|
[7][สิว] รักษาสิวมาแล้ว 4 สัปดาห์ ...update รูปถ่าย
19-Sep-08
ตามที่ได้เกริ่นไว้ครั้งก่อนว่าหลังไปรักษาสิวกับคุณหมอครบ 4 สัปดาห์ จะมาอัพเดทรูปถ่ายให้ชมกันค่ะ
ก่อนอื่นเลย...มาย้อนรอยดูรูปในอดีตที่เป็นวันวานยังหวานอยู่ ช่วงก่อนสิวกระจายนะคะ
รูปถัดไป...เป็นช่วงที่สิว..สิว...สิว เห่อขึ้นมาเต็มหน้าเลยค่ะ สังเกตว่าใบหน้าและผมค่อนข้างมันมาก
เฮ้อ!! เลยต้องแบกหน้าอันอุดมไปด้วยสิวไปให้คุณหมอช่วยเยียวยา
หลังจากที่ทาน Roaccutane มาประมาณสัปดาห์กว่าๆ..อาการหน้ามันลดลงไป แต่พวกสิวอุดตันจะเห่อขึ้นมา บริเวณคาง กราม จากที่เคยเป็นแค่ตุ่มๆ ไม่มีหัวสิว ก็เริ่มมีหัวสิวขาวๆ ปรากฏขึ้นประปราย
รูปชุดแรกและชุดที่ 2...ถ่ายช่วงเช้าของวันที่ 18 หลังจากล้างหน้าเสร็จเลยค่ะ ให้ดูสภาพผิวหน้าแบบชัดเจน
รูปชุดที่ 3 ถ่ายเมื่อเช้านี้เองค่ะ ในรูปก็ทายา, กันแดด, แป้งฝุ่น ขอแอบปัดแก้ม+ปัดมาสคาร่านิดหน่อย แล้วก็ทาแค่ลิปมันค่ะ
ยังไงก็ต้องขอปัดแก้มหน่อยค่ะ..ไม่งั้นดูไม่จืด ไม่เป็นผู้เป็นคนเลยทีเดียว
ขั้นตอนการใช้ยาทารักษาสิว :
ช่วงเช้า - ก่อนล้างหน้า - ยา BP5 ทาบริเวณ T & U Zone, บริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออก (ถ้าแสบมากให้ล้างออกทันที) - ล้างหน้า Ac•P Clear Skin Cleanser
ช่วงเช้า - หลังล้างหน้า - ยา CM2 ทาบริเวณที่เป็นสิว - Aloe Fresh ทาบริเวณที่ผิวแห้ง - กันแดด Sun 19
ช่วงเย็น - ก่อนล้างหน้า - ยา BP5 ทาบริเวณ T & U Zone, บริเวณที่เป็นสิว ห้ามทาใต้ตา, ช่องจมูก, มุมปาก ทิ้งไว้ 15-30 นาที ล้างออก - ล้างหน้า Ac•P Clear Skin Cleanser
ช่วงเย็น - หลังล้างหน้า - ยา CM2 ทาบริเวณที่เป็นสิว - Aloe Fresh ทาบริเวณที่ผิวแห้ง และรูขุมขน - ยา PS แต้มเฉพาะหัวสิว
Create Date : 19 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 13:38:54 น. |
Counter : 1812 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[6][สิว] พบคุณหมอ..ครั้งที่ 4
11-Sep-2008
เมื่อวานนี้ประมาณ 11 โมงกว่าๆ ทางพนักงานของคลินิกโทรมาหา..บอกว่าคุณหมออยากให้เข้ามาไปพบสัปดาห์นี้เลย เพื่อจะได้ดูอาการว่าเป็นยังไง จริงๆ แล้วเรามีคิวนัดกับคุณหมอในสัปดาห์หน้านู่นเลย แต่เนื่องจากที่เริ่มทานยา Roaccutane ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณหมอก็อยากเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ก็ ok. ค่ะ...วันนั้นว่างอยู่พอดี
คุณหมอก็สอบถามว่ามีอาการปากแห้ง หรือตาแห้งมากหรือเปล่าหลังจากทานยา Roaccutane ไปแล้ว... ถ้าหากไม่มีอาการพวกนี้มาก คุณหมออยากเปลี่ยนการทานยา จากที่ทานวันเว้นวัน ก็สรุปว่า..เพิ่มการทานยาเป็นวันละ 1 เม็ด
อาการโดยรวมของเราดีขึ้น... ไม่มีสิวอักเสบเม็ดใหม่ๆ บนหน้า แต่มันมาขึ้นตรงคอแทนอ่ะ แค่เม็ดเดียว...
