|
เขียดขายาว (เขียดตะปาด)
เล่าเรื่องสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยง (อีกแล้ว) คราวนี้เป็นสัตว์ตระกูลกบ
เหตุเกิดเมื่อ 3 วันก่อน เริ่มจากช่วงเช้า ข้าพเจ้าถือกะละมังใส่ข้าวหมาเดินไปด้านข้างของบ้านซึ่งเป็นที่วางของชามข้าวหมาทั้งสามตัว เนื่องจากเช้าวันนั้น ข้าวเยอะเป็นพิเศษ หลังจากตักใส่ชามหมาทั้งสามชามแล้ว ก็ยังเหลือมากพอจะให้หมาจากโรงไฟฟ้าที่ชอบมาวนเวียนขอส่วนบุญ (ประมาณ 4 - 5 ตัว) ข้าพเจ้าจึงเดินไปยังชามข้าวหมาที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งหน้าตามันจะกลมๆ มีร่องสำหรับใส่อาหารตรงกลาง และตรงช่วงฐานมีช่องสำหรับสอดมือเข้าไปหยิบได้ดังรูป
//img.photobucket.com/albums/v491/Linmou/dish.jpg
ด้วยความสุภาพเป็นที่ยิ่ง ข้าพเจ้าใช้เท้าเขี่ยชามข้าวหมาที่ไม่ใช้แล้วเข้ามาใกล้ตัวเบาๆ
แต่...มันไม่ขยับ เลยออกแรงมากขึ้นอีกนิด มันก็ขยับในอาการหลุดผัวะ แล้วข้าพเจ้าก็แทบผงะเมื่อเห็นสาเหตุที่ทำให้ชามข้าวหมามันไม่ขยับในทีแรก
ข้างใต้ชาม...ตรงช่องระหว่างร่องใส่ข้าวหมากับฐานชาม มีคางคกซุกอยู่สามตัว
เมื่อชามข้าวหมาอันเป็นบ้านชั่วคราวของมันหายไป มันก็พร้อมใจกันมองมาทางข้าพเจ้าด้วยสายตาอ่านไม่ออก (อ่านใจคางคกไม่ออกค่ะ -_-" )
(อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เจอคางคกอยู่ใต้ชามข้าวหมา ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่เจอตั้ง 3 ตัว ก่อนนี้เคยเจอคางคก 2 ตัว กบ 1 ตัวซุกอยู่ใต้ชามข้าวหมา แต่คางคกล้วน 3 ตัวเพิ่งเคยเจอ และจะรอดูว่าจะมีวันไหนมั๊ยที่มันพร้อมใจกันเข้ามาซุกอยู่ 4 ตัว)
ข้าพเจ้าก็...ตักข้าวจากกะละมังใส่ชามข้าวหมาไป ตาเหลือบมองมันไป เสร็จแล้วก็ถอยไปยืนอีกทางหนึ่ง
ไอ้ลายหมาตัวเก่าเห็นทางด้านนี้ก็มีข้าว เลยเดินมาทันที พอเจอคางคก ก็ก้มหน้าลงดมๆ อย่างสนใจอยู่พักหนึ่ง (ระหว่างที่มันก้มลงดม คางคกตัวแข็งนิ่งเลย) ก่อนจะเดินจากไปชามข้าวของมันตามเดิม หมาโรงไฟฟ้าเลยดอดมากินข้าวในชามนี้
ระหว่างที่หมาโรงไฟฟ้ากินข้าวในชาม คางคก 1 ใน 3 ตัวก็กระดื้บๆ กลับไปที่ชามข้าวหมา แล้วค่อยๆ ปีนกลับเข้าไปใต้ชามทางช่องสอดมือ
ข้าพเจ้าคิดในใจ ยังจะกลับเข้าไปอีกเหรอนั่น -_-"
แล้วข้าพเจ้าก็เดินจากไป...
หลายวันต่อมา ขณะนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่ห้องใต้หลังคา ก็เจอเขียดขายาวเกาะอยู่ที่หน้าต่างมุ้งลวด (มันไต่ผนังขึ้นมาถึงชั้น 2 เชียว!) แต่มีอาการลื่นพรืดๆ ขาเกาะมุ้งลวดไม่อยู่
แสดงว่าเรื่องเกาะผนังนี่ยังสู้จิ้งจกไม่ได้สินะ...
