ยามว่าง ไม่ว่าง ก็วาดรูป^^
Group Blog
 
All blogs
 

คุณประโยชน์ของผู้มีพรหมวิหาร 4 ข้อ

เหตุที่พรหมมี 4 หน้า เพราะ ท่านมี พรหมวิหาร 4 นี่ล่ะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา บุคคลใดมีพรหมวิหาร 4 แล้ว ได้ชื่อว่าเป็น พรหมในร่างมนุษย์

คุณประโยชน์ของผู้มีพรหมวิหาร 4 ข้อ คือ

1. สุขัง สุปฏิ นอนหลับเป็นสุขเหมือนนอนหลับในสมาบัติ หลับในฌาน

2. ตื่นขึ้นจิตมีความสุขไม่มีอารมณ์ขุ่นมัว มีจิตชื่นบาน

3. นอนฝัน ก็ฝันสิ่งที่ดี

4. เป็นที่รักของคนทั่วไป เทพ เทวดา พรหม ภูตผี ก็มาขอส่วนบุญ ภูติผีก็ไม่ทำอันตรายได้

5. จะไม่มีอันตรายจากไฟไหม้ จากอาวุธ ยาพิษ

6. จิตจะตั้งมั่นในอารมณ์ สมาธิเป็นปกติไม่เสื่อม และจะเจริญก้าวหน้าในสมาธิยิ่งขึ้น

7. มีใบหน้าสดใสชื่นบาน แก่ช้า

8. เมื่อจะตาย ไม่หลงสติฟั่นเฟือน ตายจะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

9. เทวดา พรหมจะคอยติดตามรักษา ให้ความปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ทำให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน

10. ถ้ามิได้บรรลุมรรคผลชาตินี้ ผลจากการมีอารมณ์ทรงพรหมวิหาร 4 จะส่งผลให้ไปเกิดในพรหมโลกมีความสุขมาก จากพรหมโลกได้รับคำสอนจากพระอรหันต์เบื้องบนก็สามารถบรรลุมรรคผลเข้าพระนิพพานได้ง่ายๆ

11. มีอารมณ์สดชื่น แจ่มใส เบิกบาน ปลอดโปร่ง มีศีลบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะเมตตา ทำให้มีปัญญาดีไม่ละเมิดศีล 5 มีฌานในพรหมวิหาร4 มีสมาธิตั้งมั่น จิตใจไม่วอกแวกวุ่นวาย จิตมีความสุข ...

ที่มาของบทความ คุณ Vickies หนึ่งใน สมาชิกเว็บบอร์ด Thaiware.com




 

Create Date : 02 เมษายน 2552    
Last Update : 2 เมษายน 2552 14:24:20 น.
Counter : 658 Pageviews.  

อกุศลกรรมบถ 10



ซึ่งทั้งกุศลกรรมบถ และอกุศลกรรมบถ แยกเป็น
กายกรรม 3
วจีกรรม 4
มโนกรรม 3

อกุศลกรรมบถ แปลตามตัวได้ว่าทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล คือ การกระทำอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ


กายกรรม 3

ผลในปวัตติกาลของปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์ รวมไปถึงการทำร้ายสัตว์ด้วยแม้ไม่ถึงตายก็ตาม)มี ๙ ประการ คือ

๑. ทุพพลภาพ
๒. รูปไม่งาม
๓. กำลังกายอ่อนแอ
๔. กำลังกายเฉื่อยชา
๕. เป็นคนขลาด
๖. ฆ่าตนเอง หรือถูกฆ่า
๗. โรคภัยเบียดเบียน
๘. ความพินาศของบริวาร กำลังปัญญาไม่ว่องไว
๙. อายุสั้น

ผลของอทินนาทาน (การลักทรัพย์) มี ๖ ประการ คือ

๑. ด้อยทรัพย์
๒. ยากจน
๓. อดอยาก
๔. ไม่ได้สิ่งที่ตนปรารถนา
๕. พินาศในการค้า
๖. ทรัพย์พินาศเพราะอัคคีภัย อุทกภัย ราชภัย โจรภัยเป็นต้น

ผลของกาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดทางกาม) มี ๑๑ ประการ คือ

๑. มีผู้เกลียดชังมาก
๒. มีผู้ปองร้ายมาก
๓. ขัดสนทรัพย์
๔. ยากจนอดอยาก
๕. เป็นหญิง (เป็นหญิงที่อับโชค)
๖. เป็นกระเทย
๗. เป็นชายในตระกูลต่ำ
๘. ได้รับความอับอายเป็นอาจิณ
๙. ร่างกายไม่สมประกอบ
๑๐. มากไปด้วยความวิตกห่วงใย
๑๑. พลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก

วจีกรรม 4

ผลของมุสาวาท(การพูดปด พูดเท็จ โกหก หลอกลวง) มี ๘ ประการ คือ

๑. พูดไม่ชัด
๒. ฟันไม่เป็นระเบียบ
๓. ปากเหม็นมาก
๔. ไอตัวร้อนจัด
๕. ตาไม่อยู่ในระดับปกติ
๖. กล่าววาจาด้วยปลายลิ้น และปลายปาก
๗. ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย
๘. จิตไม่เที่ยงคล้ายวิกลจริต

ผลของปิสุณวาจา (พูดส่อเสียด คือพูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน) มี ๔ ประการ คือ

๑. ตำหนิตนเอง
๒. มักจะถูกลือโดยไม่มีความจริง
๓. ถูกบัณฑิตตำหนิติเตียน
๔. แตกมิตรสหาย

ผลของผรุสวาจา(พูดคำหยาบ)มี ๔ ประการ คือ

๑. พินาศในทรัพย์
๒. ได้ยินเสียง เกิดไม่พอใจ
๓. มีกายและวาจาหยาบ
๔. ตายด้วยอาการงงงวย

ผลของสัมผัปปลาปะ (พูดเพ้อเจ้อ) เช่น การล้อเล่น ,พูดจาไม่มีประโยชน์, พูดเล่น ฯลฯ มี ๔ ประการ คือ

๑. เป็นอธัมมวาทบุคคล
๒. ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูดของตน
๓. ไม่มีอำนาจ
๔. จิตไม่เที่ยง คือ วิกลจริต

มโนกรรม 3

ผลของอภิชฌา (ละโมบ เพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน อย่างไม่ถูกทำนองคลองธรรม เป็นโลภะ (ความโลภ) ขั้นรุนแรง)มี ๔ ประการ คือ

๑. เสื่อมในทรัพย์และคุณงามความดี
๒. ปฏิสนธิในตระกูลต่ำ
๓. มักได้รับคำติเตียน
๔. ขัดสนในลาภสักการะ

ผลในปวัตติกาลของพยาบาท (คิดร้าย ปองร้าย มุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีความปรารถนาที่จะทำลายประโยชน์ และความสุขของผู้อื่นให้เสียหายไป เป็นโทสะ (ความโกรธ) ขั้นรุนแรง) มี ๔ ประการ คือ

๑. มีรูปทราม
๒. มีโรคภัยเบียดเบียน
๓. อายุสั้น
๔. ตายโดยถูกประทุษร้าย

ผลของมิจฉาทิฏฐิ (เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม ไม่เชื่อเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ฯลฯ เป็นโมหะ (ความหลง - ไม่รู้สิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง) ขั้นรุนแรง) มี ๔ ประการ คือ

๑. ห่างไกลรัศมีแห่งพระธรรม
๒. มีปัญญาทราม
๓. ปฏิสนธิในพวกคนป่าที่ไม่รู้อะไร
๔. เป็นผู้มีฐานะไม่เทียมคน





 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2550 17:52:40 น.
Counter : 1026 Pageviews.  

หลักการทำงาน 10 ประการ



1. อ่อนน้อมถ่อมตน

2. ประสานมิตรผูกไมตรี

3. มีสติมั่นคง ไม่หวั่นไหว

4. ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดี

5. ทำงานด้วยความรอบคอบ

6. กิจกรรมกลุ่มแนบแน่น

7. มุ่งมั่นประกาศธรรม

8. เป็นอยู่ต่ำ กระทำทำอย่างสูง

9. ทำงานโดยไม่หวัง ไม่เอาไม่เป็น

10. ยกประโยชน์ให้พระธรรม


แถมท้ายด้วย...

เมาเพศ หมดราคา

เมาสุรา หมดสำคัญ

เมาการพนัน หมดตัว

เมาเพื่อนชั่ว หมดดี







 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2550 17:47:49 น.
Counter : 384 Pageviews.  

