Group Blog
 
All Blogs
 
+++1 ปีมี 1 บล๊อค+++

ตั้งชื่อหัวข้อกระทู้จากแรงบันดาลใจของคนที่มาคอมเม้นท์บล๊อคที่แล้ว...555

ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่านที่กรุณาแวะมาทักทายกันในบล๊อคนี้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องบังเอิญที่เข้ามาทำจริงๆ

จริงๆแล้ว ตั้งใจจะมาร่วมฉลองวันครบรอบวันเกิดบล๊อคตั้งแต่วันที่ 10 ตค.ที่ผ่านมาค่ะ แต่ด้วยภารกิจอะไรไม่รู้ ยุ่งเหยิงไปหมด เลยเลื่อนแล้วเลื่อนอีก

ปีนี้ เข้าปีที่ 2 ของบล๊อค
อย่างน้อย ตั้งใจว่า ต้องมี 2 บล๊อค..

อยากจะลองโพสต์รูปและแปะเพลงมั่ง
( อายจัง อย่ามาแซวกันน้า - สำหรับคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านคอมพ์ อาศัยมั่วๆเอาแบบนี้ ก็ดีนักแล้วนะค้า)
ไม่รู้จะได้โอกาสรึเปล่า

ที่แน่ๆ เรื่องราวในบล๊อคที่ 2 ของปีมีมารอแล้วค่ะ

จริงๆแล้ว 1 ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ค่อนข้างประทับใจในหลายๆเรื่อง และก็ผิดหวังกับบางเรื่อง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยทั่วๆไปของมนุษย์ปุถุชนอยู่แล้ว แต่ดูโดยรวม น่าจะถือเป็นปีที่แฮ๊ปปี้มากกว่า เพราะได้เที่ยวบ่อยหน่อยค่ะ...อิอิ แต่ก็ทำเอากระเป๋าเบาตามมาอีกหลายเดือน

เอาไว้เจอกันบล๊อคหน้านะคะ อีกไม่นานเกินรอค่ะ

ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาเยี่ยมกันด้วยไมตรีจิตค่ะ^ -^





Create Date : 31 ตุลาคม 2549
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 15:20:43 น. 15 comments
Counter : 349 Pageviews.

 
มาประเดิมเจิมบล็อกที่สองปีที่สอง

ดีใจที่เห็นบล็อกเพิ่มขึ้นนะคะ ค่อยๆสร้าง ไม่แน่มาแรงแซงทางโค้งได้ค่ะ(แบบป้าเกษ...ไปลิ่วไม่เห็นฝุ่น)

ที่พึ่งก็น่าจะเป็นป้ามดนะคะ

มาให้กำลังใจในการก่อร่างสร้างบล็อกต่อไปค่ะ



โดย: หญ้าหนวดแมว วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:42:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมพี่ตาค่ะ



โดย: beautiful civil IP: 124.120.34.210 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:55:20 น.  

 
มาเยี่ยมมาเยียนป้าปูเป้เจ้าค่า

ไหนว่าจาเอาชีวิตรันทดมาลงไงค้า

หรือต้องรอบล๊อกหน้า ปีหน้า... (แฮ่ แฮ่)

แต่อีกไม่นานก้อปีหน้าแล้วน้อ

รักนะคะ...เด็กโง่ (โง่ด้วยกันไงค้า)



โดย: แอร์กี่ IP: 202.133.157.169 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:30:59 น.  

 
ดีใจด้วยนะที่ 1 ปี อัพบล๊อค 1 ครั้ง



แถมยังมีคนดังข้างบนมา คอมเมนต์ด้วย

แล้วเมื่อไรพี่ริน จะไปเยี่ยมบล๊อค ผมบ้างละเนี่ย


โดย: หลังคาดำแดง วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:31:34 น.  

 
มาลงชื่อ เยี่ยมบล็อค ของพี่ตาคนสวยค่ะ
แหม..ออกมาซะหวานเลยพี่...สวยค่า.....
(ปกติ ไม่ค่อยเข้าไปอ่านบล็อคใครๆเลยค่ะ)

ไม่เคยได้บอกพี่เลย..
ว่า ดีใจที่ได้รู้จัก ผู้หญิงที่น่ารัก ใจดี..มีไมตรีที่สุดค่ะ
ว่าจะขอสมัครเป็นน้องสาว ตั้งนานแล้ว
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ ในสวนลุมค่ะ


โดย: cosmo lady IP: 61.47.111.244 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:30:25 น.  

 
พี่ตา ที่บอกว่า 1 ปี อัพบล๊อค 1 ครั้ง เอาจริงหรือคะ


โดย: beautiful civil วันที่: 2 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:01:13 น.  

 
To the world you may be one person, but to one person you may be the world.
เธออาจจะเป็นแค่คนนึงในโลกนี้ แต่ในทางกลับกัน เธออาจจะเป็นโลกทั้งใบสำหรับใครบางคน

สวัสดีเช้าวันศุกร์ค่ะ สนุกกับการทำงานนะคะ





โดย: beautiful civil วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:37:41 น.  

 
ขอเข้ามาดูด้วยคนนะค้า และก็เป็นแฟนพี่แอร์กี่ด้วยค่ะ
รีบๆเขียนตอนที่ 16.2 ให้เสร็จไวๆนะค้า รอนานแล้วน้า
อาจจะลงแดงตายได้นะคะ อิอิ



โดย: ใบหม่อน ซ่อนกลิ่น IP: 58.8.170.241 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:15:57 น.  

 
ตอนที่1กะตอนที่2มันตกไปแล้วอ่ะ เปิดกรุ๊ปบลอกใหม่สิครับ จะได้ครบถ้วน
ขอบคุณที่รวบรวมเรื่องคุณแอร์กี่มาให้พวกเราอ่านกัน


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:38:14 น.  

 
เรื่องคุณแอร์กี่ หายไป 2 ตอนแรก

แวะมาเติมให้ครับ

ตอนแรกเริ่ม
//www.poppap.com/pantip/airkee/PANTIP.COM_L4534465_airkee01nc.pdf


ตอน 2
//www.poppap.com/pantip/airkee/PANTIP.COM_L4542236_airkee02nc.pdf


ตอน2 ต่อ
//www.poppap.com/pantip/airkee/PANTIP.COM_L4551949_airkee03nc.pdf


-----------------------------------------------------------
รวมแบบเต็มๆ ให้ ตอนแรกเริ่ม
-----------------------------------------------------------
ชีวิตรันทด ..เรื่องจริงผ่านคอมพ์
นี่คือเรื่องราวชีวิตของฉันที่วันนี้อยากเล่าให้ชาวพันทิปฟัง

อาจจะยาว ถ้าไม่ชอบ ผ่านไปเลยค่ะ

ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ฉันเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ฉันชอบภาษาอังกฤษและเคยได้ทุนเอเอฟเอสไปอยู่อเมริกาหนึ่งปี ฉันจึงไปสมัครเป็นแอร์ที่สายการบินบ้านเรานี่เอง

ที่นั่นคือจุดเริ่มต้นความสุขที่สุดในชีวิต
ความทุกข์ที่สุดในชีวิต

รวมถึงความขมขื่นยาวนานที่ต่อเนื่องมาจนวันนี้ที่ฉันเข้าสู่วัยทองแล้ว

ความเป็นแอร์น้องใหม่ สดๆซิงๆ (ในความรู้สึกรุ่นพี่ผู้ชาย)
ทำให้มีคนมาจีบฉันมากมายหลายคน สมัยเรียนฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยนะ เพราะบ้าเรียนมากๆ แถมเรียนเก่งด้วยสิ เลยยิ่งบ้าเรียนหนัก ย้อนกลับไปคิดก็เสียดายความสนุกสนานในชีวิตนิสิตที่ฉันค่อนข้างพลาดไปเสียหมด

ฉันเลยมาใจแตกเอาตอนทำงาน คนจีบเยอะ โอกาสเป็นใจ เวลาไปบินต่างประเทศ ต้องมีการนอนค้าง คืนเดียวบ้าง หลายคืนบ้าง เค้าจะจัดให้ลูกเรือพักคนละห้อง ใครจะเข้าห้องใครก็ไม่ใช่เรื่องของใคร เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว ที่ปิดกันให้แซ่ดไงล่ะ

วันดีคืนดีฉันก็ไปบินไฟลท์ยาวไฟลท์หนึ่ง ไปตะวันออกกลาง ฉันทำงานอยู่ตรงโซนกลาง ชั้น economy ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ไปขายแรงงานหลับกันไปหมดแล้ว ฉันยืนจัดข้าวของเตรียมเสิร์ฟมื้อเช้าก่อนเครื่องลงอยู่ มีเสียงห้าวๆดังมาจากข้างๆ " ขอกาแฟถ้วยนึงครับ"

ฉันหันไปหาเสียงนั้น โหยยยย ตาสบตา....วิ้ง วิ้ง วิ้ง


เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงและหน้าตาดีมากกก (สเป็คเลย) สวมเครื่องแบบนักบิน เอ๊ะ นักบินเดินมาทำอะไรตรงนี้นะ ถ้าจะขอกาแฟก็กดเรียกแอร์ที่ชั้นหนึ่งสิ ฉันเลยอาจจะทำหน้าเอ๋อๆ ไม่ทันตอบอะไร เค้าพูดต่อว่า

"อ้าว! งงเลยเหรอครับ มาขอกาแฟตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ"

"ได้ค่ะได้" ฉันรีบยิ้มตอบ ใจเต้นตึกตักๆๆ โอ้ รักแรกพบหรือเปล่าเนี่ย

"กาแฟดำนะครับ น้ำตาลครึ่งซอง " เขาบอกอีก

"ค่ะ" ฉันรับคำ หันไปหยิบถ้วยกาแฟมากดกาแฟจากเครื่อง เติมน้ำตาลครึ่งซอง (มันแค่ไหนหว่า ครึ่งซอง กะๆเอาละกัน)

ระหว่างที่ฉันชงกาแฟ เค้าชวนคุยไปเรื่อยๆ

"น้องชื่ออะไรครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย สวยๆแบบนี้ไม่ค่อยมาบินเครื่องพี่เลย"

"พี่ชื่อ....." บอกชื่อ และนามสกุลเสร็จสรรพ

นามสกุลดังเลยเชียว แบบเอ่ยมารู้จักกันหมดแน่ ไม่เอ่ยดีกว่า

แล้วเขากับฉันคุยกันไปเรื่อยๆอย่างถูกคอ ฉันรู้สึกได้เลยว่า ฮั่นแน่ เราปิ๊งกันซะแล้ว แถมจะอยู่ที่เมื่องปลายทางตั้งสี่วัน อิอิอิ งานนี้ฉันคงได้แฟนซะที

คุยสักพัก เขากลับไป cockpit (ห้องนักบิน)

พอดีกับที่แอร์รุ่นพี่ที่เดินไปคุยกับเพื่อนที่ด้านหลังเดินกลับเข้ามา

"อุ๊ย หนู โดนพี่...เค้าจีบเหรอ เฮ้อ หนุ่มในฝันของแอร์อ่ะ แต่ว่า...."

"แต่ว่ารัยคะพี่จี๊ด..."


ประโยคต่อมาของพี่จี๊ดทำเอาใจฉันดังตู้ม ราวกับโดนถล่มด้วยซีโฟร์สี่ลูกซ้อน (ที่หัวใจห้องละลูกไงคะ)

...."เค้ามีเมียแล้วอ่ะดิ เป็นแอร์เก่า โคดขี้หึงเลย เช็คทุกไฟลท์ว่าพี่เค้าบินกะแอร์คนไหนมั่ง ถ้าใครสวย เธอจะจับตาดูเลยว่าสามีจะไปบินกับแอร์คนนั้นอีกบ่อยๆมั้ย ยัยปรางเพื่อนพี่มันเคยโดนมายืนดักที่ขาออกเลยอ่ะ เมียอะไรไม่รู้ ไม่ให้เกียรติผัว..แย่งมันเลยน้อง สวยๆแบบนู๋นี่นะ รับรอง..มีเฮ.."

อ้าววววว พี่จี๊ด เจ๊จะให้นู๋โดนหนามทุเรียนรึงัย

โธ่ๆๆๆๆๆๆ อุตส่าห์นึกว่ารักแรกพบ ที่ไหนได้ จะกลายเป็นรักแรกตบเอาซะ

พอเครื่องลง ฉันเลยเฉยๆกะเค้า แต่หน้าหล่อๆกระชากใจของเค้ามันชวนให้อยากลองสิ้นดี ..ชั่วจริงๆเลยชั้น

เช็คอินเข้าโรงแรม ว้ายตาย ฉันได้ห้องตรงข้ามกะเค้า ไม่รู้เค้าตั้งใจป่าว จนวันนี้ยังไม่เคยถาม

ตอนเช้า ฉันตื่นมาแต่งตัวเพื่อลงไปทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดให้ฟรี ตามเวลาท้องถิ่น พวกเรามักจะลงไปประมาณแปดโมงเช้า เพื่อจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งไฟลท์ โดยเฉพาะไปแถบตะวันออกกลาง แอร์จะจับกลุ่มกันมากเป็นพิเศษ มันเป็นประเทศที่ผู้หญิงไม่น่าไปเอาซะเลย


แต่งตัวเสร็จพอดี มีเสียงเคาะประตู ฉันดูที่ช่องตาแมว เห็นเค้านั่นแหละยืนอยู่

เปิดประตูออกไป เขายิ้มหวาน
ถามว่า "มีที่เป่าผมมั้ยครับ ขอยืมหน่อยครับ"

ฉันให้เค้ายืมที่เป่าผม เค้าบอกว่า
"เดี๋ยวเอามาคืนนะครับ รอพี่ด้วยน้า จะได้ลงไปทานอาหารด้วยกัน"

"ค่ะๆๆๆ" ใจอ่อนไม่เข้าเรื่องเล้ย

แล้วเราลงไปทานอาหารเช้าพร้อมกัน ตอนเดินเข้าห้องอาหาร มีลูกเรือหลายคนนั่งอยู่แล้ว ทุกคนหันมามองที่ฉันและเขา...


