Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
สองปีจะผ่านไป เรายังจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปี?

โดย ยอดธง ทับทิวไม้
ที่มา Manager Online

       ผมเป็นคนไทยที่ค่อนข้างเก่ามากคนหนึ่งที่ได้รู้ได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับหลายรูปหลายลักษณะ และก็เคยได้เข้าร่วมในการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นมาเป็นบางครั้งบางคราหรือฉาบฉวย เช่น ในการก่อความวุ่นวายในขบวนการ 14 ตุลาคม หรือในขบวนการคอมมิวนิสต์ไทยทั้งเหนือและใต้ก็เคยเข้าไปคลุกคลีตีโมงอยู่ ทุกเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่หรือเป็นเรื่องเอาเป็นเอาตายกันทั้งนั้น แต่ปรากฏว่าทุกเรื่องก็ผ่านไปเรียบร้อยและเมืองไทยก็ยังเป็นเมืองที่สงบสุข

       อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ยิ่งในยามที่ประเทศไทย และคนไทยของเรามีศึกสงครามมาหลายครั้งหลายหน เราเกือบจะเสียเอกราชและเสียประเทศไปให้คนอื่นหรือเป็นเหยื่อของการรุกราน และการกดขี่ของต่างชาติ หรือการก่อกวนของโจรกระจอกอย่างกบฏผีบุญหรือกบฏจีนฮ่อ ทุกครั้งเราก็สามารถแก้มาได้และเอาชนะได้ เฉพาะครั้งสุดท้าย ครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก แต่ไม่กี่วันเราก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยยกประเทศไทยมาตั้งใหม่ที่กรุงธนบุรี โดยมีกำลังทหารเพียง 500 นาย แล้วเราก็มาสร้างกรุงเทพฯ อยู่กันมาถึงทุกวันนี้

       คนไทยสมัยนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครเป็นด็อกเตอร์ เป็น ฯพณฯ หรือเป็นนายพลอะไรต่ออะไรอย่างสมัยนี้ แต่ทุกคนก็เป็นคนมีสติปัญญาที่จะรักษาบ้านเมืองได้อย่างดี

       มีความรักชาติและเห็นแก่ชาติ รับผิดชอบในความเป็นความตายของชาติ

       แต่เหตุการณ์เหล่านั้น รัฐบุรุษของไทยบางคนในปัจจุบันนี้อาจจะมองไปว่ามันเป็นเรื่อง "กระจอก" ไม่มีอะไรสลักสำคัญนักก็ได้

       แต่สำหรับคนไทยที่อ่านประวัติศาสตร์ระหว่างนั้น เราจะมองเห็นภาพของความเป็นความตาย และความน่าสยดสยองกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ ว่าการที่เรารอดเป็นไทยมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะคนไทยรุ่นนั้นหรือผู้ปกครองแผ่นดินยุคนั้นทุกคน ไม่ว่าผู้หญิงอย่างคุณหญิงโม หรือท้าวสุรนารีเมืองโคราช หรือท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรที่ภาคใต้ ได้ลงมือกำดาบสู้เอาชีวิตเข้าแลกและเป็นเดิมพันกันมาทั้งสิ้น ประเทศไทยและชาติไทยจึงอยู่รอดกันมาได้จนทุกวันนี้

        ไม่มีใครไปนั่งเป็นหุ่นเชิด หรือขายสมบัติของชาติ เอาหุ้นไปแจกพรรคแจกพวก หรือคอร์รัปชันกันอย่างหั่นแหลกเหมือนที่มีข่าวอยู่ทุกวันนี้แม้แต่คนเดียว

       ทุกคนห่วงบ้านเมืองและรักความเป็นไทยของตัวเอง หวงแหนทรัพย์สินและชีวิตของคนไทยด้วยกันเอง ทุกคนมีสติปัญญาและพร้อมที่จะใช้สติปัญญาและความสามารถแก้ปัญหา

       แต่เมื่อมาถึงวันนี้ วันที่นักการเมืองผู้ปกครองบ้านเมืองของเราจำนวนมากมีความสุขสำราญและอิ่มหมีพีมันกันถึงขนาด ปรากฏว่าความเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างไม่มีใครจะมีปัญญาแก้ไขได้นานมาแล้ว อีก 2 เดือนก็จะครบ 2 ปี เราแก้ปัญหากันด้วยน้ำลาย ด้วยความโง่เขลา ด้วยความกะล่อน และด้วยความโกหกพกลม และไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดจากสิ่งที่เราเรียกว่า "โจรกระจอก" ไม่กี่คนก็ตาม

