Welcome Comments For Hi5

Hi5 SmileySmileyLife isn't about finding yourself. Life is about creating yourself.SmileySmiley

Group Blog
 
All blogs
 

รู้เท่าทัน...ก่อนเสริมจมูก

การเสริมจมูก
โดยนายแพทย์ขวัญชัย ศิริบุญยืน

ใบหน้าที่สวยสะดุดตาจะต้องมีองค์ประกอบที่เด่นหลายอย่าง แต่จุดที่สะดุดตามากที่สุด คือ จมูก ซึ่งต้องมีทั้งความยาว ความโด่ง และความกว้างของจมูกและปีกจมูกที่พอเหมาะ ได้สัดส่วนกับใบหน้า

เอกลักษณ์คนไทย และคนเอเซียหลายประเทศ มักมีสันจมูกค่อนข้างแบนราบ และปีกจมูกที่กว้าง โดยเฉพาะปีกจมูกที่กว้างกว่าเส้นดิ่งที่ลากจากหัวตาทั้งสองข้าง และในบางคนมีความยาวที่ค่อนข้างสั้น ทำให้รูปจมูกค่อนข้างผิดปกติ ทำให้มีปมด้อยในจิตใจ ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูก และตัดปีกจมูก


เทคนิคการเสริมจมูก

เทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกในปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลาย เช่นวิธีการเสริมจมูกโดยการสอดซิลิโคนเสริมจมูกใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งมีความเชื่อว่าเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบซิลิโคนที่เสริมจมูกจะยึดซิลิโคนอย่างมั่นคงดีขึ้น และเนื้อเยื่อหุ้มมีความหนาทำให้กลมกลืนรับกับใบหน้า หรือ สอดซิลิโคนที่เสริมจมูกตามแนวที่วาดไว้ในกรณที่ความยาวจมูกสั้นจะทำการยืดปลายจมูกร่วมด้วยเพื่อให้จมูกดูยาวสมส่วน

วัสดุที่ใช้

เป็นซิลิโคนทางการแพทย์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่าอยู่ได้คงตัว ไม่เสื่อมสลายแทบจะไม่ก่อให้เกิดการแพ้ต่อเนื้อเยื่อ รูปแบบของซิลิโคนก็มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบตัว I หรือตัว L ขึ้นกับลักษณะของจมูกและความต้องการของผู้ที่มาปรึกษา



รูปแบบซิลิโคนจมูกรูปตัว L ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสอดคล้องกับปัญหาของคนไทยและคนเอเซียที่ต้องการเสริมจมูกให้ได้รูปจมูกในหลายมิติเช่น ความยาว ความโด่ง ปลายจมูกที่มีติ่งจมูก

การปรึกษาก่อนการผ่าตัด

แพทย์จะพูดคุยกับผู้ที่มาปรึกษาเพื่อที่จะเข้าใจปัญหา และรูปแบบที่ผู้มาปรึกษาสนใจอยากแก้ไข โดยแพทย์จะทำแบบจมูกโดยการวัดเทียบกับจมูกของผู้ที่มาปรึกษา เพื่อเป็นแบบในการเหลาซิลิโคนสำหรับผู้ที่มาปรึกษาเป็นรายๆไป โดยจะเหลาก่อนแล้วเอาตัวซิลิโคนจมูกไปทำการฆ่าเชื้อก่อนผ่าตัดเสริมจมูก

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
1. ไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัด แต่ไม่ควรรับประทานอาหารให้อิ่มจนเกินไป
2. ไม่ควรรับประทานยา เช่น ยาแก้ปวดข้อ แอสไพริน หรือ วิตามินอี ก่อนการผ่าตัด 1 อาทิตย์
3. ถ้ามีโรคประจำตัว แพ้ยาชนิดใด กรุณาแจ้งให้หมอทราบ

การผ่าตัด : หมอจะให้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้น และให้ยาแก้ปวดก่อนผ่าตัด เพื่อให้คลายความวิตกกังวลและลดอาการปวดหลังผ่าตัด หลังจากนั้นฉีดยาชาเสริม จากนั้นจะทำตามเทคนิคการเสริมจมูก

