เหตุและผลของเวลา เปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไป..แล้วนับประสาอะไร...กับใจคน
 
ตอนที่ 3 : พาหนะแม่มด


อ๊ากกกกก....นี่มัน ไอ้หัวฟักทองหน้าหล่อนิสัยห่วย ตายแล้ว ตาย ตาย ตาย ไม่รู้ต้องตายกี่รอบ ถึงจะหายซวย โฮๆๆๆ นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ ทำไมวันนี้ถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ.....กลับบ้านไปต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ครั้งยิ่งใหญ่ซะแล้ว...คืนนี้อาจต้องใช้แสงจันทราอาบร่างล้างซวย

“ถึงกับอ้าปากค้างเลยเหรอ ยัยเตี้ย.....วันนี้เธอไม่รอดแน่...ทำอะไรไว้ จำได้ไหมละ” ไอ้หัวฟักทองพูดจาข่มขู่ฉัน 2 แขนที่แข็งแรงของเขายังคงกอดกระชับร่างของฉันเอาไว้อย่างมั่นคง ทำให้ 2 แขนของฉันที่ยกขึ้นมาขัดขืนดันร่างของเขาออกดูจะไร้ผล

“พูดเรื่องอะไรเนี๊ยะ....พี่ชาย” ฉันพยายามเฉไฉ ทำทีไม่รู้เรื่อง เพื่อให้เขาคิดว่าจำคนผิด

“อย่ามาตีหน้าซื่อ เหมือนเต่ากินผักบุ้งหน่อยเลย ฉันจำเธอได้ ตายไปกี่ชาติก็ไม่มีทางลืม”...โห...นี่มันแค้นฝังใจขนาดนี้เชียว....ว่าแต่ทำไมต้องว่าฉันหน้ามึนเหมือนเต่าด้วยฟระ..ไอ้เปรตฟักทอง

“แกสิเป็นเต่า วันนั้นกินผักบุ้งอิ่มไหมละ” ฉันว่า และถลึงตามองเอาเรื่อง

“เห็นไหมละ...ฉันไม่ได้จำคนผิด…ยัยแม่มดเตี้ย!”ไอ้หัวฟักทองตอกกลับมา ทำฉันสะอึก และแล้วฉันก็ต้องจนมุมเหรอเนี๊ยะ

เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องเอาเรื่องไม่ละเหมือนกัน ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะคลาย 2 แขนที่โอบรัดฉันไว้ จึงตัดสินใจ โอบลำคอเขาโน้มตัวเขาลงมา ทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการเหวอ ด้วยไม่คาดฝัน.....แต่แกคงเหวอได้ไม่นานหรอก ไอ้หัวฟักทอง

-งั๊ก-

สวมวิญญาณไมด์ไทสัน ฝังเขี้ยวลงกับหูของมัน

“โอ๊ย!!!” ได้ผล ไอ้หัวฟักทองคลายอ้อมแขน ยกมือข้างหนึ่งปิดหู ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
สบจังหวะเหมาะ ฉันใช้ 2 แขนผลักร่างของไอ้หัวฟักทองออกสุดแรง ทำให้ร่างของเขาถูกผลักลงไปนอนเอกเขนกกินใบไม้อยู่ในพุ่มไม้

ฉันรีบลุกพรวดขึ้นเพื่อจะวิ่งหนี แต่ก่อนที่จะได้ออกวิ่ง มือของไอ้ฟักทองก็ฉวยคว้าข้อเท้าของฉันไว้ได้ ทำให้ฉันพลาดล้มลงไปนอนกินหญ้า..........แง........

“จะไปไหน ยัยแม่มดเตี้ย” ไอ้ฟักทองตวาดลั่น....โฮ...รับไม่ได้ คำว่าแม่มดนี่ชอบมาก แต่คำว่าเตี้ย แกช่วยกลืนลงคอไปได้ไหม ไอ้เปรต!!!

