เหตุและผลของเวลา เปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไป..แล้วนับประสาอะไร...กับใจคน
 

ตอนที่ 3 : พาหนะแม่มด


อ๊ากกกกก....นี่มัน ไอ้หัวฟักทองหน้าหล่อนิสัยห่วย ตายแล้ว ตาย ตาย ตาย ไม่รู้ต้องตายกี่รอบ ถึงจะหายซวย โฮๆๆๆ นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ ทำไมวันนี้ถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ.....กลับบ้านไปต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ครั้งยิ่งใหญ่ซะแล้ว...คืนนี้อาจต้องใช้แสงจันทราอาบร่างล้างซวย

“ถึงกับอ้าปากค้างเลยเหรอ ยัยเตี้ย.....วันนี้เธอไม่รอดแน่...ทำอะไรไว้ จำได้ไหมละ” ไอ้หัวฟักทองพูดจาข่มขู่ฉัน 2 แขนที่แข็งแรงของเขายังคงกอดกระชับร่างของฉันเอาไว้อย่างมั่นคง ทำให้ 2 แขนของฉันที่ยกขึ้นมาขัดขืนดันร่างของเขาออกดูจะไร้ผล

“พูดเรื่องอะไรเนี๊ยะ....พี่ชาย” ฉันพยายามเฉไฉ ทำทีไม่รู้เรื่อง เพื่อให้เขาคิดว่าจำคนผิด

“อย่ามาตีหน้าซื่อ เหมือนเต่ากินผักบุ้งหน่อยเลย ฉันจำเธอได้ ตายไปกี่ชาติก็ไม่มีทางลืม”...โห...นี่มันแค้นฝังใจขนาดนี้เชียว....ว่าแต่ทำไมต้องว่าฉันหน้ามึนเหมือนเต่าด้วยฟระ..ไอ้เปรตฟักทอง

“แกสิเป็นเต่า วันนั้นกินผักบุ้งอิ่มไหมละ” ฉันว่า และถลึงตามองเอาเรื่อง

“เห็นไหมละ...ฉันไม่ได้จำคนผิด…ยัยแม่มดเตี้ย!”ไอ้หัวฟักทองตอกกลับมา ทำฉันสะอึก และแล้วฉันก็ต้องจนมุมเหรอเนี๊ยะ

เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องเอาเรื่องไม่ละเหมือนกัน ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะคลาย 2 แขนที่โอบรัดฉันไว้ จึงตัดสินใจ โอบลำคอเขาโน้มตัวเขาลงมา ทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการเหวอ ด้วยไม่คาดฝัน.....แต่แกคงเหวอได้ไม่นานหรอก ไอ้หัวฟักทอง

-งั๊ก-

สวมวิญญาณไมด์ไทสัน ฝังเขี้ยวลงกับหูของมัน

“โอ๊ย!!!” ได้ผล ไอ้หัวฟักทองคลายอ้อมแขน ยกมือข้างหนึ่งปิดหู ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
สบจังหวะเหมาะ ฉันใช้ 2 แขนผลักร่างของไอ้หัวฟักทองออกสุดแรง ทำให้ร่างของเขาถูกผลักลงไปนอนเอกเขนกกินใบไม้อยู่ในพุ่มไม้

ฉันรีบลุกพรวดขึ้นเพื่อจะวิ่งหนี แต่ก่อนที่จะได้ออกวิ่ง มือของไอ้ฟักทองก็ฉวยคว้าข้อเท้าของฉันไว้ได้ ทำให้ฉันพลาดล้มลงไปนอนกินหญ้า..........แง........

“จะไปไหน ยัยแม่มดเตี้ย” ไอ้ฟักทองตวาดลั่น....โฮ...รับไม่ได้ คำว่าแม่มดนี่ชอบมาก แต่คำว่าเตี้ย แกช่วยกลืนลงคอไปได้ไหม ไอ้เปรต!!!

“โอ๊ย!!!” ไอ้ฟักทองร้องเจ็บอีกรอบ เมื่อฉันสวมวิญญาณ แก้วหน้าม้า ดีดขาออก ทำให้มันรีบชักมือหลบ
เมื่อถูกปลดปล่อยจากการจับกุม ฉันจึงรีบลุกขึ้นออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้ตึกไหนเป็นตึกไหน ฉันเองก็ไม่ค่อยชำนาญสถานที่เท่าไหร่ รู้เพียงแต่ต้องวิ่ง และวิ่งไปเรื่อยๆ

มาหยุดหอบหายใจอยู่ที่ตึกสูงตึกหนึ่ง ด้านหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ บอกชื่อคณะ ว่า มนุษยศาสตร์ บางทีตึกนี้อาจจะเป็นที่เรียนของพี่พีช เพราะพี่พีชอยู่คณะมนุษย์ศาสตร์ แต่ลานจอดรถละ....มันอยู่ที่ไหนเนี๊ยะ....นี่ฉันกำลังหลงทางเหรอ

“พี่พีช อยู่ไหนอะ” ฉันกดโทรศัพท์โทรหาพี่พีช ในขณะที่ปากขยับ สายตาก็ลอกแลกมองดูไอ้หัวฟักทองด้วย เผื่อมันวิ่งมาทางนี้ฉันจะได้หนีทัน

“เดินห้าง อีกเดี๋ยวจะเข้าโรงหนัง” นังพี่พีชตอบกลับมา ฉันได้ยินเสียงผู้ชายเร่งพี่พีชให้รีบๆคุยด้วย...หมายความว่าไงเนี๊ยะ...แกไปดูหนังกับผู้ชาย แล้วน้องรักแกละ...เย็นนี้จะกลับเข้าบ้านยังไง

“แล้วไหนกุญแจ!!!”

“แกมาช้าเองนะ ร่ายคาถาสะเดาะกลอนเข้าไปเองก็แล้วกัน วันนี้ฉันกลับดึกด้วย แค่นี้นะ” กล่าวโทษฉันจบประโยค ก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ.......โฮ.......ใช่สิ ฉันมันไม่ใช้น้องรักนิ.....แล้วชะตาชีวิตของแม่มดน้อยน่ารักละ จะเป็นยังไงต่อไป บ้านก็เข้าไม่ได้.....ตอนนี้จะกลับเข้าไปในโรงเรียนได้ยังไงดี....ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ โฮๆๆๆๆ

“หลงทางเหรอ สาวน้อย” มีเสียงเสียงหนึ่งดังทักฉันขึ้นมาจากด้านหลัง

หันกลับไปมองยังต้นเสียงที่ทักฉัน พบผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ผมสีดำสนิท รับกับดวงตาคม และใบหน้ารียาวได้รูป สวมเชิ้ตแขนยาวสีขาวแต่พับแขนขึ้นมาถึงศอก สวมยีนต์....โว้ว...มหาลัยนี้มีแต่คนหล่อๆเหรอไงนะ บางทีฉันต้องตั้งใจเรียนให้มากๆแล้วละ จะได้ยื่นเกรดเข้าเรียนต่อที่นี่ได้....โฮ๊ะๆๆ

“พี่คะ....รั้วด้านข้างมหาลัยที่กั้นระหว่างโรงเรียนอยู่ที่ไหน” ใครเป็นใครฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ฉันต้องกลับโรงเรียนแล้ว...และพี่ชายหน้าตาดีคนนี้อาจช่วยฉันได้

“หนีเรียนมาเหรอไง” เขาถามฉัน ด้วยน้ำเสียงขบขัน ดวงตาคมเข้มนั้นมองฉันด้วยความเอ็นดู...บางทีเขาอาจจะเป็นคนใจดี ไม่เหมือนไอ้ฝักทองนั่น หล่อแต่นิสัยแย่

“เปล่านะคะ แค่มาหาพี่สาว แต่ไม่เจอ และก็จะกลับแล้ว พี่บอกทางหน่อยสิ”

“อ่อ...ก็...”

“จับนังเด็กนั่นไว้!!!!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตวาดลั่นมาแต่ไกล พร้อมร่างสูงของเจ้าของเสียงที่วิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งมาหาฉัน....ไอ้หัวฟักทอง......

“อ๊ายยยยย พี่ช่วยด้วย!!!”ฉันรีบกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของพี่ชายหน้าตาดีคนนี้ ก่อนที่จะถูกไอ้หัวฟักทองคว้าแขนได้

“มานี่นะ!!!” ไอ้หัวฟักทองขึ้นเสียงดังลั่น และยืนประจันหน้ากับพี่ชายหน้าตาดี ถลึงตามองฉันที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ของพี่ชายคนนี้

“นี่มันเรื่องอะไรกัน นิกซ์” พี่ชายเอ่ยถามไอ้หัวฟักทอง....ที่แท้ไอ้หัวฝักทองก็ชื่อ นิกซ์ นี่เอง

“นังแม่มดเตี้ย....ออกมานี่นะ” ไอ้หัวฟักทองยังคงตะคอกฉัน โดยไม่ฟังที่พี่ชายเอ่ยถาม

“ฉันไม่เตี้ยนะ ไอ้คนหยาบคาย” ฉันยังคงยืนเถียงอยู่ด้านหลังของพี่ชาย โดยที่ไอ้หัวฟักทองยังคงพยายามจะคว้าแขนฉัน แต่ฉันก็เอียงตัวหลบและใช้พี่ชายเป็นโล่บังอยู่ตลอด

“นิกซ์!!!” คราวนี้พี่ชายปัดมือไอ้หัวฟักทองออก และตวาดลั่น ทำให้ไอ้หัวฟักทองหยุดชะงัก

“พี่คริส ไม่เกี่ยว ส่งยัยเด็กนั่นมา” พี่ชายคนนี้ชื่อคริส.....อ๊ายยยย ชื่อก็เท่นะเนี๊ยะ.....แต่อย่าส่งหนูออกไปให้ไอ้ซาตานมันบูชายัญนะ

“ไม่ได้หรอก บอกมาก่อน ว่านี่มันเรื่องอะไร”

“พี่คริส ช่วยด้วย พี่คนนี้มันเป็นหมาบ้า” ฉันกระตุกชายเสื้อด้านหลังของพี่คริส และร้องขอความเห็นใจ

“อะไรนะ!!! นี่เธอกล้าว่าฉันเป็นหมาเหรอ ยัยเตี้ย” ไอ้หมาบ้าเริ่มเดือดดาลขึ้น และชี้หน้าด่าฉันอย่างเหลืออด

