Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องเล่าเกี่ยวกับงูชะตาขาดตัวหนึ่ง

ก่อนอื่น จะขอเกริ่นก่อนว่า อันบ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ในปัจจุบันมีสภาพแวดล้อมเป็นบ้านชั้นเดียวที่อยู่กลางสวนกว้างใหญ่ หน้าบ้านเป็นสนามหญ้าต่อด้วยแปลงผักที่คนงานจะเจองูเห่าเป็นประจำ

เวลากลางวัน พี่ชายและพี่สะใภ้ไปทำงาน หลานๆ ไป รร. มีแต่ข้าพเจ้ากับแม่ของพี่สะใภ้อยู่เฝ้าบ้าน (ข้าพเจ้าเรียกท่านว่า ยาย)

และแล้ววันหนึ่ง เมื่อประมาณ ๒ เดือนก่อน เวลาประมาณบ่าย 2 โมง อยู่ๆ ยายก็มาตะโกนเรียกที่หน้าห้องข้าพเจ้าว่า

"หลี! งู! งูมันจะเข้าบ้าน!"

ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนร้องบอกของยาย ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาคือ

...ก็ประตูมุ้งลวดปิดอยู่ แล้วงูมันจะเข้ามาในบ้านได้ยังไงหว่า? อีกอย่าง ถ้างูมันเข้ามาจริง แล้วฉันจะมีปัญญาจัดการกับมันเหรอ? -_-"...

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ออกไปดูสถานการณ์อยู่ดี

(บ้านข้าพเจ้าเป็นประตูบานคู่ มี 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นประตูไม้ ชั้นในเป็นประตูมุ้งลวด ประตูไม้นี้ส่วนใหญ่จะเปิดไว้บานหนึ่ง ปิดไว้บานหนึ่ง ส่วนประตมุ้งลวดจะปิดไว้ตลอดเวลา)

เมื่อเดินออกไปถึงประตู ก็พบยายยืนอยู่โดยชี้ออกไปนอกประตูที่มีเสียงหมาเห่าขรม

"ตะกี้ยายนั่งดูทีวีอยู่ แล้วได้ยินเสียงหมาเห่า ก็เลยสงสัย เพราะไอ้ตัวเมียที่มันไม่เคยเห่าใครมันเห่าด้วย เลยเดินมาเปิดประตูดู ก็เจองูอยู่หน้าบ้าน หลีลองเปิดประตูดูสิ มันอยู่ตรงหน้าประตูนี่แหละ แล้วรีบปิดประตูเลยนะ!"

...บอกแบบนี้ หนูจะไปกล้าเปิดดูได้ยังไงกันล่ะยาย -_-"...

หลังจากพยายามชะเง้อชะแง้เพื่อจะหางูจากในประตูมุ้งลวดอยู่พักหนึ่ง ก้มองไม่เห็น สุดท้ายข้าพเจ้าเลยตัดสินใจ ออกทางประตูหลังบ้าน แล้วอ้อมมาที่หน้าบ้าน โดยก่อนออกจากประตูหลังบ้าน ก็ไม่ลืมคว้าไม้กวาดดอกหญ้าที่แขวนอยู่ใกล้ประตูหลังบ้านติดมือไปด้วย (อาวุธไง..อาวุธ)

ที่กล้าเดินออกไปหน้าบ้าน เพราะไงเราก็มีหมาเป็นองครักษ์แหละน่า!

พอเดินออกไปถึงประตูหน้าบ้าน ก็พบกับภาพติดแหงกอยู่ตรงร่องประตูใต้บานพับ





ทีแรกก็ตกใจเหมือนกัน คิดว่างูมันกลัวหมา เลยอยู่นิ่งไม่ไปไหน

หลังจากยืนดูอยู่พักหนึ่ง มันก็ยังไม่ขยับ ข้าพเจ้าก็เลยลองเอาไม้กวาดด้านดอกหญ้าเขี่ยๆ แบบกะให้มันขยับเลื้อยๆ หนีไปซะสิ้นเรื่อง

มันก็ยังไม่ขยับ...

เอาไม้กวาดจักจี้เร่งมันอยู่พักนึง ก็นึกขึ้นได้ว่านึกขึ้นได้ว่า หมายังยืนเห่าอยู่ใกล้ๆ ก็เลยสั่งให้หมาถอยออกไปห่างๆ แล้วกลับมาใช้ไม้กวาดเขี่ยๆ มันต่อ

มันก็ขยับยุกยิกเล็กน้อยเหมือนจักจี้ แล้วแน่นิ่งต่อไป

เอาไงดีล่ะทีนี้ ทำไมมันไม่ยอมไปล่ะเนี่ย ตัวมันเท่าที่เห็นก็ใหญ่ไม่ใช่เล่นซะด้วย -_-"

และแล้วข้าพเจ้าก็ทำใจกล้า ลองแง้มประตูไปดูหน้ามันซะหน่อย ว่าทำไมถึงไม่ยอมไปซักที (วะ)

พอแง้มประตูไป ก็ชักจะเข้าใจ...

