ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

คนไทยเฮ! AIS, Dtac โดน กทค. บีบให้ลดค่าโทรลง ตามบริการที่แย่ลง ส่วน Truemove รอดตัว!

ติดตามข่าวสาร IT ที่น่าสนใจกับ เฮียณัฐ TechXcite มีข่าวดีมาฝากแฟนๆ
TechXcite.com ครับ และคิดว่าข่าวนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับคนไทยเกือบ 100
เปอร์เซ็นแน่นอน นั่นก็คือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค.
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ กสทช. ได้ออกมาประกาศว่า
มีแผนที่จะปรับลดค่าบริการขั้นสูงของโทรศัพท์มือถือลงเหลือ 0.99 บาท
เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมาอย่างมากว่า ค่าบริการนั้นมีแต่จะสูงขึ้นๆ
แต่บริการนั้นกลับกากลงทุกวัน ดังเช่นที่ค่ายมือถือค่ายหนึ่ง
ที่สัญญานล่มบ่อยครั้งเมื่อไม่กี่วันนี้




 บอร์ด กทค.จึงหารือถึงร่างประกาศ กสทช.
เรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคม
สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ
กำหนดให้อัตราขั้นสูงของค่าบริการของผู้ให้บริการจะต้องอยู่ในอัตราเดียวกัน
และ
กสทช.มีอำนาจหน้าที่กำหนดโครงสร้างอัตราค่าใช้บริการในกิจการโทรคมนาคมให้
เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและภาระของผู้บริโภค ตาม
พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.)

ทั้งนี้
อัตราขั้นสูงใหม่ที่ กทค.จะเสนอให้บอร์ด กสทช. อนุมัติ และประกาศใช้อยู่ที่
0.99 บาทต่อนาที เป็นอัตราที่ผู้บริโภคจ่ายถูกกว่าเดิม
โดยจะบังคับใช้เฉพาะผู้ประกอบการที่มีอำนาจเหนือตลาด (เอสเอ็มพี)
ที่มีส่วนแบ่งตลาด 25% ขึ้นไป คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS)
ที่มี 43% และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (Dtac) มี 30%

"ยอม
รับปัจจุบันค่าบริการของผู้ให้บริการสูงขึ้นมาก
ส่วนใหญ่เป็นแพ็คเกจที่รวมการใช้ 3จีไปด้วย
แต่คุณภาพการให้บริการต่อลูกค้ากลับต่ำลง
เพราะเอกชนเอาคลื่นไปอัพเกรดให้บริการ 3จีสำหรับการประกาศใช้อัตราขั้นสูง
0.99 บาทต่อนาที ใช้เฉพาะผู้ให้บริการรายใหญ่ ส่วนทรูมูฟมีส่วนแบ่ง 24%
ไม่ถือเป็นเอสเอ็มพี"

เห็นข่าวอย่างนี้แล้ว พวกบริการที่แบบว่า
เริ่มต้นนาทีละ 2-3 บาท แล้วจากนั้นก็เป็นนาทีละ 50
สตางค์คงต้องยกเลิกทั้งหมดนะครับ เพราะว่าจะต้องเปลี่ยนเป็นเริ่มต้นที่
0.99 บาททั้งหมดทั้ง AIS และ Dtac ส่วน True Move
นั้นต้องรอลุ้นอีกทีครับว่าจะเป็นยังไง



by เฮียณัฐ TechXcite
source: กรุงเทพธุรกิจ





 

Create Date : 20 มกราคม 2555   
Last Update : 20 มกราคม 2555 8:17:31 น.   
Counter : 1518 Pageviews.  

Apple อัพเกรด iPhone 5 กราฟฟิกเกมส์เทพขึ้น 20 เท่ากินขาด PS Vita, Nintendo 3DS

iPhone 5 - อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite ส่งตรงจากงาน CES 2012 ที่หากว่าสาวก Apple คนไหนอยากเห็น iPhone 5 (ไอโฟน 5) หรือ ไอแพด 3 (iPad 3) เป็นว่าที่แพลตฟอร์มเกมส์แห่งอนาคตแทนที่เครื่องเล่นเกมส์พกพาเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น PlayStation Vita จากค่าย Sony หรือ Nintendo 3DS ก็คงจะต้องติดตามอ่านข่าวนี้กันให้ดี หลังจากที่ล่าสุดดูเหมือนว่า Apple อาจจะทำการอัพเกรด iPhone 5 (ไอโฟน 5) และ ไอแพด 3 (iPad 3) ให้สามารถรองรับกราฟฟิกในการเล่นเกมส์ได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 20 เท่าด้วยกัน





โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาบริษัท Imagination Technologies บริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดในตระกูล PowerVR Series 6 GPU

ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟฟิกที่จะมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน
หน้านี้ถึง 20
เท่าและจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมส์บนอุปกรณ์พกพาที่สมจริงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งความสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า Apple นั้นถือหุ้นใหญ่อยู่ในบริษัท Imagination Technologies แถมอุปกรณ์ iDevice ต่างไม่ว่าจะเป็น iPad, iPhone, iPod Touch และ Apple TV ต่างก็ใช้งาน GPU ในตระกูล PowerVR กันทั้งหมดอยู่แล้วด้วย (G6200 และ G6400)

ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยหากทั้ง iPhone 5 (ไอโฟน 5) และ ไอแพด 3 (iPad 3) จะเลือกใช้งานหน่วยประมวลผลกราฟฟิก PowerVR Series 6 GPU ที่ว่ามานี้ด้วย ซึ่ง TechXcite ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากนำมาบวกเข้ากับชิปเซ็ต Quad Core CPU อย่าง Apple A6 ที่ตกเป็นข่าวกับทั้ง iPhone 5 (ไอโฟน 5) และ ไอแพด 3 (iPad 3) ก่อนหน้านี้จะยิ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการเล่นเกมส์บนอุปกรณ์จาก Apple เหล่านี้ให้ทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิมถึงขนาดไหนกันแน่!



บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite
ที่มา: bgr




 

Create Date : 16 มกราคม 2555   
Last Update : 16 มกราคม 2555 8:15:58 น.   
Counter : 1774 Pageviews.  

Review: Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus แท็บเล็ตตัวเล็กสเปคแรง แจ่มทั้งเล่น ทั้งโทร !!

Review: Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus แท็บเล็ตตัวเล็กสเปคแรง แจ่มทั้งเล่น ทั้งโทร !! ตอนที่ 1

เคย
คิดบ้างไหมครับว่า การพกแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ๆ
เนี่ยมันค่อนข้างลำบากเหมือนกันนะ เพราะบางทีเราเองก็อยากจะพกพาอะไรง่ายๆ
ไม่อยากแบกกระเป๋าพะรุงพะรัง อยากไปเที่ยวแบบมือว่างๆ
เสื้อยืดกางเกงยืนธรรมดาๆ บ้างอะไรบ้าง
เผื่อบางทีการไปนั่งรอเพื่อนที่นัดไว้
หรืออยู่บนรถไฟฟ้าก็อยากจะหาอะไรเล่นฆ่าเวลา
จะให้มานั่งเพ่งจอมือถือจอเล็กๆ ก็ปวดตาอีก แต่ถ้าพกแท็บเล็ตเครื่องใหญ่ๆ
มา ก็ต้องลำบากพกโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง ลำบากเข้าไปใหญ่
ดังนั้นทางผู้ผลิตแท็บเล็ตจึงเล็งเห็นว่า
ยังมีตลาดของผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตหน้าจอไม่ใหญ่มาก
และยังสามารถโทรเข้าออกได้อีกด้วย อย่างเช่น Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus
ตัวใหม่ล่าสุดที่ทาง TechXcite
จะมารีวิวให้ท่านทราบกันในวันนี้ครับว่ามันดีไม่ดีอย่างไรกันบ้าง
ยังไงก็ขอขอบคุณทาง Samsung ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ที่ส่งแท็บเล็ตตัวแรงตัวนี้มาให้ทางเราได้ทดสอบกัน




มาพูดถึงสเปคคร่าวๆ ของเจ้า Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus กันดีกว่าครับ
เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย โดยแท็บเล็ตเครื่องนี้มีหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7
นิ้ว แบบ PLS LCD ความละเอียด 1024x600 พิกเซล มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 345
กรัม ซึ่งก็ถือว่าหนักกว่ามือถือสมาร์ทโฟนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนความหนาของตัวเครื่อง อันนี้ก็สำคัญ
เพราะบางคนจะชอบอุปกรณ์ที่มีความบางเป็นพิเศษ โดยเจ้า Tab 7.0 Plus
นี้มีความหนาอยู่ที่ 9.96 มิลลิเมตร พอๆ กับมือถือทั่วๆ ไป