เราก็ถามคุณหมอไปว่า...การรักษารอยสิวเนี่ย ต้องทำหลังจากหลังจากสิวทั้งหมดก่อนใช่ไหม คุณหมอบอกว่า...สามารถรักษารอยสิวไปได้พร้อมๆ กับการรักษาสิวเลย ซึ่งก็คือการทำ IPL ลบรอยสิวทั่วใบหน้า ถ้ากังวลเรื่องรอยสิว ก็สามารถทำได้เลย
แฮะๆ ...ตกลงก็เลยทำ IPL ทั่วหน้าเลย ช่วงนี้ก็ลดเหลือ 2,990 บาท และแถม ultra phono 500 บาท แต่คุณหมอบอกว่าเก็บ ultra phono ไว้ทำคราวหน้าได้ อุอุ ดีเลยค่ะ ซึ่งหลังจากทำ IPL วันนี้ คุณหมอบอกว่าจะทำให้สิวเสี้ยนหมดไป, รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง, รอยดำรอยแดงของสิวจะจางลง รวมทั้งลดความหมองคล้ำ ผิวจะขาวใสขึ้น
คุณหมอบอกว่า..หลังจากทำ IPL ลดรอยสิวแล้ว เวลาทา BP5 อาจจะเกิดอาการเสบหน้าได้ จึงไม่จำเป็นทิ้งไว้นานถึง 30 นาที หลังทำการรักษาด้วย IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์และต้องทายากันแดดเป็นประจำ
สำหรับยาทารักษาสิว...ยังใช้ยาตัวเดิมทั้งหมด คือ BP5, CM2, PS Lotion อ่อ..ต้องเปลี่ยนสบู่ล้างหน้าด้วย เพราะสบู่ล้างหน้า Deep Cleanser จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาเรื่องสิวอักเสบแล้ว ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ Ac•P Clear Skin Cleanser ที่เหมาะสำหรับลดการอุดตันของสิวและควบคุมความมันด้วย Salicylic Acid
แล้วคุณหมอก็ให้ไปเตรียมตัวในห้อง Laser ...ซึ่งวันนี้คุณหมอจะยิง IPL ลดรอยสิวทั่วหน้า ตามด้วยยิง Blue Light เพื่อฆ่าเชื้อสิวบริเวณกรามและลำคอ
คุณหมอบอกว่า...ถ้ามีรอยดำของสิวเยอะก็ต้องยิงหลาย shot หน่อยในครั้งแรก แต่ครั้งหลังๆ เมื่อไม่ค่อยมีรอยสิวแล้ว จำนวน shot ก็จะลดลงไปด้วย คุณหมออธิบายให้ฟังก่อน เผื่อว่าคราวหน้าจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมคุณหมอยิงแป๊บเดียวเอง อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ
หลังจากนั้น...ก็ย้ายไปห้อง Treatment พนักงานก็บอกเลยว่า "ฉีดสิวนะคะ"
ตกใจเลยค่ะ...รีบลุกขึ้นนั่งแล้วบอกว่า "พี่ไม่กดสิวนะคะ ช่วยไปถามคุณหมอให้หน่อยว่าไม่กดได้ไหม"
พนักงานตกใจเล็กน้อย...รีบไปถามหมอ คุณหมอบอกว่าไม่กดก็ได้
น้องเขาก็ถามว่า...เราเคยฉีดสิวหรือกดสิวมาก่อนไหม ก็เลยบอกไปว่า...เคยทำเมื่อ 2-3 ปีก่อน เจ็บมาก...แถมทิ้งรอยไว้อีกตะหาก
น้องพนักงานก็บอกว่าให้ลองฉีดดูสัก 1 เม็ด ถ้าเจ็บก็ไม่ต้องทำต่อ ...โอเช ลองดูสักตั้ง เข็มแรก..ฉีดสิวที่กำลังบวมเป่งตรงลำคอ
เออ...แฮะ ไม่เจ็บ ก็เลยฉีดต่อไป อิอิ คุณหมอวาดสิวมาใน face map ว่าให้ฉีดสิว 4 เม็ด และกดสิว 1 เม็ด หลังจากนั้น..น้องเขาก็ติดพลาสเตอร์เล็กๆ เพื่อห้ามเลือดให้ และบอกว่าประมาณ 5 นาทีก็แกะออกได้ค่ะ
ในที่สุด ก็ได้ฉีดสิวแล้ว ปลาบปลื้มจริงๆ สงสัยไปพบคุณหมอครั้งหน้า..อาจจะโดนแซว ฮ่าๆๆๆๆ...