<>::<>::<>
ต่อมา...ตกเย็น ถึงเวลาให้ข้าวหมาอีกรอบ ข้าพเจ้าก็เดินถือกะละมังไปข้างบ้านตำแหน่งเดิม วางกะละมังไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวยาวที่วางชิดผนัง จากนั้นเดินต่อไปยังข้างบ้าน
ขณะที่เดินผ่านโต๊ะกลมซึ่งวางอยู่ถัดจากโต๊ะสี่เหลี่ยมนั่นเอง อะไรบางอย่างก็กระโดดผลุงขึ้นไปเกาะผนัง เรียกสายตาข้าพเจ้าให้หันขวับไปมอง
มันคือ...ตัวอะไรสักอย่างที่มีบรรพบุรุษเดียวกับกบนั่นเอง (ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นเจ้าตัวแบบนี้มาแล้ว หน้าตาเหมือนกบแหละ ตัวพอๆ กับคางคก แต่ตัวสีเหลือง)
มันกระโดดจากโต๊ะกลมขึ้นไปเกาะนิ่งอยู่บนผนัง จากนั้นก็กระโดดไต่ตุ้บๆ ไปตามผนังอย่างคล่องแคล่ว อ้อมไปยังอีกด้านของตัวบ้าน(ดังภาพ)
//img.photobucket.com/albums/v491/Linmou/dish2.jpg
ข้าพเจ้ามองตาโต O_O
โห! เจ๋งชะมัด ตีนเหนียวสุดๆ ไปเลยไอ้ตัวนี้!
แล้วก็รีบไปเรียกพี่สะใภ้มาดู พี่สะใภ้บอกว่า มันคือ เขียดขายาว
ที่หน้าบ้านของพี่ชายจะมีโอ่งใบใหญ่สูงเลยเอวขึ้นมาเล็กน้อยสองใบ วางอยู่สองข้างเสาบ้าน (เสาที่นกเอี้ยงไปทำรังอยู่ด้านบน) เป็นโอ่งที่พี่ชายปลูกดอกบัวขนาดเล็กไว้ และเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้กินลูกน้ำที่ยุงอาจมาไข่ไว้ในโอ่ง
แต่เวลานี้ ในโอ่ง 1 ใน 2 ใบดูเหมือนจะไม่เหลือปลาหางนกยูงเลยสักตัว มันถูกยึดครองโดยลูกอ๊อดนับร้อยนับพันตัว...(ข้าพเจ้าเคยพูดเล่นกึ่งประชดว่า ที่นี่คือโรงเรียนอนุบาลรับเลี้ยงลูกอ๊อดตั้งแต่วัยแรกคลอดจนถึงวัยขางอก)
ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยสงสัย ว่าพวกกบมันตะกายขึ้นมาไข่ไว้ในโอ่งใบนี้ได้อย่างไร
หลังจากเห็นซุปเปอร์เขียดตัวนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็สิ้นกังขา...
หลังจากให้ข้าวหมาเสร็จ ข้าพเจ้าก็บอกพี่สะใภ้ว่า เมื่อเช้ามีคางคกสามตัวอยู่ใต้ชามข้าวหมาใบนั้น (ชี้) แล้วเดินไปเลิกมันขึ้นมาดูว่าคางคกยังอยู่หรือเปล่า
ปรากฏว่าสองตัวยังอยู่ ส่วนอีกตัว คงย้ายไปหาเคหสถานแห่งใหม่แล้ว (แสดงว่ามันมีพัฒนาการมันฉลาดขึ้น)
จบเรื่องเล่าของญาติๆ กบ
Create Date : 26 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 26 ธันวาคม 2548 7:42:07 น. |
Counter : 2878 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องของลูกนกเอี้ยง
ไม่รู้ทำไม ตัวข้าพเจ้าอดรู้สึกไม่ได้ว่า...บ้านหลังที่อยู่ในปัจจุบัน (บ้านพี่ชายคนที่สาม) มักมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับสัตว์เกิดขึ้นเสมอ
ก่อนหน้า เรื่องเล่าเกี่ยวกับงูชะตาขาดตัวหนึ่ง คือเรื่องค้างคาวที่บังเอิญบินหลังเข้ามาในบ้าน เป็นค้างคาวประหลาดที่ชอบบินไปมาท่ามกลางแสงไฟ(นีออน) คลื่นโซนาร์มันก็ท่าทางไม่ค่อยดี ชอบบินชนนั่นนี่ดังปึงปังอยู่เรื่อย แถมพี่ชายเคยเจอมันนอนอยู่ในอ่างล้างจานในเช้าวันหนึ่ง(หาที่นอนดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไงเนี่ย)
ก่อนหน้าเรื่อง หมาน้อยกัดคน คือเหตุการณ์นกกระจอกบินหลงเข้ามาในบ้าน แล้วไปติดกาวดักหนูที่วางอยู่ใต้โต๊ะ ซึ่งกลางจานกาวดักหนูวางปลาทูเอาไว้ล่อหนู ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านกกระจอกมันหิวโซขนาดปลาทูก็จะกินเลยเหรอ - -"
หลังจากแซะนกกระจอกออกมาจากกาวดักหนูได้ มันก็หุบปีก กาวเลยยึดปีกมันแนบติดกับตัว กางไม่ออก แล้วมันก็ไปเกิดใหม่ในวันรุ่งขึ้น (ความจริงก็เล็งเห็นชะตากรรมมันตั้งแต่เห็นมันติดอยู่ในกาวดักหนูแล้วแหละนะ -_-" )
ต่อมา หลังเหตุการณ์ หมาน้อยกัดคน คือเรื่องราวของลูกนกเอี้ยงตัวหนึ่ง...