ชาติก่อน-ชาตินี้ มีผลย่อมมีเหตุ




1.ชาติก่อนถ้า*ปาณา*ติดตัวมา...ชาตินี้โดนเขาฆ่า จะเป็นง่อย เป็นอัมพาต

2.ชาติก่อน*อทินนา*ติดตัวมา...ชาตินี้โดนเขาจี้ บ้านถูกไฟไหม้

3.ชาติก่อน*กาเม*ติดตัวมา...ชาตินี้ มีภรรยากี่คนมีชู้หมด มีสามีกี่คน โดนแย่งหมด

4.ชาติที่แล้ว*มุสา*ติดตัวมา...รับรองชาตินี้ จะโดนเขาโกง โดนหลอกโดนโกหก

5.ชาติก่อน*สุรา*ติดตัวมา...ชาตินี้จะเป็นบ้า วิกลจริต ปัญญาอ่อน

* เหตุใด มีข้าวน้ำอาหารบริบูรณ์ในชาตินี้...ผลจากชาติก่อนให้ข้าวน้ำให้ทานคนยากจน

* เหตุใด ชาตินี้ยากจน...ผลจากชาติก่อนใจดำไม่ให้ทาน

* เหตุใด มีบ้านเรือนใหญ่โต...ผลจากถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อนนั้น

* เหตุใด เกิดมาปราดเปรื่องเรืองปัญญา...ผลจากชาติก่อนภาวนา หมั่นสวดมนต์

* เหตุใด มีสามีภรรยาครองคู่กัน...ผลจากชาติก่อนถวายธงคู่ประดับพระ

* เหตุใด ชาตินี้อายุยืนไม่มีโรค...ผลจากชาติก่อนทำทานช่วยชีวิตสัตว์

* เหตุใด อายุสั้นในชาตินี้...ผลจากชาติก่อนคร่าชีวีเขาทั้งหลาย

* เหตุใด ชาตินี้ขาดสามี หรือต้องเป็นหม้าย...ผลจากชาติก่อนทำร้ายเหยียดสามี

* เหตุใด ชาตินี้ไม่มีภรรยา...ผลจากชาติก่อนลักลอบเป็นชู้ภรรยาเขา

* เหตุใดชาตินี้เป็นใบ้...ชาติก่อนด่าพ่อแม่ พูดหยาบคาย

* เหตุใด ชาตินี้หลังโก่งค่อมคด...ผลจากชาติก่อนยิ้มเยาะ นินทานักพรตคนไหว้พระ

* เหตุใด ยากจนไร้ญาติขาดมิตร...ผลจากชาติก่อนใจร้ายไม่ลดรา

* เหตุใด ชาตินี้ถูกวางยาฆ่าให้ตาย...ผลจากชาติก่อนวางลอบไซ กั้นคูคลอง ยาเบื่อปลา

* เหตุใด นัยตาบอดมืดมน...ผลจากชาติก่อนชอบดูสิ่งลามกเป็นนิตย์

* เหตุใดชาตินี้ต้องอดตาย...ผลจากชาติก่อน ด่าขอทานและ ขับไล่ไสส่ง

* เหตุใดชาตินี้ มืองอ ง่อยเปลี้ยเสียขา...ผลจากชาติก่อน ตีพ่อ ตีแม่ ทารุณท่าน

* เหตุใดชาตินี้ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน...ผลจากชาติก่อน เจตนาหลอกลวงคน

* เหตุใด ชาตินี้โรคมากลำบากกาย...ผลจากชาติก่อนเห็นใครวอดวายนึกยินดี

* เหตุใดชาตินี้ติดคุก...ผลจากชาติก่อนเห็นใครมีภัย ไม่คิดช่วย

*เหตุใดชาตินี้ต้องโดนไฟไหม้ตัว หรือฟ้าผ่า...ผลจากชาติก่อนยุแยงสงฆ์ให้แตกแยก หรือใส่ร้ายพระ

* เหตุใดชาตินี้ต้องแขวนคอตาย เพื่อใช้กรรม...ผลจากชาติก่อนมักกระทำให้ผู้อื่นเสียหายเพื่อตนได้ดี

* เหตุใดเลี้ยงลูกไม่โตแถมขี้โรค...ผลจากชาติก่อนจิตพยาบาท อาฆาตแค้นใครไว้

* เหตุใดชาตินี้ถูกคนลอบวางยา...ผลจากชาติก่อนชอบสร้างข่าวลือทำลายคนอื่น

* เหตุใดชาตินี้ปากแหว่ง เพดานโหว่...ผลจากชาติก่อน ชอบนินทาคนทั้งหลาย

* เหตุใดชาตินี้ หูหนวกไม่ได้ยิน...ผลจากชาติก่อนปิดใจไม่รับฟังธรรมะ

* เหตุใดชาตินี้มีวาสนาดี มีปัญญาดี อายุยืน...ผลจากชาติก่อนเคารพนักปราชญ์ บัณฑิต

* เหตุใดชาตินี้มีแต่คนชอบ...ผลจากชาติก่อนช่วยบอกในสิ่งที่คนอื่นไม่ทราบ และเขาถาม

* เหตุใดชาตินี้มียศฐา...ผลจากชาติก่อนชอบปิดทองพระ พุทธรูป และถวายเงินปิดทองจำลองพระ

