Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๗ สิกขา

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง

ตอนที่ ๗ สิกขา



         พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักขอรับ มาพบกันคราวนี้ กระผมผู้เล่านิทานข้างกองฟาง จักได้ตัดภาพเณรแก้วที่กำลังเรียนวิชากับท่านอาจารย์คงอย่างขะมักเขม้น มากล่าวถึงนายขุนช้างอีกครั้ง ซึ่งเมื่อตะแกมาขอแม่พิม จนโดนด่าไปแล้วครั้งหนึ่งยังไม่เข็ด และก็ไม่ยอมละความพยายามเดิม แต่คราวนี้ก็ไม่ทราบว่าด้วยเงินตราหรือเหตุใด ที่ทำให้แม่ศรีประจันนั้นใจอ่อน จึงได้ต้อนรับขับสู้นายขุนช้างเป็นอย่างดี ราวกับว่าจะยกลูกสาวให้เขาในวินาทีนั้น และเรียกแม่พิมพิลาไลยให้ออกมาคุยด้วย

         ผลก็คือความในฉบับหลวง ที่กระผมกำลังจะยกมาขับเสภา ให้พ่อแม่พี่น้องฟังนี้แหละครับ

         จึงแกล้งเรียกข้าด่าประจาน
         แน่อ้ายผลหัวล้านไปไหนเหวย
         ยกยศยิ่งใหญ่กระไรเลย
         ดอกเตยหรือจะปลอมพยอมไพร

         จองหองเอาเงินมาอวดอึง
         แม่......ตูหาปรารถนาไม่
         ขี้เกียจการงานนี่สุดใจ
         น้ำขอดโอ่งไหไม่นำพา

         อ้ายเจ้าชู้ลอมปอมกระหม่อมบาง
         ลอยชายลากหางเกี่ยวเกี้ยวหมา
         ชิชะแป้งจันทน์น้ำมันทา
         หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย

         หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด
         เอ.ไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
         หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย
         อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ ฯ

         นายขุนช้างก็ได้แต่ไหว้ลาแม่ศรีประจันกลับบ้านไปอีก ด้วยความชอกช้ำ ที่หนักกว่าครั้งที่แล้ว แต่ก็แปลกที่ว่าคราวนี้ แม่ศรีประจันกลับโกรธลูกสาวและลงโทษเสียเป็นอันมาก ขนาดโยงเฆี่ยนกันนั่นแหละ ขอรับกระผม

         แม่สายทองก็เป็นห่วงน้องเสียแทบแย่ แต่ก็ไม่มีปัญญาจะเข้าไปขวาง เพราะตนนั้นเป็นเพียงพี่เลี้ยงมิใช่พี่ตัว จึงได้แต่เข้าไปซับน้ำตา และให้คำปรึกษาเมื่อแม่พิมเข้ามาในห้องแล้ว สรุปว่าคงจะต้องพาแม่พิม ไปปรึกษากับพ่อเณรพลายแก้ว ให้มันรู้แล้วไปเสียที

         เมื่อตกลงกันว่าจะเอาอย่างนั้น ด้วยความรักน้องแม่สายทองก็แข็งใจ พาแม่พิมไปที่วัดป่าเลไลย ทั้ง ๆ ที่ตนเองยังมีคดีอยู่ แต่เมื่อไปถึงก็ได้ทราบความว่าเณรแก้วนั้น ย้ายสำนักไปอยู่กับท่านอาจารย์คงที่วัดแคเสียแล้ว จึงพากันไปวัดแคโดยหมายจะได้พบพ่อจำเลยตัวดี

         พอแม่พิมพบหน้าพ่อเณรที่วัดแคเข้าจริง ๆ แล้ว ก็ตัดพ้อต่อว่าพรั่งพรูดังสายน้ำไหล จนกระผมผู้เล่านิทานข้างกองฟางนี้เล่าไม่ทัน ต้องขอให้ฉบับหลวงท่านว่าความทั้งนั้น ให้พ่อแม่พี่น้องฟังแทน ดังนี้ขอรับ

         ครานั้นจึงโฉมนวลนางพิม
         เห็นเณรเข้ายิ้มออกมาได้
         กับสายทองต่างขึ้นไปทันใด
         นั่งใกล้แล้วก็ว่าไปทันที

         ชะใจกระไรพ่อเณรหนอ
         มาลวงล่อแล้วก็ละอาลัยหนี
         ฉันหมายใจอยู่ว่าพ่อเณรดี
         พาทีไว้แต่หลังนั้นอย่างไร

         สารพันสัญญาไว้ทุกสิ่ง
         ตัวเป็นหญิงจะทำกระไรได้
         ว่าจะขอแล้วก็รอยังไม่ไป
         จนความใหญ่ไขว่ขวางขึ้นกลางคัน