ขอโทษที่ช้านะคะ คนแก่รำลึกความหลัง ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ

ต่อเลย

ช่วงทานอาหาร สรุปกันว่าวันนั้นเราทั้งหมดจะไปเที่ยวชายทะเลกันทุกคน โดยมีผู้จัดการสถานี (station manager)จัดรถมารับเรา แล้วต่อด้วยอาหารเย็นที่บ้านท่านเลย

ลืมบอกไปว่าพี่เค้าเป็น co-pilot หรือนักบินที่สอง ยังไม่ได้เป็นกัปตัน ซึ่งหมายถึงนักบินที่หนึ่ง กัปตันจะมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบการบินทั้งหมด และมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจคนเดียว

วันนั้น เค้าพยายามอยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา คุยกันไปไม่รู้กี่เรื่อง คุยเรื่องอเมริกา เค้าเรียนจบจากที่นั่น คุยเรื่องหนังสือ คุยเรื่องดนตรี ฯลฯ

ช่างคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนอาหารเย็น มีการดื่มเหล้ากัน (ในประเทศที่ห้ามดื่ม- กฎมีไว้แหกเสมอ)

ฉันมันเด็กดี ดื่มไม่เป็น แอร์บางคนทั้งดื่มเหล้า ทั้งสูบบุหรี่
เรื่องส่วนตัว ไม่ว่ากัน อย่าเมาตอนทำงานละกัน

สายการบินนี้มีกฎห้ามดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม.ก่อนบิน

พี่เค้าชักเริ่มเมา (หรือเมาดิบไม่รู้เหมือนกัน) เค้ามากระซิบว่า
"โอย.. ทำไมน้องสวยอย่างงี้ นี่ถ้าพี่ยังโสด จะขอน้องแต่งงานเดี๋ยวนี้เลย"

ฉันหน้าแดง (อันนี้พี่จี๊ดบอก) ไม่รู้จะพูดว่าไงดี เลยถามเค้าไปว่า

"พี่มีลูกกี่คนแล้วคะ"

"สองคนครับ ห้าขวบคนนึง เก้าเดือนคนนึง ผู้หญิงทั้งคู่"

เค้ามีเจ้าของๆๆๆๆท่องไว้ๆๆๆๆ

แต่หัวใจสาวน้อยไม่เคยมีแฟนมันเตลิด เพราะเค้าหล่อแถมมีเสน่ห์มั่กๆ จริงๆนะ

คืนนั้นจบลงด้วยการกลับห้องใครห้องมัน

เหตุการณ์เป็นแบบนี้ซ้ำๆ คือไปไหนๆกันทั้งไฟลท์ เค้าเกาะติดฉัน แยกย้ายกันเข้าห้อง แต่...ความสัมพัน์ของเราคืบหน้าอย่างเร็ว เพราะ...


เค้าโทร.มาที่ห้องฉัน คุยกันต่อคืนละสองสามชั่วโมง ทำเอาตอนเช้าฉันตื่นแทบไม่ไหว

สรุปคือ เค้าจีบฉันนั่นแหละ

ฉันเองก็ไม่ยักห้ามใจตัวเอง คิดแค่ว่า คุยกันขำขำ เดี๋ยวกลับ กทม.ก็ไม่เจอกันแล้ว

คืนสุดท้าย เค้ามาหาฉันที่ห้องจนได้ เค้าบอกว่ารักฉัน ตามสไตล์ผู้ชายที่อยากได้ของใหม่ๆ
แต่ตอนนั้นฉันปลื้มมากกว่าจะรู้ทัน

อย่าค่ะ อย่าเพิ่งคิดนะว่าฉันเสร็จเค้า ยี่สิบกว่าปีที่แล้วนะ
ฉันไม่เคยด้วย ไม่กล้า แต่โง่ไปเหมือนกัน เพราะสารภาพว่ารักเค้าด้วย ยังไงก็ตามฉันยืนยัน

"พี่กลับห้องดีกว่านะคะ"

ลงท้าย ได้แค่กอดๆหอมๆ ฉันก็ฝันดี แหม ตอนนั้นมันโง่นี่นา

รุ่งขึ้นบินกลับ เครื่องลง เดินออกมาที่ตรงผู้โดยสารขาออก ฉันมีความรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมาที่ฉัน มองหา เจอะหน้าเค็มๆ ดุๆ (รู้สึกแบบนั้นจริงๆ) จ้องฉันเขม็ง

เธอคนนั้นดูอายุมากกว่าฉันเยอะ จูงเด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนพี่เค้าเด๊ะเลยมาด้วย พอพี่เค้าเดินออกไป ลูกสาวเค้าก็วิ่งเข้ามากอดขา (ลูกสาวห้าขวบตัวสูงยังไม่ถึงเอวพ่อเลย)

" นั่นไงๆ เมียเค้า มาดักอีกละ ท่าทางพี่เค้ากลัวเมียนิ" พี่จี๊ดเธอเม้าท์

ฉันกับเค้าจากกันวันน้นโดยไม่ได้ร่ำลา ไม่มีการขอเบอร์ ไม่มีการบอกว่าจะติดต่อกันอีก

สมัยนั้นมือถือยังไม่มีเลยค่ะน้องๆ


กลับบ้านไป ฉันคิดถึงเค้ามากจนนอนร้องไห้ตาบวม อีกสองวันต้องไปบินอีกไฟลท์นึง ชั้นจะมีเรี่ยวแรงไปบินมั้ย อกหักอย่างแรง อกหักครั้งแรก เค้ามีเจ้าของๆๆๆ

ร้องไห้มันทั้งสามคืนที่อยู่บ้านเลย คืนสุดท้ายร้องน้อยหน่อย เพราะกลัวตาบวม เดี๋ยวไม่สวย

ตอนเช้าไปบินจาร์กาต้า อินโดนีเซีย นอนค้างหนึ่งคืน

วันนั้นไม่เห็นนักบินเลย และคิดว่าไม่มีเค้าอยู่ด้วยหรอก เพราะเครื่องที่บินมันไม่ใช่แบบที่เค้าบิน

คือนักบินจะบินเครื่องแบบเดียวเท่านั้น ใครอยู่ fleet ไหนก็บินตามนั้น

ถ้าจะเปลี่ยนชนิดของเครื่องที่บิน ต้องเรียนใหม่ และถ้าจะกลับไปบินเครื่องที่เคยบินก็ต้องกลับไปเรียนใหม่อีก

ต่างจากแอร์ สจ๊วต ที่บินเครื่องไหนๆ ได้หมด เพราะการบริการมันเหมือนๆกัน ต่างกันแต่พวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องจำให้ได้หมดทุกเครื่องว่าอะไรอยู่ตรงไหน มีงงๆกันบ้าง ในที่สุดก็คุ้นไปเอง

ก่อนเครื่องลงที่จาร์กาต้า เจอนักบินเข้าจนได้ โอยยยย
คนนี้ยิ่งหล่อ อะไรกั๊น เค้าคัดนักบินที่หน้าตาหรือความสามรถนะ เสียวเครื่องตกอ่ะ

คนนี้เค้ามาแปลกค่ะท่านผู้อ่าน เค้าตรงเข้ามาหาฉันพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่เบิ้ม...ยื่นให้..

"พี่...(กิ๊กไฟลท์เดียวของฉัน)...ฝากมาให้น้องครับ"

ท่ามกลางสายคตาประชาชี ฉันคงหน้าแดงอีกตามเคย

"ขอบคุณค่ะ"

มีจดหมายปิดผนึกมาด้วย


ขอพักก่อนนะคะ ไม่ได้พิมพ์ไว้ก่อนด้วย คืนนี้จะพิมพ์ก่อนแล้วโพสท์ทีเดียว

เป็นบทเรียนชีวิตที่เจ็บปวดของผู้หญิงโง่ๆคนนึงค่ะ


มาแล้วค่ะ ไปบ้านคุณแม่มา ไม่นึกว่าจะมีชาวพันทิปรออ่านเยอะแบบนี้เลย (แอบดีใจ)

นี่ไม่ใช่นิยาย เป็นเรื่องที่เขียนจากความทรงจำชนิดตีแผ่เรื่องตัวเองเลยค่ะ ยิ่งพิมพ์ยิ่งนึกนู่นนี่ออก เลยกะจะเล่าไปเรื่อยๆนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ

ต่อเลยค่ะ...

จดหมายปิดผนึก จ่าหน้าซองด้วยลายมือตัวโต๊ โต แบบที่ฉันไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อยากอ่านจะแย่ แต่เป็นเวลาทำงาน ต้องเก็บใส่กระเป๋าถือไว้ รออ่านตอนเข้าห้องที่โรงแรมแล้ว

ก่อนเข้าห้อง ฉันแอบเห็นพี่นักบินคนที่หอบช่อดอกไม้มาให้เหล่ฉันใหญ่ แต่ฉันไม่สนร้อก ในเมื่อฉันสนอยู่แต่จดหมายจากอีกคนนึงต่างหาก

ไม่ได้นึกสังหรณ์เลยว่าคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน คือคนส่งดอกไม้นี่เอง

มาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านอาจจะสับสน ตัวละครเพิ่มขึ้น ฉันขอตั้งชื่อให้เค้าทั้งสองคนเลยละกัน

คนแรกที่เจอแล้วปิ๊งสุดสุด สมมุติชื่อพี่อิน

คนที่หอบดอกไม้จากพี่อินมาให้ชื่อ พี่หนิง

ส่วนฉัน ชื่อริน


ฉันเข้าห้อง ล็อกประตู รีบเปิดจดหมายออกอ่าน ข้อความในนั้นทำเอาฉันน้ำตาซึม อ่านวนเวียนไปมาอยู่หลายรอบ

พี่อินเขียนมาว่า ...น้องรินครับ

พี่ตื่นขึ้นมาทุกวันด้วยความรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป ตั้งแต่พบน้องริน ดอกไม้บานในใจพี่เหลือเกิน

เมียพี่เค้ารู้ว่าพี่ชอบน้องริน เค้าบอกว่า เห็นเดินออกมาก็รู้เลยว่า พี่ไม่ปกติซะแล้ว

พี่ยอมรับกับเขาว่าพี่ชอบน้องริน แต่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม

พ่อพี่มีเมียสามคน แม่พี่เป็นคนที่สอง พี่ไม่อยากให้ลูกพี่ต้องมีพ่อเป็นอย่างพ่อพี่

แต่พี่ห้ามใจไม่ได้ น้องรินเป็นคนน่ารัก มีเสน่ห์เหลือเกิน

ธรรมดาพี่ไม่เคยชอบผู้หญิงผิวขาวเลย แต่น้องรินเป็นข้อยกเว้น

ในที่สุด เมียพี่เค้าบอกว่า จะชอบใครก็ได้ตามใจ แต่เค้าขอให้ BANGKOK เป็น TERRITORY ของเค้าเท่านั้น

พี่ยังหวังเสมอว่าจะได้พบน้องรินอีก พี่อยากเห็นน้องรินมีความสุขนะครับ

ถ้าคิดถึงพี่ ยิ้มเข้าไว้นะจ๊ะ อย่าเศร้า

ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกัน ถึงจะสาย

แต่พี่อดที่จะรักน้องรินไม่ได้เลย.......



จดหมายยาวกว่านี้อีก แต่ฉันจำได้เท่านี้

อ่านจดหมายอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ โทรศัพท์ในห้องดัง ยุ้ยเพื่อนแอร์รุ่นใกล้ๆกัน และเรียนรร.เดียวกันมาตั้งแต่ ม.ปลาย โทร.มา

" ริน ไปกินข้าวเย็นกันป่ะ เคยกินขากบมั้ย เราจะพาไป"

"แหยะ ขากบรัยยุ้ย ไม่เห็นอยากกิน รินไม่ชอบกินตัวแปลกๆ" นึกถึงก็ไม่อยากกินแล้ว

"ไปเหอะริน พี่หนิงเค้าจะพาไป เค้าจีบเราอยู่ นะๆ ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย" ยุ้ยตื๊อต่อ

"เอ๊า จีบกันแล้วให้เราไปเป็นกขค.ทำไม" ฉันสงสัย

"เหอะน่า แล้วจะเล่าให้ฟัง" ยุ้ยพูดชวนสงสัย

เอ้า ไปก็ไป ฉันแต่งตัวสวยลงมารอยุ้ยที่ล็อบบี้โรงแรม เจอกัปตัน ฉันยกมือไหว้ อย่างสวยงามตามที่ถูกอบรมมา


สายการบินนี้ถืออาวุโสจัด เจอกันต้องไหว้ เมื่อเช้าเพิ่งเจอ มาเจออีกตอนเย็นก็ต้องไหว้ ไหว้กันจนเวียนหัว

บางทีเผลอไปไหว้ลูกเรือสายการบินอื่นที่หน้าตาแบบคนไทยเข้าให้ เจอเค้าทำหน้างงๆตอบ

แต่ทำไงได้ เค้าสั่งให้ไหว้ ก็ไหว้ไว้ก่อน ไหว้ผิดไหว้ถูกช่างมัน ดีกว่าโดนรายงานว่าเจอผู้มีอาวุโส(ในการทำงาน)แล้วเมิน ไม่ทำความเคารพ


ระบบทหารชัดๆ สายการบินนี้


รอที่ล็อบบี้ครู่หนึ่ง ยุ้ยกับพี่หนิงลงลิฟท์มาพร้อมกัน ยุ้ยหน้าบาน แต่พี่หนิงทำหน้าเหนื่อยๆ ไม่ดูสดชื่นหวานแหววแบบคนจีบกันซักกะนิด

ไปทานข้าวเย็นกันสามคน พี่หนิงเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ร้านอาหาร และฉันได้ชิมขากบเป็นครั้งแรก อืมมมม อร่อยมากๆ ไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้ เหมือนไก่ทอดกรอบๆหอมๆ กรุบๆ

ระหว่างทาน ฉันไม่ค่อยได้คุยอะไร ยุ้ยเป็นคนชวนพี่หนิงคุยมากกว่า ดูท่าทางที่ยุ้ยบอกว่า พี่หนิงจีบยุ้ยแล้วทำให้ฉันออกจะแปลกใจว่าตกลงยุ้ยจีบพี่หนิงหรือพี่หนิงจีบยุ้ยกันแน่