“โอ๊ย!!!” ไอ้ฟักทองร้องเจ็บอีกรอบ เมื่อฉันสวมวิญญาณ แก้วหน้าม้า ดีดขาออก ทำให้มันรีบชักมือหลบ
เมื่อถูกปลดปล่อยจากการจับกุม ฉันจึงรีบลุกขึ้นออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้ตึกไหนเป็นตึกไหน ฉันเองก็ไม่ค่อยชำนาญสถานที่เท่าไหร่ รู้เพียงแต่ต้องวิ่ง และวิ่งไปเรื่อยๆ

มาหยุดหอบหายใจอยู่ที่ตึกสูงตึกหนึ่ง ด้านหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ บอกชื่อคณะ ว่า มนุษยศาสตร์ บางทีตึกนี้อาจจะเป็นที่เรียนของพี่พีช เพราะพี่พีชอยู่คณะมนุษย์ศาสตร์ แต่ลานจอดรถละ....มันอยู่ที่ไหนเนี๊ยะ....นี่ฉันกำลังหลงทางเหรอ

“พี่พีช อยู่ไหนอะ” ฉันกดโทรศัพท์โทรหาพี่พีช ในขณะที่ปากขยับ สายตาก็ลอกแลกมองดูไอ้หัวฟักทองด้วย เผื่อมันวิ่งมาทางนี้ฉันจะได้หนีทัน

“เดินห้าง อีกเดี๋ยวจะเข้าโรงหนัง” นังพี่พีชตอบกลับมา ฉันได้ยินเสียงผู้ชายเร่งพี่พีชให้รีบๆคุยด้วย...หมายความว่าไงเนี๊ยะ...แกไปดูหนังกับผู้ชาย แล้วน้องรักแกละ...เย็นนี้จะกลับเข้าบ้านยังไง

“แล้วไหนกุญแจ!!!”

“แกมาช้าเองนะ ร่ายคาถาสะเดาะกลอนเข้าไปเองก็แล้วกัน วันนี้ฉันกลับดึกด้วย แค่นี้นะ” กล่าวโทษฉันจบประโยค ก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ.......โฮ.......ใช่สิ ฉันมันไม่ใช้น้องรักนิ.....แล้วชะตาชีวิตของแม่มดน้อยน่ารักละ จะเป็นยังไงต่อไป บ้านก็เข้าไม่ได้.....ตอนนี้จะกลับเข้าไปในโรงเรียนได้ยังไงดี....ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ โฮๆๆๆๆ

“หลงทางเหรอ สาวน้อย” มีเสียงเสียงหนึ่งดังทักฉันขึ้นมาจากด้านหลัง

หันกลับไปมองยังต้นเสียงที่ทักฉัน พบผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ผมสีดำสนิท รับกับดวงตาคม และใบหน้ารียาวได้รูป สวมเชิ้ตแขนยาวสีขาวแต่พับแขนขึ้นมาถึงศอก สวมยีนต์....โว้ว...มหาลัยนี้มีแต่คนหล่อๆเหรอไงนะ บางทีฉันต้องตั้งใจเรียนให้มากๆแล้วละ จะได้ยื่นเกรดเข้าเรียนต่อที่นี่ได้....โฮ๊ะๆๆ

“พี่คะ....รั้วด้านข้างมหาลัยที่กั้นระหว่างโรงเรียนอยู่ที่ไหน” ใครเป็นใครฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ฉันต้องกลับโรงเรียนแล้ว...และพี่ชายหน้าตาดีคนนี้อาจช่วยฉันได้

“หนีเรียนมาเหรอไง” เขาถามฉัน ด้วยน้ำเสียงขบขัน ดวงตาคมเข้มนั้นมองฉันด้วยความเอ็นดู...บางทีเขาอาจจะเป็นคนใจดี ไม่เหมือนไอ้ฝักทองนั่น หล่อแต่นิสัยแย่

“เปล่านะคะ แค่มาหาพี่สาว แต่ไม่เจอ และก็จะกลับแล้ว พี่บอกทางหน่อยสิ”

“อ่อ...ก็...”

“จับนังเด็กนั่นไว้!!!!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตวาดลั่นมาแต่ไกล พร้อมร่างสูงของเจ้าของเสียงที่วิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งมาหาฉัน....ไอ้หัวฟักทอง......

