|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
เพื่อนจะอยู่ในใจ...เสมอ
เรา "เฮ้ย..บรูณ์อีกไม่กี่วัน เราก็ต้องจากกันแล้วนะ..ไม่น่าเชื่อเนอะ"
บูรณ์ "เออ..." บูรณ์ตอบสั้นๆแล้วนิ่งไป
เรา "แกจะไปสอบต่อ ม.4 ที่ไหนวะ"
บูรณ์ "ยังไม่รู้เลยวะ...อาจจะไปต่อที่ เทพศิรินทร์ แล้วแกอ่ะ"
เรา "เออ....ก็บ้านแกอยู่แถวนี้หนิหว่า ข้าตั้งใจจะไปลองสอบที่เตรียมฯดูก่อนว่ะ แต่ไม่ค่อยมั่นใจเลย"
บูรณ์ "อืม.....เร็วนะ 3 ปีแล้วที่รู้จักกัน เฮ้ย อย่าลืมเขียนที่อยู่ไว้ใน friendship ให้ด้วยนะโว้ย"
เรา "เออ....แกด้วย...แล้วอย่าลืมติดต่อกันนะ"
นั่นเป็นประโยคท้ายๆที่ข้าพเจ้าคุยกับสมบูรณ์ ที่ยังสามารถจำได้เลือนๆรางๆอะไรประมาณนี้ เรานั่งคุยกันตั้งแต่หัวค่ำที่เก้าอี้หินอ่อนภายในวงเวียน 22 กรกฎาฯ แถวบ้านสมบูรณ์นั่นเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงยามเคาะระฆังบอกเวลาตีสามเข้าแล้ว บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงัด มีเสียงรถยนต์ที่นานๆจะแล่นผ่านเข้ามาในวงเวียนสักครั้ง น้ำค้างกลางดึกพร่างพรม อากาศช่วงต้นปีของเดือนกุมภาพันธ์เย็นสบาย มีลมเอื่อยๆพัดมาเป็นระยะ
สมบูรณ์เป็นเพื่อนข้าพเจ้าเมื่อตอนสมัยที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนวัดแห่งหนึ่งแถวสะพานพระปิ่นเกล้า ความจริงเราเรียนกันมา 3 ปี ตั้งแต่ ม.1 แต่เพิ่งมาสนิทกันเมื่อตอน ม.3 สมบูรณ์เป็นลูกคนจีน 100% ผิวขาว ตาตี่ หน้าออกตี๋ 100% ในขณะที่ข้าพเจ้าก็เป็นลูกเชื้อสายจีนเช่นกัน แต่ผิวออกน้ำตาลและตาเข้มกว่า จริงๆแล้วกลุ่มเพื่อนสนิทของสมบูรณ์จะมี ไอ้ดม, ไพบูลย์ และก็สุรชัย ส่วนข้าพเจ้าจะมี ไอ้เกียรติ, กร และก็ไอ้โย เราทั้งสองกลุ่มก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาสนิทกะไอ้บูรณ์ก็เคยเขม่นกันมาก่อน ค่าที่ว่าเราเรียนค่อนข้างเก่งกันทั้งสองกลุ่ม เลยแข่งกันในที กลุ่มไอ้บูรณ์จะเป็นอะไรที่หน้าตี๋สุดๆ ขาวและตาไม่มีเหล่าเต๊งกันทุกคน ส่วนนิสัยจะแบบว่าขี้งกหน่อย ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ไม่ค่อยคบใครเอาแต่กลุ่มตัวเอง วิชาที่ถนัดที่สุดจะเป็นคณิตศาสตร์กะอังกฤษ (แต่ไอ้บูรณ์ถนัดศิลปะด้วย วาดรูปและลงสีได้สวยสุดๆ) ในขณะที่กลุ่มข้าพเจ้าจะทำคะแนนได้ดีในวิชาคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และอื่นๆ โดยกลุ่มข้าพเจ้าจะออกแนวเฮฮา สนุกสนาน เมื่อว่างจากการเรียนมักจะไปกระโดดแม่น้ำ, เล่นฟุตบอลหรือเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่มีนิทรรศการให้นักเรียนดูอยู่เสมอ
