กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
All Blog
นี่ ห รื อ คื อ ค ว า ม รั ก ?


ปฐมลิขิต

เรื่อง (ยาว ๆ) ที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริง โดยชื่อของบุคคลในเรื่องเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ อิชั้นมีโอกาสรับทราบเรื่องนี้จากการรับงานถอดวิดีโอเทปการสวบสวนกรณีสาวไทยโดนกรมศุลกากรประจำฮ่องกงจับกุมที่สนามบินเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนค่ะ

...........




เมื่อเครื่องบินที่ดวงพรโดยสารมาจากโจฮันเนสเบิร์กแตะพื้นรันเวย์ที่ฮ่องกง เธอก็เตรียมตัวลง จากที่นี่เธอจะต้องเปลี่ยนเครื่องไปยังเวียดนามด้วยสายการบินอื่น และยังต้องเปลี่ยนเครื่องที่เวียดนามอีกครั้งก่อนบินต่อไปยังกรุงเทพฯ


เธอเดินออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้า รับกระเป๋า และกำลังจะเดินออกไปติดต่อเคาน์เตอร์สายการบินซึ่งตั้งอยู่ในสนามบิน ขณะที่เดินผ่านด่านตรวจของกรมศุลกากรฮ่องกง เธอก็โดนเจ้าหน้าที่เรียกตัวไว้


เจ้าหน้าที่สาวตรวจสัมภาระในกระเป๋าเดินทางของดวงพรอยู่ชั่วครู่ก็พบสิ่งผิดปรกติ เธอเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนให้เข้ามาสมทบ แล้วแจ้งดวงพรให้เดินตามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเข้าไปยังห้องสอบสวน


เจ้าหน้าที่บอกกับดวงพรว่าพบสารต้องสงสัยมีลักษณะเป็นผลึกใสห่อหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในกล่องเก็บความเย็นในกระเป๋าเดินทางของเธอ ขณะนี้กำลังตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่


ดวงพรนั่งรออยู่ภายในห้องสอบสวนด้วยความกระวนกระวายใจตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงสาย ในที่สุดเจ้าหน้าที่คนเดิมก็เข้ามาในห้อง บอกกับเธอว่าขณะนี้เธอถูกจับกุมในข้อหามียาเสพติดให้โทษเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง


เจ้าหน้าที่ลงบันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาอังกฤษอย่างคร่าว ๆ ในสมุดบันทึกเล่มเล็ก อ่านเนื้อหาในบันทึกให้ฟัง แล้วให้เธอลงชื่อรับทราบข้อหาในสมุดบันทึกดังกล่าว หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอีกครั้ง


เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงหัวค่ำ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 2 คนเดินเข้ามาในห้องสอบสวนพร้อมหญิงไทยอีกคนหนึ่ง ทั้งสองแนะนำตัวเองและบอกดวงพรว่าหญิงไทยที่มาด้วยเป็นล่ามที่ทางกรมศุลกากรจัดหามาให้ ถามเธอว่าต้องการล่ามหรือไม่ ดวงพรรีบตอบรับ


เจ้าหน้าที่เริ่มใช้ล่ามในการสนทนากับเธอ ทุกประโยคที่เจ้าหน้าที่ถามและทุกประโยคที่เธอตอบ ล่ามจะทำการแปลเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย


เจ้าหน้าที่แจ้งว่าการสอบสวนครั้งนี้ได้ทำการบันทึกเทปวิดีโอไว้ด้วยเพื่อใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล นอกจากนี้ยังแจ้งสิทธิของดวงพรว่า เธอสามารถตอบหรือไม่ตอบคำถามใด ๆ ก็ได้ แต่คำพูดของดวงพรทั้งหมดจะนำไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลเช่นกัน ดวงพรรับทราบ และแล้วเรื่องราวต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ


“หนูทำงานอยู่ในไนต์คลับที่พัทยาค่ะ เช่าห้องอยู่กับเพื่อน รายได้เดือนหนึ่งประมาณหมื่นถึงหมื่นสอง หนูไม่ได้แต่งงานค่ะแต่มีลูกแล้วสองคน”


“หนูไปเยี่ยมแฟนมาค่ะ แฟนหนูเป็นคนแอฟริกาใต้ ชื่อเอ็มมี่ ชื่อเต็มเขาหนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ เรียกกันแต่ เอ็มมี่ เอ็มมี่ หนูเจอเขาเมื่อหกเดือนที่แล้วในร้านที่หนูทำงานนั่นแหละ ก็คบเป็นแฟนกัน เอ็มมี่เขาก็กลับไปอยู่ประเทศเขา แต่เขาก็โทรฯหาหนูบ่อย ๆ”


“จนเมื่อเดือนที่แล้ว เราโทรฯคุยกันตามปรกติ เขาบอกหนูว่าเขาคิดถึงหนูมาก อยากเจอหนู อยากให้หนูไปหาที่โจฮันเนสเบิร์ก หนูบอกไม่มีเงิน เขาบอกเดี๋ยวเขาจัดการเรื่องตั๋วเรื่องโรงแรมให้ หนูถึงได้ไปค่ะ”


“หนูขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯต้องมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงเพื่อไปโจฮันเนสเบิร์กต่อ ทีนี้พอถึงฮ่องกงทางพนักงานของสายการบินก็บอกว่าบัตรเครดิตที่ใช้ในการซื้อตั๋วมีปัญหา ทางสายการบินให้หนูจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเป็นเงินสด แต่หนูมีเงินไม่พอ หนูมีเงินติดตัวแค่ 700 เหรียญ”


“หนูก็โทรฯหาเอ็มมี่ ให้เขาคุยกับพนักงานสายการบิน คุยกันเสร็จเอ็มมี่ก็บอกหนูว่า บัตรเครดิตของเขามีปัญหา เขาจะต้องไปเคลียร์ก่อน บอกให้หนูหาโรงแรมใกล้สนามบินนอนค้างคืน หนูก็ไปพักที่โรงแรมแมริออตสองคืน ระหว่างนั้นหนูก็โทรศัพท์คุยกันหรือไม่ก็ส่งข้อความหากันตลอดค่ะ พอวันที่สามเอ็มมี่เขาก็โทรฯมาบอกให้หนูไปขึ้นเครื่อง เขาเคลียร์กับทางสายการบินได้แล้ว หนูก็ไป”


“ไปถึงโจฮันเนสเบิร์กหรือคะ ไม่มีคนมารับหรอกค่ะ เอ็มมี่ไม่ได้มา ที่นั่นมีแท็กซี่ หนูก็ขึ้นแท็กซี่ โทรศัพท์หาเอ็มมี่ให้เขาคุยกับคนขับว่าให้พาหนูไปส่งที่โรงแรม”


“หนูไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย อยู่แต่ในโรงแรม แล้วก็ออกไปช็อปปิ้ง เอ็มมี่ เค้าก็ ... เค้าไม่ได้มาอยู่กับหนูที่โรงแรมหรอกค่ะ หนูอยู่คนเดียว มีออกไปเดินเที่ยวห้างกันครั้งนึง”


“หนูพักที่โรงแรมแค่สามสี่วันค่ะ มีอยู่วันหนึ่งทางโรงแรมก็โทรฯเข้ามาในห้องบอกว่ามีผู้หญิงมาหา หนูลงไปพบ เขาก็บอกว่าเป็นเพื่อนกับเอ็มมี่ เอ็มมี่ใช้ให้เอาของมาให้หนู”