“อ๊ายยยยย พี่ช่วยด้วย!!!”ฉันรีบกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของพี่ชายหน้าตาดีคนนี้ ก่อนที่จะถูกไอ้หัวฟักทองคว้าแขนได้

“มานี่นะ!!!” ไอ้หัวฟักทองขึ้นเสียงดังลั่น และยืนประจันหน้ากับพี่ชายหน้าตาดี ถลึงตามองฉันที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ของพี่ชายคนนี้

“นี่มันเรื่องอะไรกัน นิกซ์” พี่ชายเอ่ยถามไอ้หัวฟักทอง....ที่แท้ไอ้หัวฝักทองก็ชื่อ นิกซ์ นี่เอง

“นังแม่มดเตี้ย....ออกมานี่นะ” ไอ้หัวฟักทองยังคงตะคอกฉัน โดยไม่ฟังที่พี่ชายเอ่ยถาม

“ฉันไม่เตี้ยนะ ไอ้คนหยาบคาย” ฉันยังคงยืนเถียงอยู่ด้านหลังของพี่ชาย โดยที่ไอ้หัวฟักทองยังคงพยายามจะคว้าแขนฉัน แต่ฉันก็เอียงตัวหลบและใช้พี่ชายเป็นโล่บังอยู่ตลอด

“นิกซ์!!!” คราวนี้พี่ชายปัดมือไอ้หัวฟักทองออก และตวาดลั่น ทำให้ไอ้หัวฟักทองหยุดชะงัก

“พี่คริส ไม่เกี่ยว ส่งยัยเด็กนั่นมา” พี่ชายคนนี้ชื่อคริส.....อ๊ายยยย ชื่อก็เท่นะเนี๊ยะ.....แต่อย่าส่งหนูออกไปให้ไอ้ซาตานมันบูชายัญนะ

“ไม่ได้หรอก บอกมาก่อน ว่านี่มันเรื่องอะไร”

“พี่คริส ช่วยด้วย พี่คนนี้มันเป็นหมาบ้า” ฉันกระตุกชายเสื้อด้านหลังของพี่คริส และร้องขอความเห็นใจ

“อะไรนะ!!! นี่เธอกล้าว่าฉันเป็นหมาเหรอ ยัยเตี้ย” ไอ้หมาบ้าเริ่มเดือดดาลขึ้น และชี้หน้าด่าฉันอย่างเหลืออด

“เธอสิหมาบ้า เมื่อกี้ยังกัดฉันเลย”

คราวนี้พี่คริส เริ่มหันมามองฉัน และส่งสายตาถามฉัน ในขณะที่ไอ้ฟักทองยังคนพร่ำพรรณนาความผิดของฉันออกมาไม่ขาดสาย

“ใช่แล้ว เป็นหมา ที่กัดคนไม่พอ ยังเป็นบ้า เอาผักฟาดคนอื่นเขาด้วย...เอามะเขือเทศขว้างหัวฉันด้วย เมื่อกี้ก็ถีบมือฉันใช่ไหม นังแม่มด!” โหย...ไอ้ขี้ฟ้อง

“จริงเหรอ” พี่คริสถามฉัน อย่างทึ่งๆ

“ไม่จริงคะ” ฉันตอบกลับด้วยความรวดเร็ว และกระพริบตาปริบๆ ตีหน้าซื่อ จนไอ้ฟักทองที่ยืนมองอยู่เบิกตาโต แทบจะอ้าปากค้าง

“โกหก ยัยคนตอแหล”

“แกแหละ ที่สตอบอแหล”

“นี่ยังกล้าพูด กล้าว่าคนอื่นอีกเหรอ ยัยเตี้ย!” ไอ้ฟักทองว่ากลับมา...หน๊อย...แล้วที่แกอ้าปากพ่นคำออกมา มันไม่ได้ว่าฉันสักคำเลยงั้นสิ

“พอแล้ว นิกซ์ แกไม่ควรว่าผู้หญิง” พี่คริสตำหนิไอ้หัวฟักทอง

“เฮ๊อะ! พี่ไม่เกี่ยว ถอยไป” ไอ้หัวฟักทองว่า และผลักพี่คริสออก ก่อนจะคว้าแขนฉันไว้

“โอ๊ย เจ็บนะ ไอ้หัวฟักทองเน่า” ฉันร้องเจ็บเมื่อถูกฉวยข้อมือไว้ และถูกเขาบีบที่ข้อมืออย่างแรง

“ว่าอะไรนะ ยัยแม่มดเตี้ย!!!”