ส่วนทางด้านสเปคนั้น Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus นี้จะถูกอัพเกรด CPU
จากตัว Tab 7.0 ตัวแรกมาเป็น CPU แบบ Dual-Core Samsung Exynos ความเร็วถึง
1.2GHz ทำงานร่วมกับแรม 1GB ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 3.2 Honeycomb
พร้อมกับยูสเซอร์อินเตอร์เฟส TouchWiz UX ใหม่ล่าสุด
โดยตัวที่เราได้มารีวิวนี้ เป็นรุ่น 3G (ใช้ได้ทั้ง 3 เครือข่าย) + WiFi
หน่วยความจำขนาด 16GB (อีกรุ่นเป็น 32GB) แต่ไม่ต้องซีเรียสครับ
เพราะว่าแท็บเล็ตเครื่องนี้สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย microSD Card
ครับ ไม่เหมือนกับอีกบางยี่ห้อที่เพิ่มไม่ได้




จริงอยู่การจะรักใครชอบใคร เราไม่ควรมองกันที่หน้าตาภายนอก
แต่นี่มันไม่ใช่่คนครับ และอีกอย่างจะให้มาแกะแท็บเล็ตเครื่องนี้ดูภายใน
ผมอาจจะโดนทาง Samsung บ้องหูเอาได้
ดังนั้นเรามาดูกันที่ดีไซน์กันก่อนดีกว่าครับ :3

ดีไซน์ของ Samsung
Galaxy Tab 7.0 Plus นี้มีดีไซน์ที่ค่อนข้างคล้ายกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ของ
Samsung เองครับ ซึ่งเป็นดีไซน์เรียบหรู คลาสสิคอย่างที่เห็นในภาพ
บางท่านอาจมีคำถามว่า "แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า Samsung Galaxy Tab 7.0
Plus นี้มันแตกต่างกับแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้วตัวเก่าอย่างไร" สังเกตุดีๆ
นะครับว่าเจ้าตัวรุ่นใหม่นี้จะไม่มีปุ่มใดๆ เลยที่ด้านหน้า
แต่จะมีปุ่มพวกปุ่ม Back, Home, Recent Apps, และปุ่มพิเศษคือปุ่ม Screen
Capture ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแท็บเล็ต Android Honeycomb ครับ
ส่วนแท็บเลตตัวเก่านั้นสามารถดูได้ที่รูปถัดไปครับ




ภาพนี้เป็น Samsung Galaxy Tab 7.0 ตัวเก่าครับ ซึ่งแท็บเล็ตตัวนี้จะใช้
Android 2.x ครับ ซึ่งเป็น Android ตัวเดียวกับที่ใช้บนมือถือ
ทำให้ยังต้องมีปุ่มต่างๆ อยุ่บนตัวเครื่องด้วยครับ

ส่วนข้อแตกต่าง
อื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องของปุ่มความคุมเสียง, ช่องใส่ซิม, ช่องใส่เมม และปุ่ม
Power ครับ ที่ในตัว Tab 7.0 ตัวเก่า ที่จะรวมอยู่ที่ฝั่งเดียวกันทั้งหมด
ส่วน Tab 7.0 Plus นั้นจะแยกฝั่งกัน
และจุดที่แตกต่างที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ Tab 7.0 Plus ตัวใหม่ จะมีโลโก้
Samsung ที่ด้านหน้านั้นจะอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเก่าจะมีโลโก้อยู่ด้านบนครับ
ลองเลื่อนเมาส์ขึ้นไปดูได้ที่สองภาพด้านบนครับ





มาดูเครื่องทางด้านขวากันครับ




ด้านนี้จะประกอบไปด้วยปุ่ม Power ที่ด้านขวาสุด ถัดมาจะเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียงครับ




ถัดจากปุ่มเสียง ตรงนี้สำคัญครับ
เจ้าบริเวณสีดำๆ นี้จะเป็นส่วนของช่องปล่อยสัญญานอินฟราเรดครับ
แต่จะใช้ทำอะไรนั้นยังไม่บอกครับ ติดตามได้ตอนต่อไปครับ TechXcite
ทดลองใช้แล้ว เยี่ยม!!




ต่อไปมาดูทางด้านซ้ายกันบ้าง




ทางด้านนี้จะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด และ microSD Card ครับ





ด้านบนก็โล่งๆ ครับ มีเพียงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. เท่านั้น




ส่วนด้านล่าง มีลำโพงแบบ Stereo สองตัว
ให้เสียงชัดใส ตามสไตล์ Samsung ถัดไปเป็นรูไมค์
สำหรับการสนทนาโทรศัพท์นะครับ ถัดไปก็เป็นช่องสารพัดนึกของทาง Samsung
ที่ใช้ได้ทั้งเสียบเพื่อรับส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
และเสียบเพื่อชาร์ตไฟครับ (ที่ทาง Apple เคยฟ้อง Samsung ว่าลอกครับ)




ส่วนด้านหน้านี้ก็โล่งๆ อีกเช่นกัน
มีเพียงช่องวัดแสงที่ใกล้ๆ กับลำโพงสนทนา และสีขาวๆ ที่เห็นในภาพ
นั้นเป็นกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านครับ