         อ้ายขุนช้างขอแม่แกยกให้
         ขัดใจเจียนน้องจะอาสัญ
         ไม่ยินยอมพร้อมใจที่ให้ปัน
         แกตีรันจนหลังจะพังไป

         แม่เลี้ยงมาแต่เล็กคุ้มใหญ่แล้ว
         ไม้เปรียะยังหาแผ้วเป็นแนวไม่
         ครั้งนี้แม่ไม่มีความอาลัย
         ฉันขอบใจอยู่ว่าใจพ่อเณรดี

         หมายใจว่าที่ไหนจะทิ้งสัตย์
         สารพัดพูดไว้กับพิมนี่
         ว่าอย่างไรก็ว่าอย่าช้าที
         เดี๋ยวนี้ก็จะว่าให้สาใจ ฯ

         ว่าแล้วก็หันหลังให้ดูรอยหวาย ผลที่ได้รับจากการขัดใจแม่ มาเป็นหลักฐาน ประกอบการตัดพ้อต่อว่าพ่อเณรตัวดีของเรา รอยไหม้จากฝีหวายที่โผล่พ้นสไบของแม่พิม ประกอบกับคำบอกเล่านั้น ทำให้เณรแก้วใจหาย ตอบความคนรักไปโดยสำนวนอันงดงาม ที่ปรากฏอยู่ในฉบับหลวงว่าดังนี้ขอรับ

         เณรแก้วเห็นพิมเจ้ามัวหมอง
         ปลอบประคองมือเช็ดน้ำตาให้
         เอออ้ายช้างชาติชั่วตัวจัญไร
         มาทำให้น้องข้าต้องด่าตี

         น้อยฤาร้อยไม้เป็นริ้วริ้ว
         เออนี่ผูกมือหิ้วเจียวฤานี่
         จึงยับย่อยเป็นรอยทั่วอินทรีย์
         ฟ้าผี่นิ้วน่อยพลอยเป็นแนว

         สงสารพิมนิ่มเนื้อนี่เหลืออก
         น้ำตาไหลตกเป็นแถวแถว
         สุดจิตสุดคิดสุดฤทธิ์แล้ว
         น้องแก้วแม่อย่าปรารมภ์ใจ

         เงยหน้าขึ้นเถิดเจ้าพิมเพื่อน
         แก้มเปื้อนมาจะเช็ดน้ำตาให้
         อย่าโศกนักเลยเจ้าจะเศร้าไป
         ดวงใจพี่ไม่ลืมคำสัญญา ฯ

          พอว่าความมาถึงตรงนี้แล้ว กระผมก็อดมิได้ที่จะขออนุญาตคุยนอกเรื่องสักนิดหนึ่ง คือกระผมได้ทราบมาว่า ในบทสุดท้ายของกลอนตอนที่กระผมเล่ามาให้พ่อแม่พี่น้องฟังนี้ คุณครู เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์คนแรกของประเทศไทย ได้เคยยกเอาไว้เป็นตัวอย่าง อยู่ครั้งหนึ่งว่า เป็นกลอนที่ไม่มี สัมผัสใน เลย มีแต่เพียง สัมผัสใจ เท่านั้น

         เงยหน้าขึ้นเถิดเจ้าพิมเพื่อน
         แก้มเปื้อนมาจะเช็ดน้ำตาให้

         ไม่ทราบว่าท่านผู้ฟังนิทานข้างกองฟางของกระผมนี้จะ สัมผัสใจ อย่างที่คุณครู เนาวรัตน์ ฯ กล่าวถึงในเสภาวรรคนั้นหรือไม่ สัมผัสใจที่กระผมขออนุญาตยกมากล่าวถึงนั้นก็คือการสื่อสารผ่านจาก ใจ ของผู้แต่งถึง ใจ ของผู้อ่านโดยตรง มิได้เกี่ยวข้องกับความเพริศพริ้งของสัมผัสนอกสัมผัสใน หรือกระบวนสำนวนกลอนใด ๆ เลย แต่ในความหมายของสัมผัสใจนั้น ผู้แต่งกับผู้อ่านสามารถที่จะนำใจ มาเชื่อมโยงสื่อสารกันได้โดยตรง โดยมิได้ผ่านกระบวนการทางวรรณกรรม หรือวรรณคดีใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านว่าของท่านไว้ถึงขนาดนั้นเชียวแหละขอรับ