“นิกซ์ แกเป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ แกไม่เคยทำร้ายผู้หญิงนะ” พี่คริสร้องห้าม แต่ไอ้หัวฟักทองกลับเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ ข้อมือฉัน....โฮๆๆๆ....มันจะหักคาอุ้งมือควายของแกอยู่แล้วนะ

“ยัยนี่แหละ คนแรก แสบดีนัก” ไอ้หัวฟักทองว่า และเริ่มลากฉันเดินผ่านม้าหินอ่อนที่มีคนนั่งเป็นกลุ่ม

“ปล่อยนะ ช่วยด้วยๆ แงๆ ช่วยด้วยค่า” ฉันร้องโวยวาย ท่ามกลางผู้คนมากมายที่นั่งอยู่บริเวณม้านั่งในสนามหญ้า ในขณะที่ทุกคนต่างหันมอง แต่ไอ้หัวฟักทองกลับทำไม่สนใจและลากฉันเดินออกมาเรื่อยๆ

“นิกซ์หยุดเถอะ คนเขามองใหญ่แล้ว” พี่คริสที่เดินตามมาติดๆ ร้องห้าม และ คว้าไหล่ไอ้หัวฟักทองเพื่อหยุดการเดินของมัน “ปล่อยน้องเขาซะ”

“ใช่ ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะสาปแช่งแก”

“เฮ๊อะ! นังแม่มดกำมะลอ แน่จริงหายตัวไปสิ” ไอ้หัวฟักทอง มองฉันอย่างดูถูก ประกายสีน้ำตาลอ่อนกำลังพราวไปด้วยความสมเพช......หน๊อยยย....แก....

“ฉันขอสาปแช่งแก ขอให้แกโชคร้าย ให้พบเจอภัยทางน้ำ ไอ้หัวฟักทองเหม็นเน่า!” ฉันว่าและคว้าแก้วน้ำแดง จากโต๊ะของกลุ่มพี่ๆนักศึกษาที่นั่งอยู่ใกล้จุดที่ฉันยืน

“เธอว่าอะไรนะ!” ไอ้หัวฝักทองตวาดฉันลั่น

“โอม....ซา ฮา รา นา อิล ลิ น่า เก ตา…..”

จบมนต์บทที่ว่าด้วยการสาปแช่งให้โชคร้ายพร้อมด้วยแก้วน้ำแดงจากในมือของฉัน ที่คว่ำอยู่บนหัวไอ้ฟักทอง...ผมเหลืองฟักทองของแกย้อมสีแดงอีกรอบแล้ว ไอ้เปรต สมน้ำหน้านัก อยากมีเรื่องกับแม่มดน้อยน่ารัก

“อ...ไอ้นิกซ์”

“ธ...เธอ.....เธอ.....”

“สมน้ำหน้า ไอ้หัวฟักทองแดง!” ฉันตะโกนสมน้ำหน้า และเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ในขณะที่ไอ้หัวฟักทองยืนอึ้ง อ้าปากค้าง...ก่อนที่แก้วน้ำแดงบนหัวจะร่วงตกลงมา พร้อมสติที่กลับคืน

“นังแม่มด!!!!!”

เสียงตวาดลั่นดังตามฉันมา เหมือนเงาตามตัว แต่มันก็สายเกินกว่าที่ไอ้หัวฝักทองจะวิ่งกวดฉันทันแล้ว เพราะฉันเองก็วิ่งมาได้ไกลจนกระทั่งมองเห็นรั้วด้านข้างของมหาลัยนี้ที่เชื่อมต่อกับโรงเรียนของฉัน....ลาก่อนไอ้หัวฟักทองแดง

“เธอหายไปไหนมา ยัยพริก คาบเมื่อกี้ก็ไม่ยอมเข้าเรียน” ยัยแนทเฉ่งฉันทันทีที่ฉันโผล่หน้าเข้าห้องเรียน

