Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๑๑ แต่งงาน

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง

ตอนที่ ๑๑ แต่งงาน



    พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ เช้าแล้ว ตื่นเถิดขอรับ แล้วมานั่งล้อมวงฟังนิทานข้างกองฟางกันต่อ โดยปล่อยจินตนาการตามกระผมไป ถึงตอนที่ขบวนเกวียนสู่ขอแม่พิมพิลาไลยมาอยู่ ณ ท้ายสวนบ้านของแม่ศรีประจันที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งแต่ค่ำวานนี้แล้ว

    ครั้นเช้าขึ้นมา แม่ทองประศรีก็บงการให้จัดกระบวน ไปขอลูกสาวเขาทันที บทกลอนสำนวนนี้พวกเราที่เคยจบ ป.๗ ในหลักสูตรมัธยมศึกษาเก่า ก็คงจะได้เคยอ่านมาโดยทั่วกัน ดังนี้

    ครั้นรุ่งแจ้งแสงสางสว่างหล้า
    ทองประศรีตื่นตาหาช้าไม่
    ล้างหน้าตำหมากใส่ปากไว้
    นั่งเคี้ยวไบ่ไบ่แล้วตรองการ

    จึงร้องเรียกตาสนกับตาเสา
    ยายมิ่งยายเม้าเป็นเพื่อนบ้าน
    ปรึกษาตูข้าจะขอวาน
    คิดอ่านขอลูกสาวศรีประจัน ฯ

    ครั้นแม่ศรีประจันเชื้อเชิญให้เพื่อนเก่าเข้าบ้านแล้ว ก็ปฏิสันถารกันด้วยความที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี แล้วจึงถามแม่ทองประศรีว่า ที่มาหาฉันครั้งนี้ มีธุระอะไรหรือ

    แม่ทองประศรีพอได้โอกาสดังนั้นจึงเริ่มการเจรจาทันที โดยใช้สำนวนอย่างที่กระผมอยากจะขอบันทึกไว้เป็นหลักฐานอีกครั้งหนึ่ง ในถ้อยคำการขอลูกสาวเขาดังนี้ขอรับ

    จะขอพันธุ์ฟักแฟงแตงน้ำเต้า
    ที่ออเจ้าไปปลูกในไร่ข้า
    ทั้งอัตคัตขัดสนจนเงินตรา
    จะมาขายออแก้วให้ช่วงใช้

    อยู่รองเท้านึกว่าเอาเกือกหนัง
    ไม่เชื่อฟังก็จะหาประกันให้
    ได้บากบั่นมาถึงเรือนอย่าเบือนไป
    จะได้ฤาไม่ได้ให้ว่ามา ฯ

    แม่ศรีประจันได้ฟังก็หัวเราะพลางว่า ยายทองประศรีเอ๋ย เราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สาว ๆ มีอะไรก็ว่ากันมาตรง ๆ ดีกว่า ซึ่งถ้าจะต้องยกลูกสาวให้ลูกชายเพื่อนแล้วละก้อ ไม่ได้ขัดข้องดอก แต่ว่าไอ้หนูของเธอนั่นมันสำมะเลเทเมา กินเหล้ากินยา เล่นเบี้ยเสียโบกบ้างหรือเปล่า เพราะ”ถึงยากจนอย่างไรก็ไม่ว่า แต่พร้าขัดหลังมาจะยกให้” คือขอให้เป็นคนทำมาหากิน ขยัน ขันแข็งเถิด ก็เท่านั้นแหละ

    คราวนี้ ตาสน ตาเสา ยายเม้า ยายมิ่ง เฒ่าแก่เพื่อนบ้าน ที่แม่ทองประศรีขอร้องมาให้เป็นเพื่อน ก็เลยเล่าความหลังให้แม่ศรีประจันเตือนความจำว่า

    ว่านอนสอนง่ายชายฉลาด
    ทั้งรูปทรงก็สะอาดสำอางศรี
    รุ่นหนุ่มน้อยจ้อยเรียบร้อยดี
    ความชั่วไม่มีสักสิ่งอัน