พี่หนิงพูดน้อยมาก กิริยามารยาทเรียบร้อย เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนพี่อินที่คุยเก่ง แซวคนนั้นคนนี้ได้เรื่อย พี่หนิงดูขรึมมาก อาจจะเป็นเพราะเค้าเป็นแค่ S.O (system operetor)หรือนักบินที่สามเท่านั้น

นักบินที่สามนี่คือนักบินที่เพิ่งเข้าใหม่ ต้องนั่งข้างหลังนักบินที่หนึ่งและสอง ทำหน้าที่ติดต่อหอบังคับการ และเช็คปุ่มต่างๆมากมายใน cockpit ยังไม่ได้ขับเครื่องบิน จนกว่าระยะหนึ่งผ่านไป (อย่างน้อยสองปี) ถึงจะได้เลื่อนขึ้นเป็น co-pilot


ฉันทานข้าวไปแบบใจคอไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ นึกถึงแต่พี่อิน ข้อความในจดหมายวนเวียนซ้ำซากอยู่ในหัว

พี่หนิงหันมาถามฉันว่า

"อร่อยมั้ยครับ ขากบร้านนี้อร่อยที่สุดในจาการ์ต้าเลยนะครับ"

"อร่อยค่ะ อร่อยมาก" ฉันคุยกับพี่หนิงแค่นั้นจริงๆ

จบมื้อเย็นด้วยการไปช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าแถวๆนั้น ฉันบอกยุ้ยว่า ขอแยกกันเดินละกัน มาเจอกันก่อนห้างปิด แล้วค่อยกลับด้วยกัน

อยากเปิดโอกาสให้เพื่อน บวกกับเดินดูของคนเดียวสบายดี ไม่ต้องพะวงรอใคร อยากดูอะไรดูได้ตามใจ

เดินในห้างไปมา ปะทะกับพี่หนิง เห็นเค้าอยู่คนดียว ถามได้ความว่ายุ้ยไปเข้าห้องน้ำ พี่หนิงบอกฉันว่า


"พี่อินบอกพี่มาว่าให้เอาดอกไม้ให้คนที่เห็นแล้วคิดว่าใช่คนที่พี่อินปลื้ม พี่เห็นรินแล้วคิดว่า ใช่แน่นอน "

พี่หนิงมองฉันแบบสบตาเปิดเผย ถ้ายุ้ยมาเห็นจะเป็นไงเนี่ย


ฉันขอตัวเดินไปทางอื่น เลิกนึกเรื่องพี่หนิง คิดถึงพี่อินแทน

ถึงเวลากลับโรงแรม นั่งแท็กซี่กลับ แยกย้ายกันเข้าห้อง โดยที่ฉันไม่รู้สักนิดว่าคืนนั้น พี่หนิงกับยุ้ยนอนห้องเดียวกัน


ความสัมพันธ์ของพี่หนิงกับยุ้ยเป็นที่รู้กันทั่ว ขาเม้าท์ทำหน้าที่อย่างเมามัน ว่าพี่หนิงน่ะหล่อจัด เรียนเก่ง พ่อแม่ปลาบปลื้มลูกชายคนนี้มาก แต่..ทุกอย่างมีข้อแม้

...พี่หนิงเป็นพ่อม่าย มีลูกติดด้วย...

เมียเก่าเป็นแอร์ที่ลาออกไปเพราะท้อง สมัยนั้นยังไม่มีการอนุญาตให้แอร์ท้องได้

กฎของบริษัทผิดหลักธรรมชาติมาก แต่งงานได้ แต่ท้องไม่ได้ ใครท้องต้องลาออกสถานเดียว

เม้าท์กันว่า เมียพี่หนิงเป็นรุ่นสุดท้ายที่ท้องแล้วต้องลาออก

ต่อจากนั้นมีการเปลี่ยนกฎบริษัทใหม่ ให้แต่งงานได้หลังพ้นระยะทดลองงาน และท้องได้หลังจากทำงานเกินสามปี

มีสิทธิ์ท้องได้ไม่เกินสองครั้ง ยกเว้นกรณีแท้ง ท้องใหม่ได้

ยังไงก็เป็นกฎพิลึกๆในความรู้สึกฉันอยู่ดี


พูดถึงกรณีให้ท้องได้ไม่ได้ ขอนอกเรื่องเล่าหน่อยว่า เวลาที่ท้อง ต้องรีบเอาใบรับรองแพทย์พร้อมด้วยทะเบียนสมรสไปแจ้งผู้บังคับบัญชา


ประมาณว่า ..หนูท้องมีพ่อนะเจ้าคะ

ถึงแม้จะเคยแจ้งบริษัทแล้วว่าแต่งงาน ยังต้องเอาทะเบียนสมรสไปโชว์อยู่ดี

มีแอร์บางคน ท้องกับสามีคนอื่น หรือท้องแบบผู้ชายไม่ตั้งใจให้ท้องแต่ผู้หญิงอยากท้อง หรือท้องแบบไม่ตั้งใจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายไม่สามารถจดทะเบียนสมรสด้วยได้

ฝ่ายแอร์หญิงสาวต้องขอให้เพื่อนสจ๊วตสาวที่มือไม้อ่อนช่วยเซ็นต์ทะเบียนสมรสให้ที แล้วค่อยหย่าทีหลัง

เพื่อนสจ๊วตเอวอ่อน มืออ่อนหลายคนตกเป็นเครื่องมือรับใช้เพื่อนแอร์มาแล้ว

ผู้หญิงด้วยกัน ต้องเห็นใจกันจ้า


ฉันทำงานต่อไป บินอีกหลายไฟลท์ รับฟังเรื่องราวชาวบ้าน โดยที่ตัวเองไม่ค่อยรู้จักใครนัก เพิ่งบินปีแรก

ได้แต่ฟังรุ่นพี่ๆเค้าเม้าท์กัน

บางเรื่องฟังแล้วมึน ว่า เออ แบบนี้มีด้วยเหรอ

นานเลย กว่าฉันจะรู้ด้วยตัวเอง ว่าอะไรก็เกิดขึ้นใต้ ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้

ฉันยังนึกถึงพี่อินอยู่ แต่เขาเงียบหายไปเลย การที่จะมีโอกาสบินเจอกันนั้นยากมาก ลูกเรือและนักบินเยอะ ต่างคนต่างบิน ไม่มีการร่วมงานกันเป็นกลุ่ม

ใครอยากบินกับใครจริงๆต้องพยายามแลกตารางบินให้ตรงกัน

เป็นเรื่องวุ่นวายอยู่ตลอด เรื่องแลกไฟลท์ตามกัน หนุ่มสาวจีบกันยังเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนที่มีแฟนแล้วหรือแต่งงานแล้ว แอบมาบินด้วยกัน บนเครื่องทำเมินใส่กัน ลงเครื่องลับหลังคน ..


นอนห้องเดียวกัน หลบชาวบ้านอยู่กันสองคน

คงไม่ต้องบรรยายว่าสองคนทำอะไรกัน...ท่านผู้อ่านนึกภาพออกใช่ป่าววว


วันนั้นฉันนอนอยู่บ้าน คิดอะไรเพลินๆ โทรศัพท์ดัง...

ฉันไม่รีบลุกไปรับหรอก เพราะรีบมาหลายครั้ง ผิดหวังทุกที

ดังอยู่นาน ฉันจึงยุรยาตรไปรับ "ฮัลโหลลลลล"

"น้องริน นี่พี่อินนะครับ พี่กำลังจะไปบิน โทร.ที่แอร์พอร์ต คิดถึงน้องรินมากครับ" เสียงกระตุ้นหัวใจฉันดังมาตามสาย

"น้องริน สบายดีมั้ยครับ คิดถึงพี่บ้างมั้ย"

อยากจะตอบว่า คิดถึงทุกลมหายใจก็พูดไม่ออก ได้แต่รับคำ "ค่ะ"

"น้องรินทำไมพูดได้แต่ค่ะ ค่ะ โกรธพี่เหรอครับ พี่ขอโทษที่โทร.มาช้า กว่าจะได้เบอร์น้องริน ..." เขาแก้ตัว

"พี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วนะครับ ไปเดลี อยู่สี่วันแน่ะ อยากให้น้องรินไปด้วยจริงๆ " เขาพูดอยู่คนเดียว

"เทคแคร์นะครับ i love you"

"ค่ะ nice flight นะคะพี่อิน" อยากพูดอีกมากมาย แต่ไม่กล้าพูด รู้ตัวว่าเราไม่ควรพูดมาก เขามีเจ้าของๆๆๆๆท่องไว้ๆๆๆ


พี่อินวางสายไป ฉันร้องไห้ เจ็บหนึบๆที่หัวใจ โทรศัพท์ดังอีก

"ฮัลโหลลลลล"

"หวัดดีครับ นี่พี่หนิงพูดนะครับ รินจำได้มั้ย"

เฮ่อ ทำไมจะจำไม่ได้ ก็พี่เป็นหนุ่มสุดฮ็อตของบริษัท แอร์พูดถึงกันทุกไฟลท์

"จำได้ค่ะ มีธุระอะไรให้รินรับใช้เหรอคะ" ตอบไปอย่างเรียบร้อย

"วันนี้รินว่างมั้ยครับ ไปทานข้าวเย็นกับพี่ได้มั้ยครับ พี่อยากปรึกษารินเรื่องยุ้ยหน่อย"

คุยกันไปมา ฉันตกลงไปทานข้าวกับเขา นัดเจอกันที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

ยุคนั้น ฉันยังสวยอยู่ ตรงสเป็คผู้ชายมากมาย แบบเดินไปไหนๆมีแต่คนมอง

มาถึงตอนนี้ ส่องกระจกแล้วปลง สังขารไม่เที่ยงจริงๆ

พี่หนิงดูยิ้มแย้มแจ่มใส เขาพาฉันไปทานข้าวที่ร้านเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา


ที่ร้านอาหาร ฉันเจอพี่ตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี รุ่นพี่ที่รร. พี่ตุ๊กเข้าวงการแล้ว ตัวจริงพี่ตุ๊กสวยมากกกกกกกกกกก

พี่ตุ๊กว่า "ริน อยากเล่นหนังมั้ย ท่าทางรินเป็นนางเอกได้สบายเลย "

"ไม่หรอกค่ะพี่ตุ๊ก รินไม่ขึ้นกล้อง ถ่ายรูปไม่เคยสวย อยู่ที่การบินไทย เค้าเอาไปเทสต์หน้ากล้อง จะให้ถ่ายโฆษณาก็ไม่ผ่าน ได้แต่ถ่ายภาพนิ่งทีสองที ไม่เอาไหนเลยพี่ตุ๊ก"ฉันสาธยาย

"แล้วนั่นแฟนรินเหรอ หล่อชะมัด"

"555 พี่ตุ๊กขา จะชวนเค้าไปเล่นหนังเหรอคะ เค้าเป็นนักบิน แฟนเพื่อนรินเอง"

"แฟนเพื่อน แล้วไหงมากับรินสองคนล่ะ"

"เค้ามีเรื่องเพื่อนรินจะคุยกับรินน่ะค่ะ"

"รินระวังเหอะ แผนเค้าจะจีบรินอ่ะดิ คนหล่อก็แบบนี้ เจ้าชู้ หว่านไปทั่ว"


....พี่ตุ๊กพูดจริงเลยเชียว....


พี่หนิงเล่าให้ฉันฟังว่า ยุ้ยติดเขามาก แลกไฟลท์บินตามเค้าตลอด เค้ายังไม่แน่ใจเลยว่าชอบยุ้ยแค่ไหน (เห็นมั้ย ชอบแค่ไหนไม่รู้ แต่เอาไปแล้ว)
เชอะๆๆๆ


เค้าอยากเลิกกับยุ้ย ยุ้ย"ไม่ใช่" สำหรับเขาเลย

ในสายตาฉัน ยุ้ยไม่สวยมาก แต่น่ารัก ดูดี คุณแม่เธอมีเชื้อสายราชนิกูล เป็นหม่อมราชวงศ์ คุณพ่อเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่ฉันจบมา แต่ยุ้ยกลับจบมหาวิทยาลัยเอกชนเพราะเอ็นท์ไม่ติด

น้าของยุ้ยท่านหนึ่ง เป็นหม่อมราชวงศ์ ทำงานเป็นสจ๊วต และเลื่อนขั้นเป็นเพอร์เซอร์แล้วในตอนนั้น

เพอร์เซอร์ คือ หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก้าวมาจากเป็นสจ๊วตระยะหนึ่ง แล้วสอบเลื่อนขั้น ตอนฉันบินใหม่ๆ เพอร์เซอร์มีแต่ผู้ชาย

สิบกว่าปีให้หลัง ถึงเริ่มให้แอร์สอบเพอร์เซอร์ได้

คุยกันไป ทานข้าวไป ฉันรู้สึกเพลินดีเหมือนกัน ก็คนกำลังเจ็บปวด พอมีคนมาเอาใจ มาทำท่าดูแลเลยเริ่มสบายใจ

เข้าทางพี่หนิงเค้าแล้ว


พี่หนิงกลับไปส่งฉันที่เซ้นทรัล เขาเดินมาส่งฉันที่รถ แล้วถามว่า "พี่โทร.หารินอีกได้มั้ยครับ"

"ได้สิคะ เป็นเพื่อนกัน ทำไมจะโทร.ไม่ได้"

ฉันขับรถกลับบ้าน จัดกระเป๋าเตรียมบินตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น
พออยู่คนเดียว คิดถึงพี่อินอีกแล้ว เวรกรรมรัยนี่ ต้องมารักคนมีเจ้าของ ชอกช้ำนักหนา

ร้องไห้อีกแล้ว

เอาน่า สู้ สู้ บอกตัวเองว่าอย่าทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจนะ พ่อแม่เลี้ยงเรามาดีขนาดนี้ เราต้องเป็นคนดีสิ

วันรุ่งขึ้นไปบิน เวลาไปบินแต่ละไฟลท์ ต้องไปรายงานตัว สองชั่วโมงครึ่งก่อนเครื่องออก สมัยฉันบินใหม่ๆยังไม่มีศูนย์ลูกเรือใหญ่โตเหมือนปัจจุบันนี้ ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจัดตึกเอาไว้ตึกหนึ่งสำหรับลูกเรือโดยเฉพาะ