มาดูหลังขาวๆ ของสาวเกาหลีกันบ้างครับ ^^




ด้านบนก็จะมีกล้องหลัง ความละเอียด 3
ล้านพิกเซล มีระบบ Auto Focus มาพร้อมไฟแฟลช LED สำหรับถ่ายภาพ
และวีดีโอในที่แสงน้อย ส่วนเรื่องคุณภาพของภาพถ่ายนั้น
ได้เดี๋ยวได้ชมกันแบบจัดหนักในตอนถัดไปแน่นอนครับ




ด้านล่างก็โลโก้บอกว่าเครื่องนี้เป็นเครื่อง 3G WiFi ความจุ 16GB




ว่าแล้วก็ลองเอาเจ้า Samsung Galaxy Tab 7.0
Plus มาชักภาพหมู่ร่วมกับเพื่อนๆ ชาว Galaxy อย่าง Samsung Galaxy Note และ
Galaxy Tab 10.1 โดยในส่วนของ Samsung Galaxy Tab 10.1 นั้นทาง TechXcite
ได้ทำการรีวิวกันไปแล้ว แต่เจ้าหน้าใหม่อย่าง Galaxy Note นั้น แฟนๆ
TechXcite จะได้เห็นกันแน่นอนครับ เร็วๆ นี้ ^^




รักใครชอบใครก็จัดกันไปได้ครับ ตามแต่ชอบเลย ส่วนอยากให้ทาง TechXcite แน่ะนำ หรือเปรียบเทียบตัวไหน อย่างไร ก็โหวดกันเข้ามาได้ครับ smile




จับมานอนเรียงซ้อนกันทั้งสามตัว
โดยตัวบนสุดเป็น Samsung Galaxy Note ตามมาด้วย Tab 7.0 Plus และ Tab 10.1
ครับ ดูๆ ด้วยตาเปล่าแล้วจะรู้สึกว่าแต่ละเครื่องนั้นหนาเท่าๆ กัน
แต่ถ้าให้เทียบกันจริงๆ แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่า Tab 7.0 Plus
(9.96 มม.) นั้นหนาสุดในกลุ่ม ตามมาด้วย Galaxy Note (9.65 มม.)
และผู้ที่รับตำแหน่งบางสุดคือ Galaxy Tab 10.1 (8.6 มม.) ครับ




คงมีคนสงสัยเหมือนผมนะครับว่า "ถ้าหากว่า Tab
7.0 Plus เป็นแท็บเล็ตที่โทรศัพท์ได้ แล้วมันจะไม่ทับไลน์กับ Galaxy Note
เหรอ และมีราคาที่ห่างกันอยู่พอสมควร" โดยที่ตัว Galaxy Tab 7.0 Plus
นี้มีราคาเปิดมาอยู่ที่ 15,900 บาท ส่วน Galaxy Note นี้มีราคาอยู่ที่
22,900 บาท ที่ทำให้ Galaxy Note มีราคาสูงกว่านั่นก็เป็นเพราะว่า
หน้าจอที่สวยกว่า ทั้งสีสันและความละเอียดที่เหนือกว่าแบบ Super AMOLED HD
ทั้งๆ ที่มีตัวเครื่องขนาดเล็กกว่า, ความเร็ว CPU ที่สูงกว่า, กล้อง 8 ล้าน
พร้อมสามารถมารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ Full HD
และที่สำคัญยังสามารถใช้งานร่วมกับปากกาสุดเท่
ที่สามารถเขียนหน้าจอได้ถนัดมือ ตรงนี้คงต้องเลือกเอาตามความชอบ
และความเหมาะสมของแต่ละคนนะครับว่าชอบแบบไหน ^^




ว่าแล้วก็เอาเครื่องลองใส่ในกระเป๋าดูหน่อยครับว่าจะใส่ได้หรือไม่




ลองใส่เข้าไปให้ลึกสุดกระเป๋ากางเกงยืน
(ผู้ชาย) ก็สามารถใส่ได้นะครับ
แต่จะมีส่วนของตัวเครื่องโพล่ออกมานิดหน่อยอย่างที่เห็น
แต่ก็ยังสามารถเดินเหินได้สะดวก (สำหรับกางเกงผมนะ
ถ้าขาเดฟหน่อยคงลำบากนิดนึงครับ) เอาเป็นว่า ถ้ากางเกงไม่ฟิตมาก
ก็สามารถพกพาแทนมือถือกันได้แบบเท่ๆ อย่างที่เห็นกันในภาพครับ