“ก็กล่องแช่เย็นใบนี้แหละค่ะ หนูอยู่ห้องเช่ากับเพื่อน ห้องเล็ก ๆ น่ะค่ะ ก็มีเตาไฟฟ้า มีกระติกน้ำแข็งใบนึง หนูเห็นกล่องนี่เข้าหนูก็ชอบ เพราะมันเสียบปลั๊กแล้วก็จะเหมือนตู้เย็นเลย ถ้ามีของสด อาหารอะไรก็แช่เย็นได้ ถ้าไม่มีของก็ถอดปลั๊กออก หนูไปเจอกล่องนี่ที่ห้างตอนไปเดินเล่นกับเอ็มมี่เมื่อวันก่อน ก็บอกเขาว่าอยากได้ เขาก็บอกว่ายังไม่ต้องซื้อตอนนี้ เดี๋ยวเขาซื้อไปให้ก่อนกลับเมืองไทย”


“ผู้หญิงคนนั้นเขาก็เอากล่องมาให้หนู เขาบอกว่าเอ็มมี่ไม่ว่าง หนูไปที่นั่นหลายวัน ได้เจอเอ็มมี่แค่สองวัน ก่อนจะไปที่นั่นเขาอ้อนวอนหนูต่าง ๆ นานา บอกว่าเขาอยากเจอหนู อยากพาหนูไปให้ครอบครัวรู้จัก แต่พอหนูมาถึง เขาก็เปลี่ยนไป พูดแต่ว่าไม่ว่างไม่ว่าง ตอนแรกหนูตั้งใจจะอยู่หลายอาทิตย์ เห็นเขาเป็นแบบนี้ หนูเลยบอกเขาว่าหนูจะกลับ หนูจะอยู่แค่สี่วัน”


“ตอนเก็บของเตรียมตัวจะกลับเมืองไทย หนูก็พยายามใส่กล่องแช่เย็นอันนี้ลงไปในกระเป๋าเดินทาง คือตอนแรกมันมีกล่องกระดาษอยู่ด้วยน่ะค่ะ แต่มันใส่ไม่ได้ กล่องมันใหญ่ หนูเลยเอากล่องกระดาษทิ้งไปก็ใส่ได้พอดี”


“ไม่มีใครช่วยหนูเก็บของหรอกค่ะ หนูเก็บอยู่คนเดียว เสื้อผ้าหนูไม่เยอะ เพราะหนูกะว่าจะไปหาซื้อที่โน่นถ้าอยู่หลายวัน ทีนี้หนูอยู่แค่สามสี่วัน เลยไม่ได้ซื้ออะไรใหม่ ก็มีกล่องแช่เย็นนี่แหละ”


“ระหว่างนั้นก็มีแต่พนักงานทำความสะอาดนั่นแหละค่ะที่เข้าห้องหนูได้ แต่หนูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกตนะคะ”


“วันกลับ เอ็มมี่ก็ไม่ได้มาส่งหนู เขาบอกว่าไม่ว่าง มีผู้หญิงคนที่เอาของมาให้ กับผู้ชายอีกสองคนมารับหนูจากโรงแรมไปส่งที่สนามบิน หนูไม่รู้ชื่อค่ะ”


“ไปถึงสนามบิน หนูกับผู้หญิงก็ลงจากรถไปติดต่อสายการบิน ผู้หญิงคนนั้นเขาก็พูดภาษาของเขากับพนักงานน่ะค่ะ หนูก็ยืนอยู่ด้วยเฉย ๆ กระเป๋าหนูยังอยู่ในรถค่ะ เพราะผู้ชายสองคนนั้นเขาจอดส่งเราข้างหน้า แล้วเขาก็ไปหาที่จอดรถกัน”


“หลังจากนั้นผู้ชายสองคนนั้นก็เข้ามาสมทบ คุยกันเป็นภาษาของเขา คนผู้หญิงก็บอกหนูว่า สายการบินให้มาติดต่อใหม่ในอีกชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ชวนหนูออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกสนามบินก่อน หนูก็ไปกับเขา”


“กินเสร็จก็ขับรถกลับมาที่สนามบินอีกที หนูก็ไปติดต่อสายการบิน ได้บัตรที่นั่ง พนักงานเขาถามว่าจะโหลดกระเป๋าด้วยหรือเปล่า หนูก็บอกว่าไม่ หนูจะถือขึ้นเครื่องไปด้วย เขาก็บอกว่าให้หนูล็อกกระเป๋า หนูก็ล็อก”