เหตุเกิดเมื่อหลาย 2 - 3 สัปดาห์มาแล้ว
เย็นวันหนึ่ง พี่สะใภ้ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ยาวหน้าบ้านกับลูกสาว (เด็กหญิงวัย 7 ขวบผู้ตั้งชื่อลูกหมาสีนวลตลอดตัวว่า ลาย ) ได้ตะโกนเรียกข้าพเจ้าให้ช่วยไปจัดการ ตัวประหลาด ที่หน้าบ้านให้หน่อย (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงให้เราเป็นคนจัดการ -_-" )
เมื่อข้าพเจ้าออกไปดูว่า ตัวประหลาด นั้นคืออะไร พี่สะใภ้ก็ชี้ไปที่ข้างจักรยานของเด็ก แล้วบอกว่า
นั่นไง อยู่ข้างๆ จักรยานนั่น
ข้าพเจ้าก็เดินไปดู ปรากฏว่า ตัวประหลาด นั้นคือ นกตัวหนึ่ง
...เป็นนกที่ดูแปลกๆ ยังไงชอบกล... ข้าพเจ้าคิด แล้วจับมันขึ้นมาดู
นกตัวนี้มีขนขึ้นหร็อมแหร็ม เหมือนโดนใครจับถอนขนมา ตัวใหญ่กว่านกกระจอก และเล็กกว่านกเอี้ยง ที่สำคัญ...มันมีปากสีเหลือง และเอาแต่หลับตาอ้าปากกว้าง...
ลูกนกเอี้ยงนี่นา ข้าพเจ้าบอก แล้วสำรวจร่างกายมันว่ามีส่วนไหนบิดหักหรือเปล่า สงสัยตกลงมาจากรัง แต่ดูเหมือนไม่ได้เจ็บอะไร ขนยังหร็อมแหร็มอยู่เลย รังมันอยู่ไหนก็ไม่รู้
ลูกนกเอี้ยงเหรอ? พี่สะใภ้ว่า งั้นสงสัยตกลงมาจากบนเสาแหละ รังมันอยู่บนเสา (สีแดงคือรังนกเอี้ยง) นี่ดีนะว่าไอ้กี้ (ลัคกี้ หมาตัวเมียที่ชอบเข้าไปคลอเคลียคนและยิ้มแยกเขี้ยว) เป็นคนเจอ ถ้าเป็นหมาตัวอื่นมีหวังคาบไปกินแล้ว
ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นไปดู...จริงด้วยแฮะ บนนั้นมีรังนกอยู่
เรียกหัวหน้าคนงานเอาบันไดมาวาง แล้วเอามันขึ้นไปส่งก็แล้วกัน ข้าพเจ้าสรุป หลานสาวข้าพเจ้าอาสาขอไปตามเอง ระหว่างนั้นข้าพเจ้าก็เอาลูกนกเอี้ยงเข้าไปในบ้าน แล้วแกะถุงขนมปุยฝ้ายป้อนมัน มันก็กินมั่งไม่กินมั่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อหัวหน้าคนงานเอาบันไดมาวาง และส่งมันขึ้นไปบนรัง เขาบอก ในรังยังมีลูกนกอีกตัวขนาดเดียวกันเลย แสดงว่าข้อสันนิษฐานที่ว่ามันตกลงมาจากรังที่อยู่บนเสานั้นถูกต้อง...
วันรุ่งขึ้น...เวลาบ่าย ข้าพเจ้าออกไปทำอะไรสักอย่างที่หน้าบ้าน แล้วเดินผ่านเสาที่อยู่ใกล้ประตู ก็ได้ยินเสียงแกรกๆ ดังขึ้นในระยะใกล้อย่างกะทันหัน (ตกใจหมดเลย -_-" ) จึงมองหาดู ปรากฏว่า เสียงมาจากในถังขยะใบเล็กสำหรับวางไว้ในรถ ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นรอบเสา ข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปดู ข้างในนั้นคือลูกนกเอี้ยง....ตัวเดิมไหมก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ มันคือ 1 ใน 2 ตัวที่อยู่ในรังนั่นแหละ มันตกลงมาจากรังอีกแล้ว -_-"
เอาไงดีล่ะเรา...ทำไมมันขยันตกลงมาจังฟระ ขืนมันตกลงมาที วิ่งไปตามหัวหน้าคนงานที มันตกลงมาวันละ 3 รอบ หัวหน้าคนงานก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ข้าพเจ้ามองขึ้นไปบนรังมัน สูงเกินกว่าแค่ยืนบนเก้าอี้แล้วจะส่งขึ้นไปได้ มีอะไรยาวๆ ที่เอามันผูกห้อยไว้ตรงปลาย แล้วส่งขึ้นไปได้ไหมหว่า...?