เราต้องไปเซ็นต์ชื่อที่ตรงโต๊ะ supervisor on duty พี่พวกนี้เป็นแอร์เก่า คอยดูแลเราหัวจรดหาง เอ๊ย ไม่ใช่ หัวจรดเท้า

ดูว่าเราสวมเครื่องแบบเรียบร้อยมั้ย กระโปรงต้องอยู่พอดีเข่า ต้องสวมถุงน่องสีเข้ากับผิว รองเท้าคัทชูส้นสูงสีดำตามกฎบริษัท

ต้องทำเล็บมาให้สวย ทาเล็บด้วยเฉดสีแดง ส้ม ชมพู เท่านั้น จะมาทาสีม่วง สีน้ำเงิน สีทอง ไม่ได้

สียอดนิยมของแอร์คือสีน้ำตาลอ่อนอมชมพูอมส้ม เพราะมันเลอะหรือลอกแล้วสังเกตไม่ค่อยเห็น บางคนลืมทาเล็บมา มาทาในรถ เดินกางมือมาราวแม่เสือจะตะปบเหยื่อ

ทรงผม ถ้ายาวเลยไหล่ต้องรวบให้เรียบร้อย จะถักเปีย เกล้ามวย หรืออะไรก็ได้ที่เก็บผม ห้ามทำหางม้าไกวแกว่ง เดี๋ยวไปแกว่งโดนผู้โดยสารเข้าจะเดือดร้อน

แต่ฉันก็เห็นแอร์สายการบินอื่นเค้าไว้หางม้ากัน ไม่เห็นจะเป็นไร น่ารักดีออก

ถ้าผมสั้น ต้องตัดทรงสุภาพ ห้ามซอยทรงพิสดาร ส่วนใหญ่แอร์ผมสั้นจะไว้บ๊อบกัน ไม่ก็ซอยสั้นๆถ้าหน้าให้และหัวทุย


ห้ามทำสีผมเด็ดขาด


supervisor on duty หลายท่านจะเข้มวงดมาก ขนาดให้กางนิ้วดูเล็บเหมือนตอนอยู่ที่รร. ให้เปิดเสื้อดูว่าสวมสลิปหรือเปล่า

เพราะชุดไทยที่สวมตอนทำงานบนเครื่อง ตัวเสื้อจะสั้นและพอดีตัว ถ้าเราช่วยผู้โดยสารเก็บของไว้ที่ที่เก็บของเหนือศีรษะ เสื้อจะเลิกขึ้นไปเห็นเนื้อ หากไม่สวมสลิป


เป็นแอร์ รายละเอียดเยอะ กฎเกณฑ์มากมาย


รายงานตัวตามเวลาแล้วเข้าห้องbrief ตามไฟลท์ที่เราจะไป เพอร์เซอร์จะเป็นผู้ทำหน้าที่สรุปให้พวกเราฟังและเม็มไว้ในหัวว่า...


ไฟลท์นี้กัปตันชื่ออะไร ชั่วโมงบินประมาณกี่ชั่วโมง

ผู้โดยสารแต่ละคลาสกี่คน อาหารมีอะไรบ้าง

เรื่องอาหารนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำการบ้านมา

ต้องรู้ว่าสิ่งที่เราเสิร์ฟปรุงมาจากอะไรบ้าง

ไวน์ที่เสิร์ฟผลิตปีไหน จากองุ่นแคว้นไหน ประเทศอะไร

ซึ่งบริษัทจะสอนเราในตอนเทรนนิ่งก่อนขึ้นบิน


ทุกคนต้องอัพเดทตัวเองเรื่อยๆ ถ้าตอบอะไรผู้โดยสารไม่ได้ในเรื่องที่ควรตอบได้ จะโดนมิใช่น้อย


ฉันถูกวางตำแหน่งให้ยืนรับผู้โดยสารที่ประตูสอง


บทบาทคือไหว้ แล้วขอดูบอร์ดดิ้งพ้าส (บัตรผ่านขึ้นเครื่อง จะมีชื่อผู้โดยสาร และหมายเลขที่นั่ง แยกสีตามชั้นที่ผู้โดยสารจ่ายเงินซื้อตั๋วไป)

ดูบอร์ดดิ้งพ้าส แล้วผายมือไปทางซ้าย ทางขวา แล้วแต่ที่นั่งผู้โดยสารจะไปทางไหน

ซึ่งจะมีแอร์และสจ๊วตที่เหลือยืนรอรับอยู่ตามจุดต่างๆในเคบิน

ระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอรับผู้โดยสาร ขบวนนักบินเดินขึ้นเครื่องมา นำหน้าด้วยกัปตัน ปิดท้ายด้วย.... พี่หนิง
(โฮะ โฮะ มาได้งัยนี่ ตั้งใจป่าว)

ฉันยกมือไหว้ทุกคน นักบินตะเบ๊ะตอบ (ใส่หมวกอยู่)

พี่หนิงในเครื่องแบบหล่อจัดจริงๆน่ะแหละ ฉันเพิ่งมองเค้าชัดๆ เวลาสวมเครื่องแบบ

เค้าดูเท่ห์กว่าพี่อินอีก


กัปตันทักฉันว่า " ชุดไทยหนูสวยมาก"
ฉันยิ้มตอบ "ขอบคุณค่ะ"

เป็นชุดสีเหลืองมะนาว สไบสีทอง

พี่หนิงมาบอกทีหลังว่าวันนั้นเค้านึกว่าฉันเป็นนางฟ้าตัวจริงมาเลย

ปากหวาน เด็กสาวๆอย่างฉันก็ปลื้มไป

ลืมคิดถึงพี่อินไปชั่วขณะ


ขอบคุณที่สุดเลยที่ติดตามอ่านค่ะ แบบนี้มีกำลังใจเขียนต่อ

วันนี้คาดว่าเขียนไม่จบแน่ เอาเป็นว่าจะเขียนไปเรื่อยๆนะคะ ไม่มีกำหนดจบ จะได้เปิดอ่านกันทุกวันไงคะ

ต่อเลย...

ที่สิงคโปร์ พี่หนิงพาฉันกับเพื่อนอีกคนชื่อกิ๊บไปทานข้าวเย็น ฉันได้ทานบากูเต๋ (กระดูกหมูต้มเครื่องยาจีน มีซีอิ๊วดำใส่พริกคล้ายพริกชี้ฟ้าเป็นน้ำจิ้ม ทานกับข้าวสวย อร่อยมากๆ) ทานไอ๊ซ์กะจัง (คล้ายน้ำแข็งใสบ้านเรา อร่อยมากอีกละ)

จากนั้นย่อยอาหารด้วยการไปเดินช้อปปิ้งแถวถนนออร์ชาร์ด ถนนช้อปปิ้งที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์

เดินกันไปสามคน กิ๊บคุยกับพี่หนิงไปเรื่อยๆ กิ๊บเป็นคนสวย ขี้เล่น หูตาพราวแพรว คนรุมจีบตรึม แต่เท่าที่รู้ตอนนั้นกิ๊บเพิ่งเลิกกับแฟนที่เป็นสจ๊วตมาหมาดๆ ดูกิ๊บดี๊ด๊ากับพี่หนิงน่าดู

เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ของแบรนด์เนมทั้งนั้นเลย แพงมากในความรู้สึกคนเพิ่งทำงานอย่างฉัน เข้าร้าน FENDI ฉันติดใจกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมเกือบจตุรัส ตรงมุมมีโค้งๆเดินเส้นสวยด้วยหนังสีน้ำเงินเข้ม ตัวกระเป๋าเป็นผ้ายีนส์ลาย FENDI ฉันชื่นชมกระเป๋าใบนั้นอยู่นาน กิ๊บบอกว่า

"น่ารักจัง รินเอาสิ"

"ไม่เอาหรอก ชอบมากเลยนะ แต่รินว่ามันแพงไป คิดเป็นเงินไทยตั้งเกือบห้าพัน"

ห้าพันสมัยนั้นหากเทียบสมัยนี้คงสักสามหมื่นมั้ง

"โห ริน เดี๋ยวเราก็หาตังได้อีก เป็นแอร์ต้องแต่งตัวดีๆ ดูพวกรุ่นพี่ๆดิ หลุยส์ กุ๊ชชี่ ดิออร์ กันทั้งนั้น" กิ๊บยุ

สุดท้ายฉันก็ไม่ซื้อ แต่กิ๊บไปเข้าร้านกุ๊ชชี่แล้วซื้อกระเป๋าถือมาใบนึง สวยแต่ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ กิ๊บบอก

"เนี่ย เจ็ดพันกว่า เมืองไทยก็คงซักหมื่นต้นๆ ได้ของถูกเห็นป่าว"

เออ เพื่อนฉันคนนี้ซื้อของแพงได้ถูกกว่าที่เมืองไทยก็ดีใจแล้ว ช่างมองโลกในแง่ดี และช่างใช้เงินเก่งจริงๆ




ระหว่างนั้นกิ๊บคุยจ๋อยๆกับพี่หนิง ไม่ค่อยสนใจฉันหรอก แต่ฉันรู้ด้วยสัญชาตญาณผู้หญิงว่าพี่หนิงแอบมองฉันตลอด

พากันนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม แยกย้ายกันเข้าห้อง นัดกันว่าเช้าวันรุ่งขึ้นเราจะไปแหล่งช้อปของถูก คือ PEOPLE'S PARK นัดกันสิบโมงเช้า ช้อปได้ถึงบ่าย บินกลับกรุงเทพฯตอนค่ำ


ฉันมารู้หลังจากนั้นอีกนานว่า คืนนั้นพี่หนิงนอนห้องเดียวกับกิ๊บ

ฉันมันโง่จริงๆ รู้อะไรๆทีหลังชาวบ้านเค้าหมด


หลังจากไฟลท์สิงคโปร์นั้น ฉันมีวันหยุดสองวัน และ stand by 1 วัน รุ่งขึ้นจาก stand by มีไฟลท์บินไปโอซาก้า ซึ่งฉันชอบไปมาก ชอบทุกอย่างที่เป็นของญี่ปุ่น มันคิกขุน่ารัก ซื้อของแค่ไม่กี่เยน คนขายจะแพ็คให้อย่างสวยงามจนไม่อยากแกะ

ยังไม่เคยเห็นแพ็คเกจจิ้งของที่ไหนเนี้ยบสวยเท่าญี่ปุ่นเลย

ผู้โดยสารญี่ปุ่นส่วนใหญ่มารยาทงาม แต่ติดบุหรี่มาก ทุกไฟลท์ที่ไปญี่ปุ่น ผู้โดยสารจะมีการแย่งนั่งที่ตรงโซน smoking

ต่างจากเที่ยวบินอื่นที่ผู้โดยสารไม่ค่อยขอที่นั่งสูบบุหรี่ ทั้งที่ตัวสูบบุหรี่ คือนั่งบริเวณไม่สูบแล้วไปยืนสูบบุหรี่แถวๆโซนสูบบุหรี่ ถ้ามีที่นั่งว่างแถวนั้นท่านจะนั่งสูบสบายใจ
แล้วกลับไปที่นั่งตนเองที่ตรงไม่สูบ จะได้หายใจสบายอก

แต่คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีระเบียบวินัย สูบก็บอกว่าสูบ ไม่เอาเปรียบใคร

สังเกตได้ว่าผู้โดยสารญี่ปุ่นสูบบุหรี่อยู่ยี่ห้อเดียว คือ MILD SEVEN

ชาตินิยมเอาจริงเอาจัง

ตอนนี้ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินหมดแล้ว น้องๆแอร์รุ่นใหม่ไม่ต้องดมควันบุหรี่แบบรุ่นฉันเมื่อก่อน

สงสารคนญี่ปุ่น เวลาก่อนขึ้นเครื่องบินคงอัดบุหรี่ไว้ทั้งซอง


(เรื่องคนญี่ปุ่นมีอีกเยอะ ขอติดไว้เล่าทีหลัง)



เมื่อฉันมี stand by วันก่อนหน้าบินไฟลท์โอซาก้า ฉันจึงกลัวมากว่าจะโดนเรียกไปบินที่อื่นแล้วอดไปโอซาก้า วางแผนไว้ว่า ในวัน stand by จะไม่รับโทรศัพท์ ปล่อยให้ดังไป แต่ไม่ยกหูออก

stand by คือการที่ลูกเรือคนนั้นๆต้องเตรียมพร้อมที่จะไปบินได้ทันทีที่ถูกเรียก ต้องอยู่บ้านทั้งวัน ห้ามออกไปไหน
จัดกระเป๋าให้พร้อม ทาเล็บ ทำผมไว้ด้วย

คือทำตัวเหมือนวันนั้นจะไปบิน แต่ไม่ออกไปถ้าไม่ถูกเรียก

สมัยนั้น ทางแผนกจัดตารางบิน และดูแลรับโทรศัพท์ลากิจ ลาป่วย รับแลกตารางบิน ฯลฯอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ชั้นล่างของตึกที่พวกเราไปรายงานตัวก่อนบิน

เรียกว่าแผนก OB ต่อมาเปลี่ยนเป็น OJ ปัจจุบันคือ OD

เจ้าหน้าที่ใน OB เกือบทุกคนเคยเป็นแอร์ แต่มีปัญหาต่างๆนานา ในการไปบินไม่สะดวก อาทิ สุขภาพไม่ดี อยากทำงานภาคพื้นดิน มีภาระทางครอบครัวทำให้ไปค้างคืนที่ไหนไม่ได้ มีปัญหากับลูกเรือด้วยกันจนอยู่ไม่ไหว ฯลฯ ต่างลงมาอยู่ที่แผนกนี้ และกลายเป็นแผนกไม้เบื่อไม้เมากับลูกเรือ เพราะพวกเธอลืมกันไปหมดว่าอดีตเคยเป็นแอร์ และพวกแอร์สจ๊วตต่างก็แสบไม่น้อยในการหลบเลี่ยงหน้าที่


ผู้จัดการแผนกตอนนั้นคือ คุณ ยุรภรณ์ แม็คอินทอช

คุณแม่ของวิลลี่และแหม่ม



ถึงวัน stand by ฉันจัดกระเป๋าไว้เรียบร้อย อยู่บ้านคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน น้องสาวน้องชายไปเรียน

ฉันบอกสมาชิกในครอบครัวไว้เรียบร้อยว่าอย่าโทร.มาที่บ้าน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริงๆ เพราะฉันจะไม่รับโทรศัพท์ กลัวได้ไปเมืองแขกแทนไปญี่ปุ่น

ช่วงเช้า โทรศัพท์ดังสองครั้ง ฉันไม่รับ

ช่วงบ่ายดังอีกสามครั้ง ฉันไม่รับสายตามเคย

ตอนเย็น มีคนมากดกริ่งที่ประตูหน้าบ้าน ฉันใจหายวูบ

ตกใจเพราะนึกว่า OB ส่งเมสเซ็นเจอร์มาตาม

ในกรณีที่เราไม่รับโทรศัพท์ OB จะโทร.หา standby คนอื่นๆ แต่ถ้าใครๆไม่รับโทรศัพท์ล่ะ ..

