบพอดี แต่ครูเผอิญติดธุระตอนเย็นกลับบ้านดึก วันรุ่งขึ้นจึงมาถามน้องฬิวว่า
“เมื่อคืนเรื่องนี้จบยังไงจ๊ะ”
น้องฬิวตอบว่า
“พี่ติ๊กก็กลับไปตาบอดอีกครั้ง”
เอ่อ ฬิวคะ พี่ติ๊กเต็มปากเต็มคำเลยนะคะ แล้วตอนจบนี่ตอนจบของเรื่องแก้วตาพี่เรื่องเดียวกับของครูรึเปล่าคะเนี่ย มันดูไม่ค่อยจะคล้ายเลยนะจ๊ะเนี่ย

********************************************
มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่มาส่งน้องฬิวที่โรงเรียนตอนบ่ายแก่ๆแล้วรีบกลับไปทำงานต่อที่ทำงาน พอถึงเวลาเรียนครูก็ไปตามน้องฬิวมาเข้าเรียน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ครูก็นึกว่าน้องฬิวแอบไปซ่อนเพื่อแกล้งครู ครูจึงรอสักพัก พักใหญ่ๆเลยแล้วออกไปตามหาอีกครั้ง เรื่องที่จะออกไปนอกโรงเรียนเห็นจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะโรงเรียนใช้ระบบล๊อคอัตโนมัติ และสแกนนิ้วมือเข้าออก พอหาไปเรื่อยๆก็เห็นใครบางคนแวบๆอยู่ที่แถวห้องน้ำเด็กครูจึงรีบเดินไปหา เห็นน้องฬิวทำหน้าหมุ่ยอยู่ อาการหน้าหมุ่ยก็คือการที่ทำหน้าไม่ค่อยเสบย ครึ่งร้องไห้ครึ่งหน้าบูดราวตูดลิง ครูก็เลยเข้าไปหาแล้วถามว่า

“น้องฬิวเป็นอะไรลูก”
น้องฬิวไม่ตอบแต่น้ำตาเริ่มคลอๆยู่ในเบ้า ทีนี้ที่นั่งกันอยู่นั้นมันหน้าประตูห้องน้ำชัดๆ ครูเลยจะพาออกไปนั่งข้างนอกโดยจะจูงมือออกไป แต่น้องฬิวส่ายหน้าจนผมกระจาย ตัวกระเพื่อมแล้วน้ำตาไหลพรากๆ อ้าวตายละ น้องฬิวไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่ ครูคิดอยู่ในใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นนี่ย”
ครูเริ่มใจคอไม่ดี ดังนั้นในเมื่อน้องฬิวไม่อยากออกนอกห้องน้ำ ครูจึงนั่งลงไปข้างๆชี แล้วถามว่าชีเป็นอะไรไป พอถามจบครูก็สังเกตเห็นว่าน้องฬิวเริ่มสะอึกสะอื้นมากขึ้น ครูก็เลยนิ่งแล้วบอกชีว่า

“เอาล่ะ ครูจะไม่ถามแล้ว แต่จะอยู่ข้างๆหนูแล้วรอให้หนูพร้อมให้ครูช่วยดีมั้ย?”
แล้วครูก็เลยโอบกอดตัวชีและบอกชีว่า ครูรักชีมากเลย ในใจครูก็เริ่มวิตกกังวลว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นหรือนี่ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากที่สามารถทำให้เด็กที่กวนแสนกวน ฮาแสนฮามีน้ำตาและร้องไห้ใหญ่โตได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นหลังจากรอไม่ถึง สองนาที น้องฬิวก็เริ่มบอกเหตุผลที่ทำให้เธอเสียน้ำตา
“พ่อ....พ่อ....แม่....แม่....” แล้วก็สะอึกสะอื้นอีก ครูก็ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่

“พ่อทำไม่ดีกับหนู” น้องฬิวบอก

“หา...คุณพ่อทำอะไร?”
ครูเริ่มกังวลใจมากขึ้น

“พ่อไม่ไปรับหนูที่โรงเรียน ปะ ปะ ปล่อยให้หนูคอย” อ้าว
“แล้วทำไมล่ะคะ ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ครูถาม แล้วน้องฬิวก็พูดว่า

“หนูคิดถึงพ่อกับแม่”
อ้าว หรือว่าที่บ้านมีปัญหาอะไรร้ายแรงรึเปล่า ครูก็ได้แต่เป็นห่วงมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น

“คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันเหรอจ๊ะ”
ครูต้องการทราบสาเหตุ น้องฬิวรีบส่ายหน้าเป็นเชิงปฎิเสธ ครูจึงแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดังนั้นน้องฬิวจึงพูดต่อว่า

“พ่อไปรับหนูที่โรงเรียนอีกโรงเรียนนึง...”
อ๋อ เริ่มละ เริ่มเข้าเรื่องละ ที่ผ่านมานันมันเป็นคำโปรย ก่อนเข้าประเด็น เอาล่ะ ครูตัวเกร็ง ขยับตัวไปใกล้เข้าไปอีกนิด อา นั่นละ ทีละนิด ทีละนิด ซั๊กกะติ๊ด ลิตเทิลบิ๊ท ลิทเทิลมอร์

“แล้วไงต่อล่ะลูก?” เสียงครูอ่อนโยนยิ่งนัก
“แล้ว แล้ว แล้ว...” จะอีกหลายแล้วมั้ยคะลูก
“แล้ว...หนูก็รออยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง”
ขออ๋อ ยาวๆหน่อยได้ป๊ะพี่น้อง

“ครือเรื่องมันมีอยู่ว่า หนูรออยู่ที่โรงเรียน แต่พ่อไปรับผิดโรงเรียนใช่มั้ยคะ”
น้องฬิวพยักหน้าน้ำตาคลอหน่วยเบ้าตา คือแบบที่ร้องไห้ร้องห่มกันมาเสียใหญ่โตตั้งแต่แรกนั้น มีสาเหตุมาจากคุณพ่อไปรับผิดโรงเรียน โถเด็กหนอเด็ก

***************************************************



มีอยู่วันหนึ่งน้องฬิวมองหน้าคุณแม่อย่างพินิจพิจารณา จนคุณแม่สงสยเลยถามว่า

“ฬิวมองหน้าแม่ทำไม?”
ฬิวไม่ตอบแต่กลับถามคุณแม่ว่า

“แม่...ทำไมพ่อถึงแต่งงานกับแม่อ่ะ?”
คุณแม่ก็อึ้ง เออเป็นครู ครูก็คงอึ้งเหมือนกัน คุณแม่เลยบอกว่า

“ถามพ่อเองละกัน”
ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์มือถือเลขหมายของคุณพ่อ ซึ่งตอนนี้ติดธุระอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แค่ญี่ปุ่นเอง ตรู๊ด ตรู๊ด เสียงสัญญาณเรียกหลายครั้งกว่าคุณพ่อจะรับสาย

“ฮัลโหล ป่าป๊าเหรอ ทำไมป่าป๊าถึงแต่งงานกับแม่อ่ะ”
น้องฬิวไม่รอช้า ยิงคำถามใส่ป่าป๊าผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย ป่าป๊าได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับอึ้ง แต่ก็ตั้งสติได้ดีและตอบคำถามน้องฬิวมาทันใจ

“ก็พ่อรักแม่น่ะสิ”
วิดวิ่ว สวีทจริงจริง สวีทจริงจัง คุณแม่ส่งซิกแนลประมาณว่าได้คำตอบแล้ว พอใจยัง
ให้แกเด็กหญิงฬิว แต่ยั้ง ยั้ง ยัง น้องฬิวยังไม่พอใจ เพราะเธอถามคุณพ่อต่อไปอีกว่า

“แล้วพื่อนป่าป๊าอ่ะ ป่าป๊ารักทุกคนเลยป๊ะ?”
คุณพ่อก็ตอบมาว่า
“ก็รักสิ”
ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปทำงานด่วนต่อ พอน้องฬิวได้ยินเสียงสัญญาณตัดสายเธอก็ค้อนใส่โทรศัพท์มือถือแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า
“แหมมมมม เจ้าชู้” โฮะ!

ในเวลาใกล้เคียงกัน ก่อนที่คุณแม่จะพาน้องฬิวมาส่งที่โรงเรียน คุณแม่ก็ทาแป้งเพื่อปกปิดรอยแผลสิว น้องฬิวซึ่งนั่งอยู่ไกลๆจากคุณแม่ประมาณว่าอยู่อีกมุมห้องนึงเลยก็เปรยๆ ขึ้นมาให้คุณแม่ได้ยินว่า
“แหม รักสวยรักงาม...” แสบมั้ยล่ะคะพี่น้อง

***************************************************

BETTER TOGETHER

(IT’s always better when we’re together!!!)

สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้อง เป็นระยะเวลากว่า 3-4 เดือนที่ครูไม่ได้มาเขียนเล่าเรื่องอันใดให้ฟังเลย แม้ว่าเรื่องของเด็ก ย่อมไม่จบลงง่ายๆ เฉกเช่นโชคชะตาฟ้าที่ลิขิตลงมาให้ครูยังปักหลักสู้รบกับเด็กๆอย่างเหนียวแน่น
หลายครั้งในชีวิต ที่เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ ครูเองก็เคยเหนื่อยกับการเป็นครู เหนื่อยและท้อและเริ่มไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเองว่า นี่ช้านเป็นครูที่ดีรึเปล่าเนี่ย? วัยรุ่นเครียด...แต่พอมีโอกาสได้เข้าสัมมนาหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับวงการการศึกษา ก็รู้สึกเป็นสุขใจยิ่งนักรู้สึกมีแรงบันดาลใจอยากจะนำมาประยุกต์ใช้การการสอนเด็กๆ ผู้เป็นที่รักยิ่งของคุณครู เลยสรุปในใจว่า ไปไหนไม่รอดแล้วตู อยู่ตรงนี้ก็จงทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เผื่อว่าวันนึงจะได้เปิดโรงเรียนของตัวเองกับเค้ามั่ง แต่ทั้งนี้ก็เพราะใจรัก ไม่ได้ต้องการจะแสวงหากำไรทุกรูปแบบหรอกนะคะ ไม่อยากหากินกับเด็ก...อ้าวพูดจริงๆนะคะ ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อไม่เหมือนแฟรนไชส์ซี่บางคนหรอกค่ะ ไม่ได้พาดพิงใครนะเนี่ย
ในโลกที่แสนวุ่นวายทุกวันนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนส่วนมากที่เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ และใจแคบ เอาแต่ได้(ดูเหมือนเก็บกดไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ยเรา(- -) ) ครูเห็นดังนั้นก็ห๊วงห่วง กลัวอนาคตของชาติจะเกิดจากแม่พิมพ์บิดเบี้ยว พิกลพิการเช่นนี้จริงๆ ดังนั้น ผู้ปกครองที่เป็นผู้อ่านทั้งหลายโปรด พิจารณาตัวเองให้เป็นแม่พิมพ์ที่สวยด้วยนะคะ ขอร้องกันตรงนี้เลย และถ้าครูสามารถเป็นคนหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้แม้เพียง สักเล็กน้อยก็จะเป็นการดีที่เราจะอยู่ตรงนี้และร่วมมือกัน It’s always be better when we’re together!
มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ครูกำลังสอนนองฬิว น้องนานา ทำขนททับทิมกรอบอยู่นั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้ำในหม้อต้องเดือด เพราะเราจะต้องต้มเม็ดทับทิมกรอบเอาไว้ เด็กๆตื่นเต้นกันมากๆเลยเพราะมันมีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมา ครูจึงถามเด็กๆว่าน้ำในหม้อตอนนี้เหมือนกับอะไรเลย น้องฬิวก็บอกว่า เหมือนน้ำพุร้อนเลย เมื่อเด็กพูดมาเรื่องนี้ครูก็เลยถามต่อไปด้วยความสงสัยว่า รู้จักน้ำพุร้อนด้วยเหรอ ทั้งฬิวและนานาต่างก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างร่าเริง ครูจึงถามว่า

“เด็กๆเคยไปบ่อน้ำพุร้อนรึยังจ๊ะ?”

น้องฬิวพยักหน้าอย่างองอาจแล้วบอกว่า
“เคยไปสิครู ก็นี่ไงบ่อน้ำพุร้อน....” พูดพลางชี้ไปทางหม้อต้มทับทิมกรอบซะอย่างนั้น 555
********************************************
ช่วงที่เรื่องแก้วตาพี่ดังมากๆ ซึ่งเรื่องนั้นพี่ติ๊กเล่นเป็นคนตาบอด คืนนั้นเรื่องนี้กำลังจบพอดี แต่ครูเผอิญติดธุระตอนเย็นกลับบ้านดึก วันรุ่งขึ้นจึงมาถามน้องฬิวว่า
“เมื่อคืนเรื่องนี้จบยังไงจ๊ะ”
น้องฬิวตอบว่า
“พี่ติ๊กก็กลับไปตาบอดอีกครั้ง”
เอ่อ ฬิวคะ พี่ติ๊กเต็มปากเต็มคำเลยนะคะ แล้วตอนจบนี่ตอนจบของเรื่องแก้วตาพี่เรื่องเดียวกับของครูรึเปล่าคะเนี่ย มันดูไม่ค่อยจะคล้ายเลยนะจ๊ะเนี่ย