***************************
IPL คืออะไร? IPL ( Intense Pulsed Light ) คือ เป็นพลังงานแสงความเข้มสูง คล้ายแสงแฟลช ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง และรักษารอยที่เกิดจากแสงแดดทำร้ายและทำลายเซลล์ผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย โดยไม่ทำให้ผิวหนังบาดเจ็บและไม่ต้องพักฟื้น
IPL รักษาอะไรได้บ้าง? - IPL ใช้รักษากระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก
- ริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยรอบปาก IPL จะกระตุ้นให้ผิวชั้นกลางสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาริ้วรอยเล็กๆ ก็จะลดลง
- รอยแดง เส้นเลือดแดงฝอยเล็กๆ และฝ้าเส้นเลือด IPL จะทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง
- รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง
- ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ผิวขาวใสขึ้น
ข้อจำกัดหรือข้อควรปฏิบัติก่อนการรับการรักษาด้วย IPL มีอะไรบ้าง? IPL ใช้รักษาได้ทุกบริเวณของร่างกาย เช่น ใบหน้า คอ อก แขน มือ หลัง ขา รักแร้ เนื่องจาก IPL ทำงานโดยการจับกับเม็ดสี ทำให้มีข้อจำกัดในการรักษาในบริเวณที่ผิวมีสีเข้มมาก ผู้ที่มีผิวสีเข้ม-ดำ และผู้ที่กลับจากการอาบแดดหรือผิวไหม้แดดมาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ไม่สามารถทำการรักษาได้ด้วย IPL เพราะอาจทำให้ผิวไหม้ได้
ข้อควรปฏิบัติตัวก่อนการรับการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดเช่นอาบแดดหรือไปเที่ยวทะเลก่อนทำการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์
ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร? การรักษาเริ่มจากนำเจลเย็นมาทาตรงบริเวณที่จะรักษา และสวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงจ้าที่เกิดจากเครื่อง IPL แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษา และ ปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ
ขณะทำการรักษาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง? ขณะที่แสงถูกปล่อยออกมา จะรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ และอุ่นเล็กน้อยบนผิว การทำการรักษาด้วย IPL ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดจึงไม่จำเป็นต้องทายาชา
ในการรักษาแต่ละครั้งใช้เวลานานแค่ไหน? การรักษาอาจใช้เวลาตั้งแต่ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา
ต้องรับการรักษากี่ครั้งจะเห็นผล? ส่วนใหญ่การรักษาควรต่อเนื่องตั้งแต่ 4 - 6 ครั้ง เดือนละครั้ง โดยทั่วไปหลังการรักษาเพียงครั้งเดียวจะรู้สึกได้ว่า ผิวเรียบขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น รอยดำและรอยแดงจางลง หลังการรักษาประมาณ 4 – 6 ครั้ง รอยแดงและรอยดำรวมทั้งกระตื้นจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด สีผิวสม่ำเสมอและเนียนใส
ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วย IPL การรักษาด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูงผลข้างเคียงที่พบในผู้รับการรักษาบาง ราย เช่น หลังทำจะรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20-30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2–3 ชั่วโมง ในคนที่รักษากระตื้นจะเกิดสะเก็ดหลังทำอยู่ประมาณ 3 - 7 วัน หลังทำการรักษาด้วย IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์และต้องทายากันแดดเป็นประจำ
Create Date : 19 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 13:36:32 น. |
Counter : 1353 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[5][สิว] พบคุณหมอ..ครั้งที่ 3
4-Sep-2008
ที่ไม่ได้อัพเดทบันทึกการใช้ยาช่วงสัปดาห์ที่ 2 (28 Aug. - 3 Sep.08) เป็นเพราะมีขั้นตอนและวิธีการใช้เหมือนสัปดาห์แรกเป๊ะๆ เลยค่ะ ยังไงก็ขอข้ามมาถึงตอนไปพบหมอรักษาสิว..ครั้งที่ 3 กันเลยนะคะ
ในช่วงเดือนแรกของการรักษา คุณหมอจะให้เข้ามาพบทุกสัปดาห์เพื่อติดตามอาการหลังจากการใช้ยาและทำ treatment รักษาสิว
คุณหมอตรวจสภาพผิวหน้าแล้ว บอกว่าการใช้ยาทารักษาสิวได้ผลเป็นที่พอใจ เนื่องจากไม่มีการเกิดสิวอักเสบใหม่ ส่วนสิวอุดตันที่ฝังตัวอยู่ภายใต้ผิวหนังในชั้นที่ค่อนข้างลึก ก็เริ่มดันตัวขึ้นมา ซึ่งสิวพวกนี้ เวลาลูบดูจะรู้สึกว่าเป็นเม็ดนูนๆ แต่มองไม่เห็นหัวสิว และไม่สามารถใช้วิธีกดออกได้ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ ต้องค่อยๆ ใช้ยาลอกขุย ซึ่งทำให้สิวแห้งและหลุดออกหรือดันตัวขึ้นมา แต่เรายังมีปัญหาความมันบนใบหน้าอยู่ค่อนข้างมาก
เราแจ้งให้คุณหมอทราบว่า...สัปดาห์หน้ามีความจำเป็นต้องแต่งหน้าแบบที่ต้องลงรองพื้น แป้งพัฟ แบบ full option เพื่อไปงานเลี้ยง คุณหมอบอกว่า..ถ้าอย่างนั้นจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแผนในการรักษาสิวของเราเล็กน้อย
ซึ่งตอนแรก..คุณหมอวางแผนไว้ว่าจะให้เราเริ่มใช้ ยาที่ออกฤทธิ์เหมือน Roaccutane แต่เป็นแบบชนิดยาทาที่ช่วยลดปัญหาผิวมันและละลายสิวอุดตันได้ดี แต่คุณหมอเกรงว่า..ถ้าเราแต่งหน้าในวันนั้นอาจทำให้สิวอุดตันเกิดการอักเสบได้ ซึ่งจะทำให้ยืดระยะเวลาในการรักษาออกไปอีก