สิงห์มอไซค์จะถูกส่งมาจิกตัวเราถึงบ้าน
แล้วจะหนีรอดมั้ยเนี่ยชั้น

เด็กที่บ้านออกไปดูว่าใครมา มาหาใคร แล้วเข้ามารายงานฉันว่า

"คุณรินขา มีผู้ชายมาหาคุณรินค่ะ หล่อออออมากกกกกค่ะ"
เอ่อ เมสเซ็นเจอร์สายการบินนี้หล่อด้วยเหรอ!!!

"แล้วเค้าบอกน้อยป่าวว่ามีธุระอะไร"

"ไม่ได้บอกค่ะ บอกแต่มาหาคุณริน"

" เค้าชื่ออะไรล่ะ" ฉันถามน้อย

" โอย ตาย น้อยลืมค่ะ มัวมองความหล่อจนลืมไปหมดว่าจะพูดอะไร" ยัยน้อยนี่จะออกแนวโก๊ะๆหน่อย

ทันใดนั้น พุทธิปัญญาพลันพรุ่งพรวดขึ้นมาในหัวฉัน ..พี่อินแหงๆ พี่อินมาหาฉัน อ้าว..เอ๊ะ.. แล้วเค้ารู้จักบ้านเราได้ไงเนี่ย


คิดพร้อมกระโจนพรวดไปหน้าบ้าน เกือบสะดุดน้องหมาล้ม

โน่น..ยืนยิ้มหล่ออยู่หน้าบ้าน

หัวใจหายวูบเลย ..ผิดหวังๆๆๆๆๆ

พี่หนิงมา ไม่ใช่พี่อิน

เอ..อาจเป็นได้ว่าพี่อินวานเขามา ยังแอบหวังอยู่


"สวัสดีค่ะพี่หนิง มาบ้านรินได้ไงคะนี่"

"พี่มีเรดาร์พิเศษครับ ตามหาตัวรินได้ตลอดเวลา" พี่รินพูดยิ้มๆ

ฉันทำไม่รู้ไม่ชี้ ถามต่อ

"พี่รินมีธุระอะไรกะรินเหรอคะ อย่าบอกนะว่า OB ใช้มาเรียกรินไปบิน"

"นั่นสิครับ นึกแล้วว่ารินไม่อยากโดนเรียก พี่โทร.มาตั้งหลายที ไม่รับสายเลย"

"แล้วตกลงพี่รินมาทำไมคะ จะมาคุยเรื่องยุ้ยเหรอคะ ท่าทางเรื่องด่วน"

"เปล่าคร้าบ พี่แวะเอาของมาให้รินต่างหาก" พี่หนิงทำหน้ามีนัยยะบอกไม่ถูก

"พี่อินฝากมาเหรอคะ" ฉันโพล่งไปตามที่ใจคิด

"ไม่ใช่อีกและครับ พี่เอามาฝากน้องรินด้วยตัวพี่เอง คอยแป๊บนะครับ พี่ไปเอาที่รถก่อน"


พี่หนิงเดินไปที่รถบีเอ็มซีรี่ส์ห้าสีดำ ติดฟิล์มมืดตึ๊ดตื๋อ จอดอยู่ใกล้ๆ หยิบถุงออกมา เดินกลับมาส่งถุงให้ฉัน


โฮ้โฮ.... ถุงกระเป๋า FENDI ใบที่ฉันอยากได้ตอนไปสิงคโปร์นั่นไง


โดย: เดินผ่านมา IP: 124.120.7.192 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:05:44 น.  

 
-----------------------------------------------------------
รวมแบบเต็มๆ ให้ ตอนสอง
-----------------------------------------------------------

ชีวิตรันทด...เรื่องจริงผ่านคอมพ์ ตอนที่สอง
แตกประเด็นมาใหม่แล้วนะคะ ขอเวลาหนึ่งชั่วโมงค่ะ

ดีใจจังมีคนชอบอ่านเรื่องของเรา ...จุ๊บๆ


คุณแม่ฉันเคยสอนบ่อยๆว่า อย่ารับของจากผู้ชายถ้าไม่คิดว่าจะสานต่อความสัมพันธ์กับเขา มันจะทำให้เราดูเป็นผู้หญิงโลภ แม้จะคบกันแล้ว ถ้ายังไม่แต่งงาน ไม่ควรรับของราคาแพงจากเขาเป็นอันขาด


"ไม่ควรให้ผู้ชายคิดว่าซื้อลูกได้ด้วยเงิน..."

คำสอนของแม่น่ะจำได้ แต่กระเป๋าที่ล่อใจอยู่ข้างหน้า ทำให้ฉันอึกอัก พี่หนิงเห็นท่าฉันแบบนั้นเลยพูดว่า

"เห็นรินอยากได้ พี่เลยแอบไปซื้อตอนก่อนเราบินกลับ เกือบกลับมาขึ้นรถไม่ทัน"

พี่หนิงหมายถึงขึ้นรถบัสรับพวกเราไปสนามบิน ซึ่งทุกคนต้องตรงเวลา

"รินชอบ แต่ไม่ยอมซื้อ พี่ชอบผู้หญิงมีความคิดแบบนี้ รินรับไปเถอะนะครับ อีกอย่าง รินเป็นเพื่อนยุ้ย เป็นที่ปรึกษาของพี่ เถอะนะครับ รับไปเป็นค่าปรึกษาไง"

พี่หนิงชักแม่น้ำห้าสิบสายมาพูด จนฉันใจอ่อนด้วยความอยากได้กระเป๋าบวกกับคารมพี่หนิงแบบที่ภาษิตว่า

"คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง"

แต่กับพี่หนิง ขอตั้งใหม่ว่า

"คารมเป็นต่อ รูปหล่ออีกเป็นกอง แล้วหญิงจะต่อรองยังไงไหว"

แฟนเพื่อนนะนั่น..

ลงท้ายด้วยการที่ฉันยอมไปทานข้าวเย็นสองต่อสองกับพี่หนิงที่ห้องอาหารในโรงแรมห้าดาว อาหารหรู มีชายหนุ่มสวมทักซิโด้เล่นเปียโน และสาวสวยในชุดราตรีงดงามร้องเพลงเบาๆ เข้ากับเปียโน

ฉันสบายใจมากในคืนนั้น พี่หนิงทำตัวน่ารัก สุภาพ

แบบนี้เรียกว่าทำให้ฉันตายใจ

สุดท้ายตายทั้งเป็นเพราะผู้ชายคนนี้


ฉันมันทั้งเห่ยทั้งโง่ที่คิดว่าพี่หนิงจริงใจ และเป็นสุภาพบุรุษ

ซาตานมักจะมาในคราบนักบุญก่อน อันนี้จริงที่สุด

พี่หนิงส่งฉันที่บ้าน พร้อมกับบอกว่าจะมารับพรุ่งนี้เช้า ไปส่งฉันไปบิน

ฉันนอนหลับ ไม่ฝันถึงพี่อินอีกแล้ว


ตอนเช้า พี่หนิงมาตามนัด สวมเครื่องแบบมาด้วย เขาไปบินโอซาก้ากับฉัน แต่ไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน กะจะเซอร์ไพร้ซ์ฉัน เขาเข้ามาสวัสดีพ่อแม่ฉันด้วย

"คนนี้หล่อมากนะลูก แต่ดูให้ดีๆก่อน เราเห็นหล่อ ผู้หญิงอื่นก็เห็นหล่อ เดี๋ยวลูกจะเวียนหัวทีหลัง"

"รินยังไม่อะไรหรอกค่ะแม่ ไปบินละค่ะ แล้วจะซื้อกากิมาฝากแม่ค่า"

กากิ คือลูกพลับสด ที่ญี่ปุ่น ลูกพลับสดจะมีในหน้าหนาว
หวาน หอม อร่อยมั่กๆ ช่วงกากิออก กระเป๋าทุกคนจะหนักเป็นพิเศษ

ซื้อกันเป็นลัง ขนาดใหญ่สุดเรียกว่า ขนาดสามแอล (3L)

นานๆจะมีสี่แอลบ้าง

ส่วนใหญ่ที่ขายจะมีตั้งแต่ หนึ่งแอลถึงสามแอล


ฉันเองไม่ทราบเหมือนกันว่าที่เรียกแบบนี้ย่อมาจากอะไร

ถึงบริษัท พี่หนิงช่วยฉันยกระเป๋าลงจากรถ แล้วขับไปสนามบินเลย
นักบินไม่ต้องไป brief ที่บริษัท พวกเขาจะ brief กันสามคน (คือนักบินที่หนึ่ง สอง สาม) ที่สนามบิน ในแผนกที่เรียกว่า dispatch

ทางแผนกนั้นจะรายงานกัปตันว่า ในเที่ยวบินนั้นๆ มีผู้โดยสารกี่คน น้ำหนักกระเป๋าและสัมภาระกี่ตัน คาร์โก้ (สินค้า) กี่ตัน มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆใต้ท้องเครื่องกี่ชีวิต

สิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือสัตว์ต่างๆทั้งที่เป็นอาหารและเป็นสัตว์เลี้ยง

สิ่งไม่มีชีวิตก็ขนส่งได้ (ศพไง)

กัปตันได้รับรายงานทั้งหมดแล้วจะคำนวณว่าควรจะสั่งน้ำมันกี่ร้อยตันถึงจะพาเครื่องไปยังจุดหมายได้ปลอดภัยที่สุด

การคำนวณน้ำมันเป็นเรื่องสำคัญ หากเครื่องเกิดลงที่สนามบินนั้นๆไม่ได้ จะต้องไปลงสนามบินอื่นที่ใกล้ที่สุด หรือต้องบินวน รอคิวที่จะลง น้ำมันจะต้องพอเพียงต่อเรื่องฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ


ที่ห้อง brief ฉันเจอกิ๊บอีกแล้ว กิ๊บรีบมาทักฉัน

"เราบินกะพี่หนิงอีกแล้ว มีคนเลี้ยงข้าวละ " กิ๊บพูดไปหัวเราะไป

"รินรู้ป่าวว่าพี่หนิงเค้าเลิกกะยุ้ยแล้วนะ เรากะจะเสียบต่อเลยดีมั้ย"

"ฮื่อ..ตามใจดิ" ฉันไม่เล่าเรื่องพี่หนิงกับฉันให้กิ๊บฟัง และฉันเองยังไม่รู้เรื่อง(แอบๆนอนกัน) ของพี่หนิงกับกิ๊บด้วย


ตามที่กิ๊บบอก เราไปทานอาหารเย็นกันสามคน เดินไปร้านข้างๆโรงแรม เย็นแล้ว อากาศหนาว อุณหภูมิที่กัปตันประกาศก่อนลงคือ แปดองศาเซลเชียส เราเลยเลือกทานร้านใกล้โรงแรม จะได้ไม่ต้องทนหนาวเดินไกล

วันนั้นมีปลาไข่ หรือที่พวกเราเรียกว่า " ชิชาโมะ"
เป็นปลาตัวเรียวๆขนาดทานสองสามคำ ทอดจนเหลืองกรอบ วางมาบนกระหล่ำปลีสดหั่นฝอย (อาหารญี่ปุ่นแทบทุกจานจะมีกระหล่ำปลีแบบนี้มาด้วย)

อร่อยๆๆๆ จนลืมสงสารปลา และไข่มากมายในท้องที่เราทานไป

พี่หนิงกลับชอบปลาดิบ ปลาดิบที่ญี่ปุ่นสดและถูก ต่างจากบ้านเราที่ขายแพงมากๆ

มีโอเด้งด้วย คล้ายๆพะโล้บ้านเรา เพียงแต่รสชาดแนวญี่ปุ่น โอเด้งนี่เขาจะทำขายให้ซดนำซุปร้อนๆเฉพาะในหน้าหนาวเท่านั้น

ระหว่างทานอาหาร กิ๊บคุยแจ้วๆกับพี่หนิงที่ไม่เห็นค่อยพูดซักเท่าไหร่ (แต่แอบมองฉันอีกละ)

ทานเสร็จ แวะซื้อกากิกัน เดินกลับโรงแรม ต้องรีบพักผ่อนเนื่องจากในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเราจะบินกลับกรุงเทพฯ

ฉันอาบน้ำเสร็จซักพัก โทรศัพท์ที่หัวเตียงดัง

"ฮัลโหล" ใจฉันนึกว่าพี่หนิงชัวร์

ไม่ผิดคาดสักนิด

" พี่ไปคุยด้วยแป๊บนึงได้มั้ยครับ ไม่รบกวนรินนานหรอก"

ในใจฉันต่อสู้กันอยู่สองสามวิ

"ได้ค่ะ"

พี่หนิงมาที่ห้องฉันด้วยชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น

ในโรงแรมไม่หนาว มีเครื่องทำความร้อน (heater)

พี่หนิงเข้ามาในห้องฉัน "หอมจังครับ รินใช้น้ำหอมอะไรนะครับ"

"รินใช้ body spray ธรรมดาๆค่ะ" ฉันชักเขินๆ ไม่แน่ใจตัวเองว่าชอบพี่หนิงจริงๆหรือเปล่า

ความรู้สึกต่างจากที่ฉันรู้สึกกับพี่อิน

พี่หนิงบอกฉันว่า เลิกกับยุ้ยแล้ว ยุ้ยยังไม่ยอม โวยวาย แต่พี่หนิงยืนยันขอเลิก ลงท้ายด้วยการขยับมากอดฉันเฉยเลย

กอด แล้วจูบ จูบที่ทำเอาฉันแทบบ้า พี่หนิงจูบเก่ง และค่อยเป็นค่อยไป เร้าอารมณ์ดีชะมัด

แต่นั่นแหละ สุดท้ายฉันไม่ยอม แม้จะเคลิ้มไปกับบทรักของพี่หนิง กับคำรำพันว่า "พี่รักริน รักรินเหลือเกิน"

พี่หนิงต้องกลับห้อง โดยไม่ได้มีเซ็กส์กับฉัน...

