วิวัฒนาการแฟชั่น นับหมื่นปีสู่ปัจจุบัน
วิวัฒนาการแฟชั่น นับหมื่นปีสู่ปัจจุบัน
"คนยุคใหม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นและเห็นว่าเป็นสิ่งใกล้ตัว มากขึ้น
โลกแห่งข้อมูลข่าวสารทำให้แฟชั่นเดินทางไปทุกแห่งหนและทำให้ผู้คนสนใจในสไตล์มากขึ้นและมากขึ้น"
จ๋า อมรสิริ บุญญสิทธิ์ บรรณาธิการบริหารนิตยสารนูเมโร ไทยแลนด์ เกริ่นนำไว้ในนิตยสารนูเมโรฉบับเดือนกันยายน 2556 เพื่อบ่งบอกถึงวิวัฒนาการของแฟชั่นจากยุควิกตอเรียกลางศตวรรษที่ 18 ถึงปัจจุบัน จากการศึกษาค้นคว้า ผสานประสบการณ์ในวงการแฟชั่นกว่า 20 ปี
"เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่คนในสังคมตกแต่งร่างกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับแห่งยุคสร้างความโดดเด่นเฉพาะตัว การแต่งกายเป็นการสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด เพื่อสื่อถึงสถานภาพ สไตล์และความชอบที่มีต่อแฟชั่น บอกความเป็นสมาชิกของสังคมโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำด้วยเครื่องประดับ เสื้อผ้าที่สวมใส่ ทรงผม ความงามของใบหน้าอันเกิดจากความคิดที่มีต่อแฟชั่น
ชุดเพียงชุดเดียวสามารถนำมาปรับเปลี่ยนสไตล์จากความคิดของผู้เป็นเจ้าของและทำให้สไตล์ของชุดนั้นแปรเปลี่ยนไปตามบุคลิกและทำให้คนต้องหยุดมอง ความคิดเกี่ยวกับแฟชั่นจึงเป็นความไดนามิกและสร้างสีสันตลอดมา น่าสังเกตว่าแฟชั่นนั้นแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยให้รับกับบริบทและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนั้น การปรับเปลี่ยนสไตล์จึงเป็นแบบที่ใช้ได้ง่ายขึ้นและโมเดิร์นขึ้น" จ๋า อมรสิริ เผย
จากการศึกษาเรื่องแฟชั่นโดย ศ.มาร์ก สโตนคิง ที่สถาบันแม็กซ์ แพล็กก์ เมืองไลป์ซิก ในประเทศเยอรมนี พบว่าคนเราสวมใส่เสื้อผ้ามาตั้งแต่ 42,000 ถึง 72,000 ปีมาแล้ว โดยใช้ขนสัตว์และสิ่งที่หาได้ในธรรมชาติเป็นเครื่องประดับ การย้อมสีจากพืชในธรรมชาติ จุดเริ่มต้นของความคิดที่มีต่อแฟชั่นนั้นนอกจากเพื่อความงามยังเกิดจากความรู้สึกที่ดีของตัวเองในแง่การแสดงความเชื่อมโยงต่อสังคมและความเป็นสมาชิกของสังคมนั้น
แฟชั่นสำหรับคนหนุ่มสาวเพิ่งปรากฏชัดในยุควิกตอเรียนสำหรับสาวอายุสิบกว่าปีขึ้นไป เมื่อการเดินทางทางรถไฟเป็นที่นิยม การเติบโตของแฟชั่นก็ก้าวไปในจังหวะที่เร็วขึ้น การตกแต่งประดับประดาบนเสื้อผ้าลดลงเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
หลังสงครามโลกรูปแบบของความงามปรับเปลี่ยนให้เรียบง่ายขึ้นเพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คน มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน การเดินทางทั้งทางรถทางอากาศรวมทั้งท้องถิ่นที่เปลี่ยนแปลงไป ภูมิอากาศที่แปรเปลี่ยน ทุกสิ่งมีอิทธิพลต่อแฟชั่นที่ปรับให้มีดีไซน์ที่ตอบรับกับสไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน แฟชั่นใกล้ชิดกับผู้หญิงจนแทบจะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียว
ช่วงเวลาระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้งถือได้ว่าเป็นยุคทองของวงการแฟชั่นประเทศฝรั่งเศส มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รถยนต์เข้ามาแทนที่รถเทียมม้า และแฟชั่นชั้นสูง หรือโอต กูตูร์ (haute couture) เป็นที่สนใจของดาราดังและหญิงสาวชั้นสูง ผมบ๊อบและเสื้อผ้าผู้ชายมีอิทธิพล โครงเสื้อไม่รัดรูปแบบเด็กหนุ่มได้รับความนิยมและเรียกว่าสปอร์ตแวร์ (sportwear)