“ไปผจญภัยมา” ฉันว่า เมื่อนึกถึง ซานตานหมาบ้าที่วิ่งไล่กวดแยกเขี้ยวจะงับหัวฉันท่าเดียว

“สนุกไหมละ” ยัยแนทประชดกลับมา ในขณะที่ฉันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และค้นหนังสือออกจากระเป๋าขึ้นมา เตรียมเรียนวิชาต่อไปด้วยความตั้งใจ.....แหม...พอนึกถึงพี่คริส ที่เพิ่งเจอเมื่อกี้แล้ว อยากจะตั้งใจเรียนให้มากๆซะจริงเลย

“น่ากลัวมาก ฉันเกือบไม่รอดแนะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ พริก” โอปอลที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหลังของฉัน กล่าวทักขึ้นมา และจับหางผมฉันที่มัดรวบไว้แกว่งเล่นไปมา.....อ๊ายยย...เขินนะ

“ผมเธอยุ่งหมดเลย ชักอยากรู้แล้วซะแล้วสิ ว่าเธอไปผจญภัยที่แดนไหนมา” เขาว่าก่อนจะเอื้อมมือมา คว้าเศษหญ้าที่ติดผมฉันออก

“มีหญ้าติดหัว แสดงว่า แอบไปหลับที่สนามหญ้าแถวๆหลังโรงเรียนมาละสิ” ยัยแนทพูดว่าฉัน ในขณะที่โอปอลเริ่มหัวเราะ เหมือนเห็นด้วย

“เปล่านะ ไม่ได้หลับ”

“แกจะบอกว่า แกกินหญ้าเป็นอาหารเหรอ พริก” นังแนทททททท........

ทันทีที่เสียงออดดังบอกเวลาเลิกเรียน อาจารย์ก็ปล่อยนักเรียนให้ออกจากห้องเรียน เหมือนปล่อยนกกระจอกเทศให้แตกฮือออกจากคอก เหล่าลิงทะโมนทั้งหลาย พากันวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องเรียน....บ้างก็ตรงไปเล่นเกมส์ บ้างก็ตรงไปเที่ยวห้าง และที่อื่นๆอีกหลายที่ ซึ่งได้วางแผนจะไปกันตั้งแต่ชั่วโมงเรียนแล้ว

“โอปอลกลับเลยเหรอ” ฉันกล่าวทักเมื่อเห็นโอปอลง่วนกับการเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้

“อ๋อ...ยังหรอก ไปซ้อมเทนนิสก่อน” เขาตอบกลับมา พร้อมรอยยิ้มที่ระบายไปทั่วหน้าหล่อๆของเขา อ๊ายยย...สุดหล่อของฉาน...

“พริกไม่เรียนกวดวิชาเหมือน แนทเหรอ” โอปอลถามฉัน ในขณะที่เห็น ยัยแนทเพื่อนซี้ของฉัน หิ้วกระเป๋าลุกขึ้นเตรียมตัวไปเรียนกวดวิชาต่อ

“ไม่เอา...เห็นยัยแนทไปเรียน ก็โง่เหมือนเดิม” เวลาสอบฉันก็เห็นมันจดโพยอยู่ดี....ไม่รู้ทุกวันนี้ไปเรียนหรือไปไถ่นา

“หึหึ นังพริกขี้หนู แกสิโง่ ทั้งโง่ทั้งเพี้ยน ฉันไปเรียนกวดวิชาดีกว่า ส่วนแกก็กลับโรงบาลได้แล้ว” ยัยแนทหันมาแหวใส่ ก่อนจ้ำเท้าเดินออกไป....ใครพริกขี้หนู...แม่บอกว่า ฉันเป็นพริกหวานนะยะ

“โรงบาลอะไรของแก..ฉันจะกลับบ้านต่างหาก” ฉันตะโกนถามไล่หลังยัยแนทที่เดินตัวปลิวออกไป

“โรงบาลประสาทนั่นแหละ บ้านแกหล่ะ” นังแนทมันทิ้งท้ายเอาไว้ พร้อมร่างที่หายลับไปกับตา...

