Group Blog
 
All Blogs
 
ชัยชนะของมนุษย์ : เมื่อข้าพเจ้าทำสงครามกับหนูในบ้าน

เมื่อวานนี้ Happy เป็นอันมาก ที่ดูท่าว่าสงครามระหว่างข้าพเจ้ากับฝูงหนูในบ้าน จะได้ปิดฉากลงเสียที...ด้วยชัยชนะของข้าพเจ้า หลังจากที่เปิดศึกกับพวกมันอย่างเอาจริงเอาจังมาเป็นเวลากว่าประมาณสองเดือน



ความจริง...บ้านที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเป็นบ้านของพี่ชายคนที่สาม เป็นบ้านที่มิดชิดขนาดที่กระทั่งแมลงวันยังเข้ามายากเลย (แต่บางทีก็เจอคางคก อึ่งอ่าง ตั๊กแตน กิ้งกือ และค้างคาว เข้ามาทัศนศึกษาบ้างเหมือนกัน อย่างอื่นพอเข้าใจ แต่ค้างคาวนี่ ข้องใจมากว่ามาได้ยังไง) โดยบ้านเป็นบ้านสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูหน้าบ้านและประตูหลังบ้านเยื้องกันดังภาพ



ก่อนนี้ที่บ้านนี้จะมีหนูแอบเข้ามาได้นานๆ ครั้ง พี่ชายก็จะใช้กาวดักหนูดักได้ทุกครั้งไป พวกเราเคยสงสัยว่า หนูมันเข้ามาจากทางไหน เพราะบ้านนี้เป็นบ้านปูน และไม่มีตรงไหนเลยที่มีรอยแตกให้หนูเข้าได้ แล้วในวันหนึ่ง พี่สะใภ้ก็บังเอิญเห็น...หนูมันแอบเข้ามาในบ้านกับตาตัวเอง นั่นคือ...เข้ามาทางหน้าต่างครัวซึ่งติดมุ้งลวดไว้ โดยมันกัดมุ้งลวดจนขาด แล้วแอบเข้ามา

ดูตามภาพประกอบนะ หน้าต่างครัวของบ้านนี้จะเป็นกระจกบานเกล็ด 3 บานติดกัน และที่ด้านนอกบ้าน ใต้หน้าต่างบานทางขวามือสุด จะเป็นพัดลมแอร์ หนูมันโดดดึ๋งขึ้นมาบนพัดลมแอร์ แล้วโดดต่อขึ้นมาบนกรอบล่างของหน้าต่างบานเกล็ด กัดมุ้งลวดจนขาด แล้วเข้าไปในบ้านแบบสะดวกโยธิน



เมื่อพบทางเข้าออกของหนู นับแต่นั้นมาพี่สะใภ้จึงปิดหน้าต่างบานเกล็ดบานขวามือสุดเป็นการถาวร...แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะหนูตัวที่แอบเข้ามาล่าสุดตัวดันเป็น แม่หนู และมันก็เข้ามาออกลูกในบ้านนี้ ซึ่งพวกเราได้รู้เมื่อหนูที่มาติดถาดมีลูกหนุที่ดูแล้วรู้เลยว่าเพิ่งพ้นสภาพตัวแดงๆ มาได้ไม่เท่าไหร่...

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน และนับแต่นั้นมา บ้านนี้ก็ไม่เคยขาดแคลนหนูอีกเลย เพราะหนูที่เล็ดลอดเข้ามาในบ้านมี 2 ตัว และน่าจะเป็นตัวผู้กับตัวเมีย เพราะหลังจากนั้นพวกเราจะได้เห็นลูกหนูที่ไม่รู้จักโตเสียทีโผล่มาติดถาดอยู่เรื่อยๆ (ไม่รู้ว่าการที่เหล่าหนูๆ เข้ามาสถิตอยู่ในบ้านอย่าง Happy มันจะเกี่ยวข้องกับการที่พี่ชายที่เป็นเจ้าของบ้านเกิดปีชวดหรือเปล่านะ -_- )



นอกจากแอบมากินของกินในบ้านแล้ว ในตอนกลางคืน หนูมันยังชอบวิ่งตึกๆ อยู่บนฝ้าเพดาน ทำให้หนวกหูเป็นที่น่ารำคาญอย่างมาก พวกเราก็สงสัยกันว่า มันเข้าไปในฝ้าเพดานได้ยังไง จนกระทั่งได้เห็นเส้นทางเข้าไปในฝ้าเพดานของมันกับตาในวันหนึ่ง...