ส่วนที่ติดอยู่ตรงร่องประตู คือช่วงกลางของลำตัวมันที่เป็นส่วนที่ "อ้วนที่สุด" พอดี คาดว่ามันคงกะจะเลื้อยผ่านใต้ประตูเข้าไปด้านหลังชั้นวางรองเท้า แต่โชคไม่ดีที่มันคำนวณขนาดตัวของมันเองผิดพลาด ตัวเลยติดแหงกอยู่ตรงร่องประตูไปไหนไม่ได้

ขนาดตัวของมันจากหัวถึงหาง ยาวเกือบ 2 เมตร ลำตัวส่วนที่ติดแหงกอยู่ตรงร่องประตู มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว

พอข้าพเจ้าแง้มประตูไปดูหน้ามันอย่างระมัดระวัง มันก็มองหน้าข้าพเจ้าตาแป๋ว ข้าพเจ้าเลยเอาไม้กวาดเขี่ยๆ ส่วนหางมันอีก มันก็ขยับยุกยิก แต่ก็ยังไม่หลุด

เราก็แบบ...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเผชิญหน้ากับงูในระยะกระชั้นชิดแบบนี้มาก่อนเลยวุ้ย

แล้วก็แหม...ไอ้งูตัวนี้มันสีดำอย่างกับงูเห่าแน่ะ แถมตรงหลังคอมันมีลายสีเหลืองคล้ายๆ รูปเกือกม้าซะด้วย

คงไม่ใช่หรอกน่า...ก็มันไม่ได้แผ่แม่เบี้ยใส่เรานิ -_-"

หลังจากพยายามช่วยลุ้นให้มันหลุดจากร่องประตู มันก็ยังไม่ยอมหลุดซะที ข้าพเจ้าเลยตัดสินใจบอกยาย

"ยาย! เนี่ย ตัวงูมันติดคาอยู่ตรงร่องประตู มันถูกร่องประตูหนีบแหละ เลยเลื้อยไปไหนไม่ได้ นี่ถ้าเราปิดประตู มันก็จะถูกหนีบตายอยู่ตรงนี้เลยนะ"

"ไม่ใช่! มันไม่ได้ถูกประตูหนีบ! ตัวมันลื่นจะตาย" ยายบอก

...แต่เท่าที่หนูเห็นนี่ ดูยังไงมันก็ถูกประตูหนีบอยู่นะยาย -_-"...

"งั้นเอาไงดี? ไปตามคนงานมาช่วยจัดการดีมั๊ย?" (เออ แต่ฉานต้องยืนเฝ้างูนี่หว่า แล้วจะไปตามยังไงกันล่ะ -_-" )

"ดีๆ! เดี๋ยวยายไปตามเอง" ว่าแล้วยายก็ออกจากบ้านทางประตูหลังบ้าน (เหมือนข้าพเจ้า) แล้วอ้อมมาทางหน้าบ้าน

ระหว่างที่ยายเดินอ้อมมาทางหน้าบ้าน ข้าพเจ้าก็เขี่ยๆ ต่อไป ตัวของงูส่วนที่อ้วนที่สุดก็เริ่มเลื่อนหลุดจากร่องประตูอย่างเชื่องช้า

"ยายๆ! งูมันหลุดจากร่องประตูแล้ว" ข้าพเจ้ารีบตะโกนบอกยายที่เดินมาถึงหน้าบ้าน และกำลังเดินไปทางบ้านพักคนงาน (บ้านพักคนงานอยู่ข้างแปลงผัก ต้องเดินไปไกลพอสมควร)

"อย่าให้มันหนีไปได้นะ! ตีมันให้ตายเลย เดี๋ยวมันไปกัดคนอื่นเข้า!"

...ง่า...เอางั้นเลยเหรอยาย -_-"...

ระหว่างที่ยายเดินไปยังบ้านพักคนงาน งูเคราะห์ร้ายที่ดันเลือกเข้าบ้านผิดก็หลุดรอดออกมาจากร่องประตูทั้งตัวจนได้ ข้าพเจ้าก็เลยดันประตูบ้านปิด เพื่อจะได้เห็นตัวมันได้ชัดๆ (ป้องกันมันเลื้อยเข้าบ้านด้วย)

งูมันก็นอนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่งในอาการที่ดูว่าสะบักสะบอกและเจ็บหนัก ดูเหมือนตัวจะสั่นนิดๆ ด้วย ดูท่าทางมันพยายามจะเลื้อย แต่เจ็บมากจนขยับได้แค่นิดเดียว และมันก็ยังมองเราตาปริบๆ เหมือนเคย