ตอนหลังเขามาเล่าให้ฉันฟังว่าเขาอารมณ์ค้างมาก เลยไปหากิ๊บ

เลวซะ....


ความสัมพันธ์ของฉันและพี่หนิงก้าวหน้าไปเรื่อยๆเอื่อยๆพี่หนิงยังคงเอาใจฉันมากมาย จนวันหนึ่งยุ้ยโทร.มาหาฉัน

"ริน ยุ้ยอยากถามรินว่ารินทำแบบนี้ไปได้ยังไง"

ยุ้ยเสียงแข็งมาเลย

" เอาเป็นว่า รินไม่ได้แย่งพี่หนิงนะยุ้ย เค้าเลิกกับยุ้ยก่อนนะ ถึงมาหาริน"

"โหย รินพูดเข้าข้างตัวเองดีจริงเล้ย ยุ้ยไม่อยากพูดมาก พี่หนิงน่ะ เค้ามีอะไรๆกับยุ้ย ไม่ใช่แฟนกันธรรมดา พี่หนิงเค้ารักยุ้ย ทำให้ได้ทุกอย่าง"

"ทำให้ได้ทุกอย่าง.."ฉันทวนคำพูดยุ้ย

"ใช่สิ แบบทุกอย่างที่ทำให้ยุ้ยมีความสุขไง ทุกอย่าง ทุกเรื่อง.."

ยุ้ยสะอื้นมาตามสาย

"ยุ้ย อย่าร้องไห้เลย รินเองก็ยังไม่มีอะไรกับพี่หนิงนะ ดูๆกันไปก่อน อีกอย่าง รินยังไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเอง จริงๆนะยุ้ย"

"เฮ่อ..เบื่อพวกแก้ตัว แย่งแฟนเพื่อน สวยๆแบบเธอน่าจะหาไม่ยากนะ ..บลาๆๆๆๆๆ"

ฉันวางสายก่อนที่ยุ้ยจะขึ้นเสียงสูงจนคอแตก

ช่วงนั้น บริษัทเปิดเที่ยวบินใหม่ไปยังเกาะคาลิโดเนีย หรือที่เรียกกันว่า"นูเมีย"

เป็นหมู่เกาะเล็กที่สวยงามในมหาสมุทรแปซิฟิก
และเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

ใครที่ได้บินไปแล้วจะกลับมาเม้าท์ว่านูเมียสวยมาก ผู้คนน่ารัก บ้านเมืองน่าเอ็นดู

พวกเราต่างรอลุ้นตารางบินเดือนใหม่ว่าจะได้ไปนูเมียบ้างมั้ย

สัปดาห์หนึ่งมีสองไฟลท์ อยู่ที่นั่นสี่วัน กับห้าวัน

ฉันก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ยิ่งได้ฟังว่านูเมียน่าไปอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งอยากไป

ตารางบินจะออกล่วงหน้าหนึ่งเดือน โดยทาง OB จะเอาตารางบินของแต่ละคนไปใส่ไว้ในช่องใส่เอกสารส่วนตัวซึ่งมีลักษณะเป็นตู้ไม้ เจาะเป็นช่องๆ เรียงตามลำดับเลขประจำตัวพนักงาน ตั้งไว้ที่ห้องพักผ่อนก่อน brief ห้องนี้มีโซฟาเป็นชุดๆ ไว้ให้นั่งคุย นั่งพัก นั่งดื่มกาแฟ นั่งทาเล็บฯลฯ ก่อนบิน

และเป็นที่ระบายความคับแค้นใจจากผู้โดยสาร เพื่อนร่วมงาน หลังกลับจากบิน

สมัยก่อนนั้น เป็นช่องโล่งๆ สอดเอกสารขนาด A4 ได้อย่างสบาย ไม่มีช่องปิดล็อก ทำให้เกิดคดีเอกสารหายกันเป็นประจำ

ตารางบินใหม่ออกมา ฉันได้ไฟลท์ไปนูเมียห้าวัน ...ดีใจสุดๆ

เรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่ไฟลท์นูเมียนี่เอง


ขอโทษค่ะที่ให้ท่านผู้อ่านรอนาน

ขอสารภาพว่า ไม่สามารถพิมพ์ทีเดียวจบได้ตามที่หลายท่านบอกมา

เวลาไม่ค่อยมีค่ะ แต่พยายามแล้วที่จะเข้ามาตามที่ได้แจ้งไว้

ท่านที่สงสัยว่าจขกท. หรือพี่หนิง จะเป็นอย่างไร กรุณาอ่านไปเรื่อยๆนะคะ บอกก่อนก็ไม่หนุกสิคะ

จขกท. เองไม่ใช่คนดีนักหรอกค่ะ อ่านไปแล้วจะทราบ ที่มาเขียนนี่อยากให้บทเรียนชีวิตของตนเองกับท่านที่เข้ามาอ่าน

ขอบพระคุณทุกกำลังใจค่ะ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านคือแรงใจของดิฉันจริงๆค่ะ



ต่อเลยนะคะ....



ก่อนที่จะไปนูเมีย ฉันมีวันว่างเมื่อไหร่เป็นต้องออกไปซื้อเสื้อผ้า เพราะได้ข่าวมาว่าที่พักเราอยู่ริมชายทะเล ต้องแต่งตัวให้ลุคแบบซัมเม่อร์ สีแจ๋นๆ ประเภทแขนกุด ขาสั้น (สมัยนั้นยังไม่นิยมสายเดี่ยว)

ฉันก็เหมือนผู้หญิงเกือบทั้งโลกที่ชอบความสวยงาม ไปตั้งห้าวัน รวมวันบินไป-กลับเป็นหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ

ฉันช้อปเสื้อผ้าซะเยอะแยะ ที่สยามนั่นแหละค่ะ แหล่งช้อปตลอดกาล ตอนนั้นยังไม่มีสยามดิสคัฟเวอรี่ มีแต่สยามสแควร์ กับสยามเซ็นเตอร์

ฉันเป็นขาประจำร้าน JASPAL มาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ แม้จะมีเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่อีกมากมาย ฉันยังคงแวะเวียนไปที่ JASPAL อยู่เสมอ

เชื่อไหมว่าโต๊ะไม้ตัวใหญ่ในร้านที่สยามเซ็นเตอร์อยู่มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเป็นลูกค้าร้านนี้ ทุกครั้งที่ฉันผ่านไป ฉันรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าทุกที

เอ..หรือว่าจะเป็นโต๊ะตัวใหม่ที่ทำให้เหมือนตัวเก่า จะถามโต๊ะ คนคงว่าบ้าเนอะ

ได้เสื้อผ้าสะใจแล้ว ระหว่างนั้นฉันยังคงไปไหนมาไหนกับพี่หนิง ข่าวฉันคบกับพี่หนิงเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เป็นหัวข้อการสนทนาที่มันส์สุดๆของลูกเรือ

แอร์หลายคนถึงกับมาดักดูหน้าฉัน รวมกับเรื่องราวจากปากของยุ้ย ทำให้ฉันดูเป็นคน"แย่งได้แม้แต่แฟนเพื่อน"

เวลาไปบิน มีแต่คนมาถามฉันว่าเรื่องจริงมันเป็นไง เฮ้ออออ...น่าเบื่อจริงๆ

พี่อินหายเงียบไปจากชีวิตฉัน ทั้งที่ฉันคิดถึงเขาบ่อยๆ น้อยใจเล็กๆว่าทำไมเขาไม่ส่งข่าวมาบ้าง โทร.มาหาสักนิดก็ยังดี พี่หนิงบอกฉันว่าพี่อินเจ้าชู้จะตาย ตอนพี่อินฝากดอกไม้ไปให้ฉัน พี่หนิงไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่พี่อินอาวุโสกว่า พี่หนิงเลยต้องทำ

ฉันเออออไปกับพี่หนิง ไม่บอกหรอกว่า ฉันแอบคิดถึงพี่อิน เวลาสามสี่วันที่ตะวันออกกลางฝังใจฉัน เรื่องราวต่างๆที่เราคุยกันมันแจ่มชัดในความทรงจำ ฉันจำได้แม้แต่เสื้อผ้าที่พี่อินสวมทุกวัน จำรองเท้าเขาได้ จำแว่นกันแดดอันสวยของเขาได้...

ตอนนั้นฉันไม่รู้ซึ้งว่าฉันน่ะ "รัก" พี่อิน ไม่ใช่พี่หนิง

พี่หนิงเคยเป็นทหารอากาศ มีนิสัยหลายอย่างแบบทหาร หากช่วงที่คบกันเขายังไม่แสดงออกมา ฉันแค่รู้สึกลึกๆว่า ฉันกับพี่หนิงคุยกันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ไม่เหมือนอยู่กับพี่อิน เราต่างสนใจในเรื่องเดียวๆกัน คุยกันถูกคอ และ...ถูกใจ

แต่พี่อินมีเจ้าของ พี่หนิงเลยเข้ามาแทนที่แบบเบลอๆ ฉันปลื้มที่เค้าเอาใจ เค้าหล่อ เค้าเป็นที่หมายปองของสาวๆมากมาย ไปไหนกับเค้ามีแต่คนมอง

ฉันน่าจะเฉลียวใจ และออกจากชีวิตพี่หนิงเสียตอนนั้น จะได้ไม่มีแผลเป็นให้เจ็บใจมาจนวันนี้

ก่อนไปนูเมียหนึ่งวัน พี่หนิงมารับฉันไปนอกบ้านอย่างเคย

เขาดูซีเรียสเชียว

"รินครับ รินไม่ไปนูเมียได้มั้ยครับ ตั้งหลายวัน พี่คิดถึง ลา sick แล้วไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพี่ดีกว่า รินอยากไปไหนพี่จะพาไป"

"โอ๊ยยย พี่หนิง รินอยากไปนี่คะ ไม่กี่วันหรอก เสียดายที่เค้าเอา DC-8 ไป ไม่ใช่แอร์บัส ไม่งั้นพี่หนิงก็แลกไปบินกับรินได้"

ฉันพูดไปแล้วพลันนึกขึ้นได้ว่า เฮ่ย พี่อินเค้าบิน DC-8 นี่นา ยังไม่ทันนึกอะไรต่อ พี่หนิงรีบบอกว่า


"นั่นแหละ ที่พี่ไม่อยากให้รินไป พี่อินเค้าบินไฟลท์นี้ด้วยนะครับ"

ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำหน้ามีพิรุธออกไปหรือเปล่า ปากตอบไปตามที่ควรตอบประสาแฟนที่ดีว่า

"พี่หนิงไม่ต้องห่วงรินเล้ย รินเอาตัวรอดหรอกค่ะ กับพี่หนิงยังรอดอยู่เลย..."

ฉันพูดยิ้มๆทั้งที่ใจเต้นตึกตัก ตึกตัก ..ดีใจจะได้เจอพี่อิน

นี่ฉันกำลังจะได้เจอพี่อิน จะได้อยู่กันตั้งหลายวัน ฉันคงได้คุยกับเค้าหลายๆเรื่องที่ยังค้างคาใจ

ฉันคิดเพลิน ปากก็ตอบโต้กับพี่หนิงไปเรื่อยๆ พี่หนิงเอาแต่บ่นไม่อยากให้ฉันไป ฉันบอกเขาว่าไม่ใช่จะได้ไฟลท์นี้ง่ายๆ ถ้าฉันไม่ไป กว่าจะได้ใหม่คงอีกนาน พูดๆกันอยู่ดีๆ พี่อินเลี้ยวรถเข้าม่านรูดเฉยเลย

ความรู้สึกตอนนั้นของฉัน ไม่ได้คิดว่าพี่หนิงดูถูกหรืออะไร คิดแต่ว่าเค้ารักฉัน และคงอยากมีอะไรๆกับฉันก่อนที่ฉันจะไปบินกับพี่อินตามที่เค้าโน้มน้าวฉันด้วยคำพูดหวานๆของเค้า

ฉันเลวมั้ย ใจแตกเพราะพี่หนิงพาอารมณ์ฉันให้กระเจิดกระเจิง กู่ไม่กลับ

ฉันยอมเข้าไปในนั้นกับพี่หนิง


และตกเป็นของพี่หนิงในวันนั้น

พี่หนิงเก่งเรื่องบนเตียงมาก จริงอย่างที่ยุ้ยเคยบอกว่าพี่หนิงทำได้ทุกอย่าง

ฉันไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน ฉันทำตามที่พี่หนิงสอน เขารู้จักจังหวะอ่อนหวานที่จะพาฉันไปถึงความรู้สึกเยี่ยมยอดนั้นเป็นอย่างดี

ฉันอยู่ในโรงแรมม่านรูดกับพี่หนิงจนค่ำ พี่หนิงทำให้ฉันรู้จักความหมายของเซ็กส์ที่ฉันไม่เคยคาดมาก่อนว่ามันจะดื่มด่ำได้ขนาดนั้น

ตอนนั้นฉันยังแยกไม่ออกว่าฉันรักพี่หนิงเพราะเค้าเติมเต็มรสชาดของชีวิตให้ฉันจนล้น

ไม่ใช่รักที่ตัวเขา แต่รักเพราะติดใจบทบาทของเค้า


พี่หนิงพาฉันไปส่งบ้าน พร้อมกับนัดมารับฉันไปบินในวันรุ่งขึ้น

ฉันจัดกระเป๋า นึกถึงว่าพรุ่งนี้เจอพี่อิน ฉันจะทำไงดี ฉันกลายเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว

ไม่ใช่สาวน้อยใสๆที่พี่อินเจอครั้งแรก

ฉันมีตำหนิเสียแล้ว


พี่หนิงมารับฉันตอนเช้า ทำท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่

เขาให้ฉันสัญญาว่าจะพูดคุยกับพี่อินเท่าที่จำเป็นแค่นั้น

ฉันสัญญาไปอย่างดี กำชับว่าไม่ต้องห่วง ฉันไม่สนใจพี่อินหรอก (โกหก)

ฉันคาดว่าฉันคงเจอพี่อินบนเครื่องเลย แต่คนที่ฉันเจอก่อนพี่อินนี่สิที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่จนกลายเป็นฮึด

คนนั้นคือเมียพี่อิน ที่อยู่ๆโผล่มาจากตรงไหนไม่รู้ มาประชิดตัวฉันตอนที่ฉันกำลังจะขึ้นรถลูกเรือไปสนามบิน

ฉันจำหน้าดุๆนั้นได้ มองใกล้ๆ เธอเป็นคนสวยทีเดียว สูง อวบนิดหน่อย ผิวคล้ำเนียน ถ้าไม่ทำหน้าเค็มๆดุๆ แบบนั้นคงสวยขึ้นจม

"จำใส่หัวไว้นะ ว่าอย่ายุ่งกับพี่อิน" เธอพูดกับฉัน ซึ่งยังคงบอกไม่ถูกว่าจะรู้สึกไงดี
"ถ้าชั้นรู้ว่าเธอยุ่งกะเค้า เธอชะตาขาดแน่"..