เช้ามืดวันนั้น ข้าพเจ้าตื่นมาหุงข้าวเพื่อจะใส่บาตร พอเปิดไฟในครัวปั๊บ แม่หนูค่ะ...แม่หนูวิ่งสวนขึ้นบันไดไปยังห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นห้องทำงานของข้าพเจ้า แต่มันไม่ได้ขึ้นไปถึงชั้นสองหรอก มันหยุดที่ขั้นบันไดห่างจากชั้นสอง 2 ขั้น แล้วก็หายตัวไปในบัดดลราวปาฏิหาริย์

ข้าพเจ้ามองตาค้าง แบบ..เฮ้ย !! แล้วก็เลยเดินไปใต้บันไดเพื่อดูจุดที่หนูมันหายไป แล้วจึงเข้าใจ...



จากภาพ ตรงจุดที่ฐานบันไดเชื่อมกับผนัง ใต้ฐานบันไดมันมีช่องเล็กๆ ที่หนูเข้าออกได้อยู่ช่องหนึ่ง แต่...ด้วยระยะห่างและตำแหน่งของช่องนั้น ทำให้งงมากว่า หนูมันทำยังไงของมันกันนะถึงสามารถมุดเข้าไปในช่องนั้นได้ เพราะดูจากภาพจะเห็นว่า มันไม่ได้มีทางเชื่อมไปถึงช่องนั้นเลย เว้นแต่หนูมันจะเดินไต่ผนัง 90 - 180 องศาได้เหมือนจิ้งจก

แต่มันก็ใช้ช่องนั้นแหละเป็นทางเข้าออกฝ้าเพดาน 100% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนูบ้านนี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก - -"

แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะรู้ว่ารังของหนูพวกนี้คือใต้บันไดซึ่งเป็นที่เก็บของนั่นแหละ เพราะมันเป็นจุดเดียวในบ้านที่หนูจะซุกซ่อนตัวได้ และเพราะมีแต่หนูตัวใหญ่ที่เก่งพอจะผลุบเข้าไปในฝ้าเพดานได้ เนื่องจากวิทยายุทธ์ของพวกลูกหนูยังไม่แก่กล้าถึงเพียงนั้น...


ต่อไป จะขออธิบายแหล่งอาหารของหนู ซึ่งก็คือสถานที่ที่ถูกหนูมันบุกรุกเข้ามาแอบกินของกินอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือในครัว

ครัวของบ้านนี้จะมีแหล่งอาหารของหนูอยู่ 3 จุด คือ

1. โต๊ะกินข้าว

2. โต๊ะวางผลไม้และขวดน้ำดื่ม

3. กะละมังใส่เศษอาหารของหมาที่เลี้ยงไว้

ซึ่งตำแหน่งของแหล่งอาหารทั้งสามในห้องครัวมีดังภาพ



กะละมังใส่เศษอาหารของหมา จะวางอยู่บนถังแก๊สซึ่งเป็นถังแก๊สขนาดกลาง โดยกะละมังจะวางอยู่ในวงด้านบนดังภาพ



ขอบอกว่าหนูบ้านนี้ไม่นิยมคุ้ยถังขยะเช่นหนูบ้านอื่น มันจะเล็งแต่กะละมังใส่เศษอาหารเท่านั้น...

ไม่เคยเห็นกับตาหรอกว่าหนูมันเข้าไปกินเศษอาหารในกะละมังยังไง แต่สิ่งที่พบเห็นบ่อยๆ คือ หลังจากที่หนูเข้าไป รอบถังแก๊สจะมีเศษอาหารในกะละมังตกเกลื่อนอยู่เล็กน้อย และกะละมังจะอยู่ในสภาพเอียงมาด้านหน้า พี่ชายจึงป้องกันด้วยวิธี เอากล่องคุ้กกี้เปล่ามาวางปิดปากกะละมัง หนูมันก็จะเข้าไปในกะละมังไม่ได้ คาดว่ามันคงกระโดดสปริงตัวขึ้นไปได้แค่ปากกะละมังพอดี เมื่อเพิ่มความสูงของกล่องคุ้กกี้มา เลยกระโดดขึ้นไปไม่ถึง + ไม่มีที่ให้ขายึด เลยอดกิน

ด้วยข้อสันนิษฐานนี้ ข้าพเจ้าก็เลยลองวางกะละมังแบบเอียงเข้าหาผนัง ดังนั้นขอบกะละมังที่ด้านหน้าก็จะสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะหนูมักกระโดดหากะละมังจากด้านหน้า โดยไม่เคยกระโดดจากด้านหลังกะละมังเลย

และก็ได้ผล ครั้งไหนที่วางด้วยวิธีนี้ จะไม่มีหนูเข้าไปกินเศษอาหารในกะละมัง คาดว่ามันคงกระโดดไม่ถึงนั่นแหละ



ต่อมา บ้านนี้มักซื้อกล้วยมาวางทิ้งไว้บ่อยๆ แล้วหนูก็มักจะแอบขึ้นไปกินกล้วยที่เผลอลืมครอบฝาชีไว้ ดังนั้นในเวลากลางคืน พวกเราจึงต้องเอาเก้าอี้ทุกตัวออกห่างจากโต๊ะ เพื่อที่หนูจะได้ขึ้นไปบนโต๊ะไม่ได้