“เธอสิหมาบ้า เมื่อกี้ยังกัดฉันเลย”

คราวนี้พี่คริส เริ่มหันมามองฉัน และส่งสายตาถามฉัน ในขณะที่ไอ้ฟักทองยังคนพร่ำพรรณนาความผิดของฉันออกมาไม่ขาดสาย

“ใช่แล้ว เป็นหมา ที่กัดคนไม่พอ ยังเป็นบ้า เอาผักฟาดคนอื่นเขาด้วย...เอามะเขือเทศขว้างหัวฉันด้วย เมื่อกี้ก็ถีบมือฉันใช่ไหม นังแม่มด!” โหย...ไอ้ขี้ฟ้อง

“จริงเหรอ” พี่คริสถามฉัน อย่างทึ่งๆ

“ไม่จริงคะ” ฉันตอบกลับด้วยความรวดเร็ว และกระพริบตาปริบๆ ตีหน้าซื่อ จนไอ้ฟักทองที่ยืนมองอยู่เบิกตาโต แทบจะอ้าปากค้าง

“โกหก ยัยคนตอแหล”

“แกแหละ ที่สตอบอแหล”

“นี่ยังกล้าพูด กล้าว่าคนอื่นอีกเหรอ ยัยเตี้ย!” ไอ้ฟักทองว่ากลับมา...หน๊อย...แล้วที่แกอ้าปากพ่นคำออกมา มันไม่ได้ว่าฉันสักคำเลยงั้นสิ

“พอแล้ว นิกซ์ แกไม่ควรว่าผู้หญิง” พี่คริสตำหนิไอ้หัวฟักทอง

“เฮ๊อะ! พี่ไม่เกี่ยว ถอยไป” ไอ้หัวฟักทองว่า และผลักพี่คริสออก ก่อนจะคว้าแขนฉันไว้

“โอ๊ย เจ็บนะ ไอ้หัวฟักทองเน่า” ฉันร้องเจ็บเมื่อถูกฉวยข้อมือไว้ และถูกเขาบีบที่ข้อมืออย่างแรง

“ว่าอะไรนะ ยัยแม่มดเตี้ย!!!”

“นิกซ์ แกเป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ แกไม่เคยทำร้ายผู้หญิงนะ” พี่คริสร้องห้าม แต่ไอ้หัวฟักทองกลับเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ ข้อมือฉัน....โฮๆๆๆ....มันจะหักคาอุ้งมือควายของแกอยู่แล้วนะ

“ยัยนี่แหละ คนแรก แสบดีนัก” ไอ้หัวฟักทองว่า และเริ่มลากฉันเดินผ่านม้าหินอ่อนที่มีคนนั่งเป็นกลุ่ม

“ปล่อยนะ ช่วยด้วยๆ แงๆ ช่วยด้วยค่า” ฉันร้องโวยวาย ท่ามกลางผู้คนมากมายที่นั่งอยู่บริเวณม้านั่งในสนามหญ้า ในขณะที่ทุกคนต่างหันมอง แต่ไอ้หัวฟักทองกลับทำไม่สนใจและลากฉันเดินออกมาเรื่อยๆ

“นิกซ์หยุดเถอะ คนเขามองใหญ่แล้ว” พี่คริสที่เดินตามมาติดๆ ร้องห้าม และ คว้าไหล่ไอ้หัวฟักทองเพื่อหยุดการเดินของมัน “ปล่อยน้องเขาซะ”

“ใช่ ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะสาปแช่งแก”

“เฮ๊อะ! นังแม่มดกำมะลอ แน่จริงหายตัวไปสิ” ไอ้หัวฟักทอง มองฉันอย่างดูถูก ประกายสีน้ำตาลอ่อนกำลังพราวไปด้วยความสมเพช......หน๊อยยย....แก....

“ฉันขอสาปแช่งแก ขอให้แกโชคร้าย ให้พบเจอภัยทางน้ำ ไอ้หัวฟักทองเหม็นเน่า!” ฉันว่าและคว้าแก้วน้ำแดง จากโต๊ะของกลุ่มพี่ๆนักศึกษาที่นั่งอยู่ใกล้จุดที่ฉันยืน

“เธอว่าอะไรนะ!” ไอ้หัวฝักทองตวาดฉันลั่น

“โอม....ซา ฮา รา นา อิล ลิ น่า เก ตา…..”

จบมนต์บทที่ว่าด้วยการสาปแช่งให้โชคร้ายพร้อมด้วยแก้วน้ำแดงจากในมือของฉัน ที่คว่ำอยู่บนหัวไอ้ฟักทอง...ผมเหลืองฟักทองของแกย้อมสีแดงอีกรอบแล้ว ไอ้เปรต สมน้ำหน้านัก อยากมีเรื่องกับแม่มดน้อยน่ารัก

“อ...ไอ้นิกซ์”

“ธ...เธอ.....เธอ.....”

“สมน้ำหน้า ไอ้หัวฟักทองแดง!” ฉันตะโกนสมน้ำหน้า และเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ในขณะที่ไอ้หัวฟักทองยืนอึ้ง อ้าปากค้าง...ก่อนที่แก้วน้ำแดงบนหัวจะร่วงตกลงมา พร้อมสติที่กลับคืน

“นังแม่มด!!!!!”

เสียงตวาดลั่นดังตามฉันมา เหมือนเงาตามตัว แต่มันก็สายเกินกว่าที่ไอ้หัวฝักทองจะวิ่งกวดฉันทันแล้ว เพราะฉันเองก็วิ่งมาได้ไกลจนกระทั่งมองเห็นรั้วด้านข้างของมหาลัยนี้ที่เชื่อมต่อกับโรงเรียนของฉัน....ลาก่อนไอ้หัวฟักทองแดง

“เธอหายไปไหนมา ยัยพริก คาบเมื่อกี้ก็ไม่ยอมเข้าเรียน” ยัยแนทเฉ่งฉันทันทีที่ฉันโผล่หน้าเข้าห้องเรียน

“ไปผจญภัยมา” ฉันว่า เมื่อนึกถึง ซานตานหมาบ้าที่วิ่งไล่กวดแยกเขี้ยวจะงับหัวฉันท่าเดียว

“สนุกไหมละ” ยัยแนทประชดกลับมา ในขณะที่ฉันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ และค้นหนังสือออกจากระเป๋าขึ้นมา เตรียมเรียนวิชาต่อไปด้วยความตั้งใจ.....แหม...พอนึกถึงพี่คริส ที่เพิ่งเจอเมื่อกี้แล้ว อยากจะตั้งใจเรียนให้มากๆซะจริงเลย

“น่ากลัวมาก ฉันเกือบไม่รอดแนะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ พริก” โอปอลที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหลังของฉัน กล่าวทักขึ้นมา และจับหางผมฉันที่มัดรวบไว้แกว่งเล่นไปมา.....อ๊ายยย...เขินนะ

“ผมเธอยุ่งหมดเลย ชักอยากรู้แล้วซะแล้วสิ ว่าเธอไปผจญภัยที่แดนไหนมา” เขาว่าก่อนจะเอื้อมมือมา คว้าเศษหญ้าที่ติดผมฉันออก

“มีหญ้าติดหัว แสดงว่า แอบไปหลับที่สนามหญ้าแถวๆหลังโรงเรียนมาละสิ” ยัยแนทพูดว่าฉัน ในขณะที่โอปอลเริ่มหัวเราะ เหมือนเห็นด้วย

“เปล่านะ ไม่ได้หลับ”

“แกจะบอกว่า แกกินหญ้าเป็นอาหารเหรอ พริก” นังแนทททททท........

ทันทีที่เสียงออดดังบอกเวลาเลิกเรียน อาจารย์ก็ปล่อยนักเรียนให้ออกจากห้องเรียน เหมือนปล่อยนกกระจอกเทศให้แตกฮือออกจากคอก เหล่าลิงทะโมนทั้งหลาย พากันวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องเรียน....บ้างก็ตรงไปเล่นเกมส์ บ้างก็ตรงไปเที่ยวห้าง และที่อื่นๆอีกหลายที่ ซึ่งได้วางแผนจะไปกันตั้งแต่ชั่วโมงเรียนแล้ว

“โอปอลกลับเลยเหรอ” ฉันกล่าวทักเมื่อเห็นโอปอลง่วนกับการเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้

“อ๋อ...ยังหรอก ไปซ้อมเทนนิสก่อน” เขาตอบกลับมา พร้อมรอยยิ้มที่ระบายไปทั่วหน้าหล่อๆของเขา อ๊ายยย...สุดหล่อของฉาน...

“พริกไม่เรียนกวดวิชาเหมือน แนทเหรอ” โอปอลถามฉัน ในขณะที่เห็น ยัยแนทเพื่อนซี้ของฉัน หิ้วกระเป๋าลุกขึ้นเตรียมตัวไปเรียนกวดวิชาต่อ

“ไม่เอา...เห็นยัยแนทไปเรียน ก็โง่เหมือนเดิม” เวลาสอบฉันก็เห็นมันจดโพยอยู่ดี....ไม่รู้ทุกวันนี้ไปเรียนหรือไปไถ่นา

“หึหึ นังพริกขี้หนู แกสิโง่ ทั้งโง่ทั้งเพี้ยน ฉันไปเรียนกวดวิชาดีกว่า ส่วนแกก็กลับโรงบาลได้แล้ว” ยัยแนทหันมาแหวใส่ ก่อนจ้ำเท้าเดินออกไป....ใครพริกขี้หนู...แม่บอกว่า ฉันเป็นพริกหวานนะยะ

“โรงบาลอะไรของแก..ฉันจะกลับบ้านต่างหาก” ฉันตะโกนถามไล่หลังยัยแนทที่เดินตัวปลิวออกไป

“โรงบาลประสาทนั่นแหละ บ้านแกหล่ะ” นังแนทมันทิ้งท้ายเอาไว้ พร้อมร่างที่หายลับไปกับตา...

“งั้นฉันกลับก่อนนะ” ฉันหันไปบอกโอปอล เขายิ้มให้ฉัน และพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงว่ารับรู้ อ๊ายยย...หล่อมาก สักวันหนึ่งเราคงต้องเป็นแฟนกัน ว่าไหมจ๊ะ

ฉันเดินออกจากห้องเรียนมา เพื่อจะได้เดินตรงไปที่หน้าโรงเรียนและยืนรอรถเมล์ บางทีฉันควรจะไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัทที่พ่อกับแม่ของฉันทำงานอยู่ เพื่อขอกุญแจบ้าน เพราะนังปีศาจพีช มันไม่ยอมเอากุญแจบ้านให้ฉัน พ่อกับแม่ก็กลับดึกด้วย ขืนฉันกลับบ้านไปตอนนี้คงต้องนั่งเป็นเจ้าตูบเฝ้างับขาคนอยู่หน้าบ้านเป็นแน่

“พริก” เสียงของโอปอลดังไล่หลังฉันมา เขากำลังวิ่งตามฉันออกมาจากห้องเรียน

“มีอะไรเหรอ” ฉันถามเขา ในขณะที่เขาเดินมาหยุดยืนข้างๆ....พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันอยู่แล้วนะจ๊ะที่รัก...ไม่ต้องถึงกับเดินตามขนาดนี้ก็ได้...เขินแย่เลย

“ฉันจะเดินไปสนามหน้าโรงเรียนพอดี” เขาว่า และยิ้ม ก่อนจะเดินนำฉันไป....กรี๊ดดด...หมายความว่า เขาจะเดินไปหน้าโรงเรียนพร้อมฉันใช่ไหมเนี๊ยะ

“เธอจะเรียนต่อมหาลัยที่ไหนเหรอ” โอปอลชวนฉันคุยในขณะที่เราเดินไปหน้าโรงเรียนพร้อมกัน

“อ๋อ...ก็อยากเข้ามหาลัยในเครือ แต่ไม่รู้จะเข้าได้รึเปล่า ฉันเรียนไม่ค่อยเก่ง แฮะๆ แต่ฉันเก่งอย่างอื่นนะ”

“เก่งเวทมนต์หน่ะเหรอ” เขาถามฉัน ดวงตาสีน้ำตาลกำลังประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงแดดในยามเย็น

“นี่ฉันมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขา กำลังทำให้โลกนี้สดชื่นขึ้น รอยยิ้มนั้นสว่างสดใส เหมือนพลอยสีรุ้ง ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเขา

“เธอเก่งเรื่องไพ่ด้วยไม่ใช่เหรอ ปีก่อน ม.4 เธอยังดูดวงให้เพื่อนทั้งห้องเลย” เขารื้อฟื้นมันขึ้นมา....ใช่แล้ว และฉันก็เปิดไพ่ ได้นายเป็นเนื้อคู่ไง กรี๊ด......

“อู๊ยยย...สาวยิปซีหน่ะ พื้นๆ เดี๋ยวนี้นะ ฉันเป็นแม่มดน้อยแล้ว” ฉันแอบกระซิบบอกเขา...ทว่าเขากลับหัวเราะเสียงดังลั่น ชอบใจใหญ่ ทั้งๆที่ฉันพยายามพูดให้เบา ด้วยกลัวคนอื่นจะรู้ความลับ เดี๋ยวจะแห่มาเรียนศาสตร์ด้านแม่มดเหมือนฉัน

“ฮ่าๆๆๆ....งั้นเธอก็ไม่ต้องห่วงจะสอบเข้าเรียนมหาลัยในเครือไม่ได้หรอก เพราะเธอมีเวทมนต์นี่”

“โว้ว...ใช่เลย” ฉันดีดนิ้วเปราะ เมื่อเห็นด้วยกับสิ่งที่โอปอลพูด.....หล่อแล้วยังฉลาดอีกนะเนี๊ยะ

“ฮ่าๆ....เออ.....จริงสิ แล้ว.....แล้ว....” เขาหัวเราะ ก่อนจะเงียบเสียงลง รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้า เปลี่ยนเป็นท่าทีอ้ำอึ้ง และเงยหน้ากรอกตาไปมา เหมือนคนกำลังขวยเขิน ติดขัดอะไรสักอย่าง.....อ๊ากกก...เขากำลังจะสารภาพรักฉันแน่นอน

“ตกลงเลย!”

“เดี๋ยวพริก! ตกลงอะไร” เขาขัดขึ้น และมุ่นคิ้วทำหน้างุนงง ในขณะที่ฉันเองก็เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก.....ก็นายจะสารภาพรักฉันไม่ใช่เหรอ

“ก...ก็...ก็จะพูดอะไร...จะพูดว่าอะไรเหรอ”

“คือฉันอยากรู้ว่า พี่สาวเธอ...พี่พีชหน่ะ เรียนคณะมนุษยศาตร์ใช่ไหม....คือจริงๆแล้ว ฉันอยากเรียนญี่ปุ่นเหมือนพี่เธอ.....อยากเรียนคณะเดียวกับพี่พีชหน่ะ”

โอ้ววววววววว....โน..........ม่ายยยยยย เจงงงงงงงงง.....โฮๆๆๆๆๆๆๆๆ รับไม่ได้ ที่แท้โอปอลชอบพี่พีช โฮๆๆ ทำม๊าย ทำมาย เป็นแบบนี้ละ ไม่จริงใช่ไหม.....

“นายชอบพี่พีชเหรอ {T_T}”

“ห...หา....คะ...คือ” เขาดูตะกุกตัก ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทางฝืดเคือง เมื่อถูกฉันคาดคั้น

“นายจะอกหักนะ”

“ทะ...ทำไมละ”

ก็เพราะนายเป็นเนื้อคู่ฉันนะสิ....หึ! ฉันเคยเปิดไพ่ทำนายแล้ว นายเป็นเนื้อคู่ฉัน ไม่ใช่เนื้อคู่นังปีศาจซะหน่อย...พี่พีชหน่ะ ฉันเคยเปิดไพ่แล้ว ไม่มีเนื้อคู่ เพราะเป็นปีศาจ ปีศาจร้ายน่ารังเกียจชอบรังแกน้องสาว สุดท้ายต้อง แก่หงำเหงือกอยู่บนคาน เพราะอยู่ร่วมโลกกับใครไม่ได้....แน่นอนว่า พอฉันเปิดไพ่ให้นังพี่พีช...มันก็รับความจริงไม่ได้ คว้าน้องยุกยิกตุ๊กตาหมาน้อยขว้างหน้าฉัน ก่อนจะเดินปิดประตูโครมออกนอกห้องไป.....เห็นไหมละ นิสัยน่ารังเกียจมากแค่ไหน..ดีแล้วที่พระเจ้าไม่สร้างคู่ให้นังปีศาจ

ฉันสะบัดหน้าเดินหนีโอปอลและเดินออกนอกโรงเรียนมา โดยทิ้งโอปอลให้ยืนงงเอ๋อรับประทานอยู่เพียงลำพัง....

หยุดยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์และกดโทรศัพท์หาพี่พีช แต่นังปีศาจก็ดันไม่รับสาย สงสัยจะเริ่มซ้อมละครเวทีแล้ว...ก่อนจะกดโทรศัพท์หาแม่ เพื่อบอกว่า จะไปหา แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อรถสปอตสีแดงโฉบแล่นมาจอดริมฟุตบาธด้านหน้าของฉัน ก่อนที่กระจกจะถูกเลื่อนลง

“ไง ยัยแม่มด” ไอ้หัวฟักทอง ร้องทักฉัน “จะกลับบ้านเหรอ”

“ถามทำมะ”

“ก็อยากรู้ว่าจะมีเงินจ่ายค่ารถกลับเหรอ” ไอ้หัวฟักทองดูถูกฉัน ก่อนจะหัวเราะหึหึและปรายตามองสมเพชฉัน....หน๊อยยยย...ใช่สิ แกมันรวยขับสปอตสุดหรู พอเห็นฉันจะขึ้นรถเมล์ ก็เลยมองว่าเป็นขอทานงั้นเซะ

“แล้วมายุ่งอะไรด้วยห๋า!” ฉันแหวใส่ด้วยความหงุดหงิด แต่ไอ้หัวฝักทองกลับแสยะยิ้มเยาะฉัน และชูสิ่งหนึ่งขึ้นมาอวด.....กระเป๋าเงินฉัน......

“หา!!!! นั่น.....” ละล่ำละลักล้วงควักกระเป๋ากระโปรงตัวเอง. เมื่อไม่พบสิ่งที่ตามหา ก็เหวี่ยงเป้ที่สะพายไว้ด้านหลังลงมาเปิดค้น....โฮ....นั่นกระเป๋าเงินฉันจริงๆด้วย

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เธอทำตกไว้ตั้งแต่เหาะลงมาจากรั้วแล้ว...ยัยเตี้ยเบ๊อะเซ๊อะ!” ห๋า!!!! เบ๊อะเซ๊อะ งั้นเหรอ นังปีศาจพีชก็ว่าฉันคนหนึ่งแล้ว ไอ้ฟักทองนี่ก็ว่าฉันอีกคนงั้นเหรอ ทำไมเด็กมหาลัยนี้ถึงได้หยาบคายขนาดเน้.....

“เอาคืนมานะ!!!! ไอ้ขี้ขโมย”

“นั้นขอคืนเหรอ ห๋า!”

“เอาคืนมาสิ” ฉันยังคงแบมือยื่นเข้าไปในรถของไอ้หัวฟักทองเพื่อร้องขอกระเป๋าเงินคืน

“พูดขอดีๆ เป็นมะ” ไอ้หัวฟักทองยักคิ้ว และเหยียดยิ้ม แสดงท่าทางเป็นต่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เอาคืนมานะ!”

“บอกให้พูด อย่าเห่า!” ไอ้หัวฟักทอง...แก....แก...แกหลอกด่าฉันเป็นหมา

“ขอ...ขอ กระเป๋าเงินคืนนะ” ฉันเริ่มพูดดีๆ และเอ่ยขอร้อง แม้จะต้องกล้ำกลืนฝืนใจ แต่เงินในกระเป๋านั้น...ทั้งเดือนเชียวนะ {T_T}

“หึหึ!” ไอ้หัวฟักทองหัวเราะเหมือนจะพอใจ และเก็บกระเป๋าสตางค์ของฉันไว้ที่ช่องด้านข้างของประตูรถตรงที่เขานั่งขับอยู่

“กะ...กะ...แก...แกทำอะไรหน่ะ เอาคืนมานะ!!!”

“นั่น!” ไอ้หัวฟักทองชี้มือไปที่ ลุงคนกวาดถนนที่ทำงานอยู่

“อะไรละ..ไม่รู้จักเหรอไง”

“เขาถืออะไรกวาดถนน” ไอ้หัวฟักทองตีหน้าเซ่อถามฉัน...นี่มันโง่หรือไง รวยจนไม่รู้จักแม้กระทั่งไม้กวาดงั้นเหรอ...บ้านแกใช้แต่เครื่องดูดฝุ่นงั้นสิ

“ไม้กวาดไง โง่จริง...อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เอากระเป๋าตังคืนมา”

“อ๋อ ไม้กวาด......”

“เออเซะ เอากระเป๋าตังฉันคืนมาซะทีสิ ฉันจะกลับบ้าน”

“ไม่ให้” ไอ้หัวฟักทองตอบกลับมาหน้าตาเฉย ทำฉันสติแตก...

“อะไรนะ!!!” ไม่ให้แล้วฉันจะกลับบ้านได้ยังไง ....แล้วเดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะเอาอะไรกิน

“นั่นไง” ไอ้หัวฟักทองย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ชี้นิ้วไปที่ไม้กวาด ที่ลุงคนเดิมถือไว้และกวาดไปตามถนน “พาหนะ พาเธอกลับบ้าน ยัยแม่มด!”

จบคำ พร้อมมือที่บิดกุญแจรถและมืออีกข้างที่เปลี่ยนเกียร์....ในขณะที่ฉันยืนตะลึงอ้าปากค้าง.....ตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะของไอ้หัวฟักทอง




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 10:45:59 น.
Counter : 268 Pageviews.  

ตอนที่ 2 : แม่มดเตี้ย



“พี่พีช เร็วๆหน่อยได้ไหม ฉันจะไปโรงเรียนสายนะ” ฉันพูดเร่งพี่พีชยิกๆ ในขณะที่นังพี่สาวตัวดีก็จีบมือจับช้อนตักข้าวต้มเข้าปากด้วยมาดคุณหนูไฮโซบนโต๊ะอาหาร

“แกจะรีบไปไหน หะ เริ่มเรียน 8 โมงเช้า” พี่พีชหันมาแหวใส่ ....ต๊าย...ใช้มาดไฮโซตักข้าวต้มเข้าปาก แต่ใช้มาดนังตลาดพ่นข้าวต้มออกมาด่าฉันเชียวนะ

“แต่พริกต้องเข้าโรงเรียนก่อนประตูรั้วจะปิด ซึ่งก็คือ 7 โมง 45 นะ ตอนนี้มัน 7 โมง 10 นาทีแล้วนะ กว่าจะไปถึง พริกไม่ต้องปีนรั้วเข้าไปเหรอ”

“รีบมากแกก็ขี่ไม้กวาดแม่มดของแกไปเซะ”

“ฮะ? แม่ค๊า...นังพี่พีชมันหยาบคาบ” ฉันหันไปตะโกนฟ้องแม่ที่ง่วนอยู่กับการผูกเนคไทให้กับพ่อตรงหน้าประตูบ้าน

“นี่ๆ ทั้งสองคนหน่ะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ รถมันจะติดนะ สายแล้ว พีชรีบๆทานแล้วไปส่งน้อง พ่อกับแม่จะไปทำงานแล้ว” แม่ตะโกนกลับมา พลางส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของลูกทั้งสอง ก่อนจะเดินออกนอกบ้านไปพร้อมกับพ่อ


พ่อกับแม่ของฉันออกไปทำงานแล้ว ทิ้งฉันกับพี่พีชให้ตามออกไปทีหลัง
พี่พีชเรียนอยู่มหาลัยเอกชนชื่อดัง ปี 2 คณะญี่ปุ่นและยังเป็นดาวของคณะมนุษยศาตร์ด้วย พี่พีชเป็นคนสวย สูง หุ่นดี และผิวขาวเนียน คนอื่นๆ มักจะคิดว่าพี่พีชสวยหวาน ด้วยรูปลักษณ์และกิริยาภายนอกแสดงออกแบบนั้น หากแต่อยู่บ้านทีไรพี่พีชก็มักจะปล่อยนิสัยชั่วร้ายออกมาข่มเหงรังแกฉันทุกที เอาไว้เมื่อไหร่นังพี่พีชพาผู้ชายเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่ ฉันจะแฉให้เละเลย

ฉัน พริก เรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนมัธยมในเครือเดียวกับมหาลัยของพี่พีช รั้วโรงเรียนของฉันกับรั้วมหาลัยของพี่พีชเป็นรั้วเดียวกัน ทุกเช้าฉันจะไปเรียนพร้อมพี่พีช แต่กลับของฉันเอง เพราะพี่พีชมักจะอยู่ทำกิจกรรม ปีก่อนก็เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาลัย ปีนี้รู้สึกจะได้แสดงละครเวที ทั้งสวยทั้งเก่ง และมักจะทำให้ฉันอิจฉาอยู่เสมอ


“เย็นนี้กลับยังไง” พี่พีชถามฉันเมื่อเทียบจอดรถหน้ารั้วโรงเรียนเพื่อส่งฉัน..แม้ว่าจะชอบข่มเหงฉันบ่อยๆ แต่พี่พีชก็ยังคงเป็นพี่สาวที่น่ารักคนหนึ่ง ตรงที่จะคอยเป็นห่วงฉัน และคำถามนี้ฉันจะได้ยินทุกเช้าที่พี่พีชมาส่ง

“ขี่ไม้กวาดกลับ”

“ตอนนี้อยากเหาะถลาออกนอกรถอวดเพื่อนๆหน่อยไหมละ” พี่พีชถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ ไม่เข้ากันกับใบหน้าสวยหวานเลยนะ..... นังปีศาจ

“ขึ้นรถเมล์มั้ง” ฉันตอบ

“รีบๆกลับหล่ะ อย่าเถลไถล” พี่พีชกำชับและใช้มือขยี้ผมฉันเล่น

“อ๊ายยย ฉันมัดมันตั้ง 1 ชั่วโมงเชียวนะ” ฉันโวยขึ้นและปรับกระจกมองหลังรถเพื่อดูผมตัวเองที่มัดรวบไว้ว่ายุ่งหรือเปล่า

“แกมัดมันทั้งๆที่ไม่เคยหวีหน่ะเหรอ”

“หยาบคายจริงๆเลยพี่พีช” ใครอนุญาตให้เอาความจริงมาพูดเล่นยะ

“แล้วนี่...กระจกฉันเอาไว้มองรถนะยะ ไม่ได้มีไว้ให้แต่งสวย” นังปีศาจว่าและบิดกระจกไปที่ตัวเอง ไม่ยอมให้ฉันส่อง แต่ตัวเองกลับส่องซะเอง...แหม...เอาไว้มองรถ...ตอนนี้ก็กำลังมองรถอยู่ใช่ไหมละ...ลูบผมโบ๊ะแป้งใหญ่เลยนะ รถคันนี้


ฉันเดินลงจากรถของพี่พีช และตรงเข้าไปที่ห้องเรียน ม.5 ห้อง 1 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรียนเก่งขนาดไหนใช่ไหมละ ฮิฮิ ได้อยู่ห้องหนึ่ง ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ไม่อัจฉริยะ อยู่ห้องหนึ่งไม่ได้หรอกนะ

“มายืนยิ้มอะไรอยู่หน้าห้องยัยพริก เช้ามาก็บ้าเข้าเลยเหรอ” นัง แนท เพื่อนสุดเลิฟที่เพิ่งมาถึงเหมือนกันหยุดทักฉัน

“กำลังชื่นชมป้ายหน้าห้อง ม.5/1 วู้วๆ เรานี่มันอัจฉริยะ”

“นี่แกยังไม่เลิกเพี้ยนอีกเหรอ อาจารย์บอกเป็นรอบที่ล้านแล้ว ว่า แบ่งห้องตามรหัสประจำตัวที่เข้ามาเรียน” ยัยแนทเพื่อนรัก ทำฉันฝันสลายจนได้...นี่แกไม่พูดฉันก็ไม่ว่าแกใบ้แน่ๆรับรอง

“เมื่อไหร่แกจะเลิกขัดฉันสักทีนะ หะ?”

“ก็แกมันบ้า ฉันแค่พูดเรียกสติ”

“ตรงไหนยะ ห้องนี้หน่ะ คนเรียนเก่งอยู่ ไม่เห็นเหรอ โอปอล ยังอยู่เลย” ฉันเถียง และแอบมองไปยังโต๊ะริมหน้าต่างเยื้องโต๊ะของฉันไปทางด้านหลัง...ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น...โอปอล...เขารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้ม ดวงตาสีน้ำผึ้งอ่อนหวานประกายตาสดใสแฝงแววขี้เล่นเอาไว้เต็มเปี่ยม สมชื่อ โอปอล พลอยสีรุ้ง โอปอลเป็นหัวหน้าห้อง เรียนเก่งที่สุดในชั้นปี และหล่อที่สุดในโรงเรียน

.....และแน่นอน เขาเกิดมาเพื่อเป็นเนื้อคู่ของฉัน...โอ้ SoulMate……

“โอปอลก็อยู่กับพวกเรามาตั้งแต่ ม.4 แล้วละยะ” ยัยแนทยังคงเถียง...มันเกิดมาเพื่อตั้งหน้าตั้งตาเถียงฉันเท่านั้นสินะ...

“นั่นแหละ เพราะห้องเรา อัจฉริยะมาตั้งแต่ ม.4” ฉันยังคงยืนยัน

“เอาเหอะ....ฉันเข้าใจว่าความบ้าของแก ต้องใช้ระยะเวลารักษานานมาก” มันว่าและก็เดินเข้าห้องไปทักโอปอล ของฉัน

ฉันวิ่งเข้าไปในห้องบ้าง เพื่อจะกล่าวทักโอปอลสุดที่รัก หากแต่เมื่อถึงที่โต๊ะ บรรยากาศภายในห้องของฉันที่เอะอะเสียงดังก็กลับเงียบลงจนผิดสังเกต บรรดาลิงทะโมนต่างๆพากันหยุดชะงักและมองไปทางประตูหน้าห้อง เหมือนกันกับโอปอลของฉัน ที่กำลังมองข้ามหัวฉันไป สายตาจับจ้องไปที่ประตู

“พริก!! ลืมกระเป๋า” เสียงนังปีศาจดังขึ้นก่อนที่ฉันจะได้หันไปมอง

“นั่นพี่พีช!!!” ยัยแนทเริ่มตาโต และพูดบอกฉันถึงสิ่งที่เห็น ทำให้ฉันต้องหันไปมอง...และฉันก็พบพี่พีชจริงๆ เธอกำลังยืนถือกระเป๋าของฉันเอามาส่งให้ที่ห้องเรียน


“เมื่อไหร่จะเลิกเบ๊อะเซ๊อะซะที ห๋า!! ยัยสมองสัตว์ปีก” นังพีชก้มลงกระซิปข้างหูฉัน ก่อนจะยื่นกระเป๋าให้ฉันรับไว้ และเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานให้ฉัน

“แหม น้องพริก ขี้ลืมจริงๆ นี่ถ้าพี่ไม่เอามาให้ แย่เลยนะ..คราวหลังอย่าลืมอีกนะ ตั้งใจเรียนละ” ตอแหลด้วยใบหน้านางฟ้าจบแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งๆให้บรรดาเพื่อนๆต่างก็รุมล้อมฉัน ด้วยความสนอกสนใจ

“นั่นพี่สาวเธอเหรอ พริก สวยเป็นบ้าเลย” เออดี พวกแกก็เป็นบ้าไปเลยเซะ....

“พริกๆ พี่สาวเธอ ที่เป็นดาวของมหาลัยใช่ไหม สวยจัง” เห๊อะ...ดาวคณะต่างหาก หน้าหนอนแบบนั้นใครเลือกเป็นดาวมหาลัยก็มีถั่วเป็นลูกกะตาแหละ

“นี่ๆ พริกๆ ทำไมพี่เธอสวยจัง” เออ...นั่นไงละ....ตูจะตอบได้ไหมเนี๊ยะ

“นั่นสิๆ ทำไมเธอไม่แบ่งมาบ้างละ”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก พวกแก หมายความว่าไงฟระ” ฉันเดือดดาลขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำให้บรรดาทะโมนทั้งหลายพากันแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง......พูดงี้หมายความว่าไง.หน๊อยๆๆๆ ฉันสวยกว่านังปีศาจนั่นอีกนะ มาพูดแบบนี้ คอยดูเถอะ ฉันจะสาปแช่งพวกแกให้สอบตกกันทุกตัวเลย

“อ๊าย....พี่พีชนี่สวยสุดยอดเลยเนาะ” ยัยแนทกล่าวชื่มชมนังปีศาจอีกคนด้วยดวงตาระยิบระยับบ่งบอกว่าปลื้มปิติสุดๆ....ถามจริงๆเหอะ นังพีชมันสวยขนาดนั้นเชียวเหรอ

“แหวะ!!” ฉันแสร้งอ้วกหมั่นไส้....นังปีศาจร้ายนั่นนะเหรอ ถ้าสวย ก็สวยแต่รูปแบบจูบแล้วเหม็นอะเดะ

“โอปอลว่าไง” ยัยแนทหันไปถามความเห็นโอปอลที่นั่งยิ้มๆ

“ก็....สวยมากๆ” เขาตอบกลับมา และกรอกตาเฉมองไปทางอื่นเหมือนกับคนขวยเขินและพยายามเลี่ยงเปลี่ยนเรื่อง ทำให้ยัยแนทตีมือถูกใจ

“เห็นไหมละ...ขนาดโอปอลยังชม”

โฮ...ไม่จริง ทำไมเขาต้องชมนังปีศาจร้ายนั่นด้วย....โธ่ โอปอล นายกำลังเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนะ นายออกจะมีสายตาเฉียบคม ทำไมถึงมองนังปีศาจหนังเหี่ยวนั่นว่าสวย...อ๊ายยยย....รับไม่ได้ แกกำลังทำให้โอปอลของฉันหลงผิด โฮๆๆๆ

“ฮือ....” ฉันร้องครางและทรุดนั่งเกาะด้านหน้าโต๊ะของโอปอล ใช้คางเกยโต๊ะเขาและนั่งมองหน้าหล่อๆของเขาด้วยตาละห้อย.....ไม่จริงใช่ไหมโอปอล......

“นี่ ยัยพริก แกจะทำท่าหมาน้อยไปเพื่ออะไรเนี๊ยะ” ยัยแนทเองก็กำลังยืนเท้าสะเอวเอียงตัวพิงโต๊ะของโอปอลแหวฉัน....ทีแกยังทำท่า นังยักษ์ขมูขีเฝ้าสมบัติโคตรปู่ เลยนะ

“ฮ่าๆ พริกก็น่ารักเหมือนกัน” โอปอลหัวเราะ และมองฉันด้วยความเอ็นดู ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นกำลังระบายไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน....อ๊าย...น่ารัก หล่อ เท่ สุดยอด...นี่แหละๆ เนื้อคู่ของฉานนนนนน.....

“โอปอล เดี๋ยวนี้หัดโกหกนะ” ยัยแนทท้วงขึ้นมา ทำฉันที่กำลังเบิกตาโต ฉีกยิ้มดีใจ หน้าม่อยไปทันตาเชียว....นี่ถ้าแกขัดฉันขึ้นมาอีกเรื่องเดียว ฉันจะสาปแช่งแกให้เป็นคางคกนะ นังตุ่มพิษ


เริ่มชั่วโมงเรียนด้วยการสอบเก็บคะแนนวิชาภาษาอังกฤษ ของ อาจารย์นิทรา ที่นักเรียนร่วมด้วยช่วยกันตั้งฉายาให้ว่า ปอบหยิก เพราะ she มีผมหยิก ชอบทาลิปสติกสีแดงสดตัดกับสีผิวที่ละม้ายคล้ายชอคโกแลตอีกทั้งนิสัยก็โหดสุดโหด

“ฉันต้องตกอีกแหงมเลย” ฉันบ่นอุบในขณะที่เลื่อนโต๊ะจัดห้องสอบ “ยัยปอบชอบแกล้งฉัน”

“ยังไงยะ” ยัยแนทถามฉัน ในขณะที่มือก็ง่วนกับการฉีกกระดาษโน้ตจิ๋วที่จดศัพท์ต่างๆ ไว้เต็มเอียดเพื่อพับใส่ไว้ตรงหัวเข็มขัด ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนๆ ที่เร่งจัดโต๊ะ

“ก็แม่มดไม่ค่อยถูกโฉลกกับผีปอบเท่าไหร่” ฉันเป็นแม่มดน้อยน่ารัก แต่ยัยอาจารย์นั่นเป็นปอบนะยะ คนละสปีชี่กัน

“ยัยพริก แกเลิกบ้าซะทีเถอะ แกตกเพราะแกโง่ รู้ไหม”

“แกไม่ตกเพราะแกฉลาดงั้นสิ” น่าเกลียดมากเลยนะ ในขณะที่ฉันอาศัยเวทมนต์ แล้วแกอาศัยโพย...แค่นี้ก็รู้แล้วใครโง่ใครฉลาด อะโธ่! ยัยโง่เอ้ย....


การสอบเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดของทุกคน แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการสอบเก็บคะแนน แต่เป็นที่รู้กันว่า เพียง 1 คะแนน ก็มีค่ามากสำหรับนักเรียนม.ปลายที่ต้องสะสมคะแนนไว้ใช้ยื่นเกรดในการศึกษาต่อยังมหาลัยในเครือ

โต๊ะเรียนแต่ละตัว ถูกจัดให้ห่างกันถึง 2 ช่วงแขน บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงส้นรองเท้า ดัง ก๊อกๆ ของอาจารย์สาวที่เดินวนไปมา ตรวจสอบ ดูแลควบคุมพฤติกรรมการสอบของนักเรียนแต่ละคนที่ก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ และอีก 1 เสียง ที่ดังงึมงัมมาจากสาวน้อยร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างตรงกลางห้อง

“รา รา โช โช เม ดู ดู โว เย” ฉันร่ายคาถาและหมุนนิ้วที่ชี้ขึ้นฟ้าไปมา เพื่อขอพลังจากฟากฟ้า...นี่ถ้าเป็นคืนเดือนมืดละก็พลังของฉันจะต้องเพิ่มเป็นขีด max แน่นอน

“ยี เร เร ดู เม เม ซา โว” ใช้นิ้วที่หมุนไปมา จิ้ม ลงกลางข้อสอบอย่างแม่นยำและหนักหน่วง...โช๊ะ!!!!...จากนั้นก็กากบาทซะ....ถูกต้องแน่นอนเพราะท่านแม่มดใหญ่ทรงเมตตาให้พลังเวทย์มาแล้ว

“นี่!! ปภัสราภรณ์ ถ้าเธอจะจิ้มมั่ว ก็ช่วยเบาๆเสียงหน่อยได้ไหม” อาจารย์ปอบหยิกแหวมา ทำเพื่อนๆในห้องพากันหัวเราะกิ๊ก...ใครจิ้มมั่วยะ ยัยปอบหยิก...มีตาหามีแววไม่จริงๆเลย เดี๋ยวก็สาปให้ผมหยิกหยอยกว่าเดิมซะหรอก

“พริก พริก...” เสียงกระซิบกระซาบจากยัยแนทดังมาจากด้านข้าง...

หันมองไปด้านข้าง เห็นยัยแนทกำลังหยิบกระดาษเล็กๆที่เมื่อครู่ยัดไว้ในหัวเข็มขัดออกมา และขย้ำเป็นก้อน ก่อนจะโยนมาให้ฉัน.....เศษกระดาษก้อนเล็กนั้น กลิ้งกรุกๆ มาหยุดที่ปลายเท้าของฉัน พร้อมเสียงกำชับจากยัยแนท

“เก็บสิ ฉันทำเสร็จแล้ว แกก็รีบทำซะ”

ฉันหันรีหันขวางแอบมองอาจารย์ปอบที่ยืนอยู่ค่อนข้างห่างจากฉันพอสมควรและกำลังหันมองไปทางอื่นด้วย จึงสบโอกาสเหมาะก้มลงหมายจะหยิบก้อนกระดาษนั้นขึ้นมา ทว่าก็มีมือหนึ่งคว้าก้อนกระดาษนั้นตัดหน้าฉันไปเสียก่อน...ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาปะทะสายตากับฉัน....เล่นฉันขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

“นี่อะไร!!! ปภัสราภรณ์” อาจารย์ปอบแบก้อนกระดาษในอุ้งมือที่เพิ่งก้มหยิบขึ้นมาอวดฉัน

“เอ่อ....สงสัยจะเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้มั้งคะ”

“อ๋อ....งั้นเหรอ...” อาจารย์ปอบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะรวบกำมือเก็บเศษกระดาษไว้ หยิบปากกาแดงของฉันขึ้นมา และขีดเป็นรูปกากบาทกลางหัวข้อสอบของฉัน

“งั้นเธอก็ไปขอคะแนนที่พระเจ้าก็แล้วกัน”

พูดจบก็หมุนตัวท่านางแบบบนแคทวอค์ทของตำบลบ้านนาแนวตะเข็บชายแดน สะบัดผมหยิกฝอย เดินแกว่งก้นใหญ่เบ๊อะบ๊ะจากไป ทิ้งฉันให้นั่งอ้าปากค้างตกตะลึง
......และแล้วฉันก็ถูกนังปอบสปีชี่อะมีบ้ากลั่นแกล้ง....โฮ....แม่มดน้อยช่างน่าสงสารอะไรแบบนี้......


“พริก.....ใจเย็นๆน่า แค่สอบเก็บคะแนนเอง” ยัยแนทยืนปลอบใจฉัน ในขณะที่ฉันกำลังยืนบีบตุ๊กตาหนอนชาเขียวตัวเล็กอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนด้วยเป็นเวลาพักกลางวัน

“อัส ซา โกโก อิ เฟ ย่า...... ตายซะนังปอบหน้าหนอน ย๊ากกกก!!!!! ”

“หนอนชาเขียวที่แสนจะน่ารัก กำลังจะนุ่นทะลักเพราะแรงบีบของแกนะ ยัยพริก พอเหอะ ฉันทนดูไม่ได้” ยัยแนทว่าและเอามือปิดหน้า รับไม่ได้ เหมือนฉันกำลังจะฆาตกรรมสดให้มันดูงั้นแหละ

“ทำไมยะ แกจะห้ามไม่ให้ฉันทำพิธีสาปแช่งเหรอ ห๋ะ”

“ป่าวนะ”

“ดี! อัส ซา โกโก อิ เฟ ย่า... ย๊ากกกก!!!!!” ตายซะ นี่ๆๆ ฉันเพิ่มแรงบีบเจ้าหนอนชาเขียวเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ให้นังป้าผีปอบหยิก อึดอัดตายไปเลย...ฮือๆๆๆ...10 คะแนน ปลิวหายไปกับสายลมแล้ว

“ถึงแกสอบธรรมดา แกก็ได้น้อยกว่า 5 คะแนนอยู่ดี กินข้าวเหอะพริก เลิกบีบเจ้าหนอนชาเขียวเหอะ โฮ...ดูสิ ลูกตาปลิ้นออกมาแล้ว....ของฉันด้วยอะ” นังแนทมันกำลังพยายามปลอบใจฉัน ด้วยคำปลอบใจสุดห่วยที่มันพยายามกลั่นกรองออกมาปลอบประโลมฉัน แต่มันก็คงได้เท่านี้แหละ ไม่ได้ทำให้คำห่วยๆ ดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาเลย

“ฮือ....แล้วแบบนี้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่หนาย....โอปอลต้องมองฉันไม่ดีแน่ๆเลย แงๆ” โฮ...น่าอับอายจริงๆ ที่ต้องมาโดนกาหัวข้อสอบเนี๊ยะ

“โอปอลเขาก็มองแกเพี้ยนมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” ยัยแนทยังคงพูดดักคออยู่เรื่อยๆ

“แต่ยังไงฉันก็เป็นแฟนเขา”

“แกลืมเติมคำว่า คลับ .....แฟนคลับ”

“หึ!!!! ย๊ากกกก!!!!”

“อ๊ายยยย...น้องหนอน ฉันไม่พูดขัดแกแล้วก็ได้นะพริก นะ นะ”


- มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มดมีฤทธิ น่าดู ยู้ฮู้ -

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ลืมปิดไว้ดังขึ้น เพราะปกติไม่เคยมีใครโทรหาฉันมาก่อน ทำให้ฉันมักจะลืมปิดบ่อยๆ...ตอนนี้หน้าจอมือถือของฉัน มันกำลังโชว์ชื่อ....นังปีศาจ.....

“อะไรพี่พีช พักเที่ยงก็เลยคิดถึงน้องสาวเหรอ” ฉันถามปลายสายที่โทรมา

“นี่ ยัยเบ๊อะ ไม่รู้จะเบ๊อะเซ๊อะ ไปถึงไหน กุญแจบ้านหน่ะ แกทำตกไว้ในรถฉัน มาเอาเองนะ ฉันขี้เกียจเข้าไปในโรงเรียนแล้ว” พี่พีชเปิดฉากมา ก็ถล่มฉันทันที ให้ทายก็ได้ว่า แถวนั้นที่พี่พีชคุยโทรศัพท์ต้องไม่มีคนอยู่แน่นอน ไม่งั้นนังปีศาจนี่ไม่พูดจาแบบนี้หรอก

“อะไรละ ก็เค้าออกนอกโรงเรียนไม่ได้นี่ เอามาให้หน่อยสิ ตัวเองมาตอนเช้า ทำไมไม่เอามาให้ด้วยละ”

“ก็ฉันเพิ่งเห็นนะสิ ว่ามันตกอยู่ตรงเบาะรถหน่ะ” พีพีชแก้ตัวมา...โธ่เอ้ย ก็เบ๊อะเซ๊อะเหมือนกันแหละวะ

“ก็เอามาให้หน่อยสิ เค้าออกไปไม่ได้อะ ตัวเองออกมาได้ ก็เอามาให้หน่อยไม่ได้เหรอ เป็นพี่ก็ทำเพื่อน้องหน่อยสิ”

“ปีนรั้วเข้ามาเอา ฉันจะอยู่ที่ลานจอดรถของมหาลัย” พี่พีชสั่งเสียงแข็ง นั่นหมายความว่า ต่อให้อ้อนให้ตาย พี่พีชก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้..

“พี่พีชอะ.....”

“ให้เวลา 15 นาที ถ้าไม่มาเอา วันนี้ก็ใช้เวทมนต์สะเดาะกลอนประตูเข้าไปเองเหอะ”

“ฉันไม่ใช่ขุนแผนนะ”

“งั้นก็มาเอา เร็วๆเลย ให้ไว” นังปีศาจพ่นพิษจบ ก็ตัดสายวางไปโดยไม่รอฟังคำโอดครวญจากฉัน
โหย....นี่หมายความว่า ฉันต้องปีนรั้วโรงเรียน เพื่อลอบเข้าไปที่มหาลัยงั้นเหรอ...ถ้าอาจารย์จับได้ฉันก็ซวยอภิมหาซวยหน่ะสิ....ทำไมเป็นพี่ที่ใจจืดใจดำแบบนี้นะ....หน้าตาก็ขี้เหร่ ยังจะนิสัยแย่อีก....ยี้!! นังปีศาจรุ่นป้า

“แนท สนใจจะเข้าไปผจญภัยด้านในมหาลัยปะ” ฉันหันไปชวนยัแนทที่นั่งกระซวกข้าวกล่องอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ใกล้ๆ

“ไม่สนหรอก” นังเพื่อนเลิฟตอบปัดมาอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่าไปกระดกเข้าปาก....นี่แหละเหตุผลที่เราสองคนหลบมานั่งทานข้าวบนดาดฟ้า...ก็นังนี่มันกินข้าวอย่างกับปอบลง...น่าอับอายจริงๆ

“แต่ฉันไม่อยากไปคนเดียว {T_T}” ปั้นหน้าสลดหดหู่ เรียกร้องความเห็นใจจากนังแนท ที่ตอนนี้เริ่มกระจวกข้าวขึ้นมากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย

“อั๋นอะอู่อี้อี้ (ฉันจะอยู่ที่นี่) อึก!! รอเก็บศพแก” มันว่า และโบกมือไล่ฉันให้รีบๆไป....แกเป็นเพื่อนฉันจริงๆเหรอ นังแนท....แบบนี้นี่เองที่เขาเรียกเพื่อนกิน {T_T}


ในที่สุดฉันก็ต้องแอบลักลอบปีนรั้วโรงเรียนเพื่อจะไปยังมหาลัยซึ่งอยู่อีกฝั่งของรั้วนี้เพียงลำพัง...โฮๆ แม่มดน้อยจะเริ่มผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ด้วยลำพังตัวคนเดียวแล้วนะ

ฉันเกาะรั้วที่ก่อด้วยอิฐบล็อคทาทับด้วยสีน้ำเงินสลับดำซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียนของฉันและของมหาลัยในเครือซึ่งนังพี่พีชเรียนอยู่ตอนนี้ รั้วนี้สูงถึง 2 ฟุตกว่า และฉันก็พยายามอย่างมาก ที่จะหาเหยียบกิ่งไม้ ต้นไม้แถวนั้นเพื่อปีนขึ้นไป หลังจากที่ตะเกียดตะกายกระเสือกกระสนจน 2 มือเล็กๆ เกาะรั้วด้านบนได้สำเร็จ ก็พยายามยกตัวขึ้น และชะโงกหน้ามองไปยังเบื้องล่างของอีกฝั่งเพื่อมองดูทางที่จะกระโดดลงไป

“ยู้อู้!!! มีใครอยู่ไหม.....” ฉันร้องถาม เมื่อมองเห็นแต่พุ่มไม้อยู่เบื้องล่าง

เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบกลับมา ฉันก็ตะกุยตะกายสองขาเพื่อดันเหยียดตัวเองขึ้นมาอยู่บนรั้วและกระโดดลง

“ย๊ากกก!!!!” ซุปเปอร์แม่มดน้อยเหินฟ้าสะท้านโลกัณฑ์

-ตุ๊บ-

“โอ๊ย!!!!” เสียงร้องของผู้ชายที่ฉันตกลงมาทับ

ฉันกระโดดเหินฟ้าลงมาจากด้านบน กะจังหวะที่ตัวเองจะตกลงมาถึงพุ่มไม้ หากแต่เมื่อกระโดดลงมาได้จริงๆ ฉันกลับล้มทับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งเล่นอยู่ที่นี่

ร่างของฉันนอนทับเขาอยู่ด้านบน ผู้ชายคนนี้เขากำลัง โอบฉันเอาไว้เพื่อรับร่างของฉันที่กระโดดลงมา...อ๊ายย...ฉันตกลงมาทับเขา....ทับผู้ชายแปลกหน้า...ทั้งยังหล่อมากๆด้วย ผมสีทองสุดเท่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาคมคาย


ค่อยๆขืนตัวออกจากอ้อมกอดของผู้ชายแปลกหน้า...หากแต่อ้อมแขนของเขากลับกระชับขึ้นและโอบรัดร่างของฉันแน่น ....ก่อนจะพลิกตัวให้ร่างของฉันลงนอนอยู่ด้านล่างโดยมีร่างของเขาทับอยู่ด้านบน

ในขณะที่ฉันกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น...ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ก็ลอยเด่นอยู่ใกล้ฉันเพียงคืบ สองมือของเขากระชับร่างของฉันเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหลุด มุมปากยกขึ้นเหยียดยิ้มสะใจ ทั้งหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ


“จับได้แล้ว....ยัยแม่มดเตี้ย!!!!”




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2549 12:25:26 น.
Counter : 281 Pageviews.  

ตอนที่ 1 : เปิดเรื่อง

ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกะทัดรัด ผนังโดยรอบถูกตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์รูปดวงดาราสีขาวนวลจุดเล็กๆให้เปล่งประกายโดยรอบ ผนังด้านบนหัวเตียงนอนมีดวงจันทราดวงใหญ่เหลืองอร่ามสุกใสอยู่ด้านบน โดยพื้นหลังของวอลเปเปอร์รอบห้องเป็นสีน้ำเงินเข้มแต่งแต้มเป็นท้องฟ้าจำลอง กระจกห้องถูกปิดด้วยผ้าม่านสีน้ำเงินบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่คอยสาดส่องเข้ามาในยามเช้าและยามสาย

พื้นห้องนุ่มเพราะถูกบุด้วยพรมสีน้ำเงินอย่างดี โทนสีภายในห้องนี้และเฉดสีของสิ่งของต่างๆที่อยู่ในห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นสีน้ำเงินมืด ดั่งราตรีที่จมดิ่งอยู่ภายใต้ท้องทะเลลึก...บรรยากาศในห้องยามนี้ อบอวลไปด้วยควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง พร้อมเสียงงึมงำคล้ายเสียงสวดมนต์

“เยเชซามี โดโรรี่ เยเคเค อาเฟกาโน่ .....” ร่างบางภายใต้เสื้อโค้ทสีดำ กำลังร่ายเทียนวนไปมารอบอ่างแก้วขนาดย่อมที่ตั้งไว้กลางห้องอย่างตั้งใจ

“ยัยพริก!!!!!!” เสียงแผดแหลมดังขึ้นพร้อมประตูไม้เนื้อดีที่เปิดผ่างออก ขัดการกระทำของร่างบางนั้นอย่างได้ผลชะงักนัก เพราะร่างนั้นสะดุ้งเฮือกและรีบละมือออกจากเทียนที่ร่ายวนไปมาอย่างลนลาน

“อะไรเนี๊ยะ....ฉันทำพิธีอยู่นะ อย่ามากวนใจฉันได้ไหม”

“แกเลิกบ้าสักที อะไรเนี๊ยะ เหม็นกลิ่นกำยานชะมัดเลย” หญิงสาวผู้บุกรุกเข้ามาทำลายพิธีที่เจ้าของห้องคิดว่าศักดิ์สิทธ์ เริ่มทำหน้าเหยเกพลางยกมือขึ้นโบกไปมาขับไล่กลิ่นกำยานที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง

“พี่พีช ถ้ามันเหม็นก็อย่าเข้ามาซิวะ”

“ก็ไม่ได้อยากจะเข้าห้องคนบ้าหรอก แต่แม่ใช้ให้ไปซื้อผัก นี่เงินกับรายการ” เธอว่าทั้งๆที่มือก็ยังโบกไปมาปัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และมืออีกข้างก็วางเงินและแผ่นกระดาษลงกับโต๊ะเครื่องแป้งที่มีลูกแก้วใสลูกใหญ่ตรงกลางลูกมีประจุไฟฟ้าแล่นปะทะกันเป็นประกายไฟสีฟ้าอ่อนเปรี๊ยะๆ วางตั้งอยู่กลางโต๊ะแทนที่เครื่องสำอางต่างๆที่หญิงสาวส่วนใหญ่พึงมี

“ไปซื้อเองเดะ ฉันทำพิธีอยู่ไม่เห็นเหรอ”

“พิธีบ้าบอ แกหน่ะสิ ไปเลยนะ ไม่งั้นจะอดข้าวเย็น เร็วๆเลย”เธอว่า ก่อนจะหมุนตัวสะบัดผมลอนยาวสีน้ำตาลอ่อนเดินจากไป

“แกจะต้องโชคร้ายนังพี่พีช มาดูถูกพิธีของฉัน โอม.....”

“หยุดเลย ยัยพริก แกแช่งฉันเป็นปีแล้วนะ เมื่อไหร่แกจะเลิกบ้าแม่มดหมอผีซะที แล้วนี่ อะไร ยังจะนั่งท่องคาถาติงต๊องต่ออยู่อีกเหรอ ลุกเดี๋ยวนี้นะ ไปซื้อของซะ เพราะฉันจะไม่เสียเวลานั่งแช่งแกคืน” ร่างบางที่เกิดเปลี่ยนใจหมุนตัวกลับมาดูน้องสาวแหวขึ้นก่อนจะคว้าตุ๊กตาบนหัวเตียงขว้างใส่เด็กสาวผู้สวมโค้ทสีดำที่นั่งสวดงึมงัมอยู่กลางห้องให้ลุกฮือขึ้นเพื่อหลบหลีก “ฉันจะทำเลย นี่ๆ”

“อ๊ายยยย พี่พีช อย่าขว้างน้องยุกยิกของเค้านะ”

“ก็ไปสิ เร็วๆ ดับเทียนเหม็นๆนั่นด้วยนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องแม่ ว่าแกจะเผาบ้าน” แผดเสียงแหลมใส่ผู้เป็นน้องเป็นที่เรียบร้อยเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปอีกรอบ ครั้งนี้เธอจากไปพร้อมปิดประตูห้องดังโครมทิ้งท้ายเสียด้วย


ฉันรีบเก็บ น้องยุกยิก ตุ๊กตาหมาน้อยสุดหวงของฉันขึ้นมา ลูบหัวก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม หลังจากที่โดนนังพี่บ้าขว้างลงมานอนแอ้งแม้งกับพื้น

“ฉันจะแก้แค้นให้แกเองนะ ยุกยิก” ฉันว่าและรีบทรุดนั่งขัดสมาธิหน้าอ่างแก้วก่อนจะหยิบเทียนหอมขึ้นมาเพื่อสวดมนต์ดำสาปแช่งนังพี่ใจร้าย

“โอม....”

“ยัยพริก!!!!” เสียงนังปีศาจพีช ตวาดแทรกขึ้นมา ทำฉันสะดุ้งตัวโอน ทำเทียนหล่นลงไปในอ่างแก้ว

“โอ้ว.....นังปีศาจๆ ให้ตายเถอะ ยุกยิก เอาไว้ฉันจะฝึกเวทมนต์ให้แข็งแกร่งกว่านี้ แล้วฉันจะแก้แค้นให้นะ ตอนนี้แม่มดน้อยอย่างฉันยังสู้ฤทธิ์นังปีศาจไม่ไหว” ฉันเดินไปหยิบเงิน และกระดาษโน้ตเล็กๆ บนโต๊ะเครื่องแป้งของฉันขึ้นมาด้วยความจำใจ ทำไมฉันจะต้องเป็นคนไปซื้อของด้วยนะ นังพี่พีชบ้า ตัวเองอยู่บ้านเฉยๆ นั่งเล่นแต่คอมพิวเตอร์ทั้งวัน ทำไมไม่ไปฟระ ต้องมาเดือดร้อนฉันที่กำลังทำพิธียุ่งๆอยู่ให้ต้องผละออกไปซื้อของเนี๊ยะ แม่ก็ลำเอียง ใช้แต่ฉัน เห๊อะ...ลำเอียงขนาดไหนก็ดูชื่อสิ พี่ชื่อ พีช ฝรั่งจ๋าเชียว น้องชื่อ พริก โหยยยย.....อินเตอร์สุดๆ


เดินจากบ้านมาถึงตลาดใช้เวลา 10 นาที ด้วยตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก ตลาดที่นี่เป็นตลาดสด และค่อนข้างใหญ่ ภายในสะอาด จัดเป็นสัดส่วน พื้นปูด้วยซีเมนต์ และไม่เปียกแฉะ ทำให้เดินเลือกดูของได้อย่างสบายใจ
ฉันก้มดูโน้ตที่แม่จดให้ พบแต่รายการผัก และผัก และผัก

“อะไรเนี๊ยะ!!!!” เผลออุทานลั่น ทำไมมีแต่ผักฟระ

“อ่านไม่ออกเหรอ พริก ให้ป้าอ่านให้ไหม อยู่ ป.6 แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอ่านหนังสือไม่เป็นอีกละ มะๆ ป้าจะดูให้” ป้าแม่ค้าที่อยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นพลางกวักมือเรียก

“ไม่ใช่นะป้า พริกอยู่ ม.5 แล้ว โธ่...เอาแครอท” ทำไมชอบมองว่าฉันเป็นเด็กประถมกันจังเนี๊ยะ...สูง 155 ดูยังไงก็เด็กมหาลัย อะโธ่......

“อูย...ทำไมโตเร็วจัง ดูเหมือนเมื่อวานจะยังวิ่งเล่นซ่อนหาอยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอ” คุณป้าแม่ค้าทัก มือก็หยิบแครอทชั่งกิโลก่อนจะใส่ถุง......เหอๆ เมื่อวานสมัยไหนแล้วละนั่น

“เอาแครอทสดๆนะป้า เอาที่น้องมายด์เขาแจกมาให้อะ” ฉันแซวเล่น ก่อนจะหยิบผักอื่นๆ เพิ่มอีก เพื่อให้ป้าแม่ค้าใส่ถุงให้

จ่ายเงินและรับผักพร้อมรอยยิ้มอวดฟันหลอของป้าแม่ค้าใจดีมา ก่อนจะเดินไปในตลาดต่อ เพื่อหา บล็อคโคลี่อีก 1 อย่างตามที่แม่เขียนไว้ในโน้ต

ด้วยมัวแต่มองสอดส่ายสายตามองหาผักที่เหลือจึงไม่ได้มองตรงไปข้างหน้า ทำให้ปะทะเข้ากับร่างของบุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างจัง

“ขอโทษค่า” ฉันกล่าวขอโทษ และเงยมองร่างสูงของผู้ชายที่ฉันเดินชน เขาสูงมาก และไม่รู้ว่าฉันจะสูงได้เท่าไหล่เขาไหม ผิวขาว ใบหน้าคมเกลี้ยงเกลาล้อมกรอบไปด้วยผมสีทองที่ตัดเป็นทรงยอดฮิตด้านบนสไลด์สั้นชี้ตรงและยาวไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณท้ายทอยที่ผมไว้ยาวเกลี่ยลำคอ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมสีน้ำผึ้งรับกับสีผมกำลังปรายตามองดุมาที่ฉัน

“เดินยังไง ให้ชนกับคนที่ยืนอยู่นิ่งๆ” ริมฝีปากได้รูปของคนตรงหน้ากำลังกล่าวว่าฉัน

“ก็เดินมาเรื่อยๆ” นายนั่นแหละ ยืนยังไงให้ฉันชน

“แล้วชนคนอื่นเขาได้ยังไงละ ระวังหน่อยสิ” เขาขึ้นเสียงเอ็ดฉัน...แค่นี้ก็ต้องดุด้วย.. ตอนโดนฉันชนตัวเองยังยืนนิ่งเป็นเสาไฟ แล้วจะมาเดือดร้อนอะไรเนี๊ยะ

“อะไรละ ก็ขอโทษแล้วไง แล้วนี่ นาย....เหยียบกระดาษโน้ตของฉัน” ฉันชี้มือลงไปที่เท้าของเขา

เขาก้มลงมองตามนิ้วที่ชี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน และแสยะยิ้มให้ ใช่แล้ว เขาแสยะยิ้มให้ ยิ้มเจ้าเล่ห์จากใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะงัดนิสัยชั่วร้ายออกมาจากท่าทางดูดี ด้วยการใช้เท้าเขี่ยกระดาษโน้ต ผลักมาทางฉัน

“เก็บไปสิ ยัยเตี้ย!!!”

ฮ้า.........เตี้ย เตี้ย เตี้ย เตี้ย เสียงเอคโค่ จากไอ้ซาตานหัวฟักทองตรงหน้าดังกระหึ่มเซอราวด์ไปทั่วโสตประสาทของฉัน

หน๊อย...แก ไอ้หัวฟักทอง ดูถูกกันเกินไปแล้ว แกต่างหากละ ที่สูงแข่งกับเปรต แล้วมาว่าฉันเตี้ย อภัยให้ไม่ได้แล้ว

“ไอ้เปรต...แกมาว่าฉันทำไม คอยดูนะ มีเรื่องกับแม่มดแกจะต้องโชคร้าย” ฉันชี้หน้าด่าไอ้เปรตหัวฟักทองหน้าหล่อ ที่ยืนมองฉันด้วยสายตาดูถูก

“เตี้ยแล้วยังบ้าอีกเหรอ” อ๊ากกก....ไอ้หัวฟักทองมันว่าฉัน...แก..แก..แก

“สะ โล โก โย นะ รา ซิ โอ โม โม ฉิปหายๆ” ฉันร่ายมนต์และกำมือดีดนิ้วทั้ง 5 เพื่อสะบัดมนต์ดำใส่ไอ้หัวฟักทองที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงหน้า หึหึ....แกถูกมนต์ดำของฉันแล้ว ตะลึงตึงตึงไปเลยอะเดะ.....แกจะต้องโชคร้าย โทษฐานที่มาว่าฉันเตี้ย โดยไม่พิจารณาตัวเองว่าแกนั่นแหละสูงเกินไป

“ฮ่าๆ ทำอะไรหน่ะ ยัยเตี้ย โดนว่าแค่นี้ ประสาทรับประทานไปเลยเหรอ ไปศรีธัญญา หรือไม่ก็กลับบ้านไปหายาทานซะนะ ยัยบ้า ฮ่าๆ ประสาท”

“หึหึ....ปากดีไปเถอะ แกถูกเวทมนต์อภิมหาซวยแล้ว แกจะต้องโชคร้าย คอยดูนะ”

“ฮ่าๆๆ มนต์ดำเลยเหรอ ฮ่าๆๆ ประสาท เธอมันบ้าจริงๆด้วย” ไอ้หัวฟักทองยังคงหัวเราะไม่หยุด

“นี่! อย่ามาดูถูกเวทมนต์ของฉันนะ นายถูกฉันสาปแล้ว จะต้องเจอโชคร้าย โชคร้าย”

“ไหนละ โชคร้าย ยัยเตี้ย ไปบ้าห่างๆฉันเลยนะ เชื้อบ้าเธอเริ่มกระเด็นมาใกล้ฉันแล้ว” ไอ้หัวฟักทองทำท่าปัดเชื้อบ้าออกจากแขนเสื้ออย่างรังเกียจ

โฮ.........ไอ้คนชั่ว ว่าฉันเตี้ยไม่พอ ยังมาทำท่าราวกับว่าฉันเป็นตัวน่ารังเกียจอีก

“สะ โล โก โย นะ รา ซิ โอ โม โม ฉิปหายๆ” ฉันร่ายมนต์อีกรอบ ก่อนจะคว้าผักบุ้งกองโตที่แม่ค้ายังไม่ได้แบ่งออกมาขายเป็นมัดเล็กๆ อุ้มขึ้นมาและฟาดลงไปบนไหล่ไอ้เปรตฟักทอง

“โอ๊ย! อะไรเนี๊ยะ ยัยเตี้ย” ไอ้หัวฟักทองร้องโวยลั่น ผู้คนเริ่มแตกตื่นขึ้น แม่ค้าที่โดนฉันฉกผักบุ้งก็ร้องโวยขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้มีผลที่จะหยุดการกระทำของฉันได้

ฉันยังคงฟาดไอ้หัวฟักทองด้วยผักบุ้งไม่ยั้ง ก่อนจะคว้ามะเขือเทศสุกมาบีบให้เละคามือและปาใส่หัวไอ้หัวฟักทองโว้ว...ผมหัวฟักทองผสมมันบดนั้นถูกย้อมมะเขือเทศแล้ว ฮ่าๆ

“โอ๊ย...อ๊ากกกกกกกก ยัยบ้า เธอทำอะไรหน่ะ หยุดนะ ยัยเตี้ย”

มันเจ็บตัวขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังพ่นคำด่าฉันออกมาไม่หยุด พลางขยับเท้าเข้ามาหมายจะเอาเรื่องฉัน แต่ฉันก็อุ้มผักบุ้งกองโตขึ้นมาอีกครั้งฟาดมันใส่อกเขาและออกแรงผลักผักบุ้งกองโตกดไปกับอกเขาทำให้เขาล้มลง

“ป้าคะ เก็บตังที่ผู้ชายคนนี้เลยคะ เขาบอกว่า ขอซื้อผักบุ้งทั้งหมดที่กอดไว้นั่นแหละ อ่อ บนหัวนั่น เขาก็ขอซื้อหล่ะ" ฉันวิ่งออกมาพลางตะโกนร้องบอกป้าแม่ค้าเจ้าของผัก

“หยุดนะ ยัยบ้า ยัยตัวแสบ กลับมาเดี๋ยวนี้นะยัยเตี้ย!!!!!”

เสียงเอคโค่ว่า เตี้ย เตี้ย เตี้ย จากไอ้หัวฟักทองยังคงดังไล่ตามหลังเรียกฉันที่ใส่เกียร์หมาออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต


ในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย เห็นไหมละ มนต์ของฉัน เจ๋งขนาดไหน นี่แค่ร่ายไป 2 ครั้ง ไอ้หน้าหล่อหัวฟักทองนั่นยังโชคร้ายขนาดนี้ ถ้าฉันร่ายเพิ่มเข้าไปอีก ไอ้หัวฟักทองนั่นอาจถึงฆาตได้เชียวนะ ฮ่าๆ

“อะไร ยัยพริก มายืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน แกนี่นับวันยิ่งเพี้ยนหนักไปเรื่อยๆแล้วนะ สมองมันหยุดพัฒนาตามความสูงใช่ไหม” พี่พีชที่เปิดประตูออกมาพบฉันเอ่ยทักขึ้น

“ทำไมปากคอเราะร้ายแบบนี้เนี๊ยะ พี่พีช แต่งตัวสวยแบบนี้จะออกไปเที่ยวนอกบ้านใช่ไหม ดีละ โอม....ซาฮารานา อิลลิน่า เกตา ซ๊วย ซ้วย ซวย ฮ่าๆ เที่ยวไม่หนุกแน่”

“หึหึ.....แกยังบ้า อยากเป็นแม่มดไม่หายอีกเหรอ แล้วผักที่แม่ให้ซื้อมา มีไหน”

“หา.....ผัก ผัก ผัก” ฉันเริ่มหันรีหันขวางเหลียวมองรอบตัว จริงด้วย ผักที่ฉันซื้อมา มันหายไปไหน ว๊ากกกก.... ฉันต้องเผลอขว้างมันใส่ไอ้หล่อนั่นไปพร้อมกับผักบุ้งกองโตแน่ๆเลย

“อะไรนะ.....มนต์เมื่อกี้นี้หน่ะ ร่ายใหม่อีกทีสิ” นังพี่พีชพูดเยาะ ก่อนจะหัวเราะรวนและเดินลิ่วออกนอกรั้วบ้านไป
ทิ้งให้ฉันยืนเหงื่อแตกซกอยู่หน้าบ้าน

“พริก มารึยังหน่ะ เร็วๆหน่อย แม่ตั้งหม้อไว้แล้วนะ” เสียงแม่เรียกดังมากจากในห้องครัว

“เชราดา มีนา บุ้งกี๋ นะ นะ เม ตะ ตา แคล้วคลาดๆ”






 

Create Date : 09 เมษายน 2549    
Last Update : 9 เมษายน 2549 23:30:04 น.
Counter : 253 Pageviews.  

 
 

ปลาเอ๋อ
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เหตุและผลของเวลา เปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไป..แล้วนับประสาอะไร...กับใจคน...
[Add ปลาเอ๋อ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com