       มาถึงวันนี้ ได้มีความพยายามที่จะเปลี่ยนนโยบายในการโกหกหลอกลวง และความด้อยสมรรถภาพที่เคยชินทิ้งไปเพื่อแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกือบสองปีเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขกันอย่างจริงจัง หลังจากที่โจรกระจอกที่ผู้ก่อการร้ายเหล่านั้น ได้แยกกันปล้นปืนพร้อมกันเป็นสิบๆ จุด และฆ่าพระเผาวัดกันอย่างมันเขี้ยวไม่กี่วันมานี้ ซึ่งบรรดามหาบุรุษเหล่านี้ไม่รู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น และก็ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะป้องกันว่าใครจะทำอะไรที่ไหน ไม่ได้วี่แววหรือระแคะระคายมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้น และที่ไม่รู้เอามากๆ ก็คือ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร!

       ไม่รู้อะไรแม้แต่นิดเดียว

       นอกจากจะรู้ในเรื่องที่คิดเอาเอง และเดาเอาเองว่ามันจะเป็นอย่างนี้เป็นอย่างนั้น จะต้องแก้อย่างนั้น แต่แล้วก็แก้อะไรไม่ได้ตลอดเวลาที่นานถึง 2 ปี

       มาถึงตอนนี้ก็ปรากฏว่ารู้ลึกเข้าไปใหญ่ ซึ่งจากรายงานของหนังสือพิมพ์รายงานว่า "ทักษิณสั่งล่าโจรใต้ล็อตใหญ่ กร้าวอุสตาซเลวเผาวัด"

       รายงานข่าวโดยละเอียดกล่าวต่อไปว่า

       "ทักษิณอัดกลุ่มป่วนใต้" คนบาป "มุ่งสร้างความแตกแยกทางศาสนา พุ่งเป้าถล่มวัด ยอมรับสั่งไล่ล่า "อุสตาซ" ล็อตใหญ่ ยันไม่เป็นห่วงการตรวจค้นอาวุธในกุโบร์ เชื่อผู้นำศาสนาเข้าใจ ชิดชัยมั่นใจหลัง 15 พ.ย.ดีเดย์ตัดสัญญาณมือถือไม่จดทะเบียนซิมการ์ดจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เจ้ากรมข่าวทหารยันเจรจา 131 คนไทยไม่ล้มเหลว ส่งไม้ต่อให้คณะกรรมการประสานงานไทย-มาเลเซีย กล่อมอีกครั้งก่อน 8 พ.ย.นี้ ย้ำการแย่งชิงกลุ่มชาวไทยมุสลิมไม่กระทบสัมพันธ์กับไทย"

       ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นวัน ครม.สัญจรที่จังหวัดนครสวรรค์ นายกรัฐมนตรีทักษิณก็ให้สัมภาษณ์ในเรื่องเดียวกันนี้อีกครั้งหนึ่งว่า

       "วันนี้สังคมโลกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนา และพวกนี้พยายามจะดึงให้มันเป็นเรื่องของศาสนาให้ได้เพื่อจะได้แนวร่วมจากต่างประเทศ เฉพาะฉะนั้นถ้าเราอดทนและเข้าใจเราก็จะไม่ตกหลุมคนพวกนี้ พวกนี้พยายามขุดหลุมมานานแล้วเพราะต้องการให้สังคมโลกมุสลิมมองว่าเป็นเรื่องของศาสนา" (ผู้จัดการรายวัน 1 พฤศจิกายน 2548)

       อาจจะฟังยากสักนิดหรือไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาหรือไม่ เพราะการบอกกล่าวเหล่านี้เป็นการนึกคิดเอาเองตามความถนัดของแต่ละคนที่จะเลือกเอาเองว่าอะไรเป็นอะไร