แต่ช่วงหลังๆ หนูมันกำเริบเสิบสานมาก เพราะมันแอบมากินตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในครัว แต่กำลังหันหลังให้ ยุ่งกับการตักข้าวใส่ถุง แบบ ตอนเดินไปที่หม้อหุงข้าวซึ่งอยู่ข้างเตา กล้วยไข่ยังอยู่ดี แต่พอตักเสร็จ มาที่โต๊ะ กล้วยใบหนึ่งแหว่งไปเป็นที่เรียบร้อย แถมมันไม่ออกปฏิบัติการเฉพาะกลางคืนแล้ว กลางวันก็ยังแอบขึ้นโต๊ะมากินกล้วยที่วางไว้หน้าตาเฉย ทำให้ข้าพเจ้าเกิดอาการโมโห และเริ่มคิดหาวิธีการจับหนูให้หมดบ้านอย่างจริงจัง



อนึ่ง วิธีดักหนูที่โอเคที่สุด ก็คือกาวดักหนูนั่นแหละ เพราะยาเบื่อมันโหดไป ส่วนกรงดักหนู...มีไว้ประดับเท่านั้น หนูมันไม่โง่มาติดหรอก -_-"

ตั้งแต่หนูมันมาออกลูก พี่ชายก็ซื้อถาดกาวดักหนูมาสำรองไว้ตลอด แต่หนูเป็นสัตว์ที่ฉลาด ดักหลายวันเข้า มันก็ไม่โง่มากินอาหารในถาดดักแล้ว อย่าว่าแต่ตั้งแต่แม่หนูมาออกลูกในบ้าน หนูที่โง่มาติดถาดดักหนูก็มีแต่ลูกหนู ไม่เคยมีหนูตัวใหญ่อีกเลย (สถิติลูกหนูติดถาดมากที่สุดคือ 5 ตัวใน 1 วัน โดยมาติด 2 ถาด ถาดหนึ่ง 3 ตัว อีกถาด 2 ตัว ล้วนแต่เป็นลูกหนูที่ยังไม่เดียงสาทั้งสิ้น)

ดังนั้นหากเราจะดักมันให้ได้ ก็ต้องดักแบบมีกลยุทธ์...



ก่อนอื่น รู้เขารู้เรา ร้อยรบไร้พ่าย ข้าพเจ้านำสิ่งที่ได้รู้เกี่ยวกับหนูพวกนี้ทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อหาวิธีวางถาดดักชนิดที่ เอ็งหนีไม่รอดแน่ๆ เหอๆๆๆ นั่นคือ

บันไดขั้นที่สองจากห้องใต้หลังคาลงมา คือทางผ่านไปสู่ฝ้าเพดานของหนูตัวใหญ่ ดังนั้นเราจะวางถาดดักไว้ตรงนั้น แต่ราวบันไดมันขวางอยู่ เลยไปซื้อแผ่นไม้มา กะจะเลื่อยให้เข้ารูป แล้วทากาวไว้ข้างบน แปะกระดาษกาวสองหน้าไว้ด้านล่าง

แต่ปัญหาคือ กาวดักหนูมันมาเป็นถาด มันไม่มีเป็นหลอด ดังนั้นข้าพเจ้าเลยได้แต่หักดิบ แปะกระดาษกาวสองหน้าไว้ทั้งถาดเลย

ต่อมา เล็งมาทางพวกลูกหนู ข้าพเจ้าเดินไปสำรวจใต้บันไดที่มีของวางอยู่ แล้วเลื่อนๆ ของมาขวางทางออกจากใต้บันได ให้เหลือช่องอยู่ 2 ช่อง แล้ววางถาดไว้ที่ 2 ช่องนี้ดังภาพ



และก็ได้ผล ได้ลูกหนูมาหลายตัวเลย และได้เรื่อยๆ ด้วย โดยไม่ต้องวางเศษอาหารไว้ล่อเลย มีอยู่ถาดหนึ่งได้มาตั้ง 2 ตัวแน่ะ ส่วนถาดที่ดักหนูตัวใหญ่ หนูมันไม่โง่มาติดเลย สงสัยฝึกวิทยายุทธ์ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยโดดพรวดเข้าช่องจากบันไดขั้นที่สาม เพราะเสียงวิ่งตึงๆ บนฝ้าเพดานยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องทุกคืน - -"



แต่ดักไปสักพัก หนูก็ไม่ค่อยมาติดแล้ว เลยต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เพราะพบว่าอาหารที่วางอยู่ในถาดถูกกินโดยที่ไม่มีหนูมาติดถาด จึงสันนิษฐานกันว่า หนูตัวใหญ่มันสามารถงาบอาหารไปกินได้โดยที่กาวในถาดเอามันไม่อยู่ พี่สะใภ้จึงแนะให้อ่านวิธีใช้ถาดข้างกล่อง ซึ่งมีบอกถึงวิธีดักหนูตัวใหญ่ โดยเขาบอกว่าให้วางถาดไว้ในลัง มันจะได้ลากถาดดิ้นหนีไม่ได้ เราเลยใช้ลังสูงประมาณ 15 ซม. มาใส่ถาดดักหนูวางไว้ที่ชานพักบันได แต่มันก็ไม่ยักโง่มาติดตามเคย - -"