    เมื่อเป็นเณรก็เทศน์มัทรีได้
    เพราะเจาะจับใจดีขยัน
    เมื่อปีกลายคุณยายเป็นเจ้ากัณฑ์
    วันนั้นเจ้าพิมยังชอบใจ

    เปลื้องผ้าออกบูชาซึ่งกัณฑ์เทศน์
    เกิดเหตุเพราะขุนช้างมันทำให้
    เปลื้องผ้าทับผ้าเจ้าพิมไว้
    คุณยายจำไม่ได้หรือไรนา ฯ

    ที่ว่าเปลื้องผ้านั้น คือผ้าขาวสไบเฉียงที่พาดทับแพรสไบอีกชั้นหนึ่ง เป็นธรรมเนียมของการเข้าวัดทำบุญของคนสมัยก่อนนะขอรับพ่อแม่พี่น้องไม่ต้องตกอกตกใจไป

    พอพูดถึงพ่อเณรเสียงหวาน ที่เทศน์กัณฑ์มัทรี แม่ศรีประจันก็เลยร้องอ๋อและในที่สุดเมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่ศรีประจันก็เรียกสินสอดถึง หนึ่งพันสองร้อยบาท ซึ่งเท่ากับสิบห้าชั่ง พร้อมขันหมากและผ้าไหว้สำรับหนึ่ง กับให้ปลูกเรือนหอห้าห้องฝากระดานคือมีเสาใหญ่หกคู่ และมิใช่ฝาขัดแตะจากตอก แล้วก็กำหนดงานในเดือนสิบสอง วันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ

    เมื่อแม่เฒ่าทั้งสองปรองดองตกลงกันได้แล้ว ก็เป็นอันว่าต้องปลูกเรือนขึ้นมาที่ สุพรรณนี้อีกหลังหนึ่ง นอกจากที่แม่ทองประศรีได้สั่งเสียไว้ ให้ปลูกที่เมืองกาญจน์ไว้นั้นแล้วหลังหนึ่ง แต่ก็คงไม่กระไรนักดอก ก็รักเสียอย่างนี่นา ถึงเรียกอีกสักสิบหลังก็คงจะสู้

    พอถึงจุดนี้ กระผมก็อดไม่ได้ ที่จะต้องขออนุญาตนำวิธีต่อเรือนไทย ในสมัยนั้น จากฉบับหลวงยกขึ้นมาอีกแล้ว เพราะหากนานไปก็อาจจะไม่มีใครรู้ว่าเรือนไทยนั้นเขาปลูกกันอย่างไร

    ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว
    ครั้นถึงกำหนดแล้วจึงนัดหมาย
    บอกแขกปลูกเรือนเพื่อนผู้ชาย
    มายังบ้านท่านยายศรีประจัน

    ให้ขุดหลุมร ะดับชักปักเสาหมอ
    เอาเครื่องเรือนมารอไว้ที่นั่น
    ตีสิบเอ็ดใกล้รุ่งฤกษ์สำคัญ
    ก็ทำขวัญเสาเสร็จเจ็ดนาที

    แล้วให้ลั่นฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำ
    ยกเสาใส่ซ้ำประจำที่
    สับขื่อพรึงติดสนิทดี
    ตะปูตียกเสาดั้งตั้งขึ้นไว้

    ใส่เต้าจึงเข้าแปลานพลัน
    เอาจันทันเข้าไปรับกับอกไก่
    พาดกลอนผ่อนมุงกันยุ่งไป
    จั่วใส่เข้าฝาเช็ดหน้าอึง ฯ

    ถึงตรงนี้กระผมผู้เล่านิทานเอง ก็ยังจะต้องขอความรู้จากท่านสถาปนิกหรือวิศวกรบ้างเหมือนกันว่า ฉบับหลวงตอนนี้ที่กระผมยกมานั้น มันแปลว่ากระไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น เสาหมอ แปลาน จันทัน หรือ อกไก่ ฯลฯ ก็ตาม ถ้าท่านผู้ใดมีความรู้ ก็กรุณาบอกมาหน่อยเถิดครับ จะได้เป็นวิทยาทานแก่เด็กรุ่นหลังด้วย

    เมื่อเรือนหอเสร็จ ก็ถึงกระบวนขันหมาก ซึ่งเอิกเกริกมโหฬารเต็มที่เพราะยกไปด้วยกระบวนเรือกัญญา คือเรือยาวที่มีศาลาเล็กกลางลำ คล้ายเรือดั้งในพระราชพิธีนั่นแหละขอรับ แถมยังมีมโหรีวงใหญ่ใส่เรือไปเสียอีก ไม่ทราบว่าแม่ทองประศรีแกขนใส่เกวียนมากาญจนบุรีหรืออย่างไร ?

    พอดำเนินการขั้นตอนยกขันหมากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเลี้ยงดูปูเสื่อกันละ คาดว่าจะเชิญแขกกันทั้งเมืองเลยทีเดียว โดยเฉพาะแขกคนสำคัญ ที่พลายแก้วใช้อ้ายไทยผู้เป็นบ่าว ให้ไปเชิญถึงเรือนเป็นพิเศษ คือนายขุนช้างนั่นเอง

    พอขุนช้างได้ทราบข่าวก็แทบช็อค แต่ก็พยายามหักใจ ถึงยังไง ๆ มันก็เป็นเพื่อน ว่าแล้วก็แข็งใจแต่งตัวไปร่วมงาน ตามที่ฉบับหลวงท่านว่าไว้ดังนี้ขอรับ

    ครั้นถึงที่อยู่เจ้าพลายแก้ว
    เพื่อนบ่าวมาแล้วนั่งพร้อมหน้า
    จึงชวนกันนั่งกินรินสุรา
    เมามายพูดจากันอึงไป


    เจ้าพลายแก้วจึงว่าเจ้าเกลอเอ๋ย
    อย่าถือเลยที่นางพิมเรารักใคร่
    รู้ว่าเป็นเมียเอ็งกูเกรงใจ
    เอ็นดูจงให้เสียแก่เรา

    ขุนช้างฟังว่าทำหน้าเก้อ
    นิจจาเกลอดอกหาไม่ไม่ให้เจ้า
    แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา
    ว่าแล้วกินเหล้าเมาสำราญ ฯ


    ฟังผาด ๆ แล้วก็คล้าย ๆ กับนายขุนช้างแกมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ดีอยู่หรอกนะขอรับ เมื่อเพื่อนมีความสุขก็มีมุทิตาจิตด้วย แต่ถ้าลองสังเกตลึก ๆ ดูสิขอรับ "แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา" ใครจะไปรู้ได้ว่าในอนาคตนั้น อีตาขุนช้างแกมั่นคง ต่อคำพูดที่แกได้ลั่นวาจาไว้ในวงเหล้างานแต่งงานพลายแก้ววันนั้น อย่างสาหัสขนาดไหน พอถึงตอนนั้นกระผมจะได้เล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังเองแหละว่า เรื่องราวมันจะโกลาหลกันอย่างไรบ้าง

    กลับมาเข้าเรื่องดีกว่าขอรับ คิดวุ่นวายไปไยเวลามันยังมาไม่ถึง ก็ว่าถึงเรือนหอจะเสร็จแล้ว ขันหมากจะเปิดแล้วกินเลี้ยงก็แล้ว แต่ก็ยังส่งตัวไม่ได้ดอกขอรับ เพราะเจ้าบ่าวจะต้อง "อยู่หอรองามถึงสามวัน" (อันนี้มิใช่ฉบับหลวงหรอกขอรับ แต่ป็นสำนวนของ อาจารย์ ภิญโญ ศรีจำลอง ผู้เขียนเรื่องชุด นายหนังตะลุง "พริ้ง พระอภัย" อันเลื่องลือเมื่อหลายปีมาแล้ว) พอครบแล้วแม่ศรีประจันก็พาแม่พิมพิลาไลยมาส่งที่เรือนหอ แล้วก็มีการส่งตัวและอบรมกัน ดังนี้


    โอ้เจ้าพิมนิ่มนวลของแม่เอ๋ย
    เจ้าไม่เคยให้ชายสเน่หา
    ร้อยชั่งจงฟังคำมารดา
    นี่คู่เคยของเจ้ามาแต่ก่อนแล้ว

    ร้อยคนพันคนไม่ดลใจ
    จำเพาะเจาะได้เจ้าพลายแก้ว
    แม่เลี้ยงไว้มิให้อันใดแพว
    แต่แนวไม้เปรียะหนึ่งไม่ต้องตัว

    ครั้นเติบใหญ่จะไปเสียจากอก
    แม่วิตกอยู่ด้วยเจ้าจะเลี้ยงผัว
    ฉวยขุกคำทำผิดแม่คิดกลัว
    อย่าทำชั่วชั้นเชิงให้ชายชัง

    เนื้อเย็นจะเป็นซึ่งแม่เรือน
    ทำให้เหมือนแม่สอนมาแต่หลัง
    เข้านอกออกในให้ระวัง
    ลุกนั่งนบนอบแก่สามี

    อย่าหึงหวงจ้วงจาบประจานเจิ่น
    อย่าก่อเกินก่อนผัวไม่พอที่
    แม่เลี้ยงมาหวังว่าจะให้ดี
    จงเป็นศรีสวัสดิ์สุขทุกเวลา ฯ

    ก็น่าประทับใจในรายละเอียด ที่แม่ศรีประจันสอนลูกสาวอยู่หรอกขอรับ แต่ผมมาสะดุดเล่น ๆ อยู่นิดหนึ่งตรงที่ แม่ศรีประจันพูดคล้ายกับจะขู่พลายแก้วไว้ว่า ลูกสาวฉันเลี้ยงมาราวกับไข่ในหิน ที่ว่า "แม่เลี้ยงไว้มิให้อันใดแพว แต่แนวไม้เปรียะหนึ่งไม่ต้องตัว" ซึ่งถ้ากระผมเป็นพ่อพลายแก้วเจ้าบ่าว แล้วกำลังนั่งพับเพียบเรียบร้อยฟังอบรมอยู่อย่างนั้น กระผมคงต้องถึงขนาดที่ว่า กัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะ กันเลยทีเดียวแหละขอรับ ก็เพราะกรณีใดเล่าที่ทำให้เณรแก้วผ้าเหลืองร้อนจนต้องสึกออกมาขอ นี่ยังไง ขอรับ

    "น้อยฤารอยไม้เป็นริ้วริ้ว
    เออนี่ผูกมือหิ้วเจียวหรือนี่
    จึงยับย่อยเป็นรอยทั่วอินทรีย์
    ฟ้าผี่นิ้วน่อยพลอยเป็นแนว"


    แต่ตอนนี้ถึงจะขำ พ่อแม่พี่น้องก็อย่าหัวเราะดังไปขอรับ สองคนนั้นเขาจะขาดความสงบ ไว้เราพบกันคราวหน้าดีกว่านะ ขอรับ...จุ๊....จุ๊....!


##############################

...
...






Create Date : 13 ธันวาคม 2550
Last Update : 13 ธันวาคม 2550 9:09:00 น. 2 comments
Counter : 2094 Pageviews.

 
สนุกจัง


โดย: รักนะแต่ไม่แสดงออก วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:9:56:39 น.  

 
ขอบพระคุณ ขอรับ

แค่นี้

ก็มีกำลังใจ

เขียน ต่อไป แล้วแหละ

ขอรับ.


โดย: พจนารถ๓๒๒ IP: 58.9.185.126 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:4:35:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.