“งั้นฉันกลับก่อนนะ” ฉันหันไปบอกโอปอล เขายิ้มให้ฉัน และพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงว่ารับรู้ อ๊ายยย...หล่อมาก สักวันหนึ่งเราคงต้องเป็นแฟนกัน ว่าไหมจ๊ะ

ฉันเดินออกจากห้องเรียนมา เพื่อจะได้เดินตรงไปที่หน้าโรงเรียนและยืนรอรถเมล์ บางทีฉันควรจะไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัทที่พ่อกับแม่ของฉันทำงานอยู่ เพื่อขอกุญแจบ้าน เพราะนังปีศาจพีช มันไม่ยอมเอากุญแจบ้านให้ฉัน พ่อกับแม่ก็กลับดึกด้วย ขืนฉันกลับบ้านไปตอนนี้คงต้องนั่งเป็นเจ้าตูบเฝ้างับขาคนอยู่หน้าบ้านเป็นแน่

“พริก” เสียงของโอปอลดังไล่หลังฉันมา เขากำลังวิ่งตามฉันออกมาจากห้องเรียน

“มีอะไรเหรอ” ฉันถามเขา ในขณะที่เขาเดินมาหยุดยืนข้างๆ....พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันอยู่แล้วนะจ๊ะที่รัก...ไม่ต้องถึงกับเดินตามขนาดนี้ก็ได้...เขินแย่เลย

“ฉันจะเดินไปสนามหน้าโรงเรียนพอดี” เขาว่า และยิ้ม ก่อนจะเดินนำฉันไป....กรี๊ดดด...หมายความว่า เขาจะเดินไปหน้าโรงเรียนพร้อมฉันใช่ไหมเนี๊ยะ

“เธอจะเรียนต่อมหาลัยที่ไหนเหรอ” โอปอลชวนฉันคุยในขณะที่เราเดินไปหน้าโรงเรียนพร้อมกัน

“อ๋อ...ก็อยากเข้ามหาลัยในเครือ แต่ไม่รู้จะเข้าได้รึเปล่า ฉันเรียนไม่ค่อยเก่ง แฮะๆ แต่ฉันเก่งอย่างอื่นนะ”

“เก่งเวทมนต์หน่ะเหรอ” เขาถามฉัน ดวงตาสีน้ำตาลกำลังประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงแดดในยามเย็น

“นี่ฉันมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขา กำลังทำให้โลกนี้สดชื่นขึ้น รอยยิ้มนั้นสว่างสดใส เหมือนพลอยสีรุ้ง ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเขา

“เธอเก่งเรื่องไพ่ด้วยไม่ใช่เหรอ ปีก่อน ม.4 เธอยังดูดวงให้เพื่อนทั้งห้องเลย” เขารื้อฟื้นมันขึ้นมา....ใช่แล้ว และฉันก็เปิดไพ่ ได้นายเป็นเนื้อคู่ไง กรี๊ด......

“อู๊ยยย...สาวยิปซีหน่ะ พื้นๆ เดี๋ยวนี้นะ ฉันเป็นแม่มดน้อยแล้ว” ฉันแอบกระซิบบอกเขา...ทว่าเขากลับหัวเราะเสียงดังลั่น ชอบใจใหญ่ ทั้งๆที่ฉันพยายามพูดให้เบา ด้วยกลัวคนอื่นจะรู้ความลับ เดี๋ยวจะแห่มาเรียนศาสตร์ด้านแม่มดเหมือนฉัน

“ฮ่าๆๆๆ....งั้นเธอก็ไม่ต้องห่วงจะสอบเข้าเรียนมหาลัยในเครือไม่ได้หรอก เพราะเธอมีเวทมนต์นี่”

“โว้ว...ใช่เลย” ฉันดีดนิ้วเปราะ เมื่อเห็นด้วยกับสิ่งที่โอปอลพูด.....หล่อแล้วยังฉลาดอีกนะเนี๊ยะ

“ฮ่าๆ....เออ.....จริงสิ แล้ว.....แล้ว....” เขาหัวเราะ ก่อนจะเงียบเสียงลง รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้า เปลี่ยนเป็นท่าทีอ้ำอึ้ง และเงยหน้ากรอกตาไปมา เหมือนคนกำลังขวยเขิน ติดขัดอะไรสักอย่าง.....อ๊ากกก...เขากำลังจะสารภาพรักฉันแน่นอน

“ตกลงเลย!”

