Blog ร้านชำยำ(การ)ตลาด สารพัดเรื่องการตลาด อร่อยย่อยง่ายมาก ไม่เชื่อลองอ่านดูเลยครัชชชช
 
 

EP.03 เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง???

กลายเป็นวลีสุดฮิตในโลกออนไลน์ไปช่วงหนึ่งสำหรับ "เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?" คำถามสุดฮิตใที่ใครๆ ก็ต้องตั้งคำถามว่า เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จนหลายแฟนเพจนำไปแปลง หรือนำมาใส่ไอเดียสร้างสรรค์ หรือล้อเลียนให้ดูมีสีสันมากขึ้น ในเรื่องราวต่างๆรอบตัวของเรา แต่ช้าก่อนครับ วันนี้ร้านชำยำตลาดขอหยิบยกวลีนี้ "เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?" มาเล่าเรื่องแนวการตลาดของสิ่งที่กลายเป็นปัจจัยที่คุณเองก็ขาดไม่ได้ นั่นคือ "โทรศัพท์มือถือ" มานั่ง Time machine ย้อนไปดูข้อมูลดีดีกันดีกว่าครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?"



ปี 2014 ปีที่แล้ว จำนวนประชากรของประเทศไทยเรา มีประมาณเกือบ 70 ล้านคนแล้ว ลองทายกันดูนะครับว่า จำนวนโทรศัพท์มือถือของไทยในกลางปีที่แล้ว "มากกว่าหรือน้อยกว่า" จำนวนประชากรของไทยเราครับ ลองทายเลยครับ ขอเสียงกองเชียร์หน่อยครับ ว่ามากกว่า หรือน้อยกว่า (ทำเหมือนในรายการเกมโชว์)



เฉลยดีกว่า!!! จำนวนโทรศัพท์มือถือที่คนไทยใช้กันทั้งหมดเท่ากับ 94.3 ล้านเครื่องครับ ใครที่ทายว่ามากกว่าครับ ยินดีด้วยครับ คุณได้สิทธิ์เปิดป้ายสะสมคะแนนต่อครับ สิ่งที่น่ามองต่อถ้าเฉลี่ยแล้วคนไทย 1 คนจะถือครองโทรศัพท์ติดตัวกันประมาณ 1.5 เครื่องต่อคน (นั่นแน่ ผมรู้นะครับ บอกมาเลยคุณคนที่อ่านมาถึงตรงนี้มีกี่เครื่องอยู่ในมือตอนนี้) นอกจากนี้ถ้ารวมๆตัวเลขจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ที่ไม่ได้ไล่ยักษ์เล็กทั้ง 3 ค่าย มีคนใช้ Internet ผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 44.6 ล้าน User 


เอาล่ะครับ สรุปสั้นๆ เร็วๆ ยุคนี้หลายคนบอกว่ายุคนี้ดิจิตอล แต่ในมุมผมนะ (คหสต.) ยุคนี้เป็นยุคที่อะไรอะไรก็มือถือไปหมด จะตื่นนอน จะกินข้าว จะเข้าห้องน้ำ จะยืนบนรถเมล์ จะนั่งรถไฟฟ้า จะช้อปปิ้ง จะอาบน้ำ จะนอนก็ตาม มือถืออยู่กับเราหมด ไม่แปลกเลยที่จะมีคำใหม่เกิดขึ้น นั่นคือ "สังคมก้มหน้า" ใครๆที่เป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้วกำลังอยากจะทำการตลาดในช่วงนี้ สิ่งที่คุณไม่ควรพลาด ทำยังไงก็ได้ให้ไปอยู่ในมือถือของกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้บริโภคของคุณให้ได้ อาจจะเริ่มจากถ่ายรูปลงมือถือ เช็คอิน ส่งอีเมล E-coupon Hashtag ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านมือถือ เป็นต้น ใครมีไอเดียอะไรโดเกี่ยวกับแนวการตลาดในมือถือมาแบ่งปันกันได้นะครับ


สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า"เอิ่ม...เรามาถึงจุดนี้ได้ไง จุดที่มือถือคืออวัยวะที่ 33 ของเรา" หรือมือถือคือเนื้องอกที่พรากจากกันมานาน...


"เราใช้มือถือกันเยอะ จนเมื่อยมือเมื่อยนิ้วแล้ว วางมือถือลงหน่อย มามองคนข้างกายบ้างนะครับ"


ขอบคุณรูปประกอบจาก Google ครับ




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2558   
Last Update : 18 มกราคม 2559 8:32:56 น.   
Counter : 1246 Pageviews.  