ครั้นแล้วก็ปิ๊ง! นึกได้แล้ว! เอาตะกร้อสอยผลไม่นี่แหละ!
ว่าแล้วข้าพเจ้าก็เดินไปหยิบตะกร้อสอยผลไม้ที่วางไว้ข้างบ้าน ปูหนังสือพิมพ์ลงไปหน่อย จับลูกนกเอี้ยงใส่เข้าไป แล้วส่งขึ้นไปบนรัง แต่...ขนาดส่งขึ้นไปถึงรังแล้วเอียงตะกร้อ มันยังไม่ยมออกมาเลย ต้องคว่ำตะกร้อเทมันออกไปโน่นแหละ -_-"
หลังจากส่งมันกลับรังไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ยืนรอดูอยู่พักหนึ่ง ก็เห็นนกเอี้ยงตัวหนึ่งบินตรงไปที่รัง ตรงที่ลูกนกอยู่ สักพักลูกนกก็ถูกต้อนกลับเข้าไปในรังเป็นที่เรียบร้อย...
ตอนเย็น เมื่อพี่สะใภ้กลับมาจากทำงาน ข้าพเจ้าก็ถามว่า
พี่เอาลูกนกเอี้ยงตัวเมื่อวานใส่ลงในถังขยะเหรอ?
พี่สะใภ้ทำหน้างง
พี่ไม่ได้เป็นคนใส่ มันไปอยู่ในถังขยะได้ยังไง?
ถ้าพี่สะใภ้ไม่ได้เป็นคนเอามันใส่ถังขยะ งั้นคนใส่ก็ต้องพี่ชายเราน่ะสิ เพราะพี่ชายจะออกมากวาดบ้านตอนเช้าเป็นประจำ แสดงว่าอีลูกนกเอี้ยงเจ้าปัญหานี่มันตกลงมาตั้งแต่เช้าแล้วน่ะสิเนี่ย -_-"
ด้วยสังหรณ์ประหลาดบางอย่าง ทำให้เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 6 โมง ข้าพเจ้าเดินมามองๆ แถวๆ ใต้รังนกเอี้ยง และก็เจอมันนอนหมอกตัวสั่นๆ อยู่จริงๆ (เพราะคืนที่ผ่านมาฝนตก)
สรุปคือมันตกจากรังเป็นวันที่ 3 ติดกัน....
ข้าพเจ้ายืนมองมันด้วยสีหน้า...-____-" (สงสัยลูกนกเอี้ยงตัวเดิมแหงๆ)
จากนั้นก็จับมันเดินไปหาตะกร้อสอยผลไม้อันเดิม ระหว่างเดินไป พี่ชายออกมากวาดบ้านพอดี ข้าพเจ้าเลยบอกไป
ลูกนกตกลงมาจากรังอีกแล้ว
พี่ชายทำหน้าตกใจ
แล้วทำไงดี?
ก็เอาตะกร้อสอยมะม่วงส่งมันกลับขึ้นไปน่ะสิ เมื่อวานก็ทำมาแล้ว ข้าพเจ้าตอบ แล้วทำให้พี่ชายดู
แล้วแม่มันรับมันกลับเข้ารังเหรอ? พี่ชายถาม
ก็เห็นรับนะ เมื่อวานเห็นแม่นกเอี้ยงมั๊ง ยืนเหมือนด่าลูกมันอยู่พักนึง แล้วค่อยต้อนกลับรัง
หลังจากนั้น ลูกนกเอี้ยงก็ไม่ได้ตกลงมาจากรังอีกเลย บางวันข้าพเจ้าก็แอบดู ก็เห็นลูกนกทั้งสองตัว(รู้ว่าสองตัว เพราะเห็นปากสีเหลืองในความมืดสองปาก)ยังอยู่ในรัง และตัวดำขึ้น แสดงว่าขนงอกเยอะแล้ว
หลังจากครั้งสุดท้ายที่ลูกนกตกจากรัง เวลาผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เย็นวันหนึ่ง หลานสาวก็เล่าให้ฟังว่า
เมื่อเช้า หม่าม้าเจอลูกนกเอี้ยงบินไปติดอยู่ที่ร่มแหละ
อนึ่ง ร่ม นี้มีหลายคัน และแขวนอยู่ตรงที่วางรองเท้าแบบมีล้อเลื่อน ซึ่งข้าพเจ้าเคยเลื่อนมันไปทับคองูเห่าโดยไม่ได้เจตนา
ข้าพเจ้าไปถามพี่สะใภ้ว่า
ลูกนกเอี้ยงมันบินมาติดที่ร่มเหรอ?