********************************************
มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่มาส่งน้องฬิวที่โรงเรียนตอนบ่ายแก่ๆแล้วรีบกลับไปทำงานต่อที่ทำงาน พอถึงเวลาเรียนครูก็ไปตามน้องฬิวมาเข้าเรียน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ครูก็นึกว่าน้องฬิวแอบไปซ่อนเพื่อแกล้งครู ครูจึงรอสักพัก พักใหญ่ๆเลยแล้วออกไปตามหาอีกครั้ง เรื่องที่จะออกไปนอกโรงเรียนเห็นจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะโรงเรียนใช้ระบบล๊อคอัตโนมัติ และสแกนนิ้วมือเข้าออก พอหาไปเรื่อยๆก็เห็นใครบางคนแวบๆอยู่ที่แถวห้องน้ำเด็กครูจึงรีบเดินไปหา เห็นน้องฬิวทำหน้าหมุ่ยอยู่ อาการหน้าหมุ่ยก็คือการที่ทำหน้าไม่ค่อยเสบย ครึ่งร้องไห้ครึ่งหน้าบูดราวตูดลิง ครูก็เลยเข้าไปหาแล้วถามว่า

“น้องฬิวเป็นอะไรลูก”
น้องฬิวไม่ตอบแต่น้ำตาเริ่มคลอๆยู่ในเบ้า ทีนี้ที่นั่งกันอยู่นั้นมันหน้าประตูห้องน้ำชัดๆ ครูเลยจะพาออกไปนั่งข้างนอกโดยจะจูงมือออกไป แต่น้องฬิวส่ายหน้าจนผมกระจาย ตัวกระเพื่อมแล้วน้ำตาไหลพรากๆ อ้าวตายละ น้องฬิวไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่ ครูคิดอยู่ในใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นนี่ย”
ครูเริ่มใจคอไม่ดี ดังนั้นในเมื่อน้องฬิวไม่อยากออกนอกห้องน้ำ ครูจึงนั่งลงไปข้างๆชี แล้วถามว่าชีเป็นอะไรไป พอถามจบครูก็สังเกตเห็นว่าน้องฬิวเริ่มสะอึกสะอื้นมากขึ้น ครูก็เลยนิ่งแล้วบอกชีว่า

“เอาล่ะ ครูจะไม่ถามแล้ว แต่จะอยู่ข้างๆหนูแล้วรอให้หนูพร้อมให้ครูช่วยดีมั้ย?”
แล้วครูก็เลยโอบกอดตัวชีและบอกชีว่า ครูรักชีมากเลย ในใจครูก็เริ่มวิตกกังวลว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นหรือนี่ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากที่สามารถทำให้เด็กที่กวนแสนกวน ฮาแสนฮามีน้ำตาและร้องไห้ใหญ่โตได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นหลังจากรอไม่ถึง สองนาที น้องฬิวก็เริ่มบอกเหตุผลที่ทำให้เธอเสียน้ำตา
“พ่อ....พ่อ....แม่....แม่....” แล้วก็สะอึกสะอื้นอีก ครูก็ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่

“พ่อทำไม่ดีกับหนู” น้องฬิวบอก

“หา...คุณพ่อทำอะไร?”
ครูเริ่มกังวลใจมากขึ้น

“พ่อไม่ไปรับหนูที่โรงเรียน ปะ ปะ ปล่อยให้หนูคอย” อ้าว
“แล้วทำไมล่ะคะ ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ครูถาม แล้วน้องฬิวก็พูดว่า

“หนูคิดถึงพ่อกับแม่”
อ้าว หรือว่าที่บ้านมีปัญหาอะไรร้ายแรงรึเปล่า ครูก็ได้แต่เป็นห่วงมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น

“คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันเหรอจ๊ะ”
ครูต้องการทราบสาเหตุ น้องฬิวรีบส่ายหน้าเป็นเชิงปฎิเสธ ครูจึงแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดังนั้นน้องฬิวจึงพูดต่อว่า

“พ่อไปรับหนูที่โรงเรียนอีกโรงเรียนนึง...”
อ๋อ เริ่มละ เริ่มเข้าเรื่องละ ที่ผ่านมานันมันเป็นคำโปรย ก่อนเข้าประเด็น เอาล่ะ ครูตัวเกร็ง ขยับตัวไปใกล้เข้าไปอีกนิด อา นั่นละ ทีละนิด ทีละนิด ซั๊กกะติ๊ด ลิตเทิลบิ๊ท ลิทเทิลมอร์