EP.02 ขนมชั้น ขนมเธอ อ้าว!! แล้วขนมใครง่ะ

ขนมชั้น ผมว่าน่าจะเป็นขนมไทยที่หลายๆคนต้องเคยได้ทานกันมาแล้วแน่นอน แต่แล้วขนมชั้นจะมาตีลังกามาเกี่ยวกับเรื่องการตลาดได้อย่างไร หรือวันนี้จะมาแนะนำกลยุทธ์ทางการตลาดของขนมชั้นกันหรือเปล่า ผมแค่่จะหยิบเอกลักษณ์ของขนมชั้น มาเป็นพระเอกในตอนนี้เท่านั้นเองครับ


ผมขอแยกขนมชั้นออกเป็น 2 แบบนะครับ แบบแรกขนมชั้นที่มีชั้น (เอิ่ม เขียนแบบนี้คนอ่านจะงงมั้ยเนี่ย) กับอีกแบบขนมชั้นที่ไม่มีชั้น (อันหลังยิ่งงงหนักกว่าอันแรกอีก) งั้นมาดูรูปประกอบกันนะครับ

ขนมชั้นแบบแรกที่ผมบอกไปคือ ขนมชั้นปกติที่เราเห็นกันมานมนานพอสมควร สมัยก่อนผมเด็กๆก็ทานแบบนี้แหละครับ ขนมชั้นที่มีหลายชั้นมาเรียงตัวเป็นชั้นๆ เพื่อให้เราได้ทานเป็นชั้นๆ (หลายคนบอกว่าช่วยงดใช้คำว่า "ชั้น" ชั่วคราวได้ป่าว เพราะมาถี่เหลือเกิน) ขนมชั้นแนวนี้มีใครทานแบบกินไปทั้งคำบ้างไหมครับ ผมว่ามีคนกินแบบผมแน่นอน ไม่ได้แคร์สื่อกันเลย เล่นจัดไปในคำเดียวโลด ผมแนะนำลองมาทานแบบแกะทีละชั้นดูนะ คุณจะได้อารมณ์สุนทรีไปอีกแบบ 



เจ้าขนมชั้นแบบนี้แหละครับ ถ้าเราแกะแต่ละชั้นออกมาดู จะเห็นว่าเรียงตัวซ้อนกันสวยงาม บางร้านก็ทำเลขมงคลมา 9 ชั้นเลย มองแบบการตลาดแล้วล่ะก็อันนี้ก็คือ การตลาดแบบหลายชั้น หลายขั้น การมุ่งทำการตลาดแนวนี้ สิ่งที่จะทำให้มาถึงผู้บริโภคได้ต้องผ่านกลุ่มบุคคล หรือตตัวแทนจำหน่ายหลาย Step กว่าจะมาถึงผู้บริโภคปลายทางอย่างพวกเรา ยกตัวอย่างให้พอเข้าใจ โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งกว่าจะมาถึงตัวเรา ต้องผ่านทั้งตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ ลงมาตัวแทนจำหน่ายรายกลางๆ ลงมากลุ่มตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ กว่าจะมาถึงลูกตู้ที่ขายโทรศัพท์มือถือให้เรา เห็นมั้ยครับกว่าจะมาถึงเรานานยาวเชียว เวลากลยุทธ์ที่จะทำนักการตลาดก็จะกลับไปทำแต่ละจุด หรือแต่ละชั้นนั่นเอง

มาถึงขนมชั้นแบบอีกแบบ ขนมชั้นที่ไม่มีชั้น นั่นไง ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่ ลองดูจากรูปได้เลยครับ ขนมชั้นที่มีความเกร๋ๆมากขึ้น เช่น ทำเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ ซึ่งต้องใช้ฝีมือในการพับทรงออกมาสวยงาม โดยการใช้ขนนมชั้นเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น