อือม์ สงสัยมันกำลังหัดบิน แล้วจะบินเข้าบ้าน แต่เล็งพลาด เลยไปติดอยู่ที่ร่มแทน พี่...(ชื่อพี่ชาย)...เลยใช้ตะกร้อสอยมะม่วงส่งมันกลับรังไปแล้ว พี่สะใภ้ตอบ
อนาคตของเอ็งช่างน่าห่วงจริงๆ เลย ไอ้นกเอี้ยงตัวนี้ - -"
Create Date : 25 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 25 ธันวาคม 2548 12:18:56 น. |
Counter : 1767 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องของหมาที่บ้าน
เที่ยงวันหนึ่งเมื่อ 5 เดือนก่อน ข้าพเจ้าขี่มอเตอร์ไซค์ไปทานข้าวเที่ยงที่บ้านแม่ แล้วลูกจ้างทำงานบ้านที่บ้านแม่บอกว่า...หมาที่บ้านเรากัดหัวหน้าคนงาน
ตัวที่กัดคือลูกหมาสีหมอก...
ชี้แจงนิด บ้านเรานี้ ดังที่เคยเล่าไว้ในกระทู้งูชะตาขาด ว่ามันอยู่ในสวน อาณาบริเวณกว้าง และมีแปลงปลูกผัก มีบ้านที่ปลูกไว้ให้คนงานอยู่ ลูกจ้างทำงานบ้านที่บ้านแม่ก็นอนที่บ้านคนงานในเขตบ้านเรานี่แหละ ถึงได้รู้ข่าว
และที่บ้านก็เลี้ยงหมาไว้ 3 ตัว ตัวที่ 3 นี้จิ๊กลูกหมาของหมาโรงไฟฟ้าข้างบ้านที่ชอบมาขอข้าวกินที่บ้านเรามาเลี้ยง เพราะหน้าตามันไฮโซดี เหมือนหมาฝรั่ง (แต่ตอนนี้หน้าตากลับไปเหมือนหมาบ้านแล้ว เพียงแต่ขนยาวเป็นพิเศษ และหูใหญ่)
เจ้าลูกหมาตัวนี้ อายุมันเพิ่งจะ 3 เดือน (ตอนนี้อายุ 8 เดือนแล้ว) ชื่อ "ไอ้ลาย" (หลานสาวที่เพิ่งขึ้น ป.1 ปีนี้ตั้งให้ ทั้งที่ทั้งตัวมันไม่มีตรงไหนที่ "ลาย" เลย หึหึ -_-" )
บ้านเราเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน นี่คือข้ออ้างของพี่ชายสาม (เจ้าของบ้าน) แต่ความจริงคือ เจ้าพี่ชายคนนี้ชอบหมามากมาแต่ไหนแต่ไร แต่เมื่อก่อนบ้านเรามันแคบ คนก็เยอะ ไม่อำนวยให้เลี้ยงหมา ตอนนี้พี่แกมีบ้านของตัวเองแล้ว เลยเลี้ยงมันซะ 3 ตัวเลย (อาจเลี้ยงมากกว่านี้ ถ้าไม่กลัวศรีภริยาบ่น)
ตอนแรกก็เลี้ยงแค่ 2 ตัวหรอก ตัวผู้ตัวนึง ตัวเมียตัวนึง ตัวผู้ชื่อ "มิชชั่น" ตัวเมียชื่อ "ลัคกี้"
มิชชั่น กับ ลัคกี้ มันก็เฝ้าบ้านได้ดีหรอก เวลามันอยู่กันเป็นทีม
ที่ใช้คำว่า "อยู่กันเป็นทีม" เพราะมิชชั่นมันเห่าเก่งมาก เห่าขู่ได้น่ากลัวสุดๆ และช่างเห่ามากด้วย มอเตอร์ไซค์แล่นผ่านถนนหน้าบ้านที่ห่างออกไป 50 เมตร ไม่ได้เฉียดกรายเข้ามาใกล้บ้านเลย มันยังวิ่งตามเห่า (เห่าทำซากอะไรไม่ทราบ -"- )
แต่ถ้ารถหรือคนเข้ามาใกล้บ้าน แบบมีคนมาหา มันก็เห่าแหละ แต่หลบไปยืนเห่าอยู่ระยะ 50 เมตร แล้วถ้าคนที่โดนเห่าเดินเข้าไปใกล้ มันก็จะเดินถอยหนีไปพลางเห่าไปพลาง (มีประโยชน์มากเลย แกเอ๊ย...)