แผลผ่าตัด : ซ่อนอยู่ในรูจมูก ยาวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร

เวลาผ่าตัด : ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที

วัสดุยึดแผล : ใช้ไหมละลาย หรือไหมไนลอนเส้นเล็ก (แพทย์จะนัดตัดไหมภายหลัง)

อาการบวมหลังการผ่าตัด : อาการบวมตึงเล็กน้อยจะมีอยู่ 2 วัน ในวันที่ 3-5 จะยุบบวมลง แต่จะยุบบวมเต็มที่ใช้เวลา 1 เดือน และต้องรอเวลา 1-3 เดือนเพื่อให้เนื้อเยื่อเกาะแท่งซิลิโคนให้แน่น ทั้งนี้ต้องขึ้นกับการปฏิบัติตัวของผู้รับการผ่าตัด

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
• ใน 1-2 วันแรก ควรพักผ่อนให้มาก
• นอนหมอน 2 ใบ หรือนอนศีรษะสูง 45 องศา ไม่ควรนอนราบ สามารถนอนตะแคงศีรษะได้ (ช่วยลดอาการคั่งของเลือดบริเวณใบหน้า)
• 1-2 วันแรก ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ในวันที่ 3 ให้ประคบร้อนด้วยผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น
• ควรทานอาหารอ่อน งดของรสจัด (เผ็ด เปรี้ยว เค็ม) และ แอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
• ใช้ยาทาตามที่แพทย์สั่ง ห้ามใช้ยาทาอื่นทาที่แผลอย่างเด็ดขาด
• เอาไม้พันสำลีขนาดเล็กที่สะอาด ชุบน้ำต้มสุก หรือน้ำเกลือล้างแผล เช็ดแผลในจมูกอย่างเบา แล้วป้ายยาขี้ผึ้งปฏิชีวนะวันละ 4 ครั้ง
• งดออกกำลังกายหนัก 2 อาทิตย์
• หากแพทย์ติดพลาสเตอร์บริเวณจมูก ควรติดพลาสเตอร์ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ช่วยป้องกันการขยับ บิด เอน (ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน)
• กรณีไหมละลาย จะละลายได้ใน 2 สัปดาห์ หากเป็นไหมไนลอนให้มาตัดไหมในวันที่ 7-14 หลังผ่าตัด

ข้อควรระวังหลังเสริมจมูก
1. ระวังอย่าใช้ของแข็งมีคมแคะขี้มูก หรือเลือดที่แข็งตัว
2. เวลามีน้ำมูก ห้ามสั่งน้ำมูก ให้ทานยาลดน้ำมูก
3. ระวัง อย่าให้โดนของแข็งกระทบที่สันจมูก หรือปลายจมูก




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2551    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 17:52:15 น.
Counter : 4276 Pageviews.  

คำประกาศ...เจ้าของ blog



การจัดทำ Group Blog: Plastic & Cosmetic Surgery นี้ขึ้นมา..มีเจตนาเพียงเพื่อ ให้เป็น blog สำหรับให้ความรู้เบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจ หรือต้องการทำผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งหรือศัลยกรรมเสริมสวยโดยแพทย์ที่ทำงานเฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่ง

เนื่องจากเรื่องราวการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางการแพทย์ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่ดิฉันจะเป็นผู้เขียนบทความในเชิงวิชาการเหล่านี้ด้วยตนเอง ดังนั้น ดิฉันจึงขออนุญาตคัดลอกและรวบรวมบทความต่างๆ เหล่านี้มาฝากกันค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นเรืองที่น่าสนใจและควรจะเผยแพร่ให้ผู้ที่มีความสนใจในการทำศัลยกรรมได้มีความรู้เบื้องต้นที่ถูกต้อง หากท่านเจ้าของบทความหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านมาเห็น ดิฉันก็ขอนุญาตท่านมา ณ ที่นี้ เลยนะคะ