ดีไซเนอร์ ฌอง ปาตู (Jean Patou) และโคโค่ ชาเนล (Coco Chanel) ทำให้เสื้อผ้าแบบสปอร์ตเข้าสู่ความนิยมอย่างชัดเจน โคโค่กลายเป็นไอคอนของหญิงสาวที่ชื่นชอบผมบ๊อบ เสื้อผ้าแนวสปอร์ต นิตแวร์ เครื่องประดับหรูหราที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันอย่างคอสตูม จิวเวลรี่
ในยุค "60 ปารีสกลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่นโลก และสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นในสไตล์และดีไซน์ รวมทั้งการเกิดของฮิปปี้และพังก์ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในยุค "70 ในอังกฤษที่เพิ่มแฟชั่นลายพิมพ์ ผ้าพันคอแบบอินเดียน เสื้อผ้าแบบยูนิเซ็กซ์อย่างยีนส์ ส่งอิทธิพลต่อแฟชั่นในลอนดอนก่อนขยายออกไปทั่วโลก
ตลอดต้นศตวรรษที่ 20 แฟชั่นชั้นสูงเริ่มต้นขึ้นในกรุงปารีสและต่อมาในลอนดอน บรรณาธิการแฟชั่นจากทั่วโลกเข้าร่วมในแฟชั่นวีก ในขณะที่บายเออร์ห้างสรรพสินค้าดังเข้าร่วมในแฟชั่นวีกทั้งสองซีซั่น เส้นแบ่งระหว่างโอต กูตูร์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป หรือเรดี้ทูแวร์นั้นรางเลือนด้วยการปรับเปลี่ยนให้ใส่ได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่หรูหราแต่เรียบโก้แทนการประดับประดาตกแต่งมากอย่างในยุคก่อน
ในขณะที่เรดี้ ทูแวร์ มีดีไซน์ที่น่าสนใจและเพิ่มลูกเล่นมากขึ้นในสไตล์จนทำให้ดูเหมือนงานสั่งพิเศษหรือ made-to-measure ทำให้เห็นการทำงานที่น่าสนใจของเหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงานในโลกแฟชั่นที่เกิดการผสมผสานความคิดเพื่อการใช้งานได้มากขึ้น ทำให้แฟชั่นใช้ได้จริงในทุกไลน์การผลิต ดูสนุกสนานและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
บริบทของสังคมมีอิทธิพลต่อแฟชั่น ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดในสังคมและการดำรงชีวิต รวมทั้งกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้คนส่งผลต่อความคิดในการออกแบบเพื่อตอบรับกับสังคมในยุคนั้น วิวัฒนาการของเสื้อผ้าจากอดีตจนถึงปัจจุบันแสดงให้เห็นการปรับเปลี่ยนในแบบที่เรียบง่ายขึ้น แต่เพิ่มความคิดลงไปในการตัดเย็บ การออกแบบในยุคปัจจุบันจึงเป็นการสร้างสรรค์งานที่เรียบ โก้ ใช้ได้นาน เป็นดีไซน์ที่ไม่บอกยุคสมัยเพื่อใช้ได้นาน ใช้เนื้อผ้าที่ดีและช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้หญิงสาวในแบบที่เป็นตัวเอง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วยภารกิจที่แตกต่าง
การปรากฏของภาพแฟชั่นในคอลเล็กชั่นต่างๆ ในแม็กกาซีนชั้นนำจากทั่วโลกที่เข้าไปสู่ประเทศต่างๆ ช่วยให้ภาพที่งดงามและข่าวสารเกี่ยวกับโลกแฟชั่นไปสู่ผู้อ่านในทุกมุมโลก รวมทั้งการสื่อสารในโลกของเน็ตเวิร์กต่างๆ ยังคงดำเนินไปแบบพึ่งพาและสร้างสีสันในโลกของผู้ที่ชื่นชอบความเปลี่ยนแปลงในดีไซน์ ทำให้ผู้คนทั้งในฝ่ายผู้สร้างสรรค์งาน สื่อต่างๆ และผู้บริโภคสินค้าเชื่อมโยงกันชัดเจน
ดังจะเห็นได้ว่าโลกแฟชั่นนั้นทรงพลังมากขึ้น มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
Create Date : 25 กันยายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 25 กันยายน 2556 3:23:13 น. |
Counter : 1657 Pageviews. |
|
|
|