ข้าพเจ้าเลยเปลี่ยนตำแหน่ง เอาลังไปวางที่ใต้บันได แต่เนื่องจากไม่ได้หักขอบทั้งสี่ด้านที่เป็นฝาลังลง เลยไม่มีหนูมาติด ข้าพเจ้าก็เลยพัฒนากลยุทธ์อีกขั้นหนึ่ง โดยหักฝาลังลง 2 ด้าน เพื่อทำเป็นสะพานให้หนูเข้ามาในลังได้ แล้ววางของขวางทางออกไว้ เว้นทางออกเฉพาะที่ต้องผ่านลัง ดังภาพ



ได้ผล...มีลูกหนูที่ออกมาหาอาหารกินตกตุ้บมาติดถาดไม่ขาดสาย เฉพาะเจ้าลังนี้ดักลูกหนูได้รวมๆ แล้ว 10 ตัวเห็นจะได้ ก่อนจะถึงวันที่ 24 ก.ค. น่ะนะ (ปริมาณน่าตกใจนะ -_-" )

มีเรื่องที่ทั้งน่าขำและน่าประหลาดใจเล็กน้อย คือ ปกติเวลาลูกหนูมาติดถาดนี้ มันจะร้องจี๊ดๆ ชนิดที่ทำให้เรารู้ว่า มีหนูมาติดถาดแล้ว และจะทั้งร้องทั้งดิ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะจับทั้งมันและถาดใส่ถุงไปทิ้งถังขยะใหญ่หน้าบ้าน

แต่...มีอยู่ 3 วันที่ข้าพเจ้าลุกมาหุงข้าวใส่บาตร ที่มีลูกหนูมาติดถาดในเวลาเดียวกันวันละ 1 ตัว โดยมาติดในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ายุ่งกับการตักข้าวใส่ถุงและอุ่นอาหาร แบบ ตอนเดินเข้ามาในครัว ถาดยังว่างเปล่า แต่พอจัดของใส่บาตรเสร็จพร้อมในเกือบ 1 ชม.ต่อมา เดินมาดูอีกที จะเห็นลูกหนูหนึ่งตัวสถิตอยู่ในถาดเป็นที่เรียบร้อยอย่างเงียบกริบ มันไม่ร้องไม่ดิ้นเลย ทั้ง 3 ตัว เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมาก - -" (แอบสงสัยว่าเจ้าที่ในบ้านที่กรวดน้ำให้ตอนใส่บาตรจะตอบแทนด้วยการต้อนหนูมาติดถาด...)

ในระหว่างนี้ มีอยู่วันหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีกลิ่นเหม็นมาจากใต้บันได พวกเราจึงสันนิษฐานว่าคงจะมีหนูตายอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่มีใครไปจัดการอะไร เพราะกลิ่นมันไม่ได้หึ่งไปทั่วบ้าน มันอยู่แค่บริเวณนั้น ไปไม่ถึงโต๊ะกินข้าวด้วยซ้ำ พวกเราเลยปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งกลิ่นมันหายไปเอง (บอกแล้วว่าบ้านนี้แมลงวันเข้ามายาก ดังนั้นเลยมีแต่กลิ่น ไม่มีแมลงวันมาตอม)



ต่อไป กลยุทธ์ดักหนูตัวใหญ่ที่โดดถึงกะละมังข้าวหมา ข้าพเจ้าเจ้าวางถาดไว้ที่ฐานของถังแก๊ส 3 ถาด (ดังภาพข้างบน) กะว่าเอ็งต้องไม่มีทางหนีรอดได้แน่ๆ แล้ววางกะละมังแบบปกติ ให้มันสามารถกระโดดถึงได้

ปรากฏว่า...หนูมันเลื่อนถาดที่วางออกเป็นช่องหน่อยนึง แล้วกระโดดขึ้นไปกินเศษอาหารในกะละมังได้แหละค่ะ...- -" แบบ ตื่นเช้ามาหุงข้าว ก็พบว่าถาดมันเลื่อนออกเป็นช่อง โห...ตกใจมาก ไหงหนูมันถึงฉลาดงี้ฟระ แต่ข้าพเจ้าก็แค่เลื่อนถาดกลับที่เดิม พร้อมกับตั้งใจว่า เดี๋ยวตรูจะไปเอากระดาษกาวสองหน้ามายึดถาดล่ะเฟ้ย !

แต่ ยังไม่ทันได้ทำตามที่คิด วันที่หนูดวงจู๋ก็มาถึงเร็วเกินคาด วันนั้นคือเมื่อวันจันทร์ ที่ 24 ก.ค.นี้เอง ตอนเที่ยง ข้าพเจ้าจะไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งพัสดุให้เพื่อน พอเดินมาที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน เดินเลี้ยวโต๊ะกินข้าวมา เห็นเศษปลาทอดตกอยู่บนพื้น ก็คิดว่า....เอาอีกแล้ว หนูมากินข้าวหมาอีกแล้ว แต่พอเดินมาอีกนิด ก็ช็อคอย่างแรง

หนูตัวใหญ่ ! หนูตัวใหญ่มาติดถาด !!

โอ้ ! แม่เจ้า ! ในที่สุดก็มีวันนี้ T-T

ถาด 3 ถาดที่ข้าพเจ้าวางไว้ตรงฐานถังแก๊ส หนูมันคงกระโดดพลาดตกปุ๊ลงมาในถาดใบหนึ่งแบบเต็มๆ แล้วดิ้นพราดๆ สุดแรง มันลากถาดตั้งแต่ตรงถังแก๊ส ไปถึงผ้าเช็ดเท้าที่ห่างออกไป 1 เมตร ลากผ้ามาติดกาวในถาด แล้วกระเสือกกระสนมาถึงขาเก้าอี้ 2 ตัวที่วางอยู่ห่างออกไปอีก 1 เมตรดังภาพ กว่าจะหมดแรง นอนหอบแฮ่กๆ แบบตอนที่ข้าพเจ้ามาเห็น



บอกตามตรงว่าตัวมันใหญ่จังจนข้าพเจ้าไม่กล้าเอาถาดใส่ถุงไปทิ้ง ตัวยาวประมาณ 20 ซม. ไม่นับหาง ข้าพเจ้าเลยขี่มอเตอร์ไซค์ไปบ้านคนงาน บอกให้ช่วยมาจับมันใส่ถุงไปทิ้งให้หน่อย แอ่นแอ๊น~

และแล้วหนูตัวใหญ่ก็เสร็จไปหนึ่งตัว...

นับแต่วันนั้นมา เสียงวิ่งตึงตังบนฝ้าเพดานก็หายไป...

เวลาเย็นของวันเดียวกัน ก็มีลูกหนูมาติดถาดอีกหนึ่งตัว และเวลาเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ก็มีลูกหนูมาติดถาดอีกหนึ่งตัว

แต่...ในเช้ามืดวันถัดมา ข้าพเจ้าก็ต้องตะลึง เมื่อเปิดไฟห้องครัว แล้วเห็นลูกหนูตัวหนึ่งวิ่งตึกๆ สวนไปขึ้นบันได แล้ววกออกลูกกรงบันไดตรงแถวๆ ชานพัก แล้วหายเข้าใต้บันไดไป...

หูยยย ไอ้ลูกหนูตัวนี้มันพัฒนาการหาทางเข้าออกใหม่ที่ไม่ต้องผ่านลังกับดักของเราได้แล้วเว้ยเฮ้ย ! คราวนี้จะทำไงดีวุ้ย

ระหว่างที่ยังนึกกลยุทธ์ใหม่ไม่ออก ข้าพเจ้าก็ทำได้แค่ประยุกต์กลยุทธ์เดิม วางถาดดักเป็น 2 ด่าน คือด่านที่หนึ่ง ตรงทางออกจากใต้บันได และด่านที่สอง คือลังที่มีถาดดักหนู 2 ถาดดังภาพข้างบน โดยด่านที่หนึ่งไม่ได้วางเศษอาหารล่อ แต่ในลังมีเศษอาหารล่อเล็กน้อย



ทีนี้วันต่อมา ข้าพเจ้าก็สังเกตเห็นว่า ถาดตรงด่านที่หนึ่งมันเลื่อนออกมาเล็กน้อยจนเกิดช่องให้หนูวิ่งเข้าออกได้โดยไม่ผ่านถาด ก็อึ้งว่า มันหาวิธีผ่านด่านที่หนึ่งของราโดยสวัสดิภาพได้แล้วแฮะ แต่ก็ยังไม่ได้คิดมาตรการใหม่ โดยแค่เลื่อนถาดกลับไปชิดขอบสิ่งกีดขวางตามเดิม เพราะคิดเอาว่าหนูที่มีปัญญาดันถาดออกได้ คงเป็นหนูตัวใหญ่ หนูตัวเล็กมันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

วันต่อมา ตอนเช้า พี่สะใภ้เจอลูกหนูซุกอยู่แถวๆ ขวดน้ำยาซักผ้าระหว่างผนังห้องน้ำกับเครื่องซักผ้า เราเลยวิ่งไล่จับหนูกันใหญ่ แต่มันหนีจู๊ดๆ ผ่านด่านที่สองทางช่องว่างระหว่างสิ่งกีดขวางที่ข้าพเจ้าเพิ่งจะเห็นว่ามันเลื่อนจนเกิดช่องว่างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และวิ่งผ่านช่องว่างของถาดด่านที่หนึ่งที่เลื่อนหลุดจากที่อีกแล้ว คงจะด้วยฝีมือของหนูตัวเดียวกับที่สร้างช่องว่างตรงด่านที่สอง แล้วกลับเข้าใต้บันไดไปได้โดยสวัสดิภาพ

ทำให้ข้าพเจ้าได้แต่อึ้ง...