* เหตุใดชาตินี้มีรถขับ...ผลจากชาติก่อนซ่อมทาง ซ่อมสะพาน ทางสัญจร

* เหตุใดชาตินี้มีเสื้อผ้าดีๆใส่...ผลจากชาติก่อนถวายจีวร แด่พระสงฆ์

* เหตุใดมีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า...ผลจากชาติก่อนช่วยเหลือคนไร้ญาติ

* เหตุใดชาตินี้ครอบครัวแตกแยก...ผลจากชาติก่อน พรากชีวิต พรากครอบครัว ของสัตว์ทั้งหลาย

* เหตุใดชาตินี้ลูกหลานมากมาย ใกล้ชิด...ผลจากชาติก่อนช่วยชีวิต ปล่อยนกกาให้ได้รับอิสระแท้จริง

* เหตุใดชาตินี้ไม่มีลูก...ผลจากชาติก่อนผูกเกลียด ลูกหลานคนอื่นเขา

* เหตุใดมีบุญวาสนาประกอบกิจการใดๆ ก็ดี...ผลจากชาติก่อนสร้างวัด ศาลาพักร้อน

* เหตุใดเกิดมาสง่างาม รูปร่างหน้าตาดี...ผลจากชาติก่อน บูชาดอกไม้สด ถวายพระ

* เหตุใดชาตินี้ถูกสัตว์ทำร้ายเอา...ผลจากชาติก่อนชอบสร้างศัตรู

* เหตุใดชาตินี้ต้องเป็นคนรับใช้เขา...ผลจากชาติก่อน เนรคุณไม่จริงใจ

* เหตุใดชาตินี้มีดวงตาที่สดใส...ผลจากชาติก่อนจุดโคมไฟถวายพระ

* เหตุใดชาตินี้จึงเป็นโค กระบือ ม้า ให้เขาขี่เขาฆ่า...ผลจากชาติก่อนเป็นหนี้แล้วไม่จ่ายคืน

* เหตุใดชาตินี้จึงแข็งแรงไม่เป็นโรค...ผลจากชาติก่อน บริจาคยา บริจาคอวัยวะ ช่วยคน

* เหตุใดชาตินี้จึงกลิ่นตัวแรงน่ารังเกียจ...ผลจากชาติก่อน อิจฉาริษยา ไม่ชอบเห็นใครดีเกินหน้า

* เหตุใดชาตินี้มีสามีภรรยาที่ดี...ผลจากชาติก่อนทำบุญอนุโมทนาร่วมกัน




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 21 มีนาคม 2552 16:30:05 น.
Counter : 399 Pageviews.  

ผู้ที่ถึงพระนิพพานแล้ว

อ่านกระทู้ในบอร์ดของเว็บลานธรรมจักร มีหัวข้อกระทู้ที่ว่า นิพพานคือการดำเนินจิตในทุก ๆ วันแบบไหน มีโพสกระทู้ของคุณผ่านมาพบ เห็นว่าน่าเก็บไว้อ่านค่ะ

กดดูกระทู้ที่นี่ค่ะ^^





********

ผู้ที่ถึงพระนิพพานแล้ว(แบบแท้ๆ) มี 4 ระดับ คือ

1.พระโสดาบัน

จิตยอมรับเต็มหัวใจ(100%)ว่า “ กายนี้ต้องตาย “
ยังมีความรักทางเพศ ความอยากรวย ความโกรธ(แต่หายโกรธง่าย)
แต่ก็กระทำอยู่ในขอบเขตของศีล ไม่ล่วงละเมิดศีลเด็ดขาด
รักษาศีล (อย่างน้อยศีล 5) ตลอดเวลา
ยอมตายดีกว่าศีลขาด
รักพระรัตนตรัยยิ่งกว่าชีวิต
ปรารถนาว่า ตายแล้ว ขอไปพระนิพพานอย่างเดียว
(แต่ก็ยังมีความพอใจในการเกิดอยู่)