       จริงบ้างเท็จบ้างก็หลอกกันไปวันๆ

       แต่ความจริงที่จะต้องรู้ต้องเข้าใจก็คือ คนมุสลิมและประเทศมุสลิมนั้นก็เหมือนมนุษย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ เป็นคริสต์ หรือผีสางเทวดาที่ไหน ต่างก็มีความเชื่อในตัวเองและมีสิทธิที่จะปกปักรักษาและเทิดทูนมัน ปัญหาการก่อการร้ายของชาวมุสลิมที่อเมริกาพยายามกระพือขึ้นมาแทนคำว่า "คอมมิวนิสต์" ในสมัยหนึ่งนั้นก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนจาก "คอมมิวนิสต์" มาเป็น "การก่อการร้าย" เท่านั้น เพราะอเมริกันต้องการปล้นสะดม และยึดครองประเทศที่อยู่ในดินแดนมุสลิมทั้งหมดตั้งแต่อัฟกานิสถานเป็นต้นมา และรวมถึงประเทศมุสลิมอีกหลายประเทศในเอเชียกลางที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งการรุกรานเหล่านี้ทำให้อเมริกาและประเทศล่าเมืองขึ้นจักรวรรดินิยมทั้งหมดได้กำไรมหาศาล เพราะฉะนั้น การที่ใครจะมารู้ทันหรือขัดขวางการกระทำของอเมริกันจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่อเมริกาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกัน และทำลายศัตรูให้หมดโลกเสียในนามของผู้ก่อการร้าย และอเมริกาได้วางกฎเกณฑ์เอาไว้ว่าที่ไหนก็ตามที่อเมริกาสงสัยว่าการต่อสู้ขัดขวางเกิดขึ้น ที่นั่นอเมริกาถือว่าจะต้องมีสงครามและอเมริกาจะไม่รออะไรนอกจากบุกเข้าโจมตีให้ราบคาบทันทีที่เรียกกันว่า (Pre-Empteep)

       เรื่องของความขัดแย้งระหว่างการก่อการร้ายของชาวมุสลิม และอเมริกาที่ลุกลามไปทั่วโลกคราวนี้ไม่มีความสลับซับซ้อนอะไรมากไปกว่าการรุกราน การเหยียดหยาม และการพยายามทำลายคนมุสลิมเท่านั้นเอง เฉพาะอย่างยิ่งการที่อเมริกา อังกฤษ และกลุ่มจักรวรรดินิยมตะวันตกร่วมกันสนับสนุนและจัดตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา พร้อมกับสนับสนุนการปล้น และแย่งชิงดินแดนชาวมุสลิมไปเป็นของอิสราเอล และสถาปนาประเทศอิสราเอลขึ้นมาบนดินแดนของชาวปาเลสไตน์ เพื่อใช้ชาวยิวเป็นหัวหอกสำหรับเป็นตัวการในการเข้าไปปล้นชาวมุสลิมนั่นเอง เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุดที่คนมุสลิมทุกคนจะต้องทำการต่อต้านเป็นศัตรูทำลายอเมริกา และประเทศเมืองขึ้นทั้งหมดในกลุ่มอเมริกา

       ในเอกสารตอนหนึ่งขององค์การปลดปล่อยมุสลิม หรือ Islamic Party of Liberation หรือ Jihadi organization ได้ประกาศบอกกล่าวกันออกมาตรงๆ ว่า

       "พี่น้องชาวมุสลิม โดยศาสนาอิสลามที่ท่านผูกพันอยู่ ท่านมีหน้าที่ที่จะต้องคัดค้าน ขัดขวางพฤติกรรมของพวกอเมริกันที่มันปฎิบัติต่อท่านอย่างไม่เคารพนับถือ และดูหมิ่น เหยียดหยาม อเมริกันไม่ได้วิเศษวิโสอะไรที่จะมาบอกกล่าวว่าท่านจะสนับสนุนใคร และท่านจะต้องรบราฆ่าฟันกับใคร ตัวท่านเองที่เป็นเจ้าของประกาศิตสวรรค์ พวกท่านต่างหากที่จะเป็นผู้ชี้นำและแนะทางสว่างให้แก่มนุษยชาติ พระผู้เป็นเจ้าได้บอกกล่าวแก่พวกท่านดังนี้ พวกท่านเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์และคุณงามความดีให้แก่มวลมนุษย์ ท่านจะมีความสุขด้วยการกระทำความดีและปฏิเสธความชั่วร้าย และท่านเท่านั้นที่เป็นผู้เชื่อในพระเจ้า"

