รูปภาพของทหารไทย สังกัดกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ในติมอร์ตะวันออก (2)
Historical Photos of Thai Peacekeeping Forces in East Timor (Timor Leste)
โดย พันตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ (ยศในขณะนั้น)
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (พ.ศ.2547)
By Major Saniroj Thumayos
United Nations Military Observer in East Timor (7th January 2003 - 7th January 2004)
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหาร จากกองทัพไทยและเด็กๆ ชาวติมอร์ในเมืองไอนาโร่
Thai UNMO and Timorese kids in Ainaro. (2003)
พันตรีศนิโรจน์ ธรรมยศ ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารจากกองทัพไทยและ เดวิด เคลวิน เหลียง เจ้าหน้าที่ตำรวจสหประชาชาติจากสิงคโปร์ ในการแข่งขันฟุตบอลที่เมืองไอนาโร่
Major Saniroj Thumayos, Thai UNMO, and David Kelvin Leong, Singaporean UNPOL, at football field, Ainaro, 2003.
ขณะรวบรวมข้อมูลด้านความมั่นคงจากชาวบ้านซาบากาเลา, ชานเมืองไอนาโร่
Thai UNMO was gathering information from locals at Sabagalau sub-village, Ainaro, 2003
เส้นทางที่ทุรกันดารระหว่างลาดตระเวนเดินเท้าสู่หมู่บ้านออสนาโค, เมืองทูริสไค
Foot patrol to Osnaco, Turiscai, 2003.
ขบวนรถเจ้าหน้าที่สหประชาชาติมุ่งหน้่าสู่เมืองซาเม เพื่อรอต้อนรับการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีติมอร์
UN convoy on the way to Same, preparing for Prime Minister's visit, 2003
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยและนักรบติมอร์โบราณที่เมืองทูริสไค
Thai UNMO and Timorese ancient warriors at Turiscai, 2003.
การฝึกยิงปืนของตำรวจติมอร์ในเมืองไอนาโร่
Thai UNMO and Pakistan UNMO and Timorese Police at shooting range in Ainaro, 2003.
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยและกองกำลังรักษาสันติภาพของโปรตุเกสร่วมกันปฏิบัติภารกิจปิดล้อม ตรวจค้น ที่หมู่บ้านคาซซา เมืองไอนาโร่
Thai UNMO and Portuguese Peacekeeping force during their cordon search mission at Cassa Village, Ainaro, 2003.
กองกำลังรักษาสันติภาพของไทยปฏิบัติภารกิจที่หมู่บ้านดาเร เมืองไอนาโร่
Thai Peacekeeping force conducted their mission in Dara, Ainaro, 2003.
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยและออสเตรเลีย ในไอนาโร่
Thai UNMO and Aussie UNMO during Monsoon season in Ainaro, 2003.
ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยและบราซิลระหว่างการลาดตระเวนร่วมของทหารอินโดนีเซียและตำรวจชายแดนติมอร์ บริเวณจุดผ่านแดนที่ 1 เมืองโอกุสซี่
Thai UNMO and Brazilian UNMO with Indonesian troop and Timorese Border Patrol Unit in coordinated patrol at Juntion Point 1, Oecussi, 2003.
พันตรีศนิโรจน์ ธรรมยศ ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทย พร้อมด้วย พันตรี มูริโล ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของบราซิล, ตำรวจชายแดนติมอร์และทหารอินโดนีเซียจากกองพันทหารราบที่ 611 ลาดตระเวนร่วมบริเวณเส้นเขตแดนที่จุดผ่านแดนที่ 1, หมู่บ้านเมียวโบล่า, เมืองโอกุสซี่, ติมอร์ตะวันออก
Major Saniroj Thumayos (Thai UNMO), Major Murilo (Brazilian UNMO), Timorese Border Patrol Unit and TNI (Indonesian troops from 611 Battalion (Awanglong)) during coordinated patrol at Junction Point 1, Meobola, Oecussi, 2003.
ตลาดที่เมาบิสซี่ (Maubisse) ติมอร์
Market at Maubisse, Timor, 2003
Brazilian UNMO, Timorese BPU and Thai UNMO at Junction Point 1, Oecussi, 2003.