“เดี๋ยวพริก! ตกลงอะไร” เขาขัดขึ้น และมุ่นคิ้วทำหน้างุนงง ในขณะที่ฉันเองก็เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก.....ก็นายจะสารภาพรักฉันไม่ใช่เหรอ

“ก...ก็...ก็จะพูดอะไร...จะพูดว่าอะไรเหรอ”

“คือฉันอยากรู้ว่า พี่สาวเธอ...พี่พีชหน่ะ เรียนคณะมนุษยศาตร์ใช่ไหม....คือจริงๆแล้ว ฉันอยากเรียนญี่ปุ่นเหมือนพี่เธอ.....อยากเรียนคณะเดียวกับพี่พีชหน่ะ”

โอ้ววววววววว....โน..........ม่ายยยยยย เจงงงงงงงงง.....โฮๆๆๆๆๆๆๆๆ รับไม่ได้ ที่แท้โอปอลชอบพี่พีช โฮๆๆ ทำม๊าย ทำมาย เป็นแบบนี้ละ ไม่จริงใช่ไหม.....

“นายชอบพี่พีชเหรอ {T_T}”

“ห...หา....คะ...คือ” เขาดูตะกุกตัก ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทางฝืดเคือง เมื่อถูกฉันคาดคั้น

“นายจะอกหักนะ”

“ทะ...ทำไมละ”

ก็เพราะนายเป็นเนื้อคู่ฉันนะสิ....หึ! ฉันเคยเปิดไพ่ทำนายแล้ว นายเป็นเนื้อคู่ฉัน ไม่ใช่เนื้อคู่นังปีศาจซะหน่อย...พี่พีชหน่ะ ฉันเคยเปิดไพ่แล้ว ไม่มีเนื้อคู่ เพราะเป็นปีศาจ ปีศาจร้ายน่ารังเกียจชอบรังแกน้องสาว สุดท้ายต้อง แก่หงำเหงือกอยู่บนคาน เพราะอยู่ร่วมโลกกับใครไม่ได้....แน่นอนว่า พอฉันเปิดไพ่ให้นังพี่พีช...มันก็รับความจริงไม่ได้ คว้าน้องยุกยิกตุ๊กตาหมาน้อยขว้างหน้าฉัน ก่อนจะเดินปิดประตูโครมออกนอกห้องไป.....เห็นไหมละ นิสัยน่ารังเกียจมากแค่ไหน..ดีแล้วที่พระเจ้าไม่สร้างคู่ให้นังปีศาจ

ฉันสะบัดหน้าเดินหนีโอปอลและเดินออกนอกโรงเรียนมา โดยทิ้งโอปอลให้ยืนงงเอ๋อรับประทานอยู่เพียงลำพัง....

หยุดยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์และกดโทรศัพท์หาพี่พีช แต่นังปีศาจก็ดันไม่รับสาย สงสัยจะเริ่มซ้อมละครเวทีแล้ว...ก่อนจะกดโทรศัพท์หาแม่ เพื่อบอกว่า จะไปหา แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อรถสปอตสีแดงโฉบแล่นมาจอดริมฟุตบาธด้านหน้าของฉัน ก่อนที่กระจกจะถูกเลื่อนลง

“ไง ยัยแม่มด” ไอ้หัวฟักทอง ร้องทักฉัน “จะกลับบ้านเหรอ”

“ถามทำมะ”

“ก็อยากรู้ว่าจะมีเงินจ่ายค่ารถกลับเหรอ” ไอ้หัวฟักทองดูถูกฉัน ก่อนจะหัวเราะหึหึและปรายตามองสมเพชฉัน....หน๊อยยยย...ใช่สิ แกมันรวยขับสปอตสุดหรู พอเห็นฉันจะขึ้นรถเมล์ ก็เลยมองว่าเป็นขอทานงั้นเซะ

“แล้วมายุ่งอะไรด้วยห๋า!” ฉันแหวใส่ด้วยความหงุดหงิด แต่ไอ้หัวฝักทองกลับแสยะยิ้มเยาะฉัน และชูสิ่งหนึ่งขึ้นมาอวด.....กระเป๋าเงินฉัน......