หลังจากขยับตัวอยู่ครู่หนึ่ง จนเริ่มเคลื่อนไหวคล่องขึ้น งูมันก็เริ่มเลื้อยเข้าไปที่ใต้ชั้นวางรองเท้าช้าๆ

ข้าพเจ้าเริ่มตกใจ เพราะรู้ว่ามันกะจะเลื้อยเข้าไปที่ร่องด้านหลังตู้รองเท้า และถ้ามันเลื้อยเข้าไปในนั้น มีหวังตามจับยากแน่

ข้าพเจ้าก็เลยเลื่อนชั้นวางรองเท้ากะให้ขวางทางเลื้อยของมัน (ชั้นวางรองเท้ามีล้อเลื่อน)

ปรากฏว่าข้าพเจ้าไปเลื่อนอีท่าไหนไม่รู้ อยู่ๆ ตัวมันก็แข็งทื่อแน่นิ่งไปเลย

ทีแรกนึกว่ามันแค่ตกใจที่ชั้นวางรองเท้าเลื่อน แต่หลังจากเอาไม้กวาดเขี่ยๆ มันก็ยังตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าก็เริ่มเหงื่อตก

...นี่ฉันคงไม่ได้เลื่อนชั้นวางรองเท้าจนลูกล้อมันไปทับหัวงูตายไปแล้วใช่ไหมเนี่ย -_-"...

และแล้วตอนนั้นเอง คนงานก็วิ่งมาถึงพร้อมไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตรลำหนึ่ง

ข้าพเจ้าบอกคนงานไปว่า ตะกี้งูมันจะเลื้อยเข้าด้านหลังตู้รองเท้า ข้าพเจ้าก็เลยเลื่อนชั้นวางรองเท้ากะขวางทางมัน แล้วอยู่ๆ มันก็แน่นิ่งไปเลย ไม่รู้ลูกล้อเลื่อนทับหัวมันตายไปแล้วหรือเปล่า -_-"

คนงานเลยเลื่อนชั้นวางรองเท้าออก (ตอนเขาเอาชั้นวางรองเท้าออก ข้าพเจ้าช่วยเอาไม้กวาดกดตัวงูไว้ให้อยู่นิ่งๆ เผื่อมันยังไม่ตาย) พอชั้นวางรองเท้าถูกเลื่อนออกไป ก็พบงูในสภาพนอนเฉยทำตาปริบๆ

มันยังไม่ตาย...แต่ลูกล้อของชั้นวางรองเท้าไปทับเนื้อข้างคอของมันเข้าพอดี มันเลยขยับไปไหนไม่ได้ รอยล้อที่ทับคอเห็นชัดเชียว เพราะแผ่นเนื้อข้างคอมันข้างที่โดนทับแผ่ออกมาเป็นแผ่นเชียว

พอเอาชั้นวางรองเท้าออก งูมันก็นอนนิ่งแบบขยับไม่ไหว คนงานก็เอาไม้ไผ่ที่ถือมาเขี่ยมันกระเด็นออกไปที่หน้าบ้าน แล้วตามไปตีๆๆๆ ตรงหัวของมัน

ข้าพเจ้าก็เดินตามไปดู เลยได้เห็นแม่เบี้ยของงูตอนนี้เอง

สรุปว่ามันคืองูเห่าจริงๆ ด้วย -_-"

(แต่มันเพิ่งมาแผ่แม่เบี้ยเอาตอนที่หมดเรี่ยวแรงจะต่อสู้ เลยเห็นสภาพแม่เบี้ยตอนที่หัวมันทอดราบติดพื้นคอนกรีต มันสู้ตอบโต้คนงานไม่ไหวด้วยซ้ำ ถูกตีอยู่ฝ่ายเดียวจนเราแอบนึกสงสารมัน)

และแล้วเมื่อคนงานแน่ใจว่ามันตายสนิท ก็เขี่ยมันขึ้นมาบนไม้ แล้วถือไม้เดินจากไป (อนาคตมันจะลงไปอยู่ในจานผัดเผ็ด หรือโหลดองยาก็สุดเดา)


เรื่องเล่าของงูชะตาขาดก็จบลงแต่เพียงเท่านี้...

ส่วนตัวข้าพเจ้านั้นหรือ ถึงกับขาสั่นเลยแหละตอนที่รู้ชัวร์ๆ ว่ามันเป็นงูเห่า แล้วเราก็ต้องอยู่เฝ้ามันตั้งเกือบครึ่ง ชม. ในระยะที่มันสามารถฉกเราได้สบายๆ (แต่มันไม่มีปัญญาจะฉกได้เท่านั้นเอง เพราะตัวโดนประตูหนีบอยู่)




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2548    
Last Update : 22 ธันวาคม 2548 10:32:00 น.
Counter : 1155 Pageviews.  

1  2  

ซีเรีย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ซีเรีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.