ยัยบ้า กลัวจะตายละ ประสาท หึงสามีขนาดนี้เลยเหรอ มิน่า พี่อินถึงเก็บกด ต้องหาที่พึ่งเป็นแอร์สวยๆ ให้ขัดหูขัดตาขัดใจคุณภรรยาซะงั้น

ฉันแค่นึก ไม่ได้พูดอะไรกับเธอคนนั้นสักคำ ขึ้นรถลูกเรือไปนั่งสงบสติอารมณ์ ดีนะ ไม่มีใครได้ยินที่เธอพูด ไม่มีใครสนใจว่าเธอมาคุยอะไรกับฉัน

ถ้ามีใครสักคนได้ยิน คงยิ่งสนุกปากขาเม้าท์เค้าหล่ะ

เมียพี่อินร้ายน่าดู คอยดูฉันสิ จะแกล้งซะเลย


บนเครื่อง ฉันได้หน้าที่ยืนรับผู้โดยสารตามเคย

ขบวนนักบินมาแล้ว ฉันไหว้ทุกคน พี่อินตะเบ๊ะตอบ ยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ฉัน ฮึ!!! นี่คงยังไม่รู้ว่าฉันเพิ่งเจอเมียเขามาสกัดดาวรุ่ง


ชั่วโมงบินยาวเก้าชั่วโมงกว่า พี่อินออกมาขอกาแฟที่ฉันเหมือนย้อนอดีตครั้งแรกที่เราพบกัน

"รินทำไมไม่ตอบจดหมายพี่เลย"

พี่อินต่อว่า

"รินไม่เห็นได้จดหมายพี่อินเลย พี่อินส่งผิดคนมั้งคะ"

"พี่ส่งจริงๆ พี่เขียนจดหมายใส่ BOX รินทุกครั้งที่พี่ไป HEAD OFFICE เลยนะครับ"

ฉันมารู้ทีหลัง(ตามเคย) ว่าพี่หนิงเก็บจดหมายพี่รินไปหมด
และเอามากระทบกระแทกแดกดันฉันในภายหลัง

"พี่คิดถึงรินมากเลย เป็นห่วงรินด้วยนะ หนิงเค้าไม่ใช่อย่างที่รินคิด"

"ยังไงเหรอคะพี่อิน"

"หนิงเจ้าชู้มากนะริน พี่สนิทกับเมียเก่าเค้า หนิงร้ายมาก"

ต่างคนต่างว่าอีกฝ่ายเจ้าชู้ พี่หนิงไม่เคยพูดถึงภรรยาเก่า ฉันเองก็ไม่เคยถาม ต่อไปคงต้องถามซะแล้ว

"อร เมียเก่าหนิงเค้าห่วงรินนะ "

"ไม่เป็นไรค่ะพี่อิน รินยังไม่มีอะไร แค่ดูๆอยู่"

"ให้มันจริงนะครับริน"

แล้วพี่อินก็เดินกลับ cockpit และไม่ออกมาอีกเลย


นูเมียเป็นเมืองที่สวยสมคำร่ำลือ สองข้างถนนทุกสายเต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีดอก ทั้งที่ฉันรู้จักและไม่รู้จัก ที่เห็นมากที่สุดคือดอกชบาสีสดหลากหลายสี ดอกโตๆบานเต็มต้น ตามบ้านทุกหลัง (ขอย้ำว่าทุกหลังที่ได้เห็นจริงๆ) เต็มไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ บานแฉ่งไปหมดทั้งเกาะ

ผู้คนที่นั่น ส่วนมากเป็นคนผิวดำที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดภาษาฝรั่งเศสที่ฉันพูดได้เสียด้วย

นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันได้ไปนูเมีย ด้วยหลังจากนั้นไม่นาน บริษัทตัดสินใจเลิกบิน เพราะผู้โดยสารน้อย บินไปก็ขาดทุน



...เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันได้ทำความเข้าใจกับพี่อินในเรื่องของเราเช่นกัน...




โดย: เดินผ่านมา IP: 124.120.7.192 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:09:01 น.  

 
-----------------------------------------------------------
รวมแบบเต็มๆ ให้ ตอนสอง (ต่อ)
-----------------------------------------------------------

ชีวิตรันทด...เรื่องจริงผ่านคอมพ์ ตอนที่สอง (ต่อ)
ตั้งกระทู้ใหม่แล้วค่ะ ขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านทีสละเวลามาอ่านนะคะ

ขอต่อเลยค่ะ


โรงแรมที่นูเมียน่ารักมาก เล็กๆดูอบอุ่นน่าพักมากกว่าโรงแรมใหญ่โตหรูหราส่วนใหญ่ที่เราพักตามประเทศอื่นๆ

ตามปกติ ทางโรงแรมจะจัดให้ลูกเรือพักชั้นเดียวกันหมด แต่ที่นูเมีย ห้องพักไม่พอกับจำนวนพวกเรา จึงต้องแยกกันอยู่สองชั้นติดกัน

ฉันอยู่คนละชั้นกับพี่อิน แต่เราถามเบอร์ห้องกันไว้แล้ว ก่อนแยกย้ายเข้าห้อง

เข้าห้อง ยังไม่ทันหายใจ พี่อินโทร.มา

"ริน น้องริน พี่ขออนุญาตไปหาที่ห้องนะ รับรองไม่มีอะไรเกินเลยครับโผม"

"พี่อินไม่เหนื่อยเหรอคะ รินว่า อาบน้ำนอนก่อนดีกว่าเนอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้นี่คะ อยู่อีกตั้งหลายวัน"

"ไม่ได้ค้าบ ไม่ได้จริงๆ พี่ต้องคุยวันนี้ โอ๊ยยย อกจะแตกอยู่แล้ว มีเรื่องอยากพูดเยอะเลย รินเชื่อใจได้ พี่ไม่ทำรัยรินหรอกน่า พี่ไม่ยุ่งกะแฟนคนอื่น"

แล้วเค้าก็ต่อว่า

"แม้จะเป็นแฟนของคนที่พี่ไม่ชอบเอาซะเลย"

ฉันบอกพี่อินไปว่าขออาบน้ำก่อนดีกว่า อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยมาคุยกัน

แล้วพี่อินก็มา อาบน้ำมาแล้วเช่นกัน พี่อินสวมเสิ้อยืดโปโลสีส้มจัด กับยีนส์สีแดง พี่อินสูง ขายาว สวมยีนส์แล้วดูวัยรุ่นเชียว

ส่วนฉัน เสื้อยืดลายทางหลากสีกับกางเกงสามส่วนสีเบจ

"พี่อินดื่มอะไรมั้ยคะ รินมีโค้กกับน้ำส้มมา"

"พี่อยากดื่มกาแฟมากกว่า รินมีกาต้มน้ำร้อนมั้ยล่ะครับ "

"มีค่ะ กาแฟก็มี เดี๋ยวรินทำให้"

กาต้มน้ำร้อนเล็กๆเป็นอุปกรณ์ยังชีพของลูกเรือส่วนใหญ่ บางคนอาหารในประเทศที่ไปไม่ถูกปาก แค่มีกาน้ำร้อนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็อยู่รอดแล้ว

จนพวกเราชอบแซวกันว่า อย่างพวกเราตายแล้วไม่เน่าหรอก สารกันบูดในตัวเยอะ

ฉันเดินไปเดินมาในห้อง ชงกาแฟให้พี่อิน พร้อมขนมที่ฉันตุนไปด้วย

"พี่อินลองทานพายไก่นี่สิคะ ซื้อแถวบ้านรินเอง อร่อยน้า"

พี่อินดื่มกาแฟ ทานพายไก่กับฉัน ความรู้สึกดีๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจฉันอีกแล้ว ฉันนึกอยู่ว่าจะบอกพี่อินดีมั้ยเรื่องภรรยาเขามาด่าฉัน แต่จะบอกไปแล้วได้อะไร สู้ทำไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า เอาไงดี สับสนจิต จนพี่อินเอ่ยขึ้นว่า

"รินคิดอะไรอยู่ครับ คิดถึงคนนั้นเหรอ.."

"เปล่าค่ะ รินคิดเรื่องอื่น"

"เรื่องรัย เล่าให้พี่ฟังมั่งสิจ๊ะ"


"ไม่มีรัยหรอกค่ะ เรื่องจุกจิกของผู้หญิงไม่น่าฟังหรอก ผู้ชายไม่ชอบหรอกค่ะ"
ฉันตัดสินใจยังไม่เล่าเรื่องยัยหน้าดุคนนั้น ไม่อยากเครียด

"งั้นพี่ถามรินหน่อยว่า รินน่ะ ชอบหนิงมันจริงๆหรือเปล่า หรือรินทำประชดพี่"

พี่รินเนี่ย พูดเข้าข้างตัวเองจัง แต่มันก็จริง(มั้ง)

"รินบอกพี่อินตามตรงเลยนะคะว่า รินคิดถึงพี่มากเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ซักอย่าง แล้วพี่อินจะให้รินร้องไห้ไปจนตายเหรอคะ พี่หนิงเค้าดีกับริน ดีมาก พ่อแม่รินชอบเค้า รินก็ชอบเค้า แต่คนละอย่างกับที่ชอบพี่"

พูดไปพูดมา ฉันร้องไห้ ร้องไม่หยุดเลย

"โอ๋ๆๆๆเด็กน้อยที่แสนจะสับสน พี่ไม่น่าวุ่นวายกับชีวิตรินเลย แต่พี่เจอรินปุ๊บ พี่ชอบปั๊บ แล้วพี่ลืมคิดไปว่าคนที่บ้านเค้าจะคิดยังไง พี่มันเหมือนผู้ชายทั่วไป ได้คืบจะเอาศอก รินอยากน่ารักทำไม ที่จริงมันเป็นความผิดของรินน้าที่เกิดมาให้พี่รักนะเนี่ย"

พี่รินกอดฉัน ปลอบฉัน และเราต่างหลับไปบนเตียงในห้องฉัน

ไม่มีบทบาทรักอะไรที่เกินเลยตามที่พี่อินบอกไว้จริงๆ

ฉันตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง

"รินครับ เป็นไงมั่ง " เสียงพี่หนิงมาตามสาย พอดีกับที่พี่อินถามฉันว่า

"ใครโทร.มาครับริน"

พี่หนิงได้ยินเสียงพี่อินเต็มหูแน่ ก็ตัวพี่อินนอนอยู่ติดกับฉัน พี่หนิงโวยลั่นมาเลย

"รินทำอะไรลงไป รินบ้าเปล่า รินไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับมาแหลกแน่"

พี่หนิงกระแทกหูไปดังโครม ฉันหันไปมองพี่อินที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างๆแล้วบอกพี่อินว่า

"พี่หนิงเค้าโทร.มาค่ะ..."

ฉันยังพูดไม่ทันจบ พี่อินพูดขึ้นมาว่า "พี่ได้ยินแล้ว เสียงหนิงมันโกรธน่าดู 555 สมน้ำหน้า"

อ้าว พี่อิน พี่ไม่คิดเลยหรือว่ารินรู้สึกยังไง รินจะตายแล้ว

ความรู้สึกของนางวันทองหรือนางกากีเป็นแบบนี้หรือเปล่าน้อ


ยังไม่ทันพูดอะไรกับพี่อิน เสียงโทรศัพท์ดังอีก พี่หนิงโทร.มาแน่เลย

"รับเถอะริน คุยกะเค้าดีๆ ให้เค้าคุยกับพี่ก็ได้"

พี่อินบอกจะคุยกับพี่หนิงว่าไม่ได้มีอะไรกับฉันอย่างที่พี่หนิงคิด

ฉันรับโทรศัพท์ ไม่ใช่พี่อิน แต่เป็นหนุ่ย สจ๊วตสาว เพื่อนรุ่นเดียวกับฉัน

"ฮาโล๋ๆๆๆ ยัยริน เกิดเรื่องใหญ่แร้ววว" หนุ่ยทำเสียงเล็กเสียงน้อยแบบตื่นเต้นมากกว่าตกใจกับ"เรื่องใหญ่"ที่หล่อนบอก

ฉันยกนิ้วชี้ปิดที่ปาก เพื่อให้พี่อินเงียบๆ

"เรื่องรัยของแก แกอ่ะ ขรี้ไม่ออกก็ว่าเรื่องใหญ่" ฉันว่าไป

"เออ แหม แกนี่ ตาคมแล้วยังปากคมอีก ..นี่ๆๆๆๆ พี่สุทธ์ปล้ำยายแอน ยายแอนมันโวยซะ แกนอนกินบ้านกินเมืองเหรอ ไม่รู้อะไรเลย หรือใครนอนทับแกอยู่ฮะ ถึงหูตึงซะ"

