Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง (22)

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
บทความโดย สุวินัย ภรณวลัย

       22. ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่าย

        รายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ได้กลายเป็น ปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ ครั้งสำคัญของพัฒนาการของ การเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ ในการต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ ไปเสียแล้ว เพราะยิ่งเวลาผ่านไป การเข้ามาฟังรายการนี้ก็ยิ่งกลายเป็นการชุมนุมรวมตัวของชนชั้นกลางไทยที่โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีการ “จัดตั้ง” มีแต่ความกระหายใคร่รู้ในข้อเท็จจริง และเบื้องหลัง ความไม่ชอบมาพากล ความไม่ถูกต้องของเครือข่ายการเมืองของ “ทุนใหญ่” ที่เข้ามาเถลิงอำนาจรัฐแบบมูมมามภายใต้ระบอบทักษิณ เพราะข้อเท็จจริงเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถรับรู้จากสื่อส่วนใหญ่ทั่วไปได้

        ในขณะเดียวกัน ระบอบทักษิณก็ได้ใช้อำนาจรัฐ และทุนที่เหนือกว่าชั่วคราวทำการตอบโต้ทุกรูปแบบทุกวิถีทาง เพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวอันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งมูลค่าเป็นพันล้านบาท ใช้มาตรการทางศาลเพื่อปิดปาก ใช้นายทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนออกมาแสดงปฏิกิริยากดดัน สกัดกั้นการเผยแพร่แผ่นวีซีดีรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” บีบไม่ให้เคเบิลทีวีภูมิภาคถ่ายทอดสดรายการนี้จากระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ข่มขู่ที่จะปิดเว็บไซต์ของผู้จัดการออนไลน์ ฯลฯ

        สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้แทบไม่ต่างจาก สงครามข่าวสาร ระหว่าง ระบอบทักษิณที่ใช้ “สื่อเก่า” ของรัฐ กับ การเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ที่ใช้ “สื่อใหม่” (New Media) อันเป็นผลพวงจากนวัตกรรมแห่งยุคดิจิตอล แต่อย่างใดเลย

        “สื่อเก่า” (อย่างฟรีทีวีและหนังสือพิมพ์หัวสีที่ศิโรราบให้กับรัฐบาล) อยู่ในกำมือของ อำนาจการเมืองเก่า ซึ่งเป็นตัวแทนของ ทุนใหญ่ ขณะที่ “สื่อใหม่” เป็นอาวุธที่ทรงพลังของการเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ที่ใช้ความรู้ ข้อเท็จจริง ข่าวสาร และภูมิปัญญาเป็นที่พึ่ง โดยมีความต้องการใคร่รู้ของประชาชนชนชั้นกลางเป็นตัวกำหนด

        เป็นที่เห็นได้ชัดแล้วว่า ความพยายามใดๆ ทั้งปวงของอำนาจรัฐภายใต้ระบอบทักษิณที่พยายามปิดกั้นการสื่อสารระหว่างประชาชนในยุคดิจิตอลนั้น ไม่มีทางกระทำสำเร็จได้

        คนที่อ้างตัวเองว่าเป็น “อัศวินแห่งคลื่นลูกที่สาม” อัน จอมปลอม เพราะยังใช้ สื่อเก่า แบบ คลื่นลูกที่สอง อยู่เลยในการปิดหูปิดตาประชาชนกำลังถูกระบบการสื่อสารดิจิตอลแห่ง คลื่นลูกที่สามของจริง “ก้าวข้าม”ไปแล้วอย่างน่าสมเพช เพราะสื่อกระแสหลักที่อยู่ในมือรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณนี้ นอกจากล้าสมัยแล้วยังขาดความน่าเชื่อถือในการถ่ายทอดความจริง ความเป็นไปของบ้านเมืองอย่างร้ายแรงด้วย

        ทุกวันนี้ สื่อเก่ากระแสหลักในกำมือของรัฐบาลแทบไม่ต่างไปจาก กระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อฝ่ายเดียวของรัฐบาล หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือในการมอมเมาประชาชนอย่างร้ายแรง

        ยิ่งระบอบทักษิณพยายามจะคุกคามสื่อ และลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนมากเท่าไร การเกิดและแพร่กระจายของสื่อใหม่ที่เป็นสื่อทางเลือกอย่างอินเทอร์เน็ต ก็จะเร่งความเร็วขึ้นมากเพียงนั้น และสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยการรวมตัวของประชาชนจำนวนมหาศาลที่ออกมาแสดงความรู้สึกร่วมในการต่อต้านการปิดหูปิดตาโดยการเข้ามาฟังรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ด้วยตนเองโดยตรง อีกทั้งยังไม่นับประชาชนจำนวนนับแสนที่ต้องขวนขวายแสวงหาความจริงด้วยตนเอง ผ่านสื่อยุคดิจิตอลทั้งหลายทั้งปวง

        พร้อมๆ กับการต่อสู้กับระบอบทักษิณของการเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ สิ่งที่กำลังก่อตัวและเกิดขึ้นในขณะนี้คือ การเมืองแห่งสังคมเครือข่าย ที่ทรงพลังยิ่ง และอาจกล่าวได้ว่า นี่คือ รูปธรรมที่จับต้องได้ของ การเมืองแห่งคลื่นลูกที่สาม หรือ ประชาธิปไตยแห่งยุคดิจิตอล

        เรื่องนี้สมควรทำความเข้าใจจาก ทฤษฎีเชิงระบบ (system theory) ที่เป็นการประยุกต์เอามุมมองความเข้าใจ ชีวิตเชิงระบบแบบใหม่มาใช้ในการวิเคราะห์สังคมและการเมือง

        การขยาย ความเข้าใจเชิงระบบ เข้าไปในปริมณฑลทางสังคม และการเมืองจึงหมายถึงการประยุกต์ความรู้เรื่อง แบบแผนพื้นฐาน และหลักการของการจัดองค์กรของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเข้าใจเรื่อง เครือข่ายที่มีชีวิต เข้าไปสู่ความเป็นจริงทางสังคมและการเมือง

        เพราะ เครือข่ายทางสังคมและการเมือง ก็เป็นแบบแผนการจัดองค์กรแบบไม่เป็นเชิงเส้น (ไม่เป็นเส้นตรง) เพราะเป็น ระบบแห่งความซับซ้อน (พลศาสตร์แบบไม่เป็นเชิงเส้น) ชนิดหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่ ปม และ จุดเชื่อมของเครือข่ายทางสังคมและการเมือง ไม่ใช่เครือข่ายทางชีวเคมีเหมือนอย่าง “ชีวิต” แต่เป็น เครือข่ายของการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับภาษาสัญลักษณ์ มีกรอบกดดันทางวัฒนธรรม และมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ

        เครือข่ายทางสังคมและการเมืองจึงเป็น กระบวนการสร้างตัวเองทางสังคม อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตัวมนุษย์ที่มีชีวิตเท่านั้น หากยัง เกี่ยวพันกับภาษา จิตสำนึก และวัฒนธรรม หรือพูดในอีกแง่หนึ่งได้ว่า มันเกี่ยวพันกับระบบการเรียนรู้ และรับรู้ของผู้คนอย่างเห็นได้ชัด โดยที่เครือข่ายทางสังคมและการเมืองนี้ ใช้การสื่อสารมาเป็นรูปแบบของการผลิตซ้ำในการสร้างตัวเอง อย่างหนึ่ง

        องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคมและการเมือง (ในกรณีนี้คือเครือข่ายที่วิพากษ์และต่อต้าน ระบอบทักษิณ) ก็คือ การสื่อสารที่ผลิตและถูกผลิตซ้ำอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยตัวของเครือข่ายของการสื่อสารนั้นเอง

        เครือข่ายของการสื่อสารเหล่านี้เป็น การก่อเกิดขึ้นเอง การสื่อสารแต่ละครั้ง (ในกรณีนี้คือ ข่าวสารจากรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” รวมทั้งข่าวสารในเครือสื่อผู้จัดการทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนที่วิพากษ์เปิดโปงระบอบทักษิณ) จะสร้าง “ความคิดและความหมาย” ซึ่งทำให้เกิดการสื่อสารครั้งต่อๆ ไป

        ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายทั้งหมดจึงให้กำเนิดตัวเอง และเป็นการสร้างตัวเอง โดยที่การสื่อสารทั้งหลายจะกลับมาเกิดขึ้นอีกในวงจรป้อนกลับอันหลากหลาย ระบบเครือข่ายนี้จะทำการผลิตระบบความเชื่อ คำอธิบาย และระบบค่านิยมชุดหนึ่งร่วมกัน (เช่น ไม่เอาทักษิณ เทิดทูนสถาบันหลัก ต่อต้านคอร์รัปชันที่เกิดจากการเล่นพวกของระบอบทักษิณ ฯลฯ) ซึ่งดำรงคงอยู่ได้ด้วยการสื่อสารที่ยังคงดำเนินสืบเนื่องต่อไป

        ด้วย บริบทแห่งความหมาย ที่มีร่วมกันนี้ ในที่สุดปัจเจกบุคคลจะได้มาซึ่ง เอกลักษณ์สมาชิกแห่งเครือข่ายสังคม นี้ในวิถีทางนี้เองที่ตัวเครือข่ายเองก็ได้สร้าง ขอบเขต ของมันเองขึ้นมา ขอบเขตนี้มิใช่ขอบเขตทางกายภาพ แต่เป็น ขอบเขตของความคาดหวัง ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความผูกพันภักดี ซึ่งจะได้รับการดำรงรักษา และมีการเจรจาต่อรองใหม่ๆ เสมอโดยตัวเครือข่ายเอง

        แน่นอนว่า เครือข่ายทางสังคมและการเมืองทั้งหลายย่อมมีองค์ประกอบทางโครงสร้างวัตถุด้วย แต่โครงสร้างทางวัตถุเหล่านี้มีไว้เพื่อ แฝงฝังความหมาย เป็นหลักเท่านั้น

        การเมืองแห่งสังคมเครือข่าย จึงมุ่งที่จะให้ “ความหมาย” แก่สมาชิกในเครือข่ายให้มี จินตภาพเกี่ยวกับอนาคตบางอย่างร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้สมาชิกของเครือข่ายสามารถกระทำการออกมาด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งใดถูกต้องและสิ่งใดไม่ถูกต้อง ทำให้การกระทำของพวกเขาล้วนเป็นไปโดยสมัครใจ ตั้งใจ และมีเป้าหมาย

        เพราะมีแต่การกระทำที่บุคคลผู้นั้นตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะทำออกมาเองเท่านั้น ถึงจะทำให้คนผู้นั้นมีประสบการณ์แห่งความเป็นอิสรภาพของมนุษย์ได้

        จะเป็นความโฉดเขลาอย่างยิ่ง หากผู้กุมอำนาจรัฐในระบอบทักษิณกำลังคิดว่า “ศัตรู” ของพวกเขาคือ “สนธิ” เท่านั้น พวกเขาคงยังไม่ได้สำนึกและสำเหนียกกระมังว่า สิ่งที่ระบอบทักษิณกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้นั้น คือ ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่ายของชนชั้นกลางไทย ที่เป็นอิสระโดยสัมพัทธ์จากพรรคการเมืองใดๆ เพราะมันเป็นระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้นเอง และสร้างตัวเองขึ้นมาอย่างมีพลวัตแบบไม่เป็นเชิงเส้น ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่ายของชนชั้นกลางไทยนี้ทรงพลังกว่าที่ระบอบทักษิณคาดคิดเอาไว้มากนัก ซึ่งคงจะได้เป็นที่ประจักษ์ในอีกไม่ช้า




 

Create Date : 23 มกราคม 2549
0 comments
Last Update : 1 เมษายน 2549 9:28:55 น.
Counter : 753 Pageviews.


WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.