ถ้าเป็นแบบนั้น..ก็ต้องให้เราเปลี่ยนจากใช้ยาทา มาเป็นยารับประทานกลุ่ม Retinoids ซึ่งก็คือ Roaccutane
เราเคยได้ยินเคสของผู้ป่วยหลายๆ คนที่รักษาสิวด้วยยาตัวนี้มาก่อน ซึ่งยานี้เป็นยาควบคุมและจัดเป็นยาอันตราย จึงสอบถามคุณหมอไปบอกจำเป็นต้องทานให้ครบ Dose ไหม
คุณหมออธิบายว่า...ในกรณีของเรา เป็นการรับประทานยาเพื่อลดปัญหาผิวมัน จึงไม่จำเป็นต้องทานให้ครบ Dose ซึ่ง Dose ของยานี้ คำนวนการกินกับน้ำหนักตัว คือ 1 mg./1 kg./วัน ซึ่งถ้าจะทานให้ครบ Dose เราต้องประมาณ 5 เม็ดต่อวัน ถ้าทานวันละ 5 เม็ด..บริษัทขายยาจะรวยเอาๆ
ฮ่า ฮ่า.... คุณหมอบอกมางั้น
แล้วคุณหมอก็สอบถามประวัติของเรา..ว่ากำลังวางแผนที่จะตั้งครรภ์หรือเปล่า มีภาวะโรคตับ โรคไต ไขมันเลือดสูง เบาหวาน เคยใช้ยาตัวนี้มาก่อนหรือไม่ เนื่องจากยาตัวนี้มีผลข้างเคียงของยา
โดยคุณหมอจะให้เราทานเพียงแค่วันละ 1 เม็ด ซึ่งเราต้องทานติดต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ คุณหมอบอกว่า..ถ้าเดินหน้าทำตามแผนนี้แล้ว จะเปลี่ยนใจถอยหลังไม่ได้ ต้องทานให้ครบตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้
สัปดาห์แรก..คุณหมอให้ทานวันเว้นวัน เนื่องจากเราใส่ contact lens คุณหมอเกรงว่าเราจะมีปัญหาตาแห้งทำให้ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ นอกจากนี้..จึงควรดื่มน้ำเพิ่มให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดอาการตาแห้ง ปากแห้ง
สำหรับยาทารักษาสิว...ก็ให้ใช้ยาทาตัวยาเดิมที่ได้รับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และให้ทานยาแก้อักเสบเป็นสัปดาห์สุดท้าย ส่วนยา Roaccutane ให้ทานหลังอาหารทันทีและเมื่อเริ่มทานในช่วงเวลาใด วันถัดๆ ไป..ก็ควรทานในช่วงเวลาเดียวกันต่อไปจนครบกำหนดที่คุณหมอตั้งไว้
เหมือนเช่นเคย คุณหมอถามอีกแล้วว่าจะฉีด+กดสิวด้วยหรือเปล่า พอถามเสร็จ คุณหมอบอกว่า ก็ต้องลองถามดูทุกครั้งล่ะ เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจ
.. เง้อๆ ยังไงก็ขอผ่านไปอีกเหมือนเช่นเคยค่ะ แต่ไม่แน่นะ..อาจจะลองดูครั้งหน้าก็ได้
การรักษาในวันนี้ เราซื้อ Package รักษาสิวและรอยสิว ครั้งละ 1,349 บาท อีกแล้วค่ะ
5 ขั้นตอนเพื่อการรักษา 1. IPL (570) ลำแสงเพื่อการรักษารอยดำ และรอยแดงจากสิว ... ครั้งนี้คุณหมอบอกว่าจะยิงเน้นรอยสิวมากกว่า ยิงรักษาสิวนะคะ 2. Blue Light แสงสีฟ้าฆ่าเชื้อสิว การรักษาสิว 3. ฉีดและกดสิว ...ไม่ได้ทำค่ะ 4. ทรีทเมนท์รักษาสิว 5. ยาทารักษาสิวและรอยสิว 3 ชนิด แต่เราเอาขอเฉพาะ BP5 แทน..ก็เลยได้มา 3 หลอด เพราะยา CM-2 กับ PS Lotion ยังมีเหลือใช้อยู่ค่ะ
คุณหมอก็นัดให้มาดูอาการอีก 2 สัปดาห์หน้าค่ะ...