         ความจริงนั้นเอง ที่เป็นความงาม

         เรามาเข้าเรื่องกันเถิดนะขอรับ เมื่อสักครู่นี้ แม่พิมพิลาไลก็น้ำตาแห้งไปแล้ว เนื่องจากถูกป้ายแก้มด้วยความอาทร จากนั้นแม่พิมจึงอ้อนพ่อเณรแก้วจนกระทั่งใจอ่อน ตกปากรับคำไปดังที่ฉบับหลวงท่านว่าไว้ดังนี้ ขอรับกระผม

         ค่ำวันนี้พี่จะลาอาจารย์สึก
         เวลาดึกจะเข้าไปให้ถึงบ้าน
         กราบลาถ้าหากท่านทัดทาน
         ก็จะหนีสมภารไปหาพิม ฯ

         ความร้อนที่กระผมได้เคยเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังมาแล้ว ขณะนี้ดูจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอีกมากทีเดียวแหละขอรับ

         และในค่ำวันนั้น เณรแก้วก็ได้ไปลาสิกขากับท่านอาจารย์คงจนได้ ถึงแม้ว่าจะถูกทัดทานไว้ก็ตามท แต่ในที่สุด นอกจากที่ท่านอาจารย์คงจะอนุญาต ให้เณรแก้วสึกได้แล้ว ก็ยังกรุณาที่จะทำนายทายทักชะตาชีวิตในอนาคตไว้ ดังที่ฉบับหลวงท่านกล่าวความไว้ว่า

         สมภารฟังหลานเห็นเหลือห้าม
         หยิบกระดานดูยามตามดิถี
         คูณหารดูตามคัมภีร์มี
         เอาวันคืนเดือนปีของเณรพลาย

         บวกกันเข้าดูก็รู้แท้
         เห็นแน่ดังอินทรเนตรหมาย
         ชะตาดีที่ทหารเจียวหลานชาย
         แกก็ทายว่าเจ้าแก้วนี้ปดกู

         คิดว่าทุกข์อย่างไรออกวายวุ่น
         มิรู้ว่าเจ้าประคุณข้าเล่นชู้
         เอ็งจำไว้ในคำของตาดู
         สึกไปจะได้อยู่สมดังใจ

         สู่ขอหอห้องทำทุนสิน
         อยู่กินแต่หาถึงเท่าใดไม่
         จะพลัดพรากจำจากกำจัดไกล
         มันจะมีผัวใหม่มันทิ้งมึง

         เมื่อายุยี่สิบห้าเบญจเพส
         จะมีเหตุด้วยเคราะห์เข้ามาถึง
         ต้องจองจำโซ่ตรวนเขาตรากตรึง
         อายุสี่สิบมึงจะได้ดี ฯ

         ถ้าพ่อแม่พี่น้องจะได้กรุณาติดตาม ฟังนิทานข้างกองฟางของกระผมนี้ต่อไป ก็คงจะเห็นด้วยกับกระผมว่า ท่านอาจารย์คงท่านนี้ ท่านดูหมอแม่นเหลือประมาณ เพราะในเวลาต่อมานั้นพลายแก้วจะได้เผชิญวิบากกรรม ตามคำทำนายของท่านอาจารย์คงทุกอย่าง และยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่ง ที่พระสุรินทรฦาไชยมไหศูรย์ภักดี ก็ได้รับพระราชทานเมื่ออายุสี่สิบปีพอดี

         แต่ในเวลานี้ เป็นอันว่าพลายแก้วก็ได้ลาสิกขาสมใจ ส่วนจะไปแผลงฤทธิ์แสดงความปั่นป่วนให้กับใคร เมื่อไร อย่างไรนั้น พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักของกระผม ก็คงจะต้องมาล้อมวงรอฟังอยู่ที่ข้างกองฟางนี้ ต่อไปในครั้งหน้าขอรับ.

##############################

วารสารสุรสิงหนาท.........กันยายน ๒๕๔๐
นิตยสารโล่เงิน..............กันยายน ๒๕๔๔






Create Date : 07 ตุลาคม 2550
Last Update : 7 ตุลาคม 2550 19:17:51 น. 3 comments
Counter : 1127 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมชมค่ะ ...
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ..

เอาไว้ว่างจะมาฟังนิทานนะคะ
วันนี้ขอตัวไปดูละครก่อนละคะ



ปล.อันที่จริงตามดูภาพถ่ายตัวเองคะ


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:3:01:04 น.  

 
เฮ. . .

ยินดี เช่นกัน

ขอรับ.


โดย: พจนารถ๓๒๒ IP: 58.9.187.146 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:18:10:48 น.  

 
อ่านจนจบ..สนุกดีค่ะ

เมื่อก่อนไม่ชอบวิชาภาษาไทย

เลยไม่ได้ใส่ใจ

ไม่คิดว่าจะหนุกหนานขนาดเน้


โดย: imahnook IP: 117.47.78.126 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:20:54:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.