“หนูมาเปิดกระเป๋าหยิบของอีกทีตอนอยู่บนเครื่อง ใกล้จะถึงฮ่องกงแล้วค่ะ เสร็จแล้วหนูก็ล็อกไว้เหมือนเดิม”


“ก่อนกลับเอ็มมี่เขาฝากให้เพื่อนเอาเงินมาให้หนูค่ะ ให้มาสามร้อยเหรียญ ทำไมต้องให้เหรอคะ ก็เพราะหนูจ่ายเงินค่าโรงแรมที่ฮ่องกงไป แล้วก็แลกเงินที่สนามบินตอนไปถึงเพื่อเอาไว้ใช้จ่าย ก็จ่ายค่าแท็กซี่ แล้วก็จ่ายค่าโรงแรมที่โจฮันเนสเบิร์กด้วยน่ะค่ะ แล้วหนูก็บอกเขาว่า เงินหนูหมดแล้ว”


“หนูลงจากเครื่องบินมาก็ถามพนักงาน เขาก็บอกให้ออกมาติดต่อเคาน์เตอร์สายการบินข้างนอก หนูต้องบินไปโฮจิมินห์ต่อวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ แล้วถึงจะต่อเครื่องไปเมืองไทยอีกทีนึง”


“หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมหนูต้องเปลี่ยนเครื่องหลายครั้ง เอ็มมี่เป็นคนติดต่อเรื่องตั๋วเครื่องบินให้หนูค่ะ เขาบอกว่ามาถึงฮ่องกงแล้ว ให้หนูโทรฯหาเขา เขาจะต้องรอเช็คกับสายการบินก่อนว่าหนูจะได้ที่นั่งไหม”


“ถ้าหนูไปเมืองไทยแล้ว หนูก็กลับไปทำงานที่เดิมที่พัทยาเนี่ยค่ะ หนูลางานเขามาสองอาทิตย์ แต่หนูกลับมาก่อน กล่องแช่เย็นนี่หนูก็จะเอาไว้ใช้ที่ห้องเช่าของหนูเนี่ยล่ะค่ะ”


“เอ่อ .. หนูก็ไม่ได้ดูหรอกค่ะว่าปลั๊กมันใช้กันได้ไหม แต่ที่เมืองไทยมันมีเต้าเสียบแบบใช้กับปลั๊กได้หลายแบบน่ะค่ะ ถ้ามันเสียบไม่ได้ หนูก็จะไปซื้อเต้าเสียบแบบนั้น”


“หนูมีเบอร์เอ็มมี่อยู่ในโทรศัพท์นี่แหละค่ะ รูปเหรอคะ ไม่มีค่ะ หนูเคยถ่ายรูปเขา แล้วเขาโกรธ เขารีบมาลบทิ้ง แล้วบอกว่าห้ามถ่ายรูปเขา ข้อความที่หนูกับเขาส่งหากันก็อยู่ในโทรศัพท์นี่แหละค่ะ”


“เจ้าหน้าที่เขาถามหนูว่ามีอะไรจะพูดอีกหรือคะพี่”


ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมาประเดประดังเข้ามาในสมอง ดวงพรไม่อยากจะเชื่อว่าเอ็มมี่มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยกับเรื่องนี้ เอ็มมี่คนที่บอกว่ารักเธอสุดหัวใจ


“หนูก็อยากจะบอกว่าหนูไม่รู้จริง ๆ ว่าของมันมาอยู่ในกล่องได้ยังไง หนูไม่รู้จริง ๆ ค่ะ” ดวงพรจบคำให้การด้วยเสียงอันสั่นสะท้าน




Create Date : 14 กันยายน 2555
Last Update : 14 กันยายน 2555 11:13:08 น.
Counter : 2641 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