“แล้วไงต่อล่ะลูก?” เสียงครูอ่อนโยนยิ่งนัก
“แล้ว แล้ว แล้ว...” จะอีกหลายแล้วมั้ยคะลูก
“แล้ว...หนูก็รออยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง”
ขออ๋อ ยาวๆหน่อยได้ป๊ะพี่น้อง

“ครือเรื่องมันมีอยู่ว่า หนูรออยู่ที่โรงเรียน แต่พ่อไปรับผิดโรงเรียนใช่มั้ยคะ”
น้องฬิวพยักหน้าน้ำตาคลอหน่วยเบ้าตา คือแบบที่ร้องไห้ร้องห่มกันมาเสียใหญ่โตตั้งแต่แรกนั้น มีสาเหตุมาจากคุณพ่อไปรับผิดโรงเรียน โถเด็กหนอเด็ก

***************************************************

มีอยู่วันหนึ่งน้องฬิวมองหน้าคุณแม่อย่างพินิจพิจารณา จนคุณแม่สงสยเลยถามว่า

“ฬิวมองหน้าแม่ทำไม?”
ฬิวไม่ตอบแต่กลับถามคุณแม่ว่า

“แม่...ทำไมพ่อถึงแต่งงานกับแม่อ่ะ?”
คุณแม่ก็อึ้ง เออเป็นครู ครูก็คงอึ้งเหมือนกัน คุณแม่เลยบอกว่า

“ถามพ่อเองละกัน”
ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์มือถือเลขหมายของคุณพ่อ ซึ่งตอนนี้ติดธุระอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แค่ญี่ปุ่นเอง ตรู๊ด ตรู๊ด เสียงสัญญาณเรียกหลายครั้งกว่าคุณพ่อจะรับสาย

“ฮัลโหล ป่าป๊าเหรอ ทำไมป่าป๊าถึงแต่งงานกับแม่อ่ะ”
น้องฬิวไม่รอช้า ยิงคำถามใส่ป่าป๊าผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย ป่าป๊าได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับอึ้ง แต่ก็ตั้งสติได้ดีและตอบคำถามน้องฬิวมาทันใจ

“ก็พ่อรักแม่น่ะสิ”
วิดวิ่ว สวีทจริงจริง สวีทจริงจัง คุณแม่ส่งซิกแนลประมาณว่าได้คำตอบแล้ว พอใจยัง
ให้แกเด็กหญิงฬิว แต่ยั้ง ยั้ง ยัง น้องฬิวยังไม่พอใจ เพราะเธอถามคุณพ่อต่อไปอีกว่า

“แล้วพื่อนป่าป๊าอ่ะ ป่าป๊ารักทุกคนเลยป๊ะ?”
คุณพ่อก็ตอบมาว่า
“ก็รักสิ”
ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปทำงานด่วนต่อ พอน้องฬิวได้ยินเสียงสัญญาณตัดสายเธอก็ค้อนใส่โทรศัพท์มือถือแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า
“แหมมมมม เจ้าชู้” โฮะ!

ในเวลาใกล้เคียงกัน ก่อนที่คุณแม่จะพาน้องฬิวมาส่งที่โรงเรียน คุณแม่ก็ทาแป้งเพื่อปกปิดรอยแผลสิว น้องฬิวซึ่งนั่งอยู่ไกลๆจากคุณแม่ประมาณว่าอยู่อีกมุมห้องนึงเลยก็เปรยๆ ขึ้นมาให้คุณแม่ได้ยินว่า
“แหม รักสวยรักงาม...” แสบมั้ยล่ะคะพี่น้อง

************************************************

ระหว่างที่คุณครูกำลังตั้งคำถามเพื่อให้เด็กหาวิธีแก้ปัญหาที่ว่า
“ทำอย่างไรจึงจะช่วยให้คนที่หัวเราะยากๆนั้นหัวเราะออก?”

