ยูลิส นาร์แดง คลาสสิโค เซอร์เพนท์
ความงดงามที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับสัตว์นำโชค...
ยูลิส นาร์แดง (Ulysse Nardin) แบรนด์นาฬิกาจักรกลชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานกว่า 167 ปี เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์และจุดมุ่งหมายของแบรนด์ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะดั้งเดิมของการผลิตนาฬิกาจักรกลชั้นสูง โดยผสานนวัตกรรมทางเทคนิคที่ทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ยังคงมุ่งมั่นอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปะการเคลือบสีลงยา ซึ่งเป็นเทคนิคเก่าแก่ชั้นสูงจากช่างฝีมือระดับโลก ที่ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังจะเห็นได้จากการที่ยูลิส นาร์แดงได้ซื้อกิจการ โรงงาน ดงเซ่ คาดรองส์ (Donzé Cadrans) ซึ่งเป็นโรงงานเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตหน้าปัดอีนาเมลเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาศิลปะการทำหน้าปัดลงยาของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาสวิส และเพื่อธำรงไว้ซึ่งมรดกทางความรู้ของช่างฝีมือที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น สานต่อศาสตร์ชั้นสูงของงานศิลป์ไม่ให้สูญสลาย
สัตว์มงคลเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์เรามาช้านานไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะตระกูลสัตว์เลื้อยคลานเช่น งู ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความโชคดีและเทพเจ้า รวมไปถึงนักษัตรตามปฏิทินจีนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญเพื่อความเป็นสิริมงคล ในปีนี้ทางยูลิส นาร์แดง จึงได้รังสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษ ยูลิส นาร์แดง คลาสสิโค เซอร์เพนท์ (Classico Serpent) ที่เลือกสรรภาพงูสง่างามประดับอยู่บนหน้าปัด ซึ่งถือเป็นสัตว์ในลำดับที่ 6 ประจำ 12 นักษัตร และเป็นนักษัตรประจำปี 2013 ตามปฏิทินจีน เต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์แห่งงานฝีมือและความสง่างามของงานประณีตศิลป์ ซึ่งทำขึ้นด้วยด้วยเทคนิคพิเศษของการเขียนสีลงยาแบบชอมเลอเว่ (Champlevé) ถ่ายทอดความลึกลับและความงดงาม เพื่อให้นักสะสมได้หามาเป็นเครื่องรางนำโชค
ผลงานมาสเตอร์พีซรุ่นนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจในการหลอมรวมมรดกชิ้นเอกของศิลปะแห่งการเวลาที่ ยูลิส นาร์แดงมุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ไว้ ผสานเข้ากับหลักความเชื่อเรื่องสัตว์นำโชคลาง ความบรรจงของเนื้องานได้ถ่ายทอดโดยศิลปะชั้นสูงอย่างเทคนิคชอมเลอเว่ที่มีความประณีตพิถีพิถัน ผ่านลงบนหน้าปัดแต่ละชิ้นซึ่งต้องใช้เวลาแรมเดือนกว่าที่จะเสร็จสมบูรณ์ รังสรรค์ความงามผ่านพื้นหน้าปัดสีน้ำตาลเข้มประกายทอง เปรียบเสมือนกองใบไม้บนพื้นดิน สีของตัวงูเล่นโทนสีฟ้าเขียว ขับให้ตัวงูมีลักษณะระยิบระยับคล้ายเกล็ดที่ส่องประกายบนลำตัว ท่าทางชูคอพร้อมจู่โจม อ้าปากกว้างอวดเขี้ยวคม ให้ความรู้สึกเสมือนประหนึ่งมีชีวิตจริง โดดเด่นสง่างามคู่ควรกับผู้สวมใส่ ตัวเรือนรุ่นคลาสสิโคทำจากวัสดุทองชมพู 18 กะรัต สวยงามเหมาะสำหรับนักสะสมและคอนาฬิกาที่ชื่นชอบงานศิลป์ตัวจริง
สำหรับเทคนิคการลงยาหน้าปัดในรูปแบบชอมเลอเว่ (Champlevé) อันเป็นศิลปะชั้นสูงในสมัยยุโรปยุคกลาง นั้นมีกระบวนการที่ซับซ้อนและพิถีพิถัน โดยเริ่มต้นจากการแกะสลักลวดลายที่ต้องการลงบนโลหะล้ำค่าอย่างทองคำ จากนั้นก็เริ่มนำอีนาเมลที่ผสมจนเกิดสีที่ต้องการ โดยใช้ด้ามของขนห่านหยอดอีนาเมลลงไปในช่อง ซึ่งจะต้องค่อยๆ หยอดสีลงทีละชั้น เพื่อให้ได้ความหนาที่พอดี เพราะความเข้มหรือโปร่งแสงของสีและมิติจะขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นของอีนาเมล และเมื่อลงอีนาเมลสีต่างๆ ในชั้นแรกแล้ว ก็จะนำหน้าปัดเข้าไปเผาในเตา ด้วยความร้อนประมาณ 800-1,200 องศาเซลเซียส จากนั้นอีนาเมลจะหลอมละลายกลายเป็นพื้นผิวใหม่กลมกลืนกับพื้นหน้าปัด ทำซ้ำจนได้ผลงานที่มีความลึกและมีมิติสวยงามและมีชีวิตชีวา หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการเผาแล้ว จะต้องนำหน้าปัดที่เสร็จแล้วมาขัดให้เกิดความเงางามจนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แล้วค่อยแกะสลักเน้นขอบเส้นของลวดลายที่ต้องการอย่างประณีตวิจิตรบรรจง การเขียนสีลงยาแบบชอมเลอเว่นั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับงานช่างไทยที่เรียกว่า "เครื่องถมปัด" อันเป็นเทคนิคที่ใช้ติดประดับซุ้มประตูหน้าต่างปราสาทพระเทพบิดร แห่งพระบรมมหาราชวังหรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ยูลิส นาร์แดง คลาสสิโค เซอร์เพนท์ การสร้างสรรค์ผลงานจากแรงบันดาลใจของความเชื่อเรื่องสัตว์นำโชคเช่นงู ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นอสรพิษเพราะเป็นสัตว์ที่ขู่ขวัญผู้คนอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมจำนนและสยบให้แก่ความงามและเจ้าของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังช่วยนำพาโชคลาภอีกด้วย บรรจุในตัวเรือนทองชมพูสวยหรูตระกูลคลาสสิโค ขนาด 40 มิลลิเมตร ทำงานผ่านระบบไขลาน คาลิเบอร์ UN 815 ซึ่งคิดค้นและผลิตโดยโรงงานของยูลิส นาร์แดงโดยเฉพาะ การันตีความเที่ยงตรงด้วยมาตรฐานระดับโครโนมิเตอร์ COSC สำรองพลังงานนาน 42 ชั่วโมง กระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อน กันน้ำได้ลึก 50 เมตร ประกอบคู่สายหนังจระเข้สีน้ำตาลรับกับพื้นหน้าปัดเป็นอย่างดี ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือนทั่วโลก สนนราคาเรือนละ 1,923,000 บาท