ส่วนไอ้ลัคกี้นั้นหรือ...มันไม่เคยเห่าใครเลย ใครมาหา แปลกหน้าไม่แปลกหน้า มันกระดิกหางเข้าไปคลอเคลียเลียมือเขาหมด - -"
แต่เพราะว่ามันเข้าไปใกล้เขา แถมยิ้มประจบ ซึ่งวิธียิ้มประจบของมันนี้ คนแปลกหน้าจะดูเห็นเป็นมันแยกเขี้ยวเตรียมงับ เมื่อบวกกับเสียงเห่ากรรโชกระยะ 50 เมตรของมิชชั่น เลยเกิดบรรยากาศข่มขู่เป็นพิเศษ...
แต่สรุปคือ ไม่เคยได้ยินว่าลัคกี้กับมิชชั่นมันกัดใครเลย ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านพี่ชายได้ 1 ปีเต็ม
แต่โอ้ว....วันนี้กลับได้ข่าวไอ้ลายวัย 2 เดือนกัดหัวหน้าคนงานจมเขี้ยว - -"
นึกภาพไม่ออกเลยวุ้ย....
ปกติ...ด้วยนิสัยของลูกหมาเวลาคันเขี้ยว มันมักหาของมาแทะเล่น และเหยื่อสุดโปรดของมันคือ...รองเท้า
ตั้งแต่กลับมา 1 ปี ตูข้าเสียรองเท้าไปหลายคู่แล้วเพราะหมาบ้านนี้ -"-
(ก่อนหน้าไอ้ลาย บ้านนี้เอาลูกของหมาโรงไฟฟ้ามาเลี้ยง ตั้งชื่อว่า "แบคแคม" (ตัวเมีย) แต่ป่วยตายไปเมื่อครึ่งปีก่อน ต่อมาก็ไปขอลูกหมามาเลี้ยงอีกตัว ชื่อ "ไอ้ม็อกซ์" มันก็ดันคิดสั้นฆ่าตัวตายโดยการเข้าไปอยู่ใต้ล้อรถของพี่สะใภ้ตอนแล่นเข้ามาจอด "ไอ้ลาย" จึงเป็นตัวที่ 3)
ซึ่งพวกเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีให้มันเลิกแทะรองเท้า จนกระทั่งวันหนึ่ง ญาติคนหนึ่งที่เคยเลี้ยงหมาแนะนำวิธีที่แม่ของเธอเคยใช้ได้ผลมาแล้ว
คือ เจอมันแทะรองเท้าเมื่อไหร่ ใช้รองเท้าข้างที่มันกำลังแทะนั่นแหละ ตบหน้ามันให้สุดแรงไปเลย
เราฟังแล้วก็ โอ...ช่างเป็นวิธีที่เข้าท่า
ดังนั้น ไอ้ลายโดน fore shoe + back shoe ไปทั้งสิ้น 3 หน
หนแรก พอโดนไป มันหวาดกลัวตัวเรามากเสียจน เห็นเดินออกมาจากบ้าน ก็รีบเผ่นไปซ่อนทันที ขนาดถึงเวลากินข้าว เอาข้าวไปให้กิน (หน้าที่ประจำคือให้ข้าวหมาเช้า-เย็น) มันยังไม่กล้าเข้ามากิน ร้อนถึงตัวเราต้องไปลากขามันออกมาจากที่ซ่อน (ยังไม่ได้หาปลอกคอมาใส่ให้มัน และหมาบ้านนี้ไม่เคยต้องอยู่ในกรง ไม่เคยต้องถูกล่ามโซ่) เพราะขี้เกียจเฝ้านาน (มีหมาโรงไฟฟ้าจ้องจะแย่งข้าวหมาเรากินอยู่ 4 - 5 ตัว ขืนไม่เฝ้า มันก็อด)
โดนรองเท้าตบหน้าไปแล้ว มันก็สงบเสงี่ยมไปหลายวัน แต่ไม่นาน มันก็เอาอีกแล้ว...เลยโดนรอบ 2
หลังโดน มันมาอาการเดิม กลัวเราขี้หด หนีไปซ่อนจนต้องลากตัวออกมาจากซุ้มมะลุลี แล้วอุ้มไปที่จานข้าวมัน (หนักไม่ใช่เล่นเลย - -" )
หลังจากโดนลูกตบรองเท้าหนสองไป มันสงบเสงี่ยม เลิกแทะรองเท้านานกว่าโดนครั้งแรก
แต่แล้วมันก็หวนกลับมาแทะอีกครั้ง....แบบ วันนั้น เดินออกไปจะเอาข้าวให้มันกิน เจอรองเท้าฟองน้ำสายรัดขาดกลางหราอยู่หน้าบ้าน เส้นเอ็นตรงขมับขึ้นดัง "ปึ้ด" ทันที รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกรอบด้านโดยพลัน
เราเดินไปหยิบรองเท้าอย่างใจเย็น ไอ้ลายที่นั่งทำหน้าเอ๋ออยู่หน้าบ้านคงสัมผัสรังสีอำมหิตได้ ลุกขึ้นวิ่งเลย แต่ไม่พ้นหรอกเฟ้ย!! -"- (บังเอิญขว้างของแม่นมาก หึหึหึ)
ไอ้ลายเลยโดนบาทาพิฆาตทั้งแบบเหาะและแบบ fore/back เป็นรอบที่ 3
จนตอนนี้ มันไม่ได้แตะรองเท้าที่ถอดทิ้งเกะกะอยู่หน้าบ้านอีกเลย
เนื่องจากไอ้ลายกลัวเรามาก ขนาดที่เรียกเข้ามาหา มันก็ทำท่ากระมิดกระเมี้ยน เข้ามาหาอยู่ห่างๆ ในอาการที่เห็นชัดว่า "กลัวมากๆ"
พอได้รู้เรื่องที่มันไปกัดหัวหน้าคนงาน เราเลย....ไอ้ลายเนี่ยนะไปกัดเขา?