น้องฬิวมองครูแบบเซ็งๆ ประมาณว่า เรื่องแค่นี้ต้องถึงมือหนูเลยเหรอ ดูเธอสิพี่น้องไม่ค่อยกวนเล้ย แล้วเธอก็ตอบว่า
“ที่บ้านหนูมีหนังเรื่อง โหน่งเท่งหม่ำนักเลงภูเขาทอง เดี๋ยวให้ยืมเอาป๊ะ??”
หึหึหึ แหมเปรี้ยวนะคะ ว่าแต่เรื่องนี้มีลุงหม่ำด้วยเหรอลูก???
สงสัยทำใหม่มั้งเนอะ เพราะครูไม่เคยเห็น ครูเคยเห็นแต่ โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอ เช้ยเฉยนะฮะ แต่อันนี้ได้แต่คิดในใจ...เดี๋ยวถามไปเธอจะเสียเซ้วซะเปล่าๆ จริงอ๊ะ? คนอย่างฬิวเนี่ยนะจะเสียความมั่นใจง่ายๆ ครูเจสซี่เข้าใจอะไรผิดป๊ะ อันนี้ครูเซ้นส์ได้ว่าฬิวถามกลับมาในใจเหมือนกัน
วันหนึ่งครูถามเด็กๆว่า
“เด็กๆคะทำไมกิ้งก่าถึงเปลี่ยนสีได้”
เด็กหญิงนานาพี่สาวเด็กชายเฮฮาตอบเสียงดังฟังชัด มั่นใจอย่างแรงว่า
“เพราะเค้าจะเบื่อถ้าตัวเค้ามีแค่สีเดียวววววว”
อ่ะจ๊ากกก เธอสามารถคิดได้นะเนี่ย เปรี้ยวมากๆ และหลังจากเฉลยข้อท็จจริงไปแล้ว ครูจึงถามต่อว่า
“ทำไมฝนจึงตก”
คราวนี้ถึงตาของเด็กหญิงฬิวผู้ไปไหนมาไหนไม่เคยลืมพกความมั่นใจใส่กระเป๋าติดตัว เพราะเธอเองก็ตอบอย่างมั่นใจอีกแล้วครับว่า
“เพราะว่ากบมันร้อง”
ต๊ายยยยย....ทันกับเค้าด้วยเหรอเนี่ย....แสดงว่าครูยังไม่แก่เกินไปใช่ป๊ะ?
กรี๊ด วิดวิ่ว ดีใจสุดๆอ่ะ อิอิอิ
ฝนเอยทำไมจึงตก ฝนเอยทำไมจึงตก
มันจำเป็นต้องตก เพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง
มันจำเป็นต้องร้อง เพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด ท้องเอยทำไมจึงปวด
มันจำเป็นต้องปวด เพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ ข้าวเอยทำไมจึงดิบ
มันจำเป็นต้องดิบ เพราะว่าไฟมันดับ
ไฟเอยทำไมจึงดับ ไฟเอยทำไมจึงดับ
มันจำเป็นต้องดับ เพราะว่าฟืนมันเปียก
ฟืนเอยทำไมจึงเปียก ฟืนเอยทำไมจึงเปียก
มันจำเป็นต้องเปียก เพราะว่าฝนมันตก






 

Create Date : 04 กันยายน 2550
1 comments
Last Update : 4 กันยายน 2550 12:32:55 น.
Counter : 541 Pageviews.

 

หนุกจัง

 

โดย: meowlady 16 กันยายน 2550 20:47:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

แยมส้มนมเนยช๊อกโกแลตหวานมัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Well,

I'm Jesse...as you already know i'm a teacher...

I have been a teacher since 2004.
THat shows how much I love children, rite?

I always have a great tie amd great time with them.

Since I was a kid, I always wish that someday I could be a writer....

And now one of my best friend, p'ying, hands me a great opportunity to be a writer.

So I start writing my first about my experiences as a teacher and as the goddess mother of my students....

If you catch up all of my writing, you shall wonder how funny they are and how wonderful life is...just to be with them.

So please do me a favor by reading my writing na ja.

Ummm, I forget to tell you about myself....

I'm twenty something
And hope you guys dont mind finding the truth. ^-^

I'm slim( I always considered myself being that and yet once agan...don't try to believe me)

I'm 100% single.
And I don't understand why all the guys I met were absolutely freak and jerk

....and it's true....

so if you guy consiered yourself a good guy,

And have a big big muscles every inch of your whole body, ^o^

and have well skills of knowing exactly how to please a woman,

Please try to make a contact with me cos you guys are so welcome!!! eieiei ^0^

Ooops....what did I just say?????

YeT OnCe AGAIN...Thanx so Much FoR CoMiNG In To My BloG.......

JooB JooB
And lastly,

Am I wrong for always having a thought of illusion about how beautiful I do look...I'm pretty sure that i'm quite pretty??????

Jesse hits
[Add แยมส้มนมเนยช๊อกโกแลตหวานมัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com