เนื้อหาภายใน blog นี้ บางเรื่องเป็นเรื่องใหม่ยังไม่ได้ทำกันโดยทั่วไป และรวบรวมมาจากบทความและเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ทางการแพทย์อื่นๆ ในส่วนของเทคนิคการผ่าตัดบางตอน เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของศัลยแพทย์บางท่าน

ดังนั้น หลังจากศึกษาเนื้อหาใน blog นี้แล้ว หากมีข้อสงสัยอาจต้องปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมของท่านเพิ่มเติม


แหล่งที่มาของข้อมูล :
- สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
- คลินิคศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง-ผิวหนังกรุงเทพ
- รพ. เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
- บางกอกศัลยกรรมคลินิค




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2551    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 17:54:08 น.
Counter : 520 Pageviews.  

Piracy...ลิขสิทธิ์คืออะไร

พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537



  • ลิขสิทธิ์คืออะไร

ลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างหนึ่ง ที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง โดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์ถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียว ที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานสร้างสรรค์ที่ตนได้กระทำขึ้น
  • งานอันมีลิขสิทธิ์

งานสร้างสรรค์ที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ต้องเป็นงานในสาขา วรรณกรรม นาฎกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ รวมถึงงานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ งานเหล่านี้ถือเป็นผลงาน ที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะ ในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
  • การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์
สิทธิในลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันที นับแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาโดยไม่ต้องจดทะเบียน หรือผ่านพิธีการใด ๆ
  • การคุ้มครองลิขสิทธิ์
ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการใช้ประโยชน์จากผลงานสร้างสรรค์ของตน ในการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน รวมทั้งสิทธิในการให้เช่า โดยทั่วไปอายุการคุ้มครองสิทธิจะมีผลเกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงาน โดยความคุ้มครองนี้จะมีตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต
  • ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
การคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิในผลงานลิขสิทธิ์ มีผลให้เกิดแรงจูงใจแก่ผู้สร้างสรรค์ ผลงานที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางวรรณกรรมและศิลปกรรมออกสู่ตลาด ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความรู้ ความบันเทิง และได้ใช้ผลงานที่มีคุณภาพ
  • พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์

กฎหมายลิขสิทธิ์มีวัตถุประสงค์ให้ความคุ้มครองป้องกันผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและทางศีลธรรม ซึ่งบุคคลพึงได้รับจากผลงานสร้างสรรค์อันเกิดจากความนึกคิดและสติปัญญาของตน นอกจากนี้ยังมุ่งที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงาน กล่าวคือ เมื่อผู้สร้างสรรค์ได้รับผลตอบแทนจากหยาดเหงื่อแรงกายและสติปัญญาของตน ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุน ก็ย่อมจะเกิดกำลังใจที่จะคิดค้นสร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงานให้แพร่หลายออกไปมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสติปัญญาของคนในชาติ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ประเทศไทยได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เพื่อใช้บังคับแทน พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2538 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองต่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยจัดเป็นผลงานทางวรรณกรรมประเภทหนึ่ง และงานที่ได้จัดทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ จะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้

แม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ความเข้าใจของประชาชนโดยทั่วไปในเรื่องลิขสิทธิ์ยังไม่ชัดเจน ความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะนำไปสู่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ที่ยั่งยืนกว่าการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหต

พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ได้ให้ความหมายของคำว่า "ลิขสิทธิ์" ว่า หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะทำการใดๆตามพระราชบัญญัตินี้" เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น นั่นก็หมายความ ว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีสิทธิจะทำอย่างไรก็ได้ กับงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนเอง
  • การละเมิดลิขสิทธิ์

การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : คือ การทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่สาธารณชน รวมทั้งการนำต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าวออกให้เช่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์

การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : คือ การกระทำทางการค้า หรือการกระทำที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นโดยผู้กระทำรู้อยู่แล้ว ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แต่ก็ยังกระทำเพื่อหากำไรจากงานนั้น ได้แก่ การขาย มีไว้เพื่อขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ เสนอให้เช่าซื้อ เผยแพร่ต่อสาธารณชน แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของลิขสิทธิ์และนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
  • บทกำหนดโทษ

การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : มีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับนี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปีกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก จะต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

  • กรณีที่นิติบุคคลกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่ากรรมการหรือผู้จัดการทุกคนของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย

  • ค่าปรับที่ได้มีการชำระตามคำพิพากษานั้น ครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าวไรก็ดีการได้รับค่าปรับดังกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งสำหรับส่วนที่เกินจำนวนเงินค่าปรับที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับไว้แล้วนั้น


Source: //www.microsoft.com/thailand/piracy/iplaw.aspx




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 17:56:26 น.
Counter : 863 Pageviews.  

Simply Me...


เพิ่งเริ่มทำ blog นี้ เมื่อ 10/05/2008 ที่ผ่านมาเองค่ะ..เรื่องราวการทำศัลยกรรมที่เอามาลงใน blog นี้..เป็นประสบการณ์ของเราเองนะคะ บันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 50 ที่ผ่านมา..


รูปร่างหน้าตาที่สวยงาม...ใครๆ ก็อยากมีกันทั้งนั้น "ศัลยกรรมความงาม" (cosmetic surgery) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างเสริมรูปลักษณ์ที่ดีได้ เป็นการผ่าตัดเสริมสวยเพื่อให้ดูดีขึ้น สวยงามขึ้น สอดคล้องกับโครงสร้างของแต่ละบุคคล... แทนที่เราจะแก้ไขปัญหานั้น ด้วยการใช้เทคนิคแต่งหน้าทุกวันๆ ก้อใช้วิธีถาวร ด้วยการทำศัลยกรรมตกแต่งจากแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญจริงๆ ไม่ใช่หมอกระเป๋า..อันนั้นก้อไม่ไหวอ่ะค่ะ

การทำศัลยกรรมทุกชนิด ย่อมมีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อน (risks and complications) ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรม ควรจะหาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ รวมถึงปัญหาและความเสี่ยงในการทำศัลยกรรมก่อน เรียกง่ายๆ ว่าต้องรู้เท่าทันการทำศัลยกรรม เราก็ได้หาข้อมูลมาพอสมควรและใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าจะตัดสินใจทำ

มีคำกล่าวว่า...คุณตัดสินหนังสือจากหน้าปกไม่ได้ แต่บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า..ในโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนใหญ่แล้วคุณจะถูกตัดสินจากใบหน้ามากกว่า ดังนั้น การที่เรามีรูปลักษณ์ที่ดูดี ก็ช่วยให้เรามีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง อีกอย่างหนึ่ง..ถ้าทำศัลยกรรมแล้ว ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีความสุขกับตัวเอง..ก็ไม่น่าจะผิดแต่อย่างใด

แต่นั่นละค่ะ..เหรียญย่อมมีสองด้าน อะไรที่มากไปก็ไม่ีดี เพราะงั้น..ทำแต่พอดีเท่าที่จำเป็นก้อจะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าปล่อยให้สวยตามยถากรรม..อันนี้ก้อม่ายไหวเนอะ สวยแบบไม่ต้องรอวาสนา อิอิ สวยสั่งได้ ฉันสั่งเอง ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง แล้วใครจะเปลี่ยนให้ล่ะ ใช่ไหมคะ

โดยส่วนตัว...คิดว่าการทำศัลยกรรมไมใช่เรื่องน่าอายที่จะต้องปกปิด หวังว่าเรื่องราวการ makeover ของเราคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ทุกคนที่สนใจนะคะ

"ความสวย..ไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียว แต่มาได้จากศัลยกรรมเช่นกัน" ^0^


Best of luck and love,

จอมยุทธกระบี่หัก ^0^




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 17:55:40 น.
Counter : 478 Pageviews.  


จอมยุทธกระบี่หัก
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




: Users Online


Free chat widget @ ShoutMix







Friends' blogs
[Add จอมยุทธกระบี่หัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.