นึกว่าโดนเราเอารองเท้าตบหน้าจนกลายเป็นหมาขี้ขลาดไปแล้วซะอีก ไม่น่าเชื่อเลย -_-"
Create Date : 24 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 24 ธันวาคม 2548 9:02:48 น. |
Counter : 408 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องเล่าของนกกระจอกชะตาขาดตัวหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบ 7 เดือน
มีหนูตัวนึงมันเล็ดลอดเข้ามาในบ้าน จากทางใดไม่ปรากฏ แต่มันก็เข้ามาแล้ว
ดังนั้นพี่ชายจึงไปเอากับดักหนูแบบเป็นกรงมาวางใต้โต๊ะสำหรับวางขวดน้ำ
วางอยู่อาทิตย์นึง มันก็ไม่ยักมาติดกับดัก (ท่าทางหนูตัวนี้มันฉลาดน่าดู)
พี่ชายเลยไปซื้อกับดักหนูแบบเป็นจานกลมๆ มีกาวเหนียวหนึบสีเขียวๆ มาเสริมอีกอัน
วางไว้ด้วยกันที่ใต้โต๊ะนั่นแหละ
มาวันนี้ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังรื้อค้นมะม่วงอกร่องในกล่องที่วางอยู่บนพื้นติดกับโต๊ะวางขวดน้ำ
ซึ่งเจ้าลังนี้ก็อยู่ห่างจากกับดักหนูแบบเป็นจานกลมๆ ประมาณหนึ่งฟุต
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเหลือบไปเห็น...
นกกระจอกตัวหนึ่ง ติดหนึบอยู่บนจานใบนั้น
แบบ...แทบไม่เชื่อสายตา
นกกระจอกติดกับดักหนู แถมปีกกางแผ่หราเชียว.....-_-"
(ทำไมมันโง่แบบนี้ บินอยู่ดีๆ ไม่ชอบ ดันถลาร่อนลงมาหากับดักหนู
แถมยังเป็นกับดักหนูที่ขนาดหนูเองยังไม่วิ่งเฉียดเข้ามาใกล้เลย)
บ้านก็ปิดประตูมิดชิดด้วย นกกระจอกไม่รู้เข้ามาจากทางไหน
หลังจากไปหาถุงมือยางมาใส่ (โชคดีที่ที่บ้านมีถุงมือยางแบบที่หมอใช้แล้วทิ้งเยอะ เพราะพี่ชายทำงานอยู่โรงงานผลิตถุงมือที่ว่านี่) แล้วพยายามแซะนกกระจอกโชคร้ายออกจากกาวอยู่พักใหญ่ (แบบ กลัวปีกมันหักมาก) ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าที เพราะถุงมือมันคอยแต่จะติดกาวไปด้วย
เลยตัดสินใจไปหักกิ่งไม้เล็กๆ มาแซะแทน จนสำเร็จ เอามันออกมาจากกาวได้
แต่สภาพมัน ถึงปีกจะไม่หัก แต่กาวติดเต็มตัว อ้าปากไม่ได้ กางปีกก็ไม่ได้ ยืดขาไม่ได้ ได้แต่ขดกลมอยู่แบบนั้น
ข้าพเจ้าจึงนำมันไปวางบนกิ่งต้นพุทราหน้าบ้าน แล้วข้าพเจ้าก็กลับเข้าบ้านไป
สักชั่วโมงให้หลัง ลองแวบไปดูมันใหม่ มันตกจากกิ่งพุทราลงมานอนตาปริบๆ อยู่บนสนามหญ้า...