มามองแบบมุมการตลาด อันนี้คือการทำการตลาดแบบโดยตรงวิ่งมากระแทกใจกันเลย ภาษานักการตลาดคงเป็นแนว Direct marketing ออกกิจกรรมอะไรมาไม่ต้องผ่านตัวกลางใด นอกจากสื่อต่างๆ เท่านั้น แล้วมุ่งไปให้ผู้บริโภคเห็นเลย ผมว่าตัวอย่างนี้เราเจอกันบ่อยๆ เช่น รายการโทรทัศน์ขายสินค้าต่างๆ ที่จอร์จกับซาร่านำเสนอให้เราบ่อย, ใบปลิวหน้าร้านอาหาร เป็นต้น แนวลักษณะนี้ต้นทุนทางการตลาดจะดูใช้งบประมาณน้อยกว่า แต่จริงๆอาจจะใช้มากกว่าได้ครับ เพราะคุณต้องประโคมใช้สื่ออย่างบ้าคลั่งได้ เนื่องจากคุณอาจจะต้องหว่านให้ทุกคนได้รับทราบ ในทางกลับกันทางคุณเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดขึ้น งบประมาณส่วนนี้อาจลดลงได้เช่นกัน



จากที่บอกไปครับรูปแบบการทำการตลาดมีหลากหลายรูปแบบ บางแฟ่งอาจจะใช้แบบหนึ่ง อีกที่ใช้อีกแบบ หรือบางที่ Hybrid ผสมกันเลย เพราะบางช่วงเวลาอาจจะต้องการผ่านตัวแทนจำหน่าย และบางช่วงต้องการเจอลูกค้าโดยตรงเอง ฉะนั้นแล้วการเลือกรูปไหนอยู่ที่การพิจารณาให้ดี เพราะแต่ละแบบมีข้อเด่นต่างกันไปครับ เขียนจนหิวขนมชั้นเลย ขอตัวไปหาขนมชั้นทานก่อนดีกว่า แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าครับ

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Google ครับ

ปล. ฝากแนะนำและ Comment กันด้วยนะครับ ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2558   
Last Update : 18 มกราคม 2559 8:29:36 น.   
Counter : 2190 Pageviews.  


EP.01 เรื่องของใจ...ใครก็ห้ามบ่ได้

คุณครับคุณ คุณนั่นแหละครับ ใช่ครับ! คุณแหละ 


ผมมีคำถามอยากถามคุณว่า "คุณเป็นคนใจแคบ หรือคนใจกว้าง"

ผมพอรู้ครับว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมบ้าไปแล้วหรือเปล่ามาถามคุณว่าเป็นคนใจแบบไหน? 
แต่ช้าก่อน ที่ผมถามไปเมื่อสักครู่ เพื่อผมจะบอกคุณคุณว่า "ตลาด (Market)" ก็แอบมีทั้งใจแคบและใจกว้างเช่นเดียวกันเลย


เรื่องของใจแคบและใจกว้างของ "ตลาด" สามารถแนะนำให้ทุกคนเข้าใจความหมายของตลาดได้แสนง่าย ดังนี้เลยครับ

ตลาดแบบ(ใจ)แคบ คือ สถานที่ที่ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบเจอกัน เพื่อตกลงแลกเปลี่ยน หรือซื้อขายสินค้าหรือบริการระหว่างกันและกัน ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในสินค้าหรือบริการนั้นๆ ไปอีกฝ่ายหนึ่งครับ

และตลาดอีกแบบ คือ แบบ(ใจ)กว้าง ที่หมายถึง กลุ่มบุคคล หรือว่าองค์กรที่มีความจำเป็นและความต้องการ (Needs and Wants) ในผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั่น ที่มีความเต็มใจ มีความสามารถในการแลกเปลี่ยน และมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้รับความพอใจของตนเกิดขึ้นครับ

วันนี้มาเล่าเรื่องของตลาด (Market) ให้ชาว bloggang ได้เข้าใจกันแล้ว ส่วนคำว่าการตลาด (Marketing) ติดตามได้ที่นี่ที่เดิมครับ

ชอบหรือไม่ชอบกันอย่างไร ฝากคอมเม้นต์กันด้วยครับ ขอบคุณครับ และขอบคุณรูปประกอบจาก Google ด้วยครับ




 

Create Date : 29 กันยายน 2558   
Last Update : 18 มกราคม 2559 8:28:55 น.   
Counter : 910 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

สมาชิกหมายเลข 2684335
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ!!! ขอต้อนรับเข้าสู่ ร้านชำยำตลาด blog เกี่ยวกับการตลาดที่คุณหรือใครๆก็อ่านเข้าใจได้ไม่ยาก มีคำติคำชมอย่างไร ส่งมาบอกกันได้นะ เพราะทุกความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเราเสมอครับ
[Add สมาชิกหมายเลข 2684335's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com