“หา!!!! นั่น.....” ละล่ำละลักล้วงควักกระเป๋ากระโปรงตัวเอง. เมื่อไม่พบสิ่งที่ตามหา ก็เหวี่ยงเป้ที่สะพายไว้ด้านหลังลงมาเปิดค้น....โฮ....นั่นกระเป๋าเงินฉันจริงๆด้วย

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เธอทำตกไว้ตั้งแต่เหาะลงมาจากรั้วแล้ว...ยัยเตี้ยเบ๊อะเซ๊อะ!” ห๋า!!!! เบ๊อะเซ๊อะ งั้นเหรอ นังปีศาจพีชก็ว่าฉันคนหนึ่งแล้ว ไอ้ฟักทองนี่ก็ว่าฉันอีกคนงั้นเหรอ ทำไมเด็กมหาลัยนี้ถึงได้หยาบคายขนาดเน้.....

“เอาคืนมานะ!!!! ไอ้ขี้ขโมย”

“นั้นขอคืนเหรอ ห๋า!”

“เอาคืนมาสิ” ฉันยังคงแบมือยื่นเข้าไปในรถของไอ้หัวฟักทองเพื่อร้องขอกระเป๋าเงินคืน

“พูดขอดีๆ เป็นมะ” ไอ้หัวฟักทองยักคิ้ว และเหยียดยิ้ม แสดงท่าทางเป็นต่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เอาคืนมานะ!”

“บอกให้พูด อย่าเห่า!” ไอ้หัวฟักทอง...แก....แก...แกหลอกด่าฉันเป็นหมา

“ขอ...ขอ กระเป๋าเงินคืนนะ” ฉันเริ่มพูดดีๆ และเอ่ยขอร้อง แม้จะต้องกล้ำกลืนฝืนใจ แต่เงินในกระเป๋านั้น...ทั้งเดือนเชียวนะ {T_T}

“หึหึ!” ไอ้หัวฟักทองหัวเราะเหมือนจะพอใจ และเก็บกระเป๋าสตางค์ของฉันไว้ที่ช่องด้านข้างของประตูรถตรงที่เขานั่งขับอยู่

“กะ...กะ...แก...แกทำอะไรหน่ะ เอาคืนมานะ!!!”

“นั่น!” ไอ้หัวฟักทองชี้มือไปที่ ลุงคนกวาดถนนที่ทำงานอยู่

“อะไรละ..ไม่รู้จักเหรอไง”

“เขาถืออะไรกวาดถนน” ไอ้หัวฟักทองตีหน้าเซ่อถามฉัน...นี่มันโง่หรือไง รวยจนไม่รู้จักแม้กระทั่งไม้กวาดงั้นเหรอ...บ้านแกใช้แต่เครื่องดูดฝุ่นงั้นสิ

“ไม้กวาดไง โง่จริง...อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เอากระเป๋าตังคืนมา”

“อ๋อ ไม้กวาด......”

“เออเซะ เอากระเป๋าตังฉันคืนมาซะทีสิ ฉันจะกลับบ้าน”

“ไม่ให้” ไอ้หัวฟักทองตอบกลับมาหน้าตาเฉย ทำฉันสติแตก...

“อะไรนะ!!!” ไม่ให้แล้วฉันจะกลับบ้านได้ยังไง ....แล้วเดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะเอาอะไรกิน

“นั่นไง” ไอ้หัวฟักทองย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ชี้นิ้วไปที่ไม้กวาด ที่ลุงคนเดิมถือไว้และกวาดไปตามถนน “พาหนะ พาเธอกลับบ้าน ยัยแม่มด!”

จบคำ พร้อมมือที่บิดกุญแจรถและมืออีกข้างที่เปลี่ยนเกียร์....ในขณะที่ฉันยืนตะลึงอ้าปากค้าง.....ตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะของไอ้หัวฟักทอง



Create Date : 09 พฤษภาคม 2549
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 10:45:59 น. 0 comments
Counter : 269 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ปลาเอ๋อ
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เหตุและผลของเวลา เปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไป..แล้วนับประสาอะไร...กับใจคน...
[Add ปลาเอ๋อ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com