ยามว่าง ไม่ว่าง ก็วาดรูป^^
Group Blog
 
All blogs
 

บทเรียนที่ได้จากริมทางเท้า

ปกติคนเราน่าจะมีทางเดินที่ต้องเดินผ่านทุกวัน หรือเดินผ่านจนรู้สึกเฉย ๆ กับทางเส้นนั้น ๆ ไปแล้ว

เราก็มีทางที่ว่าเหมือนกันค่ะ เป็นทางเท้าที่เราเลือกที่จะเดินผ่านไปยังป้ายรถเมล์ที่ต้องขึ้นประจำ แม้จะมีทางที่เดินไปป้ายอื่นที่สั้นกว่า แต่ทางเส้นนี้จะผ่านต้นไม้ และดอกไม้ที่เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นดอกอะไร แต่ยามเช้าได้มองมันพร้อมกับมองท้องฟ้า ก็ทำให้เราสดชื่นขึ้นได้เหมือนกันนี่นา

และทางเส้นนี้ก็จะมีคน ๆ นึงซึ่งเราจะเจอประจำเกือบทุกครั้ง แต่เค้าไม่เหมือนคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป...

เค้าเป็นคนสติไม่ปกติค่ะ

เราก็ไม่รู้ว่า เค้าไม่ปกติมากน้อยแค่ไหนนะ แต่เค้าก็เดินเส้นทางเดียวกับที่เราเดิน และก็มีสิ่งที่ทำอยู่ประจำด้วยนั่นคือ เดินถือถุงพลาสติกใส่ของกิน คาดว่าคงมีคนให้มา เพราะทุกห่อยังไม่ได้แกะเลย หลังจากนั้นเค้าก็จะมานั่งใต้ต้นไม้ริมถนนใกล้ ๆ กับป้ายที่เราต้องมารอ บางครั้งเค้าก็แกะถุงแล้วกิน บางครั้งเค้าก็นั่งลงแล้วเหม่อมองนิ่งไปข้างหน้าอยู่นาน

แต่ช่วงสัปดาห์ก่อน เราเพิ่งสังเกตว่า เสื้อผ้าสีปอน ๆ ที่เค้าใส่อยู่มันขาดกระรุ่งกระริ่งแล้ว และเราก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เราเห็นเค้ามา 4 ปีแล้ว และเค้าก็ใส่ชุด ๆ นี้มาตลอด 4 ปี ผ้าบริเวณไหล่ข้างนึงเก่าเปื่อยจนจะขาดออกจากกัน แต่กางเกงที่เค้าใส่อยู่ ผ้าด้านหน้ากับด้านหลังแยกออกมาจนมองเผิน ๆ เหมือนเค้าใส่กระโปรงยาวผ่าหน้าผ่าหลัง

เราค้นตู้เสื้อผ้าเรา หวังว่าจะมีเสื้อ กางเกงเอวยางยืด ที่เค้าพอจะใส่ได้มั่งมั้ย แต่ก็ไม่มี เพราะเราตัวเตี้ยกว่าเค้าแยะ เสื้อที่มีก็เล็กด้วย มองไปที่ผ้าเช็ดเท้าที่ re-used จากเสื้อเก่าของพ่อ สภาพยังดีกว่าที่ชายคนนั้นใส่หลายเท่าเลย

วันรุ่งขึ้น เราเห็นเค้าเดินอยู่ข้างหน้าห่างจากเราไปไม่กี่เมตร ถุง ๆ นึงในหลาย ๆ ถุงที่เค้าถืออยู่มีเสื้อ กับกางเกงผู้ชายด้วย คงมีคนใจดีให้เค้ามาแน่ ๆ

แต่จนแล้วจนรอด วันรุ่งขึ้น เค้าก็ยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอยู่ดี เค้านั่งใต้ต้นไม้พร้อมทั้งจับผ้าตรงไหล่ที่ใกล้จะขาดออกจากไหล่อยู่แล้วให้อยู่ในสภาพดี จนมาวันนี้ เราเดินตามเส้นทางเดิม มองไปที่ต้นไม้ต้นนั้น เห็นเค้านอนคุดคู้อยู่พร้อมชุดเก่าของเค้า เราขึ้นรถเมล์สายที่เราขึ้นประจำ เลือกนั่งเก้าอี้ตำแหน่งเดิม ๆ ที่ชอบนั่งแล้วมองไปที่ท้องฟ้าที่วันนี้มีเมฆฝนครึ้ม ๆ ตั้งเค้ามาแต่ไกล

