ชื่อร้าน : Luna Lanaiรายการอาหาร : Thai and Western Favouritesที่ตั้งร้าน : Sheraton Hua Hin Resort & Spa, เพชรบุรี Thailandพิกัด GPS : 12° 38' 40.32" N 99° 57' 21.56" E สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิก Bloggang ทุกท่าน ป้าเดซี่หายศีรษะไปจาก Blog นานร่วมเดือนทีเดียว เนื่องจากคุณพ่อบ้านและลูกบ้านปิดเทอมตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แล้วครอบครัวเรานัดแนะกับญาติฝรั่งอังกฤษที่ลาหยุดไปรับลมร้อนที่เมืองไทยด้วยกัน โดยเราพักอยู่ที่กทม. 4-5 วัน หลังจากนั้นก็พร้อมใจไปทะเลใกล้ ๆ อย่างหัวหินนี่เองเพราะคุณญาติไปภูเก็ตมาแล้วหลายรอบ เราเลือกพักกันที่ Sheraton Hua Hin Resort & Spa ตลอด 8 วัน 7 คืนในหัวหิน วันสุดท้ายทางโรงแรมใจดีให้พวกเรา late check-out กันด้วย น่ารักจริง ๆอิชั้นนั้นเป็นคนชอบทำงานและรักงานปัจจุบันของตัวเองเป็นที่สุด เวลาไม่ได้ทำงานแล้วมันเหงานะ (แถมไม่ได้ตังค์ด้วย อันนี้สำคัญ) ดังนั้นกลับเมืองไทยเกือบเดือนในครั้งนี้จึงไม่ได้ลางานไปแต่อย่างใด ยังคงทำงานผ่านเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ให้กับทั้ง 2 บริษัทที่เป็นลูกจ้างอยู่ ช่วงที่ไปพักที่หัวหิน หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยอิชั้นก็กลับเข้าห้องนั่งทำงานไปจนเย็นย่ำ งดอาหารกลางวันเพราะมื้อเช้ากินเยอะมาก ได้เวลาอาหารค่ำถึงได้เลิกทำงานออกไปหาอะไรกินกันกับครอบครัว ส่วนคุณพ่อบ้านและลูกบ้านนั้นหลังจากกินอาหารเช้าเป็นที่อิ่มหนำ ก็กลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปว่ายน้ำต่อที่สระลากูนหน้าตึกบ้าง สระว่ายน้ำใหญ่ริมหาดบ้าง ไปซาวน่ากันบ้างทั้งวัน มื้อกลางวันเธอก็สั่งอาหารจากห้องอาหารริมชายหาดกินกันไป เป็นอันเพลิดเพลินดีทั้งสองฝ่ายค่ะ คณะพรรคของเรา (รวมครอบครัวของญาติ) มีอยู่ด้วยกัน 6 คนค่ะ เราเช่ารถตู้รับส่งในวันเดินทางไปและกลับระหว่างกทม.และหัวหิน แต่ช่วงที่พวกเราพักอยู่ที่โรงแรม 8 วัน 7 คืนนั้นเราไม่มีรถกัน บางวันเราก็นั่งรถรับส่ง (shuttle bus) ของโรงแรมไปหาอาหารมื้อเย็นกินกันในตัวเมืองหัวหิน พอมาเทียบราคาดูแล้ว มันแทบจะไม่ต่างกับราคาอาหารในโรงแรมเลยนะ (นี่ยังไม่รวมค่าบริการรถรับส่งคนละ 50-90 บาทต่อเที่ยว) วันหลัง ๆ เราเลยกินกันแต่ในโรงแรม สั่งรูมเซอร์วิสบ้าง ไปใช้บริการที่ห้องอาหารริมชายหาด Luna Lanai ของโรงแรมบ้าง อาหารไทยของเขาคุณภาพใช้ได้ทีเดียวค่ะ รสชาติดี ไม่หวานจัดเหมือนอาหารตามร้านที่เราไปกินกันมาด้วย บล็อกนี้อิชั้นก็รวบรวมภาพอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็นในโรงแรม (บางมื้อ) มาไว้ด้วยกันเสียเลยนะคะ เรามาเริ่มกันด้วยภาพอาหารเช้าในห้องอาหาร The Deck ซึ่งห้องอาหารดังกล่าวเปิดบริการในเวลาใดเราก็จนปัญญา แต่จำได้ขึ้นใจว่าปิดให้บริการอาหารเช้าในเวลา 10:30 น. ดังนั้นเราจะต้องตื่น/เตรียมตัวไปใช้บริการให้ทันเวลาดังกล่าว หลังจากนั้นโดยมากเราก็จะนั่งแช่เรื่อยเปื่อยจนเป็นแขกรายสุดท้ายของห้องอาหารนี้ทุกที เนื่องจากไปพักถึง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ ตั้งแต่วันที่ 2 ของการเข้าพัก พนักงานที่ห้องอาหารก็จำหน้าพวกเรากันได้แล้วค่ะ วันไหนที่แขกไม่เยอะ เราก็มักจะได้นั่งโต๊ะที่อิชั้นชอบที่สุดตัวนี้ ภายในห้องอาหารเปิดแอร์เย็น ไม่ร้อนเท่าด้านนอก โต๊ะที่เรามักจะได้นั่งก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากซุ้มอาหารส่วนใหญ่ ด้านนอกห้องอาหารมีโต๊ะตั้งไว้ให้บริการหลายตัวเหมือนกัน สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวนสวยและสระว่ายน้ำของโรงแรม แต่ร้อนไปสำหรับคนไทยอย่างอิชั้นค่ะ ขอนั่งห้องแอร์ดีกว่า ปล่อยฝรั่งเขานั่งกันไปเถอะ บุฟเฟต์อาหารเช้าของที่นี่ก็มีอาหารให้เลือกหลากหลายตามมาตรฐานของโรงแรมในระดับนี้นะคะ แถมคุณภาพค่อนข้างดีด้วย แต่อิชั้นก็มักจะเลือกกินซ้ำ ๆ นี่แหละค่ะ ได้แก่ ออมเล็ตใส่ผักทุกอย่างไม่ใส่แฮม ไส้กรอก (มีเปลี่ยนไปหลายชนิดในแต่ละวัน) ผักนิดหน่อย อาจมี Pastry บ้างถ้ามีของชอบอย่าง Danish Pastry แล้วก็น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำเชื่อมจบอาหารคาวแล้วก็ต่อด้วยอาหารหวานและผลไม้ (มื้อนี้แอบมีเบิ้ล fruit danish มาอีกชิ้นนึง) ที่นี่จะมีผลไม้พิเศษด้วยไม่ใช่แอปเปิล มะละกอ กล้วย ส้มดาด ๆ อย่างมื้อนี้ก็มีขนุน ชมพู่ และสละไว้ให้ฝรั่งร่วมโต๊ะพิศวงสงสัยว่ามันคืออะไรเหรอจ๊ะ นอกจากผลไม้แล้ว อิชั้นยังประทับใจกับน้ำผลไม้ของที่นี่เช่นเดียวกัน นอกจากน้ำส้ม น้ำแอปเปิล น้ำฝรั่ง น้ำสับปะรด (จากกล่อง) ดาด ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีน้ำผัก/ผลไม้พิเศษอย่าง น้ำแตงโม และน้ำแครอทไว้ให้บริการในบางวันด้วย และวันหลัง ๆ นี่เองที่อิชั้นเพิ่งจะสังเกตว่าเค้ามีซุ้มขนมครกตั้งอยู่ด้านนอกห้องอาหาร ตั้งแต่นั้น ก็ขนมครกปิดท้ายมื้อกันทุกวันค่ะ วันสุดท้ายที่พักที่นี่ มี Egg Benedict (ขอติว่าไข่แดงสุกเชียว ผิดนะคะ !!) แล้วก็มอสซาเรลล่าชีสก้อนใหญ่กว่าหัวแม่มืออิชั้นนิดนึงให้เลือกตักกันด้วย ชอบค่ะ บางวันก็มีอาหารพิเศษที่อิชั้นชอบอย่างมะเขือเทศอบชีสและราทาทุยด้วย เจอแค่วันเดียวค่ะ เรียกว่าพักที่นี่ 7 วัน ก็มีอะไรพิเศษ ๆ ให้เราได้กินต่าง ๆ กันไปทุกวัน ถ้าเราชอบกินอะไรที่หลากหลายอ่ะนะคะ มาต่อกันด้วยมื้อเย็นในบางวันที่ฝนตกกระหน่ำซะจนเราไม่อยากออกไปไหน