นี้เป็นภาพหน้าจอขณะใช้โทรศัพท์ กดหมายเลขนะครับ






ถ้าเป็นผู้ชายใช้ ก็ออกจะเต็มไม้เต็มมือดีอย่างที่ป๋าเอกของเราถือในภาพนะครับ สำหรับผู้ชายถือว่าโอเค


ส่วนถ้าเป็นผู้หญิง
เวลาถือโทรก็จะเป็นอย่างพี่ณัฐ AE สาวสุดสวยประจำ TechXcite ในภาพครับ
ดูแล้วออกจะไม่ถนัดซักหน่อย แต่ก็ใจรักเจ้าตัวนี้จริงๆ ก็แก้ได้ไม่ยากครับ
เพียงแค่เสียบสาย Small Talk หรือใช้ Bluetooth Headset แทนก็ได้ครับ
เท่ไปอีกแบบ




เอาเป็นว่าวันนี้เอาแบบว่าพอหอมปากหอมคอกัน
แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ สำหรับการรีวิว Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus
ในตอนที่ 1 ที่ว่ากันที่เรื่องของดีไซน์กันแบบจัดหนักจัดเต็มเช่นเคย
ยังไงก็ขอจบการรีวิว Tab 7.0 Plus ในตอนแรก
ด้วยแบบหนังเกาหลีแบบด้านล่างนี้เลยนะครับ ยังไงก็เช่นเคย
ถ้าหากว่าใครต้องการรู้สเปค หรืออยากให้ผมทดสอบอะไรให้เป็นพิเศษ
ลองโหวตกันมาดได้ระครับ TechXcite ยินดีรับใช้ครับ




ติดตามการรีวิว Samsung Galaxy Tab 7.0 Plus
แบบจัดหนักกับผม เฮียณัฐ TechXcite ในตอนต่อไปได้ที่นี่เร็วๆ นี้ครับผม
วันนี้ขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ



credit //hitech.sanook.com/945101/review-samsung-galaxy-tab-7.0-plus-%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1/




 

Create Date : 13 มกราคม 2555   
Last Update : 13 มกราคม 2555 7:49:07 น.   
Counter : 4526 Pageviews.  

กล้องดิจิตอล บน สมาร์ทโฟน ที่ดีที่สุดในปี 2011

กล้องดิจิตอล บน สมาร์ทโฟน ที่ดีที่สุดในปี 2011 อยากถ่ายรูปสวยๆ ต้องเล็งรุ่นไหนบ้าง ไปดูกัน


เมื่อกล่าวถึงตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
นอกจากจะมีการแข่งขันในเรื่องของความสามารถ และประสิทธิภาพในการใช้งาน
โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลแล้ว อีกหนึ่งส่วนประกอบที่สำคัญ ที่ถือว่า
เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคนั้น ก็คือ
กล้องดิจิตอลในตัวเครื่องนั่นเอง ทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่า กล้อง
ถ่ายรูปบนสมาร์ทโฟนนั้น ถึงแม้จะยังไม่สามารถเทียบเท่ากล้องโปรได้
แต่ความสามารถบางอย่างแทบจะไม่แตกต่างจากกล้องคอมแพคมากเท่าไหร่นัก
หลายท่านมักจะเลือกใช้กล้องจากสมาร์ทโฟน มากกว่าที่จะแบกกล้องแบบหนักๆ เนื่องจากฟังก์ชั่นบางอย่างสามารถใช้งานทดแทนกันได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่า White Balance, ปรับความคมชัด หรือแม้แต่ฟังก์ชั่นการแก้ตาแดง ซึ่งคุณภาพที่ได้แทบจะไม่แตกต่างกันเลย




ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์ mobile-review จึงได้ทำสมาร์ทโฟน หลากรุ่น หลายยี่ห้อ มาทำการทดสอบคุณภาพของภาพที่ได้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นที่จะนำมาทดสอบนั้น ได้แก่


1. Apple iPhone 4 ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล
2. Apple iPhone 4S ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
3. HTC Sensation ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
4. HTC Titan ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
5. Nokia N8 ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล
6. Nokia N9 ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
7. Samsung Galaxy Note ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
8. Samsung Galaxy S II ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล
9. Sony Ericsson Ray ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล


แถมท้ายด้วยกล้องคอมแพคอีก 2 รุ่น นั่นคือ


11. Ricoh GR III Digital ความละเอียดอยู่ที่ 10.4 ล้านพิกเซล
12. Sony Alpha NEX-5 ความละเอียดอยู่ที่ 14.2 ล้านพิกเซล


เมื่อได้ผู้เข้าร่วมแข่งขันแล้ว ไปทดสอบกันเลยดีกว่าครับ


สถานการณ์ที่ 1: สภาพอากาศมีเมฆมาก









































ส่วนภาพด้านล่างนี้ อยู่ที่สภาวะเดียวกัน แต่ถ้าหากลอง crop ภาพดู จะเป็นเช่นไร




























สถานการณ์ที่ 2: ในที่มีแสงแดดจ้า


น่าเสียดายที่ขณะที่ทำการทดสอบนั้น สภาพอากาศมีเมฆปกคลุมเล็กน้อย ซึ่งการใช้งานในสภาพอากาศที่มีแสงแดดจริง อาจจะให้ผลที่แตกต่างกันไป


























ในส่วนของสีสันของแม่กุญแจ
ที่ภาพแต่ละภาพให้สีสันที่แตกต่างกันออกไปนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในการตั้งค่า
White balance ในตัวเครื่องด้วยครับ


อีกหนึ่งการทดสอบ ก็คือ การถ่ายภาพที่เน้นการโฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่ง
และให้ฉากหลังเบลอ หรือที่ศัพท์ทางวงการกล้องเรียกว่า ฉากหลังละลาย
ลองมาดูกันว่า รุ่นใดจะถ่ายออกมาได้สวยกว่ากัน อย่างไรก็ดี
ผู้ทดสอบได้ทำการคอมเมนต์ว่า Nokia N8, Samsung Galaxy Note และ Samsung Galaxy S II ถือว่า ทำได้ดีครับ


























สถานการณ์ที่ 3: ในร่ม





















































สถานการณ์ที่ 4: ถ่ายภาพตัวอักษร


สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ได้เพิ่ม Sony Ericsson Xperia Ray เข้ามาร่วมทดสอบด้วย (หมายเหตุ: สำหรับภาพขนาดใหญ่ของ Sony Ericsson Xperia Ray ทางเว็บไซต์ mobile-review ไม่ได้ลงภาพขนาดจริงเอาไว้ให้)































เมื่อลอง crop ภาพจากรูปด้านบน จะได้ดังนี้































สถานการณ์ที่ 5: ถ่ายภาพใบหน้าคน































สถานการณ์ที่ 6: ถ่ายภาพในสตูดิโอ


































iPhone 4






iPhone 4S






Nokia N8






Nokia N9






Samsung Galaxy Note






Ricoh






HTC Sensation






Samsung Galaxy S II






Sony NEX-5






HTC Titan






Sony Ericsson Xperia Ray









 



ผลการวิเคราะห์ คุณภาพของภาพที่ได้ หลังจากทำการทดสอบ


หลังจากที่ทำการทดสอบถ่ายภาพแล้ว ผู้ทำการทดสอบนั้น ได้วิเคราะห์คุณภาพของภาพที่ได้ ดังนี้


1. Apple iPhone 4:
ภาพที่ได้ ถือว่า มีความคมชัดมาก และเก็บรายละเอียดของภาพได้ดี
ถึงแม้ว่า จะอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อยก็ตาม อย่างไรก็ดี ระบบ White
balance ยังถือว่า ทำได้ไม่ดีนัก
ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สภาวะที่มีแสงธรรมชาติ หรือในสถานที่ที่มีเมฆมาก
ภาพที่ได้จะออกมาเป็นโทนสีน้ำเงิน แต่ถ้าหากอยู่ในที่ร่ม
ภาพที่ได้จะออกมาเป็นโทนสีเหลือง


2. Apple iPhone 4S:
เมื่อเปรียบเทียบภาพที่ได้กับ Apple iPhone 4 ในสถานการณ์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น ภาพภายใต้แสงเทียน, แสงไฟ หรือในสถานที่ที่มีเมฆมาก พบว่า
Apple iPhone 4S ทำได้ดีกว่ามาก ยิ่งอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างด้วยแล้ว
จะได้ภาพที่เก็บรายละเอียดได้ดี อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า
การถ่ายภาพจะอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อย แต่สำหรับ Apple iPhone 4S แล้ว
พบว่า ภาพแทบจะไม่มี noise หรือถ้าหากมีก็น้อยมาก
เนื่องจากตัวกล้องมีระบบกำจัด noise นั่นเอง ซึ่งเมื่อสรุปโดยภาพรวมแล้ว
กล้องบน Apple iPhone 4S นั้น ถือว่า ทำได้ดีมากทีเดียว