กลุ่มข้าพเจ้ากะกลุ่มไอ้บูรณ์มักทำคะแนนในวิชาเรียนผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะแบบคู่คี่สูสีมาตลอด เลยทำให้เราไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร งานไหนมีกลุ่มไอ้บรูณ์เกี่ยวข้อง กลุ่มข้าพเจ้าก็ไม่เข้าไปยุ่ง งานไหนที่มีกลุ่มข้าพเจ้าเข้าไปยุ่ง ก็จะไม่มีกลุ่มไอ้บรูณ์เข้าไปเกี่ยว เรื่องมันมาไคลแมกซ์ก็ตอนนี้แหละ ในงานกีฬาสีของชั้น ม.3 ทั้งชั้น ดูเหมือนว่าคุณครูก็รับรู้มาเลาๆว่าไอ้ 2 กลุ่มนี้ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ วันงานกีฬาสีก็เลยจับมาแข่งบาสกัน ไม่รู้ครูแกคิดอะไรอยู่ในใจ เสียงกองเชียร์กระหึ่มเพราะรู้ว่างานนี้มีเฮ มันฟัดกันตายไปข้างแน่เพราะศึกแห่งศักดิ์ศร๊ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ครูหาคนมาเพิ่มให้จนครบทีมทั้งสองข้าง แล้วเริ่มแข่ง บรรยากาศก็สนุกสนานสะใจกองเชียร์คอซาดิสม์ กลุ่มข้าพเจ้าเป็นรองเพราะเล่นบาสกันไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ถนัดแต่ฟุตบอลซะมากกว่า ส่วนกลุ่มไอ้บูรณ์มันชอบบาสกันมาแต่ไหนแต่ไรเลยได้เปรียบ แต้มทีมข้าพเจ้าตามอยู่ห่างๆ จำไม่ได้ว่าสกอร์เป็นเท่าไหร่ แต่เยอะเหมือนกัน จนมาช่วงท้ายเกมตอนนั้นไอ้โยเลี้ยงบอลจะเข้าไปยัดห่วง ปรากฏว่าโดนไอ้ชัยเบียดกระแทกจนล้มลงบนพื้นสนาม กรรมการเป่า ปรี๊ด.....ดังลั่น คนเชียร์ลุกขึ้นฮือฮาแล้วยืนเงียบกริบ เอาแล้ว...ทุกคนนึกว่างานนี้มีมวยหมู่แถมให้ดูแน่ ทุกคนแทบลืมหายใจ นิ่งไปอึดใจใหญ่...แล้วไอ้ชัยก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย....ชัยเดินไปดึงมือไอ้โยให้ลุกขึ้นและพูด "โทษเว้ย..ไอ้โย..กรูไม่ได้ตั้งใจ" ส่วนไอ้โย ก็พยักหน้าแล้วตบไหล่เพื่อนเบาๆ เชิงบอกว่าไม่เป็นไร ไม่รุว่าตอนนั้นมันพยายามข่มใจซะขนาดไหน (หลังจากนั้น เคยคุยกะไอ้โย มันว่ามันก็ตั้งใจจะลุกขึ้นมาชกปากไอ้ชัยเหมือนกัน แต่เจอลูกหักมุมของไอ้ชัยมุกนี้เข้าเลยเลิกล้มความตั้งใจ) ภาพช่วงนี้เหมือนโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อนึงในทีวีเลย ยังนึกอยู่ว่าใครในกลุ่มเอา plot ไปขายหากินหรือป่าว 555555+ ฟาวล์ครั้งนี้กรรมการให้เราได้ลูกจุดโทษ แล้วไอ้โยก็จัดการเสียเรียบร้อย
