PRADA - LOEWE

กว่าจะสร้างสรรค์ออกมาเป็นเสื้อผ้าและแอ็กเซสซอรี่แต่ละชิ้น ล้วนต้องผ่านการครุ่นคิดอย่างละเอียดอ่อนลึกซึ้งมาแล้วหลายขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์โดดเด่นเกินคาด ตามจินตนาการของดีไซเนอร์มือทอง

ผู้กุมบังเหียนทิศทางแฟชั่นโลก “มิวเชีย ปราด้า” เรียกเสียงปรบมือกราวใหญ่จากคอลเลกชั่นล่าสุด บนรันเวย์มิลานแฟชั่นวีค ซีซั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2014 โดยพาเหล่าสาวก PRADA โลดแล่นไปสู่โลกศิลปะบนกำแพงตามท้องถนนเมืองใหญ่ ซึ่งเปรียบดังเวทีปล่อยของของศิลปินนิรนามที่จะขีดเขียนอะไรก็ได้เพื่อแสดงออกทางความคิด ไม่เว้นแม้แต่การเรียกร้องเสรีภาพทางการเมือง และจุดประกายให้ผู้หญิงลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ...ลุ่มลึกเหนือชั้น สมกับเป็นนักเคลื่อนไหวตัวยงของอิตาลี

แม้ดูเผินๆจะต่างกันคนละโลก แต่จุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันของ  “ราฟ ไซมอนส์” กับห้องเสื้อระดับโลก Dior คือ ความหลงใหลในงานศิลปะและฝีแปรงของศิลปินดัง “มิสเตอร์ดิออร์”เริ่มชีวิตการทำงานโดยเปิดแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะ และเมื่อมาเป็นดีไซเนอร์เต็มตัว ก็ตั้งชื่อคอลเลกชั่นตามชื่อศิลปินในดวงใจ ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียน เบราร์ด, แบร์นาร์ด บัฟเฟต์ และปาโบล ปิกัสโซ โดยซีซั่นฟอลล์/วินเทอร์ 2013-2014 ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ใหม่แต่เก๋าแห่งดิออร์ ตั้งใจหยิบผลงานชิ้นเด่นของศิลปินในตำนาน มาเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์คอลเลกชั่นล่าสุด  ไม่ว่าจะเป็นลวดลายกราฟฟิกในยุคแรกของ “แอนดี้ วาร์โฮล” เจ้าพ่อศิลปะแนวป๊อปอาร์ต, ภาพก้อนเมฆลือลั่นจากผลงานของ “เรเน่ มากริตต์” ศิลปินเซอร์เรียลลิสม์ชื่อก้องของเบลเยียม และผลงานภาพเขียนขึ้นหิ้ง The Persistence of Memory ของ “ซัลวาดอร์ ดาลี” ศิลปินแนวเหนือจริงโดดเด่นที่สุดของโลก ซึ่งเคยจัดแสดงในแกลเลอรี่ “มิสเตอร์ดิออร์” และปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย มหานครนิวยอร์ก

ก็เพราะไม่ต้องการย่ำอยู่กับที่ และอยากเติมพลังสดใหม่ LOEWE จึงจับมือ “จุนยะ วาตานาเบ้” ดีไซเนอร์ล้ำจินตนาการแห่ง “กอมม์ เดส์ การ์ซงส์” สร้างสรรค์คอลเลกชั่นเสื้อผ้าและแอ็กเซสซอรี่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ เพื่อฉลองครบรอบ 400 ปี การเปิดความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสเปนกับญี่ปุ่น งานนี้ยังคงเน้นการใช้หนังนาป้า ชั้นเลิศ ซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์โลเอเว่ ผสานกับผ้ายีนส์ญี่ปุ่น และลวดลายครีเอทีฟของคู่จิ้น โดยสร้างความโดดเด่นด้วยเทคนิคตัดแปะ, เล่นกับความคอนทราสต์ของวัสดุ และการตกแต่งปะติดปะต่อ.