ตำรวจสหประชาชาติของสิงคโปร์และผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยบนจุดสังเกตุการณ์ของเมืองไอนาโร่
Singaporean UNPOL and Thai UNMO at Observation Point in Ainaro, 2003.
ซ้ายสุดคือร้อยโท ซูลิสติโย เฮอร์ลัมบัง ผู้บังคับหมวดทหารราบอินโดนีเซีย จากกองพันทหารราบที่ 611 ร่วมกับผู้สังเกตุการณ์ทางทหารของไทยและปากีสถาน เตรียมลาดตระเวนร่วมกับตำรวจชายแดนติมอร์ที่จุดผ่านแดนที่ 1 โอกุสซี่
(Left hand) Lt. Sulistiyo Herlumbang, Indonesian Platoon Leader of 611 Infantry Battlion and Thai UNMO, Pakistan UNMO at Junction Point 1, Oecussi, 2003.
ผู้สังเกตุการทางทหารของไทยขณะขับรถมุงหน้าสู่เมือง ซาเม
Thai UNMO driving to Same
UNPOL, UNMO, BPU and TNI (Indonesian troops) in coordinated patrol at Junction Point 1, Oecussi, 2003.
(คนกลาง) พันตรียงยุทธ ขันธ์ทวี นายทหารส่งกำลังบำรุงของกองพันทหารราบไทย พร้อมพลขับ ประสบอุบัติเหตุรถเบรคแตก เกือบตกเขาในพื้นที่ไอนาโร่ โชคดีที่มีเนินทราย (ที่เห็นด้านหลัง) หยุดรถเอาไว้ก่อนที่จะพุ่งลงเหว
ในบันทึกเหตุการณ์วันนั้นของพันตรีศนิโรจน์ ธรรมยศ ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่ไอนาโร่ ได้บันทึกไว้ว่า
".. วันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2546 .. ภายหลังจากที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติได้เริ่มเปิดยุทธการ บิ้คเฮ้าส์ (Operation Big House) เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อทำการค้นหาและกวาดล้างกลุ่มมิลิเทียซึ่งมีที่มั่นอยู่ในเมืองทูริไค (Turiscai อยู่ทางตอนเหนือของไอนาโร่ขึ้นไปกว่าสามชั่วโมงโดยรถยนต์) การกวาดล้างกลุ่มมิลิเทียในครั้งนี้อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของไอนาโร่
ดังนั้นกองบัญชาการผู้สังเกตุการณ์ทางทหาร (UNMO HQ) ในพื้นที่ภาคกลาง (Sector Central) จึงสั่งการให้ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่เมืองไอลิ่ว (Aileu) จำนวน 2 นาย เป็นนายทหารจอร์แดนและบังคลาเทศ เดินทางมาสมทบกับผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่เมืองไอนาโร่ ซึ่งข้าพเจ้าและพันตรีสัจจาด ซาลิมจากปากีสถาน ทำหน้าที่อยู่
จากนั้นก็ออกลาดตระเวนตามเส้นทงหมู่บ้านโซโรไคร (Sorocric) ไปยังเมืองคาซซ่า (Cassa) ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งไม่มีวี่แววของพวกมิลิเทียเลย ภายหลังจากที่ลาดตระเวนมาทั้งวัน ช่วงเย็นข้าพเจ้าและเดวิค เคลวิน เหลียง (David Kelvin Leong) ตำรวจสหประชาชาติจากสิงคโปร์ ออกกำลังกายเบาๆ อยู่ที่หน้าอาคารสำนักงานชั่วคราวของสหประชาชาติที่ไอนาโร่
ขณะนั้นมีกลุ่มคนประมาณ 5-8 คนแต่งชุดพลเรือนเดินลัดเลาะมาตามอาคาร พร้อมกับมีเสียงพูดเป็นภาษาไทยว่า
"เฮ้ย .. นั่นทหารไทยนี่หว่า"
ข้าพเจ้ารีบยกมือไหว้ไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น จึงทราบว่าคณะบุคคลดังกล่าวเป็นคณะของรองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก พร้อมคณะแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เดินทางจากนครดิลี เมืองหลวงของติมอร์ ผ่านมาไอนาโร่ เพื่อลงใต้สู่เมืองซูไอ (Suai) ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของกองกำลัง 972 ไทย/ติมอร์ตะวันออก ผลัดที่ 6 แทนเมืองเบาเกา (Baucau) ที่ทหารไทยประจำการอยู่มาตั้งแต่ผลัดที่ 1 - 5