เราคิดถึงเรื่อง ๆ นึงขึ้นมา เมื่อปีก่อน ตอนที่เรานั่งรอที่ป้ายนี้ ชายสติไม่ปกติคนนี้กำลังหยิบขนมที่ได้มากินอยู่ ป้าคนนึงที่นั่งข้าง ๆ เรามองเค้า แล้วหันมาพูดกับเราว่า "คนบ้านี่กินได้ด้วยเนอะ" ไวเท่าความคิด เราบอกป้าคนนั้นทันทีว่า "ก็เค้าเป็นคนนี่คะ"

เราก็ไม่รู้ว่า คนอื่นมองเค้ายังไงนะ เพราะยังไงเค้าก็เคยเป็นคน ๆ หนึ่งที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปแหล่ะ เพียงแต่ด้วยเหตุการณ์อะไรซักอย่างที่ทำให้เค้ากลับกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคมไปจนได้ แต่เราคิดว่า นี่อาจจะดีกับเค้าก็ได้ การที่คนเราทุกข์มากมายก็เกิดจากการคิดมากมายด้วยเหมือนกัน และตอนนี้เค้ามีความคิดที่เราคงไปคิดแทนเค้าไม่ได้ด้วยเช่นกันค่ะ เหมือนเรื่องเสื้อผ้า ในตอนแรกที่เราเห็นเค้ามีเสื้อผ้าชุดใหม่ เราคิดเป็นอย่างแรกว่า เค้าคงจะเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ชุดนี้แน่นอน แต่แล้วก็ไม่ใช่... ดูเหมือนเค้าไม่ได้สนใจเลยว่า เสื้อผ้าที่เค้าใส่อยู่ มันจะเก่าขาดขนาดไหนก็ไม่สำคัญงั้นแหล่ะ

ท้องฟ้าที่เรามองดูตอนนั่งรถเมล์ผ่าน ยังไงก็ท้องฟ้าเดิม แม้วันนี้จะมีเมฆ และมีทีท่าว่า ฝนจะตก ตึกที่ดูเหมือนจะพยายามสร้างให้สูง ๆ ตัดกับท้องฟ้า พอมองแล้วนึกย้อนกลับมาว่า คนเรานี่ตัวเล็กนิดเดียวเอง เมื่อเทียบกับสิ่งที่เรากำลังมองอยู่ไกล ๆ ตา

คนที่เปลี่ยนไปเป็นคนไม่ปกติ ก็คงเหมือนท้องฟ้า ยังไงก็ยังคงเป็นท้องฟ้าอยู่ดี เพียงแต่ว่า เค้าคงไม่อาจกลับไปเป็นท้องฟ้าสีสวย ๆ ที่คนทั่วไปชอบได้อีกแล้วเท่านั้น

แต่เรื่องนี้ทำให้เราคิดว่า บางทีคนที่เราคาดไม่ถึงว่าจะสอนอะไรเราได้ กลับช่วยย้ำความคิดที่บางทีเราก็ลืมไปในบางขณะได้เหมือนกัน...

นั่นคือ...ความสุขเกิดได้เพราะเรายินดีกับสิ่งที่เรามี ไม่วุ่นวายกับความคิดมากมาย เราไม่ต้องเป็นเหมือนชายคนนั้นหรอกนะคะ แค่มีความสุขกับทุกขณะที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ก็เพียงพอ นั่นเป็นความสุขที่หาได้ง่ายที่สุดในชีวิตเล็ก ๆ ของคนเรานั่นเองค่ะ




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มีนาคม 2552 14:57:39 น.
Counter : 266 Pageviews.  

เรื่องดี ๆ สำหรับตัวเองค่ะ

ก่อนอื่น...ไหน ๆ ก็มากันละ พักดื่มชาซักถ้วยก่อนนะคะ



เอาน่า ขอให้มีมุมที่ไม่วาดรูปในบล๊อกมั่งละกัน

นี่จึงเป็นที่มาของส่วนนี้ที่จะบันทึกอย่างอื่นมั่ง ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะหาว่า ชีวิตนี้มีแต่งาน ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้ทำแต่งานจริง ๆ ค่ะ ยังไงงานที่ทำก็เป็นหน้าที่ที่เราควรทำอยู่แล้วด้วย

การบันทึกนี้เป็นบันทึกเท่าที่สมองจะคิดได้นะคะ ไม่ได้บันทึกอะไรให้มันอ่านแล้วดูปรุงแต่งให้มันมากนักค่ะ คิดไรได้ก็เลยพิมพ์ไปเรื่อย ๆ จะได้เก็บไว้อ่าน และรู้เท่าทันตัวเองว่า วันนี้เราคิดได้เท่านี้ และอนาคตกลับมาอ่านจะได้รู้ว่า เมื่อวันนั้นเราคิดได้แค่ไหนค่ะ

ตอนนี้มีความคิดเยอะแยะเกี่ยวกะการทำดีที่ตอนนี้มีหลาย ๆ คนที่อยากทำความดีเพื่อในหลวงของเรา กระแสการทำดีกำลังมาค่ะ จริง ๆ น่าดีใจที่ทุกคนจะใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มากกว่าเดิมนะคะ

ซึ่งเรื่องนี้เรา กับเพื่อน ๆ ก็ตั้งใจทำมาพักใหญ่แล้ว (สำหรับเราที่มาจริงจังกับเรื่องนี้ก็คงครบปีพอดี) ขั้นแรกเราเลือกพยายามประคองสติให้อยู่กับตัว ไม่ให้จิตฟุ้งไปมาในอากาศ ซึ่งตอนแรกยากมาก แต่พยายามทำทันทีที่รู้สึกตัว จนตอนนี้ก็มีหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ใจเย็นขึ้นแยะ การกระทำที่กระทำต่อคนรอบข้างก็เลยเปลี่ยนไปมาก การทำงานก็ทำได้ดีขึ้น ความคิดอันตีบตันก็คิดได้ดีขึ้น เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพุทธศาสนา แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่เป็นหลักเป็นเกณฑ์เหมือนเช่นเคยค่ะ เคยคิดว่า จะต้องรู้ ต้องอ่านข้อมูลมากมาย แต่มันกลายเป็นว่า รู้เยอะแล้วยังไง รู้เยอะเพื่อไปอวดอ้างกับใครหรือ บางทีรู้เยอะแล้วฟุ้งซ่านค่ะ เพราะจะเผลอเช็คเรื่องต่าง ๆ กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายเลยเลือกการปฏิบัติดีกว่า ลด ละ เลิกสิ่งที่ไม่ดีที่ทำจนเป็นแก่นแท้ของนิสัย (ชาวบ้านเรียกสันดานนั่นเอง) พอไม่ต้องเกร็งมากว่า ชั้นจะทำถูกต้องครบถ้วนมั้ย ตัวเราเองก็เลยเกิดความสบายในการทำสิ่งต่าง ๆ ไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น ในส่วนนี้เราลองใช้แนวความคิดของเซนมาใช้ค่ะ (วันหลังมาบันทึกเรื่องนี้มั่งดีก่า)

ตอนนี้เลยเหมือนกับว่า มีบ้านที่มีสวนเล็ก ๆ อยู่ แต่กลับไม่เคยมองเห็นทางเดินในสวนหลังบ้านที่มุ่งไปสู่ความสงบอันแท้ ทุกวันกลับมองตามถนนใหญ่ที่ผ่านหน้าบ้านที่มุ่งไปสู่ที่ไหนต่อไหนบ้าง ตัวเราเองก็ยังไม่รู้ เพราะปลายถนนอยู่ไกลเกินสายตาเรา และเราก็กลับคิดว่า นี่แหล่ะ ปลายทางของถนนเส้นนี้จะมีความสุขที่เราต้องการ พอได้มานั่งมองความจริงรอบข้างอย่างมีสติมากกว่าเดิม ทางเดินในสวนที่ว่า กลับชัดเจนขึ้น ลองเดินไปสุดทางยังไงก็หยุดอยู่ในบ้านของเรา นี่จึงเหมือนคำตอบที่ว่า ความสุขที่แท้อยู่ใกล้ตัวเรามากจนเราไม่ทันสังเกตุมันนี่เอง ก่อนหน้านี้เที่ยวไปวิ่งไขว่คว้าหามันอยู่นาน แต่พอเริ่มเข้าใจแล้ว ก็เข้าใจมากขึ้นไปอีกว่า ความสุขที่เราค้นหามันใกล้กว่านั้นอีก เพราะมันอยู่ในตัวเรา นั่นคือ ความสงบค่ะ

นี่เป็นความคิดที่ปัญญาเราจะคิดได้ จริง ๆ มันแว่บขึ้นมาน่ะค่ะ (บันทึกไว้ก่อนกันลืมด้วย) แต่คงไม่ไปเที่ยวคิดอะไรให้มันมากมายอีก ตอนนี้ทำสิ่งที่เราควรทำ ต่อยอดขึ้นไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ถ้างานเสร็จอีกชิ้นคงได้มาบันทึกความคืบหน้าใหม่ค่ะ






 

Create Date : 16 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มีนาคม 2552 14:37:59 น.
Counter : 227 Pageviews.  

1  2  3  

killerqueen
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้า up blog แสดงว่าว่างมาก แต่ถ้าไม่ว่างแต่ยัง up แสดงว่า อู้งานเท่านั้นค่ะ
ยินดีต้อนรับทุกคนจ้า ^O^♥ cursor
Friends' blogs
[Add killerqueen's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.