Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
9 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๒๘ ใต้ร่มใบบุญ

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
ตอนที่ ๒๘ ใต้ร่มใบบุญ

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ นกไร้รัง คนไร้บ้าน แต่ยังมีความสุขเป็นอย่างไร...เป็นอย่างนี้ขอรับ...

จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท
เรืองฤทธิ์พริ้งเพริศเฉิดฉัน
อาศัยอยู่ในพนาวัน
สองคนด้วยกันกับวันทอง

แช่มชื่นรื่นร่มพนมพนัส
สิ้นวิบัติไพรีไม่มีข้อง
อิงแอบแนบเนื้อนวลละออง
หนุนแต่ขอนไม้รองสำราญใจ

ไร้ฟูกถูกเนื้อวันทองอ่อน
เหมือนนอนเตียงทองอันผ่องใส
เพลินฟังวังเวงเพลงเรไร
พิณพาทย์ไพรกล่อมขับสำหรับดง

มืดสิ้นแสงเทียนประทีปส่อง
ก็ผ่องแสงจันทร์กระจ่างสว่างส่ง
บุปผชาติสาดเกสรขจรลง
บุษบงเบิกแบ่งระบัดบาน

เรณูนวลหวลหอมมารวยริน
พระพายพัดประทิ่นกลิ่นหวาน
เฉื่อยฉิวปลิวรสสุมามาลย์
ประสานสอดกอดหลับระงับไป ฯ


แล้วอยู่มาวันหนึ่ง แม่วันทองก็ฝันว่า ได้เอื้อมมือไปคว้าดวงอาทิตย์มาแล้วก็กลืนไว้ในอก และยังมีชายหนึ่งมาควักลูกตาข้างขวาไป แล้วกลับเอาดวงตาอื่นซึ่งมืดมัวมาคืนให้ จึงปลุกขุนแผนให้ช่วยทำนายฝันให้ด้วย

ขุนแผนเอง ก็ไม่อยากจะบอกความทั้งหมดที่มีทั้งดีและร้าย ก็ได้แต่ตอบเลี่ยง ๆ ไปว่า เธอกำลังจะท้อง และจะได้ลูกชายมีบุญวาสนา สามารถพึ่งพาได้ในภายภาคหน้า แต่ที่ดวงตาต้องพรากจากไปนั้น ทำนายว่าจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็คงจะไม่เป็นไรมากหรอกน่า...เธอ...

นางวันทองก็ร้องไห้ ว่ามาท้องมาไส้ระหว่างลำบากยากเข็ญอยู่ในป่า ขุนแผนก็ปลอบโยนว่า อะไรกัน รู้ว่าจะมีลูกน่าจะดีใจนะน้องนะ แต่เราก็คงจะต้องย้ายที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าอีกก่อนที่จะมีใครพบ แล้วก็พาเมียขึ้นม้าเดินทางต่อไป

ขอบทชมดงอีกสักทีเถิดขอรับพ่อแม่พี่น้อง เพราะแต่ละสำนวนในเรื่องนี้นั้นก็หลากหลายและไพเราะด้วยกันทั้งนั้น

ร่มรื่นพื้นพรรณบุปผา
สะอาดตาช่อชูดูไสว
ขุนแผนชักม้าคลาไคล
บัดใจถึงเขา ธรรมเธียร

ที่เชิงเขาเหล่าพรรณมิ่งไม้
ลมพัดกวัดไกวอยู่หันเหียน
รกฟ้าขานางยางตะเคียน
กันเกราตระเบาตระเบียนแลชิงชัน

สนสักกรักขีต้นกำยาน
ฉนวนฉนานคล้าคลักจักจั่น
ปรางปรูประดู่ดูกมูกมัน
เหียงหันกระเพราสะเดาแดง

เต็งแต้วแก้วเกดอินทนิน
ร้อยลิ้นตาตุ่มชุมแสง
ขวิดขวาดราชพฤกษ์จิกแจง
สมุลแว้งแทงทวยกล้วยไม้

กระพ้อเงาะระงับกระจับบก
กระทกรกกะลำพอสมอไข่
ผักหวานตาลดำลำไย
มะเฟืองไฟไข่เน่าสะเดานา

ไทรโศกอุโลกโพกพาย
โพบายไกรกร่างอ้อยช้างหว้า
พลับพลวงม่วงมันจันทนา
ปักษาเพรียกพร้องร้องจอแจ ฯ


เป็นอย่างไรบ้างขอรับ แยะดีไหม ก็สำนวนพรรณอย่างนี้แหละขอรับ ที่ข้อสอบวรรณคดีในสมัยเรียนชอบถามดีนักว่า มีต้นไม้กี่ชนิด ?
พ่อแม่พี่น้องจะลองนับเล่นดูบ้างก็ได้นี่ขอรับ