พี่สุทธ์คือพี่เพอเซอร์ที่น่ารักคนหนึ่ง ดูเค้าไม่เห็นเจ้าชู้ตรงไหน รู้ๆกันว่าเค้าตามจีบแอน แอร์หน้าตาน่าเอ็นดู ปากนิดจมูกหน่อยเหมือนตุ๊กตา ท่าทางแอนดูมีใจกับพี่สุทธ์อยู่เหมือนกันนี่นา

ไหงกลายเป็นคดีปล้ำกันไปได้

หยุ่ยต่อมาอีกว่า

"ยัยริน ลงมาที่ล้อบบี้เร้ว กัปตันเรียกเจอทุกคน เออ แต่co-pilot หาย แอบอยู่ห้องแกป่าวว้า ชั้นเห็นน้า เค้าแอบเหล่แกตลอดเลยในรถ crew อีนี่ เสน่ห์แรงนัก แบ่งมาให้เพื่อนมั่งสิยะ หลายวันมานี่ยังไม่มีปู้จายตกถึงท้องเล้ย ว่าจะไปเดินหาเหน็บเอวกลับมาวักสองสามคน ดั๊นนน มามีเรื่องอีก อะไรกันนักหนาเนี่ย เสียงานชั้นหมด"



หนุ่ยพูดไปเรื่อยๆ เพื่อนสาวประเภทนี้มักจะพูดได้หลายเรื่องในคราวเดียวกัน โดยไม่ติดขัด และไม่รอรับฟังคำตอบจากคนที่เธอพูดด้วยอีกต่างหาก



ฉันลงไปที่ล้อบบี้พร้อมพี่อิน ไม่เห็นมีใครเลย นอกจากหนุ่ยกับแอน

"แล้วเค้าไปไหนกันหมดล่ะหนุ่ย ไหนว่ากัปตันเรียกทั้งไฟลท์ไง" ฉันถามหนุ่ย

"555 555"เป็นเสียงหัวเราะประสานเสียงของหนุ่ยกับแอน

ฉันโดนสองคนนั่นอำเอาซะแล้ว พี่อินหัวเราะขำใหญ่

แล้วเราทั้งหมดชวนกันไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้

ตามเคย เจอลูกเรือทั้งไฟลท์นั่งตามโต๊ะต่างๆ พี่สุทธ์รีบลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้แอนที่ยิ้มหวานรับ

กัปตันถามพี่อินว่า "อินไปไหนมาแต่เช้า ผมโทร.ไปที่ห้อง ไม่มีคนรับสายเลย"

"อ๋อ..ครับ พอดีผมตื่นเร็ว เลยออกไปวิ่งที่ชายหาดมา อากาศดีครับกัปตัน"

พี่อินพูดไม่จริงแบบหน้าตายมาก

หลังอาหารเช้า ตกลงเช่ารถมินิบัส พร้อมคนขับไปเที่ยวรอบเกาะแบบ sightseeing กัน แวะตามที่ต่างๆ พี่อินทำไม่รู้อะไร ประกบฉันจนหนุ่ยมากระซิบว่า

"นี่ เค้าจีบหล่อนเหรอยะ ชั้นว่าตานี่เอาจริงแฮะ แล้วเค้าไม่รู้เหรอว่าเธอมีแฟนเป็นอีตาพี่หนิง แต่ชั้นว่าพี่อินเค้าหล่อไม่เลวน้า ไม่เก๊กด้วยแหละ พี่หนิงของแกนะ เก้กโคด "

สรรพนามที่หนุ่ยเรียกฉันเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามใจคนพูด

"เอ๊า แม่คนสวย ว่าไงล่ะยะ เอาใครแน่ คิดจะรวบหมดหล่ะซี้ ต๊ายยย ชั้นไม่รู้มาก่อนเลยอ่ะว่า ท่าทางคุณหนูหญิงๆ อย่างคุณรินจะเจ้าชู้ อิจฉา เกิดชาติหน้าขอสวยหยั่งแกมั่งดี๊ ชั้นจะกินผู้ชายวันละโหลมื้อ เออ แล้วมันจะจุกมั้ย"

"โฮ้ยย หนุ่ย ไปกันใหญ่ ไม่มีรั้ยยย พี่เค้าเหมือนพี่ชาย เค้าแต่งงานแล้ว" ฉันรีบแก้ตัวกับหนุ่ย

"เช้อ..แต่งงานแล้ว แล้วไง เราไม่ได้ไปเอาเมียเค้านี่หว่า เราเอาผัวเค้า ฮิฮิ แล้วดูยัยแอนดิ หน้าบานแข่ง:-)กชบานูเมีย พี่สุทธ์เอาใจชิ้พพ อุ๊ย แกดูเด็กฝรั่งคนนั้นสิ น่าร้ากกกก"

หนุ่ยชี้ให้ดูเด็กชายวัยรุ่นผมทอง ที่เดินสวนทางไป

"หนุ่ยเอ๊ยยย พรากผู้เยาว์นะแกร๊ ท่าทางอายุยังไม่ถึงสิบสามเลยมั้งนั่น"

"น่านแร้ะ กะลังน่ากิ๊นน"

พี่อินเดินเข้ามาฉันพร้อมแก้วน้ำมะพร้าว หนุ่ยล้อพี่อินว่า

"แก้วเดียวเหรอฮะพี่ ของหนุ่ยไม่มีเหรอ"

"หนุ่ยจะทานเหรอครับ พี่ได้ยินแต่ว่าอยากทานผู้ชาย พอดีผู้ชายไม่มีขาย พี่เลยไม่ซื้อมาฝาก" พี่อินแซวหนุ่ย

หนุ่ยเดินไปหาพี่ปิ๋ม แอร์อีกคนโดยยังไม่ทันฟังพี่อินพูดจนจบด้วยซ้ำ

เราเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ทานข้าวเย็นร้านริมทะเล อาหารรสจัด แบบพื้นเมืองบ้าง แบบฝรั่งเศสบ้าง ฉันทานได้เยอะมาก

แปลกที่ฉันไม่กังวลถึงพี่หนิง ไม่ได้คิดจะโทร.ไปปรับความเข้าใจกับเค้าด้วยซ้ำ

แบบนี้เค้าเรียกว่า ไม้เลื้อยเนอะ อยู่ใกล้อะไรก็พันๆๆๆ เข้าไป

กลับถึงโรงแรมค่ำมาก แยกย้ายกัน พี่อินมาหาฉันที่ห้องอีก

อีกคืนหนึ่งผ่านไป โดยที่เราคุยกันสารพัดเรื่อง ดูทีวีกัน
และต่างคนต่างหลับ บนเตียงเดียวกัน

พี่อินบอกว่าขออยู่กับฉันแบบนั้นก็มีความสุขแล้ว เค้าบอกว่าทุกครั้งที่เค้าคิดถึงฉัน เค้าไม่เคยคิดเรื่องบนเตียงเลย

ฉันเชื่อเขานะ

รุ่งขึ้นเราไปเที่ยวกันทั้งไฟลท์อีก คราวนี้นั่งเรือไปอีกเกาะหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าหาดทรายสวยมาก ฉันขออภัยจริงๆที่จำชื่อเกาะนั้นไม่ได้เสียแล้ว

เราไปเล่นน้ำทะเลกันที่นั่น ฉันสนุกมาก พี่อินคอยดูแลฉันตลอด ท่ามกลางความงงของลูกเรือคนอื่นๆ ที่คงคิดว่าฉันมันก็ผู้หญิงแร่ดๆอีกคน มีแฟนแล้วยังไม่หยุด อะไรแบบนั้น

ฉันโดนนินทากระจาย ตอนนั้นฉันยังไม่ค่อยเข้าใจสังคมในหมู่ลูกเรือนัก ต่อมาจึงได้ทราบว่า มันเหมือนการเมืองเลย

คือ "ไม่มีมิตรแท้ และไม่มีศัตรูถาวร"

คนที่คุยกับเราต่อหน้าอย่างดี หลอกล่อให้เราเล่าเรื่องของเรา ทำเป็นอบอุ่นเข้าอกเข้าใจ เป็นคนเดียวกับที่เอาเรื่องของเราไปแต่งเติมเพิ่มสีสัน เล่าต่อๆกัน จนฉันยังงงว่านี่มันเรื่องของฉันหรือนี่

คนประเภทนี้มีทุกสังคม ไม่เฉพาะในสายการบินที่ฉันทำงานเท่านั้น

คืนที่สามที่นูเมีย ฉันอยู่กับพี่อินเหมือนเคย

กลางดึกคืนนั้น เสียงเคาะประตูห้องฉันดังมากจนฉันและพี่อินตกใจตื่น

เปิดประตูห้องไปโดยลืมดูตาแมว เพราะนึกว่าใครมีเรื่องด่วน พี่อินหลบไปอยู่ที่ห้องน้ำ

มีคนยืนตะหง่าน หน้าหงิก อยู่หน้าห้องฉัน

ไม่ใช่คนเดียว แต่ป็นสองคน

พี่หนิงกับ....ภรรยาพี่อิน!!!




โดย: เดินผ่านมา IP: 124.120.7.192 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:10:42 น.  

 
สนุกมากๆเลยค่ะ น่าสนใจ เหมือนนิยาย แต่มันคือความจริง พี่รินนี่เก่งมากๆเลยนะคะ ชีวิตช่างมีสีสันเน๊าะ หวังว่าจะพิมพ์เป็นรูปเล่มไวๆนะคะ จะอุดหนุนเอาไว้อ่าน เรื่องนี้มีจริงหรือ


โดย: เก๋ IP: 58.136.150.102 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:48:50 น.  

 
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ค่ะ




โดย: beautiful civil วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:30:53 น.  

 
สวัสดีน๊าาา ทักทายจ้า สปาชา sparsha A Moment of Bride เจ้าสาว เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก สลายไขมันด้วยความเย็น ลดเซลลูไลท์ Leg Squeezing ผิวเปลือกส้ม FIS หน้าท้องใหญ่ ตัวเล็กแต่มีพุง Body Contouring ลดสัดส่วนทั้งตัว ลดปีกด้านหลัง เนื้อปลิ้นรักแร้ เนื้อปลิ้น Build Muscle สร้างกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหน้าท้อง สลายไขมันหนา สลายไขมัน ลดไขมัน Lock Shape รักษารูปร่าง สลายไขมัน ลดสัดส่วน Oxy Peel ทำความสะอาดหน้า ทำความสะอาดหน้าแบบล้ำลึก ยกกระชับ Ulthera ปรับรูปหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อย Beauty Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ลดไขมัน ลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม สลายไขมันสะโพก กระชับผิว Sexy Mama แม่หลังคลอด รอยแตกลาย ปรับรูปร่าง กำจัดขน Hair Removal กำจัดขนถาวร สลายไขมันเหนียงด้วยความเย็น สลายไขมัน สลายไขมันเหนียง IV Drip ฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิต้านทาน Bye Bye Panda Eye ลดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตา ลดริ้วรอยใต้ตา นวดกระชับหน้าอก หน้าอกกระชับ อกหย่อนคล้อย Beauty Breast Lifting Enlarge Beauty Breast นวดอกเล็กให้ใหญ่ หน้าอกเล็ก ยกกระชับหน้า รักแร้ขาว รักแร้ดำ เลเซอร์รักแร้ขาว ผิวใต้วงแขน Love Fit กระชับช่องคลอด เลเซอร์กระชับช่องคลอด แก้ไขปัสสาวะเล็ด Meso Shine ผลักวิตามิน บำรุงผิว สวยด้วยเลือด รักษาผิว หนวดเครา กำจัดขนหนวด กำจัดขน กำจัดขนเครา เลเซอร์ขน เลเซอร์ขนถาวร กำจัดขนถาวร เลเซอร์เครา เลเซอร์หนวด กำจัดขน ยกกระชับ ร้อยไหม Thread Lift การดูดไขมัน ดูดไขมัน ศัลยกรรมตา 2 ชั้น ตา 2 ชั้น ศัลยกรรมตา สปาน้ำนม เพิ่มความชุ่มชื่น แก้ผิวแห้ง นวดผ่อนคลาย การนวดผ่อนคลาย Rest Time Aroma Massage Aroma Massage Acne Body Mist ลดรอยสิว ลดจุดด่างดำ ลดรอยดำ เลเซอร์ขนรักแร้ถาวร เลเซอร์ขน กำจัดขนรักแร้ กำจัดขนรักแร้ถาวร Former Lift ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า กำจัดขน บราซิลเลี่ยน กำจัดขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขน กำจัดขนที่ลับ กำจัดขนน้องสาว กำจัดขน เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์กำจัดขนบิกินี่ กำจัดขนบิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาวถาวร เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนร่องก้น ฆ่าเชื้อสิว Acne Clear ปัญหาสิว เลเซอร์รักษาสิว Supreme White Lucent รักษาฝ้า ฝ้า กระ จุดด่างดำ ด็อกเตอร์ไลฟ์ doctorlife ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก เสริมจมูก Cellulysis สลายไขมัน ulthera ยกกระชับ Acne Clear รักแร้ขาวเนียน เลเซอร์กำจัดขนถาวร กำจัดขน ร้อยไหม Freeze V Lift กำจัดไขมันด้วยความเย็น PRP ผิวหน้า PRP ผมบาง ผมร่วง เลเซอร์กระชับช่องคลอด กระชับช่องคลอด Love Fit สลายไขมันด้วยความเย็น Cell Repair ผิวขาวใส ลดสัดส่วน ปรับรูปร่าง Perfect Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ฟิลเลอร์ Filler รักษาหลุมสิว Dual Yellow เลเซอร์หน้าใส Love Fit ปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะเล็ด Oxy Bright ทำความสะอาดรูขุมขน Bye Bye Fat ลดไขมัน Luminous แสงสีฟ้า รักษาสิว ฆ่าเชื้อสิว ABO Active 3D Toxin IV Drip เพื่อสุขภาพและความงาม ยกกระชับผิว hifu ให้ใจ สุขภาพ


โดย: สมาชิกหมายเลข 6258618 วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:14:10:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป้าปูเป้
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิง ธรรมดาๆคนหนึ่งที่เป็นคุณแม่ลูกสอง และมีชีวิตเรียบง่ายไม่โลดโผนตั้งแต่เล็กจนเข้าวัยกลางคนในปัจจุบันค่ะ
Friends' blogs
[Add ป้าปูเป้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.