       หรือบางตอนก็ประกาศออกมาตรงๆ ว่า

       "อเมริกา อังกฤษ และสมุนบริวารของมันกำลังร่วมมือกันในการเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน การกระทำดังกล่าวนี้ของอเมริกาและอังกฤษได้สะท้อนให้เห็นความเป็นศัตรูที่เอาเป็นเอาตาย ต่อสังคมมุสลิมทั้งหมดของพวกมัน หมายถึงว่ามันคือศัตรูของชาวมุสลิม ความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันกับชาวมุสลิมจะดำเนินไปด้วยการทำสงครามเท่านั้น และตามบทบัญญัติของอิสลาม ปัญหาทุกปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะอเมริกันมันจะต้องแก้กันด้วยกฎหมายสงครามเท่านั้น"

        คำประกาศนี้ประกาศออกมาจากขบวนการมุสลิมหัวรุนแรง (Al Ihwan al- Muslimeen) มาตั้งแต่ปี 2471 และมันก็ถูกนำมาสั่งสอนกันในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามทั้งโลก และที่แน่นอนที่สุดก็คือว่า ไม่มีใครจะยับยั้งหรือห้ามปรามอะไรได้ นอกจากอเมริกา อังกฤษ และบรรดาสุนัขรับใช้ทั้งหมดของอเมริกาทั้งโลกก็ไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรได้ด้วย

       และที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นใครในการที่จะดำเนินตามหลักการ ณ ที่นี้แม้จะมีรายชื่อว่าใครไปเรียนคำสอนอบรมเหล่านี้มาจากประเทศไหน และจะไปทำอะไรที่ไหนก็ตาม

       ขบวนการมุสลิมที่รับภาระหน้าที่ที่จะต้องทำตามคำแนะนำสั่งสอนตามหลักการนี้ที่แน่นอนที่สุดก็คือ คนมุสลิมทุกคนที่มีอยู่ทั่วโลก

       เฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่โกหกกันมาเกือบสองปีนั้น ก็ไม่มีใครทราบว่ามีใครมาวางแผนอะไรที่ไหน ทั้งๆ ตัวแทนของนายบิน ลาดินมากินนอนอยู่ที่อยุธยา ที่ระเบิดในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ยับเยินมาแล้ว ประเทศไทยก็ไม่เคยรู้เรื่องนอกจากรอให้ซีไอเอมาจิกหัวให้ลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น

       ต่อจากนี้เป็นต้นไป หลังที่ลองใจกันมาเกือบสองปีแล้ว การก่อการร้ายก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นจากวันละจุดสองจุด เผาวัดและฆ่าพระให้บรรดา ฯพณฯ ต่างๆ เป็นเศษสวะที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเท่านั้น

       และมันจะต้องเป็นเช่นนั้นอีกต่อไปนานเท่านาน จนกว่าคนไทยจะเสียภาคใต้ทั้งหมดไปเพราะการก่อการร้ายเหล่านี้ ไม่ว่าใครจะ "กร้าว" หรือไปจับเอาอุสตาซจริงอุสตาซปลอมที่ไหนมาเผาเล่นสักกี่พันอุสตาซก็ตาม ประเทศไทยก็เป็นเวทีแห่งหนึ่งของโลกเท่านั้น

       เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นนอกเหนือจากความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่ามาแล้วตลอดเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมานั้น ข้อเท็จจริงที่จะนำมายืนยันได้ก็คือ รายงานหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์ "ไทยรัฐ" ฉบับวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 ที่ผู้เขียนเขียนออกมาชนิดที่ไม่มีใครเถียงได้ นั่นคือข้อความที่ว่า

       "ความรุนแรงขจัดได้แค่ตัวบุคคล แต่ขจัดรากเหง้าของปัญหาไม่ได้เลย ถึงผู้ร้ายจะเสียชีวิต แต่รากเหง้าปัญหายังอยู่ ก็จะมีผู้ร้ายอีกหลายคนเกิดขึ้นตามมาได้อีก

       ผลการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ร้ายไปกว่านั้นถึงวันนี้กรณี 3 จังหวัดชายแดนใต้ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ยังไม่รู้ว่า ใครบ้างที่เป็นผู้ร้าย"

       สาธุ!




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2548 7:24:01 น. 2 comments
Counter : 506 Pageviews.

 
แวะมาอ่านเรื่องที่น่าสนใจค่า



โดย: Batgirl 2001 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:30:45 น.  

 
เราเองก็ติดตามข่าวประจำค่ะเพราะน้าเราก็ถูกส่งไปประจำการที่นั่นอ่ะคะ


โดย: oryzaja วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:59:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.