โหย..ตั้งแต่เมื่อไหร่ฟระเนี่ย ถึงว่าไม่มีหนูมาติด 2 วันแล้ว -"- ฮึ่ม ! ร้ายกาจมาก เลื่อนถาดงั้นเรอะ ด้ายยยย !!

แล้วข้าพเจ้าก็จัดการเอากระดาษกาวสองหน้าแปะใต้ถาด ยึดถาดไว้กับพื้นกระเบื้องซะเลย เหอๆๆๆ ทีนี้เลื่อนไม่ได้แล้วเฟ้ยยยย

ข้าพเจ้าจัดการเปลี่ยนตำแหน่งสิ่งกีดขวางใหม่ และเอาของหนักมาวางข้างบนให้หนูไม่สามารถขยับมันได้ จากนั้นทำการปิดช่องเล็กช่องน้อยระหว่างสิ่งกีดขวางด้วยแผ่นไม้ที่ซื้อมา แต่ยังไม่ได้เลื่อยสักทีนั่นแหละ ประมาณว่า ถ้าคราวนี้เอ็งยังโดดออกมาข้างนอกได้ ข้ายอมรับว่าเอ็งเก่ง !

นอกจากนั้น ข้าพเจ้ายังดำเนินการตัดเสบียงอย่างเฉียบขาด ไม่เปิดโอกาสให้หนูได้แอ้มทั้งโต๊ะและกะละมังข้าวหมา และเอากล้วยไข่หักเป็น 1/3 ท่อนไปวางในถาดในลังด่านที่สอง และถาดด่านที่หนึ่งที่ติดกระดาษกาวสองหน้าไว้ ประมาณจะต้อนให้มันต้องไปกินของที่วางล่อในถาดให้จงได้ !

ผลคือ...วันต่อมาที่ยังคงไม่มีหนูมาติด แต่กล้วยไข่ที่วางไว้ตรงถาดด่านที่หนึ่งอันตรธานไปโดยไร้ร่องรอย...

ฮึ่ม ! ไอ้หนูตัวใหญ่มันมากินแหงๆ ร้ายกาจมาก ไม่วางอาหารล่อที่ด่านหนึ่งแล้วเฟ้ย ! -"-

วันต่อมา หลานสาวที่เข้าไปค้นอัลบั้มซึ่งวางไว้ในกล่องพลาสติกที่ใต้บันไดพบว่า กระสอบข้าวสารหมาที่วางอยู่ใต้บันไดถูกหนูกัดจนขาด ข้าวสารหกออกมาเต็มเลย

พอหากินข้างนอกไม่ได้ มันเลยกัดกระสอบข้าวสาร แบบ ข้าพเจ้างงเลยว่า ทำไมถึงมีกระสอบข้าวสารหมามาวางอยู่ใต้บันไดได้ล่ะเนี่ย -_-'

ปกติข้าพเจ้าจะเป็นคนหุงข้าวให้หมา ซึ่งกระสอบข้าวสารจะวางอยู่ข้างถังข้าวสารหมา ซึ่งอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวตลอด สงสัยกระสอบนี้ถูกเอามาวางใต้บันไดตอนที่เขาปูพื้นกระเบื้องเสร็จ แล้วเลยถูกลืมไปเลย

ข้าพเจ้าเอากระสอบข้าวสารหมาออกมาจากใต้บันไดซะ ตัดแหล่งเสบียงของหนูไปอีกหนึ่งแหล่ง

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น วันที่ 1 ส.ค. พอเปิดไฟครัว เดินไปดูถาดดักหนู

ช็อคสุดขีด !! รีบไปเรียกพี่สะใภ้ (ตอนนั้นตี 5 ได้เวลาพี่สะใภ้ตื่นพอดี) เรียกมาดูถาดดักหนู

ดักหนูตัวใหญ่ได้อีก 1 ตัว !! มันมาติดถาดด่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าแปะกระดาษกาวสองหน้าไว้

พ่อแม่หนูโดนจับได้หมดแล้ว ไชโย้ !! ^O^

ต่อไปจะไม่มีลูกหนูเพิ่มแล้ววววว

หลังจากเอาหนูไปทิ้งแล้ว ข้าพเจ้าก็พบว่า ตรงรูของกระสอบข้าวสารที่เอาออกมาจากใต้บันไดมีข้าวสารตกอยู่กองหนึ่ง คาดว่าหนูมันคงดอดออกมากิน เพราะมันเป็นหนูตัวใหญ่ ดังนั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามันคงสามารถกระโดดข้ามลังที่วางขวางเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังพบเศษข้าวสารกองอยู่ข้างผ้าเช็ดเท้าตรงบันได ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่า หนูมันคงติดถาดตอนขากลับเข้าใต้บันไดแหงๆ