พอสิ้นเสียงนกหวีดลง กลุ่มข้าพเจ้าก็แพ้ไปตามระเบียบ (ไม่รู้จะตามคุณระเบียบไปทำไม....อิอิ) คะแนนจำไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่อยู่ในใจนับแต่นั้นคือ ภาพ...เราสองกลุ่มตรงเข้าจับมือกัน บีบกระชับแน่น ตบหลังตบไหล่และยิ้มแย้มพูดคุยแสดงน้ำใจที่ดีต่อกัน....แล้วมิตรภาพระหว่างพวกเราก็เริ่มต้น ณ. ตรงจุดนั้น วันนั้นกลุ่มข้าพเจ้าไม่ได้รับเหรียญรางวัลใดๆ ยกเว้นรางวัลน้ำใจนักกีฬาดีเด่นร่วมกับกลุ่มไอ้บรูณ์มัน ตั้งแต่วันนั้น สัมพันธภาพระหว่างคนสองกลุ่มก็กระชับแน่นและสนิทกันมากขึ้นโดยลำดับ เราต่างแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กัน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันมากขึ้น เริ่มไปเที่ยวบ้านกันทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าได้หวัง
วันนึงก่อนสอบไล่ใหญ่ ไม่กี่สัปดาห์ ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมบ้านไอ้บูรณ์ตั้งแต่บ่ายๆ นั่งคุยนั่งเล่นและก็กินข้าวเย็นบ้านมัน แม่ไอ้บูรณ์เป็นคนไทยเชื้อสายจีนพูดจาไม่ชัด นิสัยน่ารัก หน้าตาใจดียิ้มแย้ม ชวนคุยและชวนกินนั่นกินนี่ตลอด พอตกดึกก็ออกไปเดินเล่นแล้วนั่งคุยกันที่ม้านั่งหินอ่อนในวงเวียน 22 กรกฎาฯ เราคุยกันหลายเรื่อง จำไม่ค่อยจะได้แล้ว คลับคล้ายคลับคลาจะเป็นเรื่องทำไมเราไม่สนิทกันก่อนหน้านี้มาตั้งนานนะ เรื่อยเปื่อยไปจนกระทั่งเรื่องเรียนเรื่องอนาคต เรื่องชอบใครในห้องเป็นพิเศษรึป่าว (โรงเรียนแบบสห ชาย-หญิงเรียนปนกัน) และเรื่องอื่นๆ
บูรณ์ "จากกันไปแล้ว....แกจะลืมข้าป่าววะ ไอ้แทน"
เรา "เฮ้ย...เพื่อนกันไม่ใช่หรอ...ที่อยู่เด๋วข้าเขียนลง friendship ให้แก แล้วที่อยู่ของแกด้วยนะ...ถ้าย้ายบ้านหรืออะไร อย่าลืมส่งข่าวด้วยนะเว้ย"
บูรณ์ "เออ....เฮ้ยไอ้แทน แกว่าข้าจะเรียนหมอไหวมั๊ยวะ"
เรา "เออ...ทำไมว้า..แกเรียนเก่งหยั่งเงี้ย จากัวไรอีกวะ..ส่วนข้าตั้งใจแล้ววะ ยังไงก็ต้อง วิดวะ..ข้าตัดสินใจแล้ว"
บูรณ์ "อืม...ข้ารู้...แกตั้งใจอะไรแล้วไม่ค่อยล้มเลิกง่ายๆ.....ยกเว้นเรื่องสาวๆนะ แกยอมแพ้เร็วไป"
เรา "เฮ้ย....แซวกันหรอ...5555+"
หลังจากนั้น พวกเราก้อเรียนกันตามปกติ จนกระทั่งวันนึง แปลกใจอยู่แล้ว วันนี้ไอ้บูรณ์มันทำไมไม่มาเรียนหนังสือวะ สายๆคุณแม่ของไอ้บูรณ์ก็เข้ามาแจ้งข่าวร้ายในห้องพร้อมครูประจำชั้นว่า ไอ้บูรณ์เพิ่งเสียชีวิตเมื่อคืนที่โรงพยาบาลด้วยโรคอักเสบและติดเชื้อในช่องท้องเฉียบพลัน เพิ่งรู้จากปากแม่ไอ้บูรณ์ว่ามันมีโรคประจำตัวมานาน ลาก่อนเพื่อน........ขอให้ไปสู่สุขคติ....เพื่อนจะอยู่ในใจเราเสมอ...