2.พระสกิทาคามี

มีลักษณะเหมือนพระโสดาบัน
แต่ดีกว่าพระโสดาบัน คือ แทบไม่มีความรักทางเพศ แทบไม่มีความโกรธ (ยังไม่100%)
เพราะ บางขณะอาจฟุ้งคิดขึ้นมาบ้างว่า “ความรักนี่ก็ดีนะ”
แต่พอคิดเช่นนี้ปั๊บ ไม่เกิน 2 นาที ก็จะสลัดความคิดนี้ทิ้งไปจากใจได้ทันที

3.พระอนาคามี

มีลักษณะเหมือนพระสกิทาคามี
แต่ดีกว่าพระสกิทาคามี คือ ไม่มีความรักทางเพศ ไม่มีความโกรธ (100%)
แต่ก็ยังมีความฟุ้งซ่านไปบ้าง (ไม่ใช่ในเรื่องอกุศล)
เป็นความฟุ้งซ่านที่แสดงถึงว่า ยังมีความพอใจในการเกิดอยู่
เช่น บางครั้งอาจฟุ้งซ่านคิดไปว่า
“เราปฏิบัติมาได้ถึงระดับนี้ก็พอแล้ว พักไว้ก่อนดีกว่า
ถ้าตายตอนนี้ ก็ไปเกิดเป็นพระพรหม แล้วค่อยปฏิบัติต่อที่ข้างบนพรหมโลกก็ได้”

4.พระอรหันต์

มีลักษณะเหมือนพระอนาคามี
แต่ดีกว่าพระอนาคามี คือ
จิตยอมรับเต็มหัวใจอย่างละเอียดถึงที่สุด(100%)ว่า
“ กายนี้ต้องตาย โลกนี้ต้องสลายพังไป , กายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้เป็นทุกข์ ,
กายนี้ไม่มีในเรา เราไม่มีในกายนี้ และ การเกิดเป็นทุกข์ “
ไม่ปรารถนาการเกิดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกใดๆทั้งสิ้น
ไม่มีความพอใจในการเกิดอีกต่อไป
จิตจึงปราศจากกิเลสทั้งปวง
จิตปรารถนาอย่างเดียว คือ ตายแล้วไปพระนิพพาน เท่านั้น

หมายเหตุ :

พระโสดาบัน เป็นฆราวาสได้ สามารถแต่งงานมีลูก มีผัว มีเมียได้
พระสกิทาคามี พระอนาคามี เป็นฆราวาสได้ แต่จะเฉยๆกับคู่ครองของตน
พระอรหันต์ ต้องออกบวชเท่านั้น (เป็นฆราวาสไม่ได้)

********

ที่ตอบมาทั้งหมดข้างต้นนี้ ไม่ใช่ผมรู้เอง

แต่เคยฟังเทปคำสอนเรื่อง”หมวดพระอริยะเจ้า”
ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จึงนำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ ครับ

ด้วยเหตุผล คือ
หลวงพ่อฤาษี ได้สอนให้พวกเรารู้ว่า การถึงนิพพานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก


โดย หมั่นทรงอารมณ์สำคัญ 3 ข้อต่อไปนี้ ไว้ในใจตลอดเวลา คือ

1.ยอมรับว่า กายนี้ต้องตาย กายนี้เป็นทุกข์

2.ไม่ปรารถนาการเกิดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกใดๆทั้งสิ้น (เพราะเป็นโลกที่ยังมีทุกข์)

3.ปรารถนาอย่างเดียว คือ ตายแล้วไปพระนิพพาน เท่านั้น


เพราะ การพิจารณาธรรม

เพื่อเป็น พระโสดาบัน ท่านก็ตัดที่กาย (คือ พิจารณาว่า กายต้องตาย กายเป็นทุกข์)

เพื่อเป็น พระสกิทาคามี ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดยิ่งขึ้น

เพื่อเป็น พระอนาคามี ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก

เพื่อเป็น พระอรหันต์ ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดถึงที่สุด ครับ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2549    
Last Update : 21 มีนาคม 2552 16:34:36 น.
Counter : 305 Pageviews.  

1  2  3  

killerqueen
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้า up blog แสดงว่าว่างมาก แต่ถ้าไม่ว่างแต่ยัง up แสดงว่า อู้งานเท่านั้นค่ะ
ยินดีต้อนรับทุกคนจ้า ^O^♥ cursor
Friends' blogs
[Add killerqueen's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.