พอดีท่านก็มีต่อ...เอาละ...ขอ ชมนก อีกสักสำนวนหนึ่งก็แล้วกัน เสียดายน่ะขอรับ ถ้าจะข้ามไปเสียเฉย ๆ


นกกระลางลางล้วงได้ด้วงจิก
ลูกอ้าปากริกร้องวอนแม่
ดุเหว่าจับเถาตำลึงแล
เห็นลูกสุกแดงแจ๋เข้าจิกกิน

นกขมิ้นจับเถาขมิ้นเครือ
คาบเหยื่อเผื่อลูกแล้วโผผิน
สาลิกาพาหมู่เที่ยวจู่บิน
เขาคูคู่ถิ่นอยู่ริมรก

กระทาปักหาตัวเมียจ้อ
ชูคอปีกกางหางหก
ค้อนทองร้องรับกันป๊กป๊ก
นกคุ่มเปรียวปรื๋อกระพือบิน

ไก่ป่าขันแจ้วอยู่แนวไพร
เขี่ยคุ้ยขุยไผ่เป็นถิ่นถิ่น
หารังเรียกคู่อยู่กับดิน
หยุดกินวิ่งกรากกระต๊ากไป ฯ


คราวนี้ก็เดินป่าไปเรื่อย จนนางวันทองท้องได้เข้า เจ็ดเดือน ขุนแผนก็เริ่มวิตกถึงความลำบากของเมีย แล้วก็ไปนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินข่าวเล่าลือกันว่าท่านพระพิจิตร เจ้าเมืองพิจิตรนั้น เป็นคนใจดีมาก ใครตกทุกข์ได้ยากก็พากันบากหน้าไปพึ่งพิงท่านและก็ไม่เคยผิดหวังเลย สักรายเดียว ก็เลยคิดว่าจะไปหาท่านดีกว่า

ว่าแล้วก็พาเมียเดินลัดตัดดง ไปได้อีกประมาณสิบวัน ก็บรรลุถึงเมืองพิจิตร แล้วก็จัดการบริกรรมคาถา นะเมตตา ให้ผู้ที่พบปะสนทนาด้วยรู้สึกรักใคร่เอ็นดู แล้วก็ว่าอีกคาถาหนึ่งคือ กำบังตน

ขุนแผนกับเมียก็เลยเดินลัดตัดพ้นบ่าวไพร่ที่หน้าจวนเข้าไปหมอบกราบท่านพระพิจิตรที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ชานจวนได้อย่างสะดวกดาย

ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ
กับวันทองก้มกราบลงที่นั่น
ขุนแผนจึงบอกไปฉับพลัน
ตัวลูกอ่อนนั้นชื่อวันทอง

ตัวข้าชื่อขุนแผนแสนสงคราม
ดั้นแดนคงรามมาทั้งสอง
จึงเล่าเรื่องความไปดังใจปอง
เดิมวันทองชื่อพิมพิลาไลย

ขุนช้างชิงนางจากหอห้อง
ข้าจึงลักวันทองเข้าป่าใหญ่
ล้างทัพยับตายกระจายไป
จนใจอยู่ป่ามาหลายเดือน

วันทองท้องแก่น่าสงสาร
กลัวจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นกลางเถื่อน
ครั้นจะพากันเข้าไปเหย้าเรือน
เกรงจะเหมือนทำกรรมให้มารดา

รู้ว่าเจ้าคุณเอ็นดูสัตว์
จึงดั้นดัดลัดดงตรงมาหา
ฝากชีวิตข้าพเจ้าทั้งสองรา
เจ้าคุณกรุณาได้โปรดปราน ฯ


พระพิจิตรและนางบุษบาผู้ภรรยา ได้ฟังเรื่องราวก็รู้สึกสงสาร ประกอบกับต้องมนต์ นะเมตตา เข้าไปด้วย ก็ให้เอ็นดูสองผัวเมียเหมือนลูกเหมือนหลาน แล้วก็จัดแจงที่พักอาหารการกินให้อย่างดี

ครั้งนั้น ขุนแผนก็ได้มาพักอยู่ที่เมืองพิจิตร เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม แล้วก็หันหน้ามาปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี เพราะขณะนี้นางวันทองก็ท้องแก่มากแล้ว

จะขอให้พระพิจิตรท่านบอกส่ง
ลงไปอยุธยามหาสถาน
สารภาพรับผิดคิดให้การ
ต้านทานข้อฟ้องของขุนช้าง

เหตุด้วยตัวเราเข้ามาหา
มิได้ไปจับมาแต่ป่ากว้าง
โทษทัณฑ์นั้นเล่าจะเบาบาง
เห็นมีทางข้างจะกรุณา

เมื่อจะเอาโทษทัณฑ์ฉันใด
ก็ตามใจด้วยเรานี้เป็นข้า
ได้ถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจา
จะหลบลี้หนีหน้าไปทำไม