พอดีเห็นว่าฝนกำลังจะตก ข้าพเจ้าตัดสินใจนำมันไปวางไว้บนลังกระดาษซึ่งวางอยู่บนโต๊ะใต้ศาลา อย่างน้อยก็มีหลังคาคุ้มฝนแหละนะ
แล้วเย็นวันนั้น แชทคุยกับน้องคนหนึ่ง เล่าเรื่องนกให้เธอฟัง เธอบอกว่า ใช้แอลกอฮอล์เช็ดกาวน่าจะออก เราก็เอาเลยไปพานกมา และพยายามใช้แอลกอฮอล์เช็ด แบบ เกือบๆ จับมันอาบแอลกอฮอล์เลย เพราะกาวมันติดทั้งตัว
ขนาดอาบแอลกอฮอล์แล้ว ก็ยังเอากาวออกยากมาก เพราะติดเป็นเนื้อเดียวไปกับขน ดึงทีนี่หนืดมาพร้อมขนอ่อนเชียว นกคงเจ็บน่าดู แม้เราจะพยายามเบามือที่สุดแล้ว และขนาดเอาออกมาได้ตั้งเยอะแล้ว ที่เหลือติดอยู่ก็ยังมากกว่าครึ่ง
ขณะพยายามแซะกาว นกมันก็มีอาการหนาวกึกๆ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจไปตั้งกระทู้ในห้องจตุจักร เพื่อหาคนช่วย พร้อมกับเอาข้าวสารให้มันกิน แล้วมีผู้รู้มาตอบกระทู้ว่า มันไม่ใช่ไก่นะ จะได้กินข้าวสาร ข้าพเจ้าจึงเปลี่ยนไปเอาข้าวสุกกับน้ำให้มันกินแทน ซึ่งมันกินแต่น้ำ (จับตัวมันเอาปากยื่นลงหาจานรองแก้วที่ใส่น้ำและข้าวสุกที่หักให้แตกเป็นท่อนสั้นๆ) ไม่กินข้าวสุกเลย
คำถามในกระทู้ที่ตั้งไว้ มีคนมาช่วยตอบรวดเร็วทันใน ว่าให้หยุดใช้แอลกอฮอล์อาบนกโดยเร็ว เพราะนกมันจะหนาวมาก ข้าพเจ้าจึงหยุดเอานกอาบแอลกอฮอล์ และเอาที่เป่าผมมาช่วยเป่าขนมันให้ ก่อนจะทำที่นอนอุ่นๆ ให้มัน และเอาลงนอนในลังซึ่งวางอยู่ในส่วนของบ้านที่ร้อนที่สุด และหวังว่ามันจะรอดตายผ่านคืนนี้ไปได้
<>::<>::<>
มาตอนเช้า นกยังไม่ตาย แต่ที่ก้นมันมีอะไรไม่รู้สีเหลืองๆ หน้าตาและขนาดพอๆ กับเม็ดแปะก้วย ข้าพเจ้าใช้แอลกอฮอล์ช่วยเช็ดออก (มันหลุดออกจากก้นทั้งก้อนเลย) จากนั้นก็เปิดคอม
ยังไม่มีคนมาตอบวิธีเอากาวออก ข้าพเจ้าจึงอัพเดทอาการของนก ก่อนจะพยายามช่วยมันเอากาวออกต่อไป แต่แล้วไม่นานนัก มันก็กระตุกเฮือก แล้วหัวใจก็หยุดเต้นคามือเลย - -"
หลังจากรออยู่สักชั่วโมง ตัวมันก็เย็นลง ข้าพเจ้าเลยแน่ใจว่ามันตายแล้วจริงๆ จึงนำไปฝังที่ข้างบ้าน จากนั้นมาดูกระทู้ที่ตั้งไว้
ปรากฏว่ามีคนมาตอบวิธีเอากาวออกแล้ว (เมื่อสายเกินไป) ว่าให้ใช้แป้งโรยตามบริเวณที่กาวติด ตามด้วยเอาน้ำมันพืชทามือเมื่อเอากาวออก แถมยังใจดีหาเว็บภาพตัวอย่างการช่วยนกจากกาวดักหนูมาให้ดู
แต่นกตัวอย่างมันนกเอี้ยง ไม่ใช่นกกระจอก ขนาดมันผิดกันเยอะ แล้วนกเอี้ยงในภาพ มันติดกาวดักหนูแค่ขานิดเดียว ไม่ได้ติดทั้งตัวแบบนกกระจอกตัวนี้ - -"
ยังไงก็ขอให้นกโชคร้ายตัวนี้ไปสู่ที่ชอบๆ แล้วกันนะ
นี่แหละน้า อิทธิฤทธิ์กาวดักหนู...ดักได้กระทั่งนก
Create Date : 23 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 24 ธันวาคม 2548 9:01:01 น. |
Counter : 913 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|