ยามว่าง ไม่ว่าง ก็วาดรูป^^
Group Blog
 
All blogs
 
ผู้ที่ถึงพระนิพพานแล้ว

อ่านกระทู้ในบอร์ดของเว็บลานธรรมจักร มีหัวข้อกระทู้ที่ว่า นิพพานคือการดำเนินจิตในทุก ๆ วันแบบไหน มีโพสกระทู้ของคุณผ่านมาพบ เห็นว่าน่าเก็บไว้อ่านค่ะ

กดดูกระทู้ที่นี่ค่ะ^^





********

ผู้ที่ถึงพระนิพพานแล้ว(แบบแท้ๆ) มี 4 ระดับ คือ

1.พระโสดาบัน

จิตยอมรับเต็มหัวใจ(100%)ว่า “ กายนี้ต้องตาย “
ยังมีความรักทางเพศ ความอยากรวย ความโกรธ(แต่หายโกรธง่าย)
แต่ก็กระทำอยู่ในขอบเขตของศีล ไม่ล่วงละเมิดศีลเด็ดขาด
รักษาศีล (อย่างน้อยศีล 5) ตลอดเวลา
ยอมตายดีกว่าศีลขาด
รักพระรัตนตรัยยิ่งกว่าชีวิต
ปรารถนาว่า ตายแล้ว ขอไปพระนิพพานอย่างเดียว
(แต่ก็ยังมีความพอใจในการเกิดอยู่)

2.พระสกิทาคามี

มีลักษณะเหมือนพระโสดาบัน
แต่ดีกว่าพระโสดาบัน คือ แทบไม่มีความรักทางเพศ แทบไม่มีความโกรธ (ยังไม่100%)
เพราะ บางขณะอาจฟุ้งคิดขึ้นมาบ้างว่า “ความรักนี่ก็ดีนะ”
แต่พอคิดเช่นนี้ปั๊บ ไม่เกิน 2 นาที ก็จะสลัดความคิดนี้ทิ้งไปจากใจได้ทันที

3.พระอนาคามี

มีลักษณะเหมือนพระสกิทาคามี
แต่ดีกว่าพระสกิทาคามี คือ ไม่มีความรักทางเพศ ไม่มีความโกรธ (100%)
แต่ก็ยังมีความฟุ้งซ่านไปบ้าง (ไม่ใช่ในเรื่องอกุศล)
เป็นความฟุ้งซ่านที่แสดงถึงว่า ยังมีความพอใจในการเกิดอยู่
เช่น บางครั้งอาจฟุ้งซ่านคิดไปว่า
“เราปฏิบัติมาได้ถึงระดับนี้ก็พอแล้ว พักไว้ก่อนดีกว่า
ถ้าตายตอนนี้ ก็ไปเกิดเป็นพระพรหม แล้วค่อยปฏิบัติต่อที่ข้างบนพรหมโลกก็ได้”

4.พระอรหันต์

มีลักษณะเหมือนพระอนาคามี
แต่ดีกว่าพระอนาคามี คือ
จิตยอมรับเต็มหัวใจอย่างละเอียดถึงที่สุด(100%)ว่า
“ กายนี้ต้องตาย โลกนี้ต้องสลายพังไป , กายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้เป็นทุกข์ ,
กายนี้ไม่มีในเรา เราไม่มีในกายนี้ และ การเกิดเป็นทุกข์ “
ไม่ปรารถนาการเกิดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกใดๆทั้งสิ้น
ไม่มีความพอใจในการเกิดอีกต่อไป
จิตจึงปราศจากกิเลสทั้งปวง
จิตปรารถนาอย่างเดียว คือ ตายแล้วไปพระนิพพาน เท่านั้น

หมายเหตุ :

พระโสดาบัน เป็นฆราวาสได้ สามารถแต่งงานมีลูก มีผัว มีเมียได้
พระสกิทาคามี พระอนาคามี เป็นฆราวาสได้ แต่จะเฉยๆกับคู่ครองของตน
พระอรหันต์ ต้องออกบวชเท่านั้น (เป็นฆราวาสไม่ได้)

********

ที่ตอบมาทั้งหมดข้างต้นนี้ ไม่ใช่ผมรู้เอง

แต่เคยฟังเทปคำสอนเรื่อง”หมวดพระอริยะเจ้า”
ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จึงนำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ ครับ

ด้วยเหตุผล คือ
หลวงพ่อฤาษี ได้สอนให้พวกเรารู้ว่า การถึงนิพพานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก


โดย หมั่นทรงอารมณ์สำคัญ 3 ข้อต่อไปนี้ ไว้ในใจตลอดเวลา คือ

1.ยอมรับว่า กายนี้ต้องตาย กายนี้เป็นทุกข์

2.ไม่ปรารถนาการเกิดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกใดๆทั้งสิ้น (เพราะเป็นโลกที่ยังมีทุกข์)

3.ปรารถนาอย่างเดียว คือ ตายแล้วไปพระนิพพาน เท่านั้น


เพราะ การพิจารณาธรรม

เพื่อเป็น พระโสดาบัน ท่านก็ตัดที่กาย (คือ พิจารณาว่า กายต้องตาย กายเป็นทุกข์)

เพื่อเป็น พระสกิทาคามี ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดยิ่งขึ้น

เพื่อเป็น พระอนาคามี ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก

เพื่อเป็น พระอรหันต์ ท่านก็ตัดที่กาย ซ้ำอีก แต่ตัดได้ละเอียดถึงที่สุด ครับ



Create Date : 24 ตุลาคม 2549
Last Update : 21 มีนาคม 2552 16:34:36 น. 2 comments
Counter : 271 Pageviews.

 
สาธุครับ ขอบคุณที่นำส่งดี ๆ มาให้อ่านนะครับ


โดย: Bluejade วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:08:37 น.  

 
ผู้ที่ปฏิบัติจริงสิ มันเหนื่อยยากมาก ลำบากใจมาก มันอยากจะกินก็ไม่ให้มันกิน ทำให้มันค่อยๆตายไป บางครั้งก็ ถึงน้ำตาร่วง ก็เคยเป็นหลายๆครั้ง


โดย: ผู้มีตัวรู้ IP: 203.150.150.175 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:05:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

killerqueen
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้า up blog แสดงว่าว่างมาก แต่ถ้าไม่ว่างแต่ยัง up แสดงว่า อู้งานเท่านั้นค่ะ
ยินดีต้อนรับทุกคนจ้า ^O^♥ cursor
Friends' blogs
[Add killerqueen's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.