ถือตามคำโบราณท่านว่ามา
ว่าว่ายน้ำเข้าหาจระเข้ใหญ่
ยากง่ายตายเป็นประการใด
ให้เป็นไปตามกรรมที่ทำมา

พี่รักเจ้าสู้เอาชีวิตแลก
ถึงจะแหลกครั้งนี้พี่ไม่ว่า
จะแก้ไขมิให้น้องต้องอาญา
ก้มหน้าไปเถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ


วันทองเองก็บอกว่าจะตายก็ไม่ว่าหรอก แต่กลัวแม่จะจับไปให้ขุนช้างใหม่เท่านั้น ขุนแผนก็ปลอบใจว่า คงจะไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นหรอก พี่จะปกป้องน้องเอง
แล้วก็ชวนกันไปหาพระพิจิตร

ครานั้นพระพิจิตรบุษบา
เห็นสองราหม่นไหม้ใจฉงน
ทักถามความลูกไปบัดดล
ทำวนสิ่งไรมาแต่เช้า

ครานั้นขุนแผนแสนสนิท
ได้ฟังพระพิจิตรก็ก้มเกล้า
ชี้แจงเนื้อความตามสำเนา
ข้าพเจ้าคิดกลัวซึ่งโทษทัณฑ์

ด้วยมีตราอายัดสกัดด่าน
รั้วแขวงกรมการก็กวดขัน
แต่ปิดบังลูกชายไว้หลายวัน
ลูกคิดเกรงเกลือกอันตรายมี

หลวงปลัดยกกระบัตรกรมการ
จะบอกกล่าวข่าวขานไม่ควรที่
จะเป็นคบคนผิดติดราคี
พระพันปีก็จะทรงพระโกรธา

เจ้าประคุณบอกส่งลูกลงไป
ให้พ้นภัยราคีจะดีกว่า
ช่วยแต่แจ้งไปในท้องตรา
ว่าลูกเข้ามาหาแต่โดยดี

กับบอกคำให้การดีฉานว่า
ทั้งถ้อยคำภรรยาให้ถ้วนถี่
ให้สมกับ ลุแก่โทษ โปรดสักที
นอกนี้สุดแต่กรรมที่ทำมา ฯ


พอท่านพระพิจิตรฟังความ ที่ขุนแผนได้ชี้แจงรายละเอียดมาดังนั้นแล้ว ก็ให้เข้าใจ และยังสนับสนุนให้ขุนแผน ไปแสดงตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในกรุงด้วย

โดยจะพิจารณาว่าความเก่า
รูปความงามข้างเจ้าอยู่เหลือหลาย
ด้วยไปทัพกับแกล้งว่าล้มตาย
แม่ยายพรากเมียจึงเสียใจ

ถึงเป็นใจใครมั่งจะไม่แค้น
เขาทดแทนกว่านี้มีไหนไหน
เพียงเจ้ารับเมียเก่าเอามาไว้
ใครเลยจะลงว่าคิดคด

เป็นอยู่ก็ที่ สู้กองทัพหลวง
เขาจึงล่วงหาว่าผิดคิดขบถ
แต่กองทัพนับพันเป็นหลั่นลด
ทั้งหมดรุมเอาเจ้าคนเดียว ฯ


แล้วคุณพระพิจิตรท่านก็ว่า เราก็ต้องไปสู้ความจริงดอกลูกเอ๋ย จะเป็นจะตายอย่างไรก็ต้องให้มันรู้กัน พ่อนั้นก็จะช่วยอยู่ตามที่พ่อไม่ผิดท้องตรามาประทับ แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องผูกโทษไปด้วยวันยังค่ำแหละลูก...

ขุนแผนได้ยินท่านพระพิจิตรว่าดังนั้น ก็ก้มลงกราบเท้าขอบพระคุณท่าน แล้วจึงฝากม้าสีหมอก ไว้กับที่จวนเมืองพิจิตรนั้น แล้วก็พาเมียมาเข้ากรุง

และหลังจากนั้น พอเดินทางระหว่างทางก็ได้ฝาก ดาบฟ้าฟื้นที่รักยิ่งไว้กับโพรงไม้ใหญ่ ภาวนาอธิษฐานขอให้เทวาอารักษ์ช่วยคุ้มครองให้

ขุนแผนจับฟ้าฟื้นแล้วขึ้นบก
บุกรกเยื้องกรายผายผัน
เห็นโพรงต้นไทรใหญ่ใส่ดาบพลัน
แล้วร่ายเวทอาถรรพณ์กันกำบัง

จึงตั้งความสัตย์อัธิฐาน
กราบกรานอารักษ์แล้วฝากฝัง
ข้ากลับมาเมื่อไรอย่าได้พลั้ง
เบื้องหน้าถ้าจะตั้งเป็นบ้านเรือน