โชคร้ายหน่อยนะหนู ที่ถาดซึ่งแกเคยเลื่อนได้อย่างฉลาด มันติดกระดาษกาวสองหน้าซะแล้ว...ซึ่งทำให้หนูไม่สามารถดิ้นโดยลากถาดไปด้วยได้เหมือนอย่างหนูตัวใหญ่ตัวแรกที่มาติดถาด

วันต่อมา ก็มีลูกหนูมาติดถาดอีกหนึ่งตัว ขนาดประมาณตัวที่พวกเราวิ่งไล่จับกันในเช้าวันก่อน แต่ขนาดเล็กกว่าลูกหนูตัวที่วิ่งขึ้นบันไดและเข้าไปใต้บันไดทางชานพักที่ข้าพเจ้าจำได้เล็กน้อย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นลูกหนูตัวที่เราวิ่งไล่จับมัน

วันถัดมา ไม่มีหนูมาติดถาด...

และแล้วเมื่อวานนี้ วันที่ 4 ส.ค. เวลาเช้ามืด มีหนูมาติดถาด 2 ตัว ขนาดเล็กสุดหนึ่งตัว และขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่งตัว ซึ่งขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยนี้ ขนาดมันใกล้เคียงกับลูกหนูตัวที่ข้าพเจ้าเคยเห็นวิ่งตึกๆ ขึ้นบันไดมาก จึงสันนิษฐานว่าคงจะเป็นเจ้าตัวนั้น แต่ก็แอบคิดว่าทำไมมันโง่มาติดถาดได้เนี่ย

แล้วการณ์ประหลาดก็อุบัติ เมื่อตลอดกลางวันวันนั้น ข้าพเจ้าจะได้ยินเสียงลูกหนูร้องจี๊ดๆ มาจากใต้บันไดเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปสำรวจ พี่สะใภ้สงสัยว่าอาจมีลูกหนูครอกใหม่

จนกระทั่งตอนค่ำ พี่ชายพี่สะใภ้กลับมาจากทำงาน ข้าพเจ้าตัดสินใจจะสำรวจใต้บันไดดู เพราะถ้าเป็นลูกหนูครอกใหม่จริง ฉันไม่บ้ารอให้มันโตแน่ -_-" และเพราะหนูตัวใหญ่ไม่อยู่แล้ว เหลือแต่ตัวเล็ก ไงก็ไม่น่ากลัวมาก เลยไปชวนพี่สะใภ้สำรวจใต้บันไดกัน โดยเอากับดักด่านที่หนึ่งออก คงเหลือแต่ด่านที่สอง

ใต้บันไดมีของชิ้นใหญ่ที่วางขวางสายตาอยู่ คือกระเป๋าเดินทาง พี่สะใภ้ก็เลื่อนมันออก ก็เห็นใต้บันไดเปิดโล่ง มีตะกร้าใส่ผ้าที่เอามาใส่ของจิปาถะ 2 ใบ นอกนั้นก็โล่ง...ไม่มีอะไรแล้ว พี่สะใภ้เลยบอกให้ข้าพเจ้าลองเลื่อนตะกร้าผ้าดู แต่ข้าพเจ้าไม่กล้า กลัวหนูกระโดดใส่ - -"

พี่สะใภ้เองก็ไม่กล้าเลื่อน เลยทิ้งไว้แค่นี้ แล้วเดินไปจัดการงานอื่นต่อ

ข้าพเจ้ายังยืนเอาไฟฉายส่องๆ อยู่ ส่องดูจนแน่ใจว่าไม่มีแม้แต่เงาหนูสักตัว เลยทำใจกล้า ลองเลื่อนตะกร้าที่วางขวางสายตาใบหนึ่งออก

สิ่งที่ปรากฏคือ...ถาดดักหนูหนึ่งถาด ที่ข้างในมีลูกหนูเป็นๆ หนึ่งตัว และลูกหนูที่ตายมานานแล้วจนซากแห้งเกราะหนึ่งตัว...

ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นก่อนหน้านี้ และเสียงลูกหนูร้องจี๊ดๆ ตลอดทั้งวัน คลี่คลายในบัดดล

ข้าพเจ้ารีบร้องบอกพี่ชายที่รดน้ำต้นไม้อยู่ ว่าเจอถาดดักหนูอยู่ใต้บันได และมีลูกหนูอยู่ตัวนึง เจ้าพี่ชายพูดหน้าตาเฉยว่า เอาไม้กวาดมาเขี่ยมันออกมาสิ โดยไม่มีทีท่าจะมาช่วยจัดการ (กลัวหนูล่ะสิเพ่ อะโด่ ไม่ค่อยเลยนะ -"- ) สุดท้ายเลยไปเรียกพี่สะใภ้มาช่วยกันจัดการ โดยข้าพเจ้าเอาไฟฉายส่อง แล้วพี่สะใภ้ก็เอาไม้กวาดเขี่ยถาดออกมา

ลูกหนูที่ติดอยู่ในถาด ตัวใหญ่กว่าลูกหนูเบอร์ใหญ่ที่ติดถาดเมื่อเช้านิดหน่อย คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าตัวนี้แหละที่ข้าพเจ้าเห็นวิ่งขึ้นบันได

ถาดดักหนูใบนี้มาอยู่ใต้บันไดนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่คงหลายเดือนแล้ว เพราะกาวงี้แห้งเชียว ที่สำคัญ พี่สะใภ้บอกว่า ไม่มีใครเอาถาดมาวางไว้ที่นี่นะ ตอนที่เขาปูกระเบื้องเสร็จ พี่แกยืนคุมตอนคนงานขนของตลอด ใต้บันไดไม่มีถาดดักหนูแน่ๆ

สรุปคือ...มันคือถาดดักหนูที่พวกเราเคยวางเอาไว้แถวๆ หน้าด่านที่สอง ในตอนที่ข้าพเจ้ายังไม่ได้เริ่มมาตรการวางกลยุทธ์ถาดกวาดล้างหนู นั่นคือแค่วางไว้ตรงทางเดินที่หนูผ่านไปมาเฉยๆ แล้วหนูตัวใหญ่มันคงมาติดเข้า เลยดิ้นพาถาดเข้าไปถึงใต้บันได แล้วหลุดจากกาวไปได้ เพราะจากขนาดของหนูที่แห้งตายอยู่ในถาด ซึ่งเป็นลูกหนู ไม่น่าจะมีปัญญาลากถาดไปไกลขนาดนั้นได้

และจากการนี้ทำให้ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่า หนูตัวใหญ่ที่เคยมาติดถาดนี้ น่าจะเป็นหนูตัวใหญ่ตัวที่ 2 ที่ข้าพเจ้าดักได้ เพราะท่าทางมันไม่กลัวการติดถาดเท่าไหร่ ถึงได้วิ่งผ่านถาดกลับเข้ารังหน้าตาเฉย ประมาณว่ามันคงคิดว่าดิ้นนิดหน่อยเดี๋ยวก็หลุดอย่างคราวก่อน

น่าเสียดายที่หนนี้ใต้ถาดมีกระดาษกาวสองหน้ายึดไว้ มันเลยดิ้นไม่หลุด เหอๆๆๆ (ชั่วจริงๆ เลยเรา ดีใจกับการทำบาป - -" )

ระหว่างที่เราจัดการกับถาดหนูใบนี้ ไม่ปรากฏว่ามีวี่แววลูกหนูตัวอื่นให้เห็น พี่สะใภ้จึงสันนิษฐานว่า เจ้านี่คงเป็นหนูตัวสุดท้ายในบ้านแล้วล่ะ

ถ้าใช่ล่ะก็....ไชโย้ !! สงครามล้างเผ่าพันธุ์หนูในบ้านจะได้จบลงซะที

รอดูอีก 7 วัน ถ้าไม่มีหนูมาติดถาด ก็แสดงว่าหนูมันหมดบ้านแล้วจริงๆ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ





จบข่าว



Create Date : 04 สิงหาคม 2549
Last Update : 4 สิงหาคม 2549 21:27:51 น. 2 comments
Counter : 4772 Pageviews.

 
...อาณาจักรแห่งหนู...ไม่ใช่นี่หว่า
ปราบเกลี้ยงแล้ว

หวัดดีครับ พี่ แวะมาทักทายหลังจากห่างไปนาน
ย้ายไปบ้านใหม่ด้วย พึ่งสร้างเมื่อคืนครับ


https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=a-tale-of-crimson-peregin&group=1

ปล.หน้านี้มันดี ขอเซฟไปอ่านนะครับ


โดย: ปากกาพเนจร (ปากกาพเนจร ) วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:16:50:19 น.  

 
สุดยอด มหากาพย์กำจัดหนู

อ่านมันส์กว่าที่คิด อ่านจนจบอย่างไม่น่าเชื่อ - -*

ที่บ้านก็มีหนูค่ะ นานๆ ทีจะปะกันสักทีนึง
ต่างกันหน่อยที่ที่บ้านกรงดักหนูได้ผล
ถาดกาวไม่ใช้ค่ะ สงสารมัน ค่อยๆ ตายช้าๆ คงทรมาน
เลยจัดยาฆ่าหนูเลย ที่เป็นแท่งๆ สีชมพู เหอะๆ ๆ


โดย: ผสมสารกันบูด (ผสมสารกันบูด ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:27:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ซีเรีย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ซีเรีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.