หลังจากจบ ม.3 ต่างคนต่างก็แยกย้ายไปตามทางที่มุ่งหวังกัน ไอ้เกียรติได้เรียนคณะพาณิชย์ศาสตร์และบัญชีจุฬาฯ ได้ข่าวว่าอยู่ bank ไทยพาณิชย์ ส่วนไอ้กรจบด๊อกเตอร์ตอนนี้สอนอยู่มหา'ลัยรัฐแห่งหนึ่ง ไอ้โยไปเป็นสัตวแพทย์ และเราก้อได้เรียนวิดวะสมใจ ไอ้ดมจบบริหารและไม่ได้รับข่าวคราวอีกเลย ส่วนไพบูลย์กะไอ้ชัย ไม่ทราบข่าวคราวตั้งแต่จบ ม.3 แล้ว.............ไอ้บูรณ์ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอให้ได้รู้ว่าเพื่อนคนนี้จะอยู่ในใจเรา......เสมอ
(ปล. เอื้อเฟื้อเพลง โดย คุณ Vicky ขอบคุณมากคร๊าบ)
Create Date : 19 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 10:29:17 น. |
|
17 comments
|
Counter : 445 Pageviews. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:16:12:17 น. |
|
|
|
โดย: ดาว (Sirinut ) วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:17:18:03 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:23:14:15 น. |
|
|
|
โดย: สันดานเสีย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:1:27:38 น. |
|
|
|
โดย: Sirinut วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:9:06:50 น. |
|
|
|
โดย: ประกายดาว วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:40 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:39:23 น. |
|
|
|
โดย: akojajaa วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:54:56 น. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:16:00:16 น. |
|
|
|
โดย: ดาวทะเล วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:16:46:39 น. |
|
|
|
โดย: pangz วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:21:46:16 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:21:54:26 น. |
|
|
|
โดย: jengly วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:23:11:49 น. |
|
|
|
โดย: สะเทื้อน วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:11:02:57 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
คนบางคนอยากมีเงินเท่าทะเล เขาจึงมีความทุกข์เท่าทะเล...... เพียงเพราะต้องดิ้นรน........ หาเงินให้เท่ากับทะเล
คนบางคนอยากมีเพียงเบ็ดสักคัน เพียงเพื่อหาปลาตัวนึง....จากทะเล กลับไปเป็นอาหารเย็น และมีความสุขกับ....การนอนนับดาว ยามค่ำคืนบนชายหาดที่สงบเงียบ
|
|
|
|
|
|
|
|
ดีใจค่ะที่ได้ยินเสียงเพลง..บรรเลงเพราะดีค่ะ
เราเลยนึกถึงอดีตที่แสนหวานเลย
สนุกเสมอสมัยเรียนนนนน
เราก็มักจะมีเพื่อนอยู่ในใจเสมอนะ
แต่เรามีความรู้สึกเหมือนถูกลืมเสมอเช่นกัน
แต่เราไม่เคยลืมเพื่อนเราสมัยเรียนเลยละ
ชีวิตถ้าเราเลือกได้เราคงจะมีมากมายให้เลือก
แต่ถ้าชีวิตเลือกไม่ได้เราก็จะดำเนิน
ไปตามเส้นทางที่เราเดินต่อไปข้างหน้าค่ะ
เพราะเราเป็นคนไม่กลัวอุปสรรคค่ะ
มีความสุขในวันดีๆๆนะค่ะ
คุณเป็นคนดีย่อมมีมิตรที่ดีคิดถึง