ให้เรียกว่า บ้านดาบก่งธนู
เพราะฟ้าฟื้นฝังอยู่จงแม่นเหมือน
แล้วล่องเรือต่อไปไม่แชเชือน
เตือนกันมาจนใกล้อยุธยา ฯ


ก็ได้ขอบอกกล่าวกันไว้แล้วกันนะขอรับ ว่าตามนิทานที่กระผมได้เล่ามาให้พ่อแม่พี่น้องฟังอยู่นี้..ในระหว่าง ทางเดินป่า ระหว่างจังหวัดพิจิตร ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีบ้านใดที่ชื่อ บ้านดาบก่งธนู อยู่บ้างแล้วละก้อ แสดงว่า นิทานข้างของกองฟางของกระผม ก็พอจะมีเค้าความจริงอยู่บ้างละ ขอรับกระผม

พอใกล้จะถึงกรุงศรีอยุธยา คนของท่านพระพิจิตรก็ขออนุญาตตีตรวน แล้วก็เข้าเมืองเดินฝ่าตลาดมา

ฝ่าย แม่แก้วกิริยา ซึ่งในตอนนั้น ได้ไถ่ตนเองมาจากขุนช้างแล้ว และกำลังอาศัยอยู่กับเพื่อน ได้ยินเขาโจษจันกันว่าจับนักโทษสำคัญได้ ก็เลยมา ไทยมุง กับเขาด้วย พอเห็นขุนแผนก็จำได้...

นางแก้วได้ยินเขาพูดจา
ว่าได้ขุนแผนมาไม่สงสัย
หลีกแหวกแทรกคนด้นเข้าไป
นั่งไหว้น้ำตาละลุมลง

กอดตีนขุนแผนวันทองไว้
อนิจจาแปลกไปเจียนจะหลง
ได้ยินเขาพูดกันจึงมั่นคง
พ่อไปดงสูญหายจนวายฤา

ขุนแผนฟังคำจำเสียงได้
คิดว่าใครเจ้าแก้วพี่แล้วหรือ
วันทองลูบไล้ด้วยไม้มือ
ต่อเรียกชื่อจึงรู้ว่าน้องยา

เพราะความจนข้นขุ่นในน้ำใจ
ปราศรัยแล้วสะเทินเมินหน้า
ขุนแผนเดินตรวนชวนเมียมา
นางแก้วกิริยาก็ตามไป ฯ


นี่แหละขอรับ พ่อแม่พี่น้อง คือความจริงใจของแม่แก้วกิริยา ซึ่งในทรรศนะของกระผมผู้เล่านิทานเรื่องนี้ให้พ่อแม่พี่น้องฟังอยู่ในขณะนี้ กระผมคิดว่า แม่แก้วกิริยา นี้แหละ ที่เป็นเมียที่เป็น คู่ทุกข์คู่ยาก ที่สุดของพ่อขุนแผนเรา ว่าอย่างนั้นไหมเล่าขอรับ

และในเวลาต่อไปข้างหน้านี้ กาลเวลาเองนั่นแหละ ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของคนเรา แม้ในที่กระผมเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ จะเป็นเพียงเชิงวรรณคดี เท่านั้นก็ตาม

ทั้งสองคนพอมาถึงทิมดาบ ก็พบท่านจมื่นศรี ซึ่งก็รู้สึกว่าท่านจะเอ็นดูพ่อขุนแผนของเราเป็นพิเศษอยู่แล้ว ท่านจึงพาสองผัวเมียไปคอยเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านจมื่นเองก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงแต่ประการใดกลับหยอกเย้าขุนแผนเล่นเสียอีก ดังนี้ขอรับ

เอ็งไปป่าพาไปแต่วันทอง
ที่นั่งรองนั้นได้มาแต่ไหน
อ้ายพ่อเอ๋ยเชลยมันเหลือใจ
แต่ทุกข์ยากแล้วยังได้สำรองมา

ขุนแผนว่าเมียเกล้ากระผม
นานนมแต่ยังไม่ไปป่า
ทิ้งไว้ให้อยู่กับมารดา
พอกลับมาพบกันที่กลางทาง ฯ


พ่อแม่พี่น้องขอรับ ท่านจมื่นศรีกำลังหมายถึงใครขอรับ...ท่านกำลังหมายถึง แม่แก้วกิริยา ที่กำลังเดินตามขุนแผนและนางวันทองอยู่ต้อย ๆ นั่นเอง และต่อไปนี้ก็จะได้ชำระความกันแหละขอรับ ว่าใครเป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูกกันแน่

คราวหน้าได้ทราบกันขอรับ...


##############################







Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2551 15:32:05 น. 0 comments
Counter : 5075 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.