3. HTC Sensation:
สำหรับภาพที่ได้จาก HTC Sensation นั้น ถือว่า
ได้ภาพที่คมชัดไม่ว่าจอแสดงผลจะอยู่ที่ความสว่างระดับใด เปอร์เซ็นต์ของ
noise ในสภาวะแสงน้อย ถือว่า อยู่ในระดับต่ำ เรียกได้ว่า
ถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็น ถ้าพูดถึงเรื่องสีสันของภาพที่ได้นั้น
ถือว่า เป็นสีแบบธรรมชาติๆ ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป อย่างไรก็ดี
สำหรับความคมชัดของขอบภาพนั้น ยังถือว่า ทำได้ไม่ดีนัก
แต่เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว ถือว่า คุณภาพที่ได้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้


4. HTC Titan:
สำหรับภาพที่อยู่เป็นจุดศูนย์กลาง หรือภาพที่ถูกโฟกัสนั้น ถือว่า
ชัดเจนมาก แต่ขอบภาพจะค่อนข้างเบลอ ส่วนระบบ White balance นั้น ถือว่า
ถูกตั้งค่ามาได้อย่างเหมาะสม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพภายใต้แสงเทียน
หรือแสงไฟเสียมากกว่า นอกจากนี้ สีสันของภาพที่ได้
ค่อนข้างตรงกับความเป็นจริง และดูเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ดี
เมื่อนำไปถ่ายภาพในที่ที่มีเมฆมาก ภาพที่ได้จะออกมาค่อนข้างจืด
ส่วนในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ระบบลด noise ของภาพ
ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง


5. Nokia N8:
สำหรับความคมชัดของภาพถ่ายนั้น เทียบเท่ากับกล้องทั่วๆ ไป
ซึ่งสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดี ทั้งภาพที่ถูกโฟกัส
และรายละเอียดอื่นๆ โดยรอบ แม้จะถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสว่างน้อยก็ตาม
อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องความถูกต้องของสี (Color rendition) นั้น
ยังถือว่า ทำได้ไม่ดีนัก เนื่องมาจากระบบ White balance
ที่มักทำให้ได้สีสันที่ผิดเพี้ยน แต่ถ้าหากนำไปถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสว่าง
ถือว่า ทำได้ดีทีเดียว


6. Nokia N9:
เมื่อเปรียบเทียบกับ Nokia N8 แล้ว ความคมชัดของภาพ และระบบ Auto White
balance นั้น ถือว่า ทำได้ดีกว่ามาก ซึ่งอาจจะมีการคำนวณค่าผิดพลาดไปบ้าง
แต่ก็ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม ภาพที่ได้ส่วนใหญ่นั้น
สีสันจะออกไปในโทนเย็นๆ โทนฟ้าๆ หรือน้ำเงิน


7. Samsung Galaxy Note: ภาพ
ที่ได้ถือว่า มีความคมชัดมาก แม้กระทั่งอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อย
อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy Note
อาจจะมีปัญหาในเรื่องของความถูกต้องของสีบ้าง อย่างเช่น ใต้แสงไฟ
จะได้ภาพออกโทนเหลืองอมชมพู ส่วนระบบ White balance
ถือว่ายังทำได้ไม่ดีนัก แต่สำหรับการถ่ายภาพในที่โล่งแจ้งนั้น ถือว่า
รุ่นนี้ทำได้ดีทีเดียว


8. Samsung Galaxy S II:
ภาพที่ได้จาก Samsung Galaxy S II นั้น จะออกไปในแนวเดียวกับ Samsung
Galaxy Note และมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบ White balance
ภายใต้แสงไฟเช่นเดียวกัน ในขณะที่การถ่ายภาพในที่โล่ง ถือว่า ทำได้ดี
ซึ่งภาพที่ได้ จะคล้ายๆ กับภาพจาก HTC Titan นั่นก็คือ
ขอบภาพจะเบลอเล็กน้อย


9. Sony Ericsson Xperia Ray:
สำหรับระบบ Auto White balance บน Sony Ericsson Xperia Ray นั้น
ถือว่าทำงานได้ดี แต่ความคมชัดของภาพ ยังอยู่ในระดับต่ำ
ถ้าหากใช้งานภายใต้คำว่า กล้องถ่ายรูปสำหรับโทรศัพท์มือถือ ยังถือว่า
กล้องบน Sony Ericsson Xperia Ray นั้น ทำได้ดีในระดับหนึ่ง


10. Ricoh GR III Digital: สำหรับ
Ricoh GR III Digital ผู้ทำการทดสอบ คอมเมนต์ว่า กล้องตัวนี้ ถือว่า
เป็นกล้องคอมแพคที่คุณภาพดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งถ้าสังเกตจากภาพที่ถูก
crop จะพบว่า ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีอยู่ ส่วนภาพถ่ายที่ได้นั้น
ถือว่า ได้ภาพที่คมชัด noise ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีระบบลด
noise นั่นเอง นอกจากนี้ ความถูกต้องของสี และ hue นั้น
ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี


11. Sony Alpha NEX-5:
สำหรับกล้องรุ่นนี้ อย่างแรกก็คือ ระบบ White balance
คำนวณค่าได้ผิดพลาด (สังเกตได้จากรูปที่ถ่ายในสตูดิโอ)
ซึ่งทำให้ภาพที่ได้นั้น ออกในโทนเหลือง แต่เรื่องรายละเอียด และ noise
นั้น ยังถือว่า อยู่ในเกณฑ์ดี การถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ก็ถือว่า
ทำได้ดีอีกเช่นกัน เนื่องจากได้ภาพที่คมชัด และ noise ของภาพน้อย
อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องระบบ White balance นั้น ถ้าหากเข้าไปตั้งค่าแบบ
Manual ภาพที่ได้ถือว่า ดีกว่าภาพที่ระบบตั้งมาให้เอง


สมาร์ทโฟนรุ่นใด ชัตเตอร์ภาพได้เร็วที่สุด


สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่ชัตเตอร์ได้เร็วที่สุดนั้น อันดับที่ 1 ก็คือ Sony Ericsson Xperia Ray
ตามมาด้วย Apple iPhone 4S, Nokia N9, สมาร์ทโฟนจาก Samsung, Apple iPhone
4 และสมาร์ทโฟนจาก HTC (หมายเหตุ:
ผู้เขียนไม่ได้นำกล้องคอมแพคมาจัดอันดับด้วย)


บทสรุป


สำหรับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้น
ส่วนใหญ่ภาพที่ได้มักจะนำไปโพสลงเว็บไซต์ Social Network ต่างๆ เช่น
Facebook หรือ Twitter ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมานั้น ไม่จำเป็นที่ต้องถ่ายได้ชัดเจน
เนื่องจากแอพพลิเคชั่นสำหรับกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ทโฟนนั้น
สามารถตอบโจทย์สิ่งที่เราต้องการได้แทบทุกอย่างนั่นเอง อย่างเช่น โปรแกรม
Instagram บน iPhone ที่สามารถใส่เอฟเฟกซ์ลงภาพได้มากมาย
ซึ่งทำให้ภาพธรรมดาๆ กลายเป็นภาพอาร์ตๆ ได้ทันที โดยเทคนิคหลักๆ สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพก็คือ หามุมกล้องสวยๆ แล้วนำมาปรับภาพ ใส่เอฟเฟกซ์ในภายหลังนั่นเอง


ขอบคุณการทดสอบจาก : mobile-review.com

นำเสนอบทความโดย : TMC Editor




 

Create Date : 12 มกราคม 2555   
Last Update : 12 มกราคม 2555 7:56:22 น.   
Counter : 1706 Pageviews.  

Sony Xperia S สมาร์ทโฟนตัวใหม่ สวมวิญญาณ PS1
















โซนี่เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Sony Xperia S จากงาน CES 2012
(Consumer Electronics Show 2012) เตรียมวางขายในช่วงไตรมาศแรกของปี 2012
นี้ (ไม่เกินเดิอนมีนาคม 2012) ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่า
ตอนนี้รุ่นนี้จะมีแต่โลโก้ของ Sony เท่านั้น เพราะโซนี่ได้ฮุบกิจกรรมหรือ
Take over ชื่อของ Ericsson
เข้าไปรวมในส่วนโทรศัพท์มือถือของโซนี่เรียบร้อยแล้ว

จุดเด่นของ
เจ้า Sony Xperia S นี้ก็คือรองรับการเล่นเกมจากเครื่อง PS1
ได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกันเครื่อง Xperia Play
แต่รูปร่างเป็นแบบสมาร์ทโฟนมากกว่า ใช้ระบบปฏิบัติการณ์แบบ Android 2.3
Gingerbread ซึ่งสามารถอัพเดตเป็นเวอร์ชั่น 4.0 ได้ภายหลัง ขนาดหน้าจอ 4:3
นิ้ว ความละเอียด 720p ความแรงซีพียู 1.5GHz dual-core processor กล้องขนาด
12 ล้านพิกเซล Exmor R camera sensor ที่ด้านหลัง ส่วนด้านหน้า 1.3
ล้านพิกเซล เมื่อเล่นเกม ps1 ทุกเกม หน้าจอทัชสกรีนจะมีปุ่มจอยแพดแบบ
Virtual ขึ้นมาให้ทันที

















ข้อมูลอ้างอิงและภาพจาก
//www.theverge.com/2012/1/9/2691628/sony-xperia-s
www.engadget.com




 

Create Date : 11 มกราคม 2555   
Last Update : 11 มกราคม 2555 7:38:12 น.   
Counter : 2009 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]