ระหว่างที่คณะเดินทางมาถึงเมือง "ดาเร" (Dare) ซึ่งอยู่ก่อนถึงเมืองไอนาโร่ประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ด้วยเส้นทางที่ทุรกันดารและคดเคี้ยว ต้องใช้เวลาเดินทางถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากรถทำความเร็วได้ไม่เกิน 20 - 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น รถยนต์ร่วมคณะคันหนึ่ง ซึ่งมีพันตรียงยุทธ ขันทวี ฝอ.4 ของกองพันทหารราบไทย ได้เกิดเบรคแตก พุ่งลงตามถนนที่ลาดชัน ริมหน้าผา
แต่ก่อนที่จะพลัดตกลงหน้าผานั้น พลขับ .. เป็นจ่าสิบเอกจากกรมยุทธการทหารบก ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานผู้แทนชาติไทย (Thai NCE) ในกรุงดิลี .. ได้ตัดสินใจกระชากเบรคมือ รถจึงตีกลับ หันซ้ายจะพุ่งลงหน้าผาอีกด้านหนึ่ง โชคดีที่มีกองดินเล็กๆ อยู่กองหนึ่งริมหน้าผา รถจึงพุ่งขึ้นไปเกยอยู่บนกองดินนั้น รอดพ้นจากการเกิดโศกนาฎกรรมมาได้อย่างหวุดหวิด
คณะผู้บังคับบัญชาจึงทิ้งรถไว้ที่จุดเกิดเหตุพร้อมกับพันตรียงยุทธ ขันทวีและพลขับ เพื่อรอชุดกุ้ซ่อมจากกองพันทหารราบของไทยเมืองซูไอ ซึ่งอยู่ไกลออกไปทางใต้อีกกว่าสองชั่วโมง ข้าพเจ้าจึงแจ้งให้ทราบว่า วันนี้มีการเปิดยุทธการบิ้ค เฮ้าส์ เพื่อกวาดล้างมิลิเทีย ในพื้นที่ใกล้เคียง เกรงว่ากำลังพลทั้งสองนายจะเป็นอันตราย
คณะผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ข้าพเจ้าเดินทางขึ้นไปยังสถานที่เกิดเหตุ เพื่อหาทางช่วยเหลือก่อน เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาเกือบ 18.00 น.แล้ว ชุดกู้ซ่อมคงไม่สามารถเดินทางมาช่วยเหลือได้ทันในวันเดียวกัน
เมื่อขบวนรถของคณะผู้บังคับบัญชาออกเดินทางต่อไปยังเมืองซูไอแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอให้เคลวิน เหลียง ตำรวจสหประชาชาตินำกำลังตำรวจติมอร์จำนวนหนึ่ง ขับรถจำนวนสองคัน คือรถของข้าพเจ้าหนึ่งคัน และรถของเคลวิน เหลียงหนึ่งคัน ออกเดินทางจากเมืองไอนาโร่ แต่เนื่องจากการรวบรวมตำรวจติมอร์จำนวน 4 - 5 นายนั้น เป็นไปด้วยความล่าช้า ทำให้พวกเราเริ่มออกเดินทางจากไอนาโร่เกือบ 20.00 น. ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบในการปฏิบัติภารกิจของผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่ห้ามปฏิบัติภารกิจในเวลากลางคืน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ
รถของเราทั้งสองคัน คืบคลานไปอย่างช้า ผ่านภูมิประเทศที่ลาดชัน บนถนนที่ลื่นไถลริมหน้าผาและเขาสูงชัน เต็มไปทางเลี้ยวหักศอกทุกๆ อึดใจ ป่าที่มืดทึบปกคลุมจนแสงจันทร์ไม่สามารถส่องผ่านลงมายังพื้นถนนที่ขรุขระและเป็นหลุม เป็นบ่อได้
จนกระทั่งเวลา 21.00 น. ข้าพเจ้าก็มองเห็นกองไฟเล็กๆ อยู่ริมหน้าผาเบื้องหน้า มีเงาตะคุ่มๆ ของรถยนต์จนอยู่ใกล้ๆ ข้าพเจ้าจึงจอดรถและเดินลงไปหาเงาของคนสองคน ที่ลุกขึ้นยืนรอข้าพเจ้าอยู่ พร้อมกับทำวันทยาหัตถ์และกล่าวว่า ".. สวัสดีครับพี่ ผมพันตรีศนิโรจน์ ธรรมยศ เป็นอันโม่ (UNMO = United Nations Military Observer) อยู่ที่เมืองไอนาโร่ใกล้ๆ นี้ครับ .."