แม้แต่จะออกไปห้องอาหารของโรงแรม (แต่อยู่หัวหิน 8 วันนี่ ฝนตกหนักแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นเองค่ะ โชคดีมาก ๆ) เราก็สั่งรูมเซอร์วิสเข้ามาโซ้ยกันเองในห้องพัก ลาซานญ่าหมูจานนี้เป็นของเจ้าลูกชาย ส่วนยำวุ้นเส้นทะเล ซึ่งอิชั้นขอตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "ยำวุ้นเส้นนินจา" จานนี้เป็นของอิชั้นเอง รสชาติแซ่บมาก (พนักงานรูมเซอร์วิสไถ่ถามก่อนว่าจะรับรสจัดหรือเปล่า อิชั้นก็จัดไปค่ะ) ปรากฎว่าเผ็ดเกินที่ลิ้นอิชั้นจะรับได้ เพราะเป็นคนไม่กินเผ็ด แต่อร่อยนะคะ กินไปตบน้ำตามไปด้วยจนอืดเลย ที่นี่ยังมีห้องอาหารอีกหลายห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารเอเชีย ห้องอาหารอิตาเลียน หรือห้องอาหารริมชายหาด แต่เนื่องจากญาติฝรั่งหน่อหนึ่งไม่ชอบอาหารเอเชียและอาหารอิตาเลียน เธอกินไม่เป็นค่ะ เราเลยต้องมาจบลงที่ห้องอาหารริมชายหาดที่มีชื่อว่า Luna Lanai ที่ให้บริการอาหารไทยและอาหารฝรั่งเมนูยอดนิยมญาติฝรั่งก็สั่งแต่พวกสลัด Fish&Chips หรือเสต็กของเขาไปนะคะ ครอบครัวเราซึ่งกลับเมืองไทยกันปีละครั้ง (ถึงแม้จะอยู่ใกล้ ๆ แค่ฮ่องกงก็ตามทีเถอะ) ก็สั่งแต่อาหารไทยมากินกันตลอดให้หายอยากกันไปข้างนึง เจ้าลูกชายติดใจคอหมูย่างของที่นี่ บอกว่าอร่อยพอ ๆ กับที่มาม่าทำ (มาม่านี่คืออิชั้นเองค่ะ ไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่อย่างใด) แต่เธอตินิดนึงว่า ปริมาณการเสิร์ฟในแต่ละมื้อที่เธอสั่งไม่เท่ากันเลยนะคะ บางมื้อก็เยอะ บางมื้อก็น้อยมาก (เข้าใจว่าพ่อครัวน่าจะเป็นคนละคนกัน) จานนี้คือยำกุ้งฟู ซึ่งหน้าตาผิดจากที่คาดเอาไว้ คือนึกว่าจะหน้าตาเหมือนยำปลาดุกฟู แต่ไม่ใช่แฮะ เป็นการหั่นเนื้อกุ้งใหญ่เป็นชิ้น ๆ แล้วชุบแป้งขนมปังทอดจนกรอบ โรยมาบนยำมะม่วงรสดีค่ะ อร่อยค่ะ ไปใช้บริการที่ห้องอาหารนี้ 2 ครั้ง ก็สั่งแต่จานนี้ทุกที อีกจานเป็นยำถั่วพู ที่ใส่ไก่ต้มฉีกและกุ้งตัวใหญ่ลวกมา วัตถุดิบคุณภาพดี อาหารรสชาติจัดจ้านดีค่ะ ชอบ ๆ ลากันไปด้วยภาพนี้นะคะ ก็ขอสรุปว่าพอใจกับบริการของห้องอาหารต่าง ๆ ในโรงแรมนี้เป็นอย่างมาก อาหารของที่นี่คุณภาพใช้ได้ค่ะ ราคานับว่าสูงตามมาตรฐานของอาหารโรงแรมทั่วไป แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารในร้านดัง ๆ ของหัวหินที่ได้ไปใช้บริการมาแล้ว พอ ๆ กันเลยค่ะ ดังนั้น หากใครมีโอกาสไปพักที่เชอราตันหัวหินรีสอร์ทแอนด์สปา ลองเจียดเวลาสักมื้อ ไปลองอาหารในห้องอาหารของเขา แล้วจะพบว่าราคาไม่ได้ต่างจากข้างนอกเลย ขณะที่บริการดีกว่ามากมายค่ะพบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