.. แล้วเจอกันค่ะ บ๊าย บาย *-*
****************************
Acnotin, Roaccutane
ชื่อสามัญทางยาคือ Isotretinoin เป็นกรดวิตามินเอ มีสรรพคุณในการลดการทำงานของต่อมไขมันและต้านการอักเสบ ใช้รับประทานเพื่อรักษาสิวชนิดเป็นซีสต์ที่เป็นมากหรือสิวที่รวมเป็นก้อน ซึ่งดื้อต่อยารักษาชนิดอื่น โดยให้รับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน 16-18 สัปดาห์
กลไกการออกฤทธิ์ของยา ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เกี่ยวกับการลดการทำงานของต่อมไขมัน ขนาดของต่อมไขมันเล็กลง และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของผิวหนัง เชื้อ P.acne ลดลง อาจเนื่องจากไขมันที่เป็นอาหารลดน้อยลง
สิ่งที่ควรตรวจก่อนกินยา ตรวจเลือด ดูการทำงานของตับ และระดับไตรกลีเซอไรด์ เมื่อกินยาไป 3-4 อาทิตย์ หรือ 6-8 อาทิตย์ เจาะเลือดดูไตรกลีเซอไรด์อีกครั้ง ถ้า > 500 mg/dL ต้องคอยตรวจเป็นระยะๆ >700mg/dL ต้องหยุดยา และให้ยาลดไขมันเพราะ อาจมีอาการตับอ่อนอักเสบ และก้อนไขมันตามผิวหนัง
** สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด **
- ห้ามกิน ขณะมีครรภ์ โดยเฉพาะ ช่วงท้องได้ 3 อาทิตย์ เด็กจะพิการ
- คุมกำเนิดก่อนกินยา 1 เดือน หลังหยุดยา ให้คุมกำเนิดต่ออีก 1 เดือน
- ทดสอบการตั้งครรภ์ว่า ให้ผลลบ ก่อนกินยา 2 อาทิตย์
- สำหรับผู้ชายที่กินยาตัวนี้ แล้วมีลูกจะไม่มีผลอะไรกับลูก
- ยาผ่านทางน้ำนมได้ จึงไม่ควรกินในรายที่ให้นมลูก
ผลข้างเคียงของยา
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับขนาดยาที่ให้
- ปากแห้ง พบเกือบทุกราย
- เยื่อบุตามช่องทวารต่างๆ แห้ง - ผิวแห้ง ตาแห้ง ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ จมูกแห้งจนเลือดกำเดาออก เยื่อเมือกหลอดคอแห้ง ทำให้เสียงแหบ และมีอาการคัน 50%
- ผมร่วง ผมน้อยลง สิวเห่อ ขนดก
- ผิวหน้าร้อนแดง ผิวหนังอักเสบ ผิวคล้ำขึ้นและไวต่อแสง มีตุ่มคัน ตุ่มหนอง เนื้อรอบเล็บเป็นหนอง เล็บผิดรูปร่าง เพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดตุ่ม
- ปวดกล้าม ปวดข้อ การสร้างกระดูกมากขึ้น เอ็นอักเสบ มีการจับของแคลเซี่ยมที่เส้นเอ็น มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของกระดูก
- พฤติกรรมผิดปกติ เครียด มีอาการทางจิตเวช พยายามฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายในผู้ป่วยบางราย ปวดศีรษะ ความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น ชัก ผู้ป่วยจิตเวชควรปรึกษาจิตแพทย์ก่อนรับประทานยา
- เห็นภาพเปลี่ยนไป กลัวแสง ลดการมองเห็นตอนกลางคืน ต้อกระจก กระจกตาอักเสบ การฟังบกพร่องในบางช่วงคลื่น
- คลื่นไส้ ลำไส้อักเสบ มีเลือดออก ตับอ่อนอักเสบ ในรายไตรกลีเซอไรด์สูง ถ้ารุนแรงอาจเป็นอันตรายกับชีวิตได้ ตับอักเสบในบางราย
- หลอดลมหดเกร็ง ในรายที่เป็นโรคหอบมาก่อน
- มีการติดเชื้อกรัมบวก
- เลือดมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวลดลง เกร็ดเลือดเพิ่มขึ้น อัตราการตกตะกอนของเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันในเลือดสูงขึ้น แต่ไขมันตัวที่ดีกับร่างกายลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น มีเลือดและมีโปรตีนมากผิดปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ควรใช้ยาทาลอกผิว หรือลอกสิวร่วมด้วย ใช้ยาทาสิวชนิดอ่อนร่วมด้วยได้
- ไม่ควรให้ร่วมกับยาวิตามินเอ และ ยาเตตร้าไซคลิน
** ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร โรคตับ โรคไต ได้วิตามินเอมากเกิน ไขมันในเลือดสูงและแพ้ยาตัวนี้ ใช้อย่างระมัดระวังในคนไข้เบาหวาน อ้วน พิษสุราเรื้อรัง และภาวะไขมันเผาผลาญผิดปกติ
ข้อมูล : BangkokHealth.com ภาพประกอบ : จอมยุทธกระบี่หัก
Create Date : 18 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 13:35:27 น. |
Counter : 2196 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|