พันตรียงยุทธ ขันทวี ฝอ.4 กองพันทหารราบของไทยจึงเข้ามาทักทายและเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่าวันนี้ปอร์แบต (กองพันโปรตุเกส - Por Batt = Portuguese Battalion) กำลังเปิดยุทธการกวาดล้างมิลิเทียอยู่ใกล้ๆ นี้ เกรงว่าถ้าพักค้างคืนบนหน้าผาตรงจุดเกิดเหตุ จะเป็นอันตรายได้หากพวกมิลิเทียหลบหนีผ่านมาทางนี้ พันตรียงยุทธได้กล่าวกับข้าพเจ้าด้วยประโยคที่ยังจดจำมาจนถึงวันนี้ว่า
".. พี่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้รักษารถซึ่งเป็นทรัพย์สินของสหประชาชาติเอาไว้ พี่คงไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปได้ .. ถ้าน้องจะลงไป ก็ลงไปก่อนเถอะ .."
ข้าพเจ้าจึงตอบไปว่า "พื้นที่ไอนาโร่เป็นพื้นที่รับผิดชอบของผม ถ้าพี่ไม่ลง ผมก็ไม่ลงครับพี่ .."
มาถึงเวลานี้เคลวิน เหลียง ตำรวจสหประชาชาติและตำรวจติมอร์ก็จำต้องถอนตัวลงไปยังสถานีตำรวจเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจติมอร์ที่มีอาการหวั่นวิตกอย่างออกหน้า ออกตา เพราะต่างเคยเห็นพิษสงของกลุ่มมิลิเทียมาหลายครั้ง ข้าพเจ้าจึงให้เคลวิน เหลียงนำตำรวจทั้งหมดลงไปจากจุดเกิดเหตุ และพักคอยที่สถานีตำรวจเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก คงเหลือทหารไทยเพียงสามนายเท่านั้น
หนทางที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ ข้าพเจ้าพยายามติดต่อกับกองพันทหารไทยที่อยู่ที่เมืองซูไอ เพื่อขอรับคำสั่งใหม่ ให้สละรถ แล้วนำทหารไทยทั้งสองนายเข้าไปพักค้างคืนกันที่เมืองไอนาโร่ แล้วรอจนรุ่งเช้าค่อยกลับมาที่จุดเกิดเหตุ
ปัญหาก็คือ การติดต่อทางวิทยุจากไอนาโร่ ไปจนถึงฐานของทหารไทยที่เมืองซูไอนั้นไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากอยู่ไกลเกินรัศมีของวิทยุ ข้าพเจ้าจึงต้องวิทยุจากจุดบนเขาไปหาเคลวิน เหลียง แล้วให้เคลวิน เหลียง วิทยุต่อไปยังเมืองไอนาโร่ ให้พันตรีสัจจาด ซาลิม ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารจากปากีสถานโทรศัพท์ไปยังกองพันทหารราบไทยที่ซูไอ เพื่อขอรับคำสั่งสละรถ การติดต่อเป็นไปอย่างยากลำบาก ใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมง