ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

DL Special: 10 อาการที่บ่งบอกว่าคุณไม่เหมาะกับ iPhone 5

iPhone 5 - หากความสวยงามของ iPhone 5 ทำให้คุณลังเล แต่ก็ยังมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจว่าจะเอาดีไม่เอาดี วันนี้เราจึงได้สรุปอาการบางอย่าง ที่อาจจะพอเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ต้องการ iPhone 5 จริงๆ จะมีอะไรบ้างนั้นลองมาดูกันเลยครับ

iPhone 5

1. คุณเป็นคนไม่ชอบรักษาของ

อย่างที่รู้กันดีว่า iPhone 5 นั้นทำมาจากอลูมิเนียมผิวด้าน ซึ่งวัสดุแบบนี้จะสามารถเป็นรอยได้ง่ายมากๆ เพียงแค่นำใส่กระเป๋าสะพายเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นอาจหมายถึงรอยขีดขวนอย่างชัดเจนประมาณ 2-3 รอยได้เลย ซึ่งทางแก้ก็คือรักษามันอย่างสุดชีวิต หรืออาจจะใช้อุปกรณ์เสริมจำพวกเคสและฟิล์มกันรอยรอบตัวมาติดให้ยุ่งยากกัน เข้าไปหน่อย ดังนั้นนี่คงไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับขาลุยแน่ๆ

2. คุณคิดว่า iPhone 4S น้ำหนักพอดีมืออยู่แล้ว

สิ่งหนึ่งที่สุดยอดมากๆ ใน  ก็คือน้ำหนักเครื่องที่เบามาก จนบางคนรู้สึกว่าเบาเกินไป ซึ่งจากที่เราได้ลองทดสอบใช้งานมาเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ก็ยอมรับตามตรงว่ายังไม่ถนัดกับน้ำหนักของตัวเครื่อง iPhone 5 ที่เบาเกินไปทำให้เวลาหยิบจับขึ้นมาใช้จะรู้สึกแปลกๆ และให้ความรู้สึกเหมือนไม่ทนทานเทียบกับรูปลักษณ์ที่เห็น ซึ่งหลายๆ คนคิดว่าน้ำหนักระดับ iPhone 4S ดูกระชับมือมากกว่า

3. คุณเป็นคนไม่ชอบรอ

ในขณะที่กำหนดการเปิดตัว iPhone 5 ในบ้านเรายังเงียบเป็นปริศนา บ้างก็ว่าปลายเดือนตุลาคม บ้างก็บอกต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ที่แน่ๆ หาก iPhone 5 เปิดตัวจริงๆ จังๆ เมื่อไหร่ เราจะได้เจอมหกรรมแห่งการต่อคิวซื้ออีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนจะทวีความนิยมมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก ซึ่งน่าจะทำให้คิวการสั่งซื้อและสั่งจองยาวมากกว่าเก่า โดยหากจะซื้อกันแบบง่ายๆ ก็น่าจะเลยไปถึงช่วงสิ้นปีหรือต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว

4. คุณไม่ได้เป็นคอเกม

หน้าจอที่ยาวขึ้นของ iPhone 5 ทำให้การใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ สะดวกขึ้นก็จริง แต่คงเถียงไม่ได้ว่าหน้าจออัตราส่วน 16:9 นั้นทำให้การเล่นเกมสนุกขึ้นมาก ซึ่งนี่น่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดของหน้าจอที่ยาวขึ้นบน iPhone 5 นอกเหนือจากประโยชน์ในการแสดงผลเว็บไซต์ ดังนั้นหากคุณเป็นหนึ่งคนที่มองว่าการเล่นเกมเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ไม่ได้ต้องการพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาสักเท่าไร จอที่ยาวขึ้นคงไม่มีผลอะไรกับคุณ

5. คุณไม่ชอบพกสายชาร์จหลายเส้นหรืออะแดปเตอร์

การเปลี่ยนไปใช้สาย Lightning สร้างประโยชน์มากมายให้กับคนที่ใช้ iPhone 5 เพียงเครื่องเดียว แต่หากคุณเป็นคนที่มีอุปกรณ์ iOS หลายเครื่องล่ะ? คุณอาจจำเป็นต้องพกสายชาร์จมากกว่าหนึ่งเส้นสำหรับการเดินทางไกล หรืออาจจะต้องมีอะแดปเตอร์แปลงหัว 30-pin เป็น Lightning ไปด้วยอีกชิ้น (ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มอีก) ซึ่งหากเป็นแต่ก่อนเรายังพอวัดดวงได้ว่าเพื่อนของเราจะเอาสายชาร์จไปด้วย หรือเปล่า (ซึ่งก็ไม่ดีเหมือนกัน) แต่คราวนี้ดูเหมือนคุณจะต้องพึ่งตัวเองสถานเดียวแล้ว

6. คุณมีอุปกรณ์เสริมของ iPhone 4/4S เยอะมาก

อุปกรณ์เสริมทั้งหลายที่คุณเคยซื้อมาใช้กับ iPhone 4/4S ไม่ว่าจะเป็นเคส, ลำโพง, อุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ โดยส่วนมากถ้าออกแบบมาให้พอดีกับรูปร่างของ iPhone 4/4S จะไม่สามารถใช้กับ iPhone 5 ได้ แน่นอนว่าเพราะรูปร่างของทั้งสองรุ่นนั้นแตกต่างกันพอประมาณ ทำให้อุปกรณ์บางอย่างก็แทบจะใช้ร่วมกันไม่ได้เลยต่อให้มีอะแดปเตอร์แปลงหัว เชื่อมต่อแล้วก็ตาม (เพราะตัวแปลงก็มีขนาดใหญ่พอสมควร) นั่นหมายความว่าถ้าคุณยังรักอุปกรณ์เสริมที่สำหรับใครบางคนแล้วมูลค่า มากกว่า iPhone 4S ทั้งเครื่องเสียอีก การเปลี่ยนเป็น iPhone 5 ก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักหน่อย

7. คุณเป็นคนนิ้วสั้น

เรื่องนี้ไม่ได้พาดพิงใครที่ไหนเพราะเกิดขึ้นกับตัวเองล้วนๆ โดยปรกติแล้ว iPhone 4S นั้นจะมีส่วนสูงที่พอดีกับนิ้วมือคนอยู่แล้ว และถึงแม้ใครจะนิ้วสั้นก็สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียวไม่ยาก แต่สำหรับ iPhone 5 ที่จอยาวขึ้นนั้นแน่นอนว่าตำแหน่งไอคอนหรือปุ่มต่างๆ ที่อยู่ด้านบนสุดนั้นจะลำบากในการกดด้วยมือเดียวพอสมควร ดังนั้นใครที่ติดนิสัยชอบใช้มือเดียวทั่วหน้าจอ คงต้องลำบากกันเสียหน่อย

8. คุณไม่ชอบจอสีสดเกินไป

หน้าจอของ iPhone 5 นั้นได้รับการปรับปรุงให้มีสีสันที่สดใสมากๆ แต่ในบางครั้งก็สดใสเกินไปจนดูแปลกตาไปเลยก็มี เช่นการแสดงผลสีเขียวที่มีความอิ่มตัวแบบสุดๆ จนให้ความรู้สึกเหมือนจอของสมาร์ทโฟนจากซัมซุงที่ขึ้นชื่อเรื่องจอสีสดอยู่ แล้ว ซึ่งหากเทียบกับจอของ iPhone 4S จะเห็นได้ชัดว่าจอแบบเดิมนั้นสีดูสบายตากว่า เพราะไม่แรงจนเกินไปนั่นเอง

9. คุณไม่อยากสูญเงินเดือนละหนึ่งพันบาท

จริงๆ อุปกรณ์ไอทีเกือบทุกชิ้นในโลกจะเสื่อมราคาลงตามระยะเวลาในการใช้งาน ซึ่ง iPhone ก็ไม่มีข้อยกเว้ย โดยจากค่าเฉลี่ย หากเราซื้อ iPhone 5 มาในราคาประมาณ 24,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปีจนถึงเวลาที่ iPhone 6 (นามสมมุติของ iPhone รุ่นใหม่) ออกวางจำหน่ายและเราก็อยากจะขายเครื่องเก่าและซื้อเครื่องใหม่ นั่นจะทำให้เราเสียเงินค่าเสื่อมราคาไปประมาณเดือนละ 1,000 บาท และยังไม่รวมถึงค่าอุปกรณ์เสริมและฟิล์มกันรอยที่ต้องซื้อใหม่หมดยกแผง ซึ่งอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนมีมากกว่าหนึ่งพันบาทก็เป็นไปได้

10. คุณเกลียดแอปเปิ้ล

หากสินค้าตราแอปเปิ้ลเป็นอะไรที่คุณรู้สึกไม่ถูกชะตา สินค้าก็ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้คุณคอยคิดลบใส่บริษัทตราผลไม้นี้ และ 9 ข้อที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เหตุผลหลักเท่าข้อนี้ นั่นหมายความว่า iPhone 5 ก็คงไม่เหมาะกับคุณเท่าไร ซึ่งตัวเลือกในตลาดดีๆ ก็มีอีกมากมายที่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่แพ้กัน


By @pondkungz
ตีพิมพ์ในนิตยสาร Digital Lifestyle ฉบับที่ 40 เดือนตุลาคม 2555




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2555   
Last Update : 26 ธันวาคม 2555 9:02:55 น.   
Counter : 1721 Pageviews.  

รอดีไหม? iPad mini รุ่นต่อไปอาจจะใช้ Retina Display?

เป็นข่าวมาได้ซักพักสำหรับ iPad mini ที่เริ่มมีการรายงานว่าจะมีการอัพเดทไปใช้ Retina Display ในรุ่นต่อไป ซึ่งสื่อที่รายงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นขาประจำเจ้าเก่าอย่าง Digitimes ที่มั่วบ้างตรงบ้างอยู่เป็นระยะๆ

สำหรับ iPad mini ปัจจุบันมีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1024 x 768 pixel ซึ่ง Digitimes ยังไม่ได้สรุปชัดเจนว่าความละเอียดหน้าจอระดับ Retina Display บน iPad mini นั้นจะเป็นการเบิ้ลความละเอียดเหมือนกับ iPad 3 หรือเปล่า

สำหรับความเห็นส่วนตัวในเรื่องนี้ ผมแอบกังวลเล็กๆ ว่า Apple จะยังคงแนวทางการกั๊กต่อไปอีกหนึ่งเสต็ป โดยหากลองคิดๆ ดูแล้ว การที่ Apple จะเปลี่ยนจอเป็น Retina Display อาจทำให้ต้องมีการออกแบบภายในของ iPad mini ใหม่ หรือไม่ก็ปรับปรุงเยอะพอสมควร ซึ่งโดยปรกติแล้ว Apple จะเลือกใช้ดีไซน์แบบเดิมๆ ซ้ำกันซักสองปีก่อนจึงจะเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ดังนั้นผมเลยคิดว่า iPad mini รุ่นใหม่น่าจะยังเป็นการนำเอา iPad mini เดิมมาอัพเดทสเปคให้เท่ากับ iPad 3 หรือ iPad 4 เท่านั้น ส่วนเรื่อง Retina Display อาจจะได้เห็นในรุ่นถัดไปอีกรุ่นแทนพร้อมดีไซน์ใหม่ด้วยเลย

นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวอีกว่า iPad 9.7″ ก็อาจจะได้รับการออกแบบใหม่ให้เบาลงได้อีก โดยจะมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีของหน้าจอทำให้ลดน้ำหนักได้อีกประมาณนึง และแน่นอนว่าน่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ด้วยเหมือนกัน



  • สนับสนุนเนื้อหา Thaimacupdate




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2555   
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 16:10:46 น.   
Counter : 2325 Pageviews.  

10 อันดับ Gadget แห่งปี 2012 จากนิตยสาร TIME

10 อันดับ Gadget แห่งปี 2012 จากนิตยสาร TIME

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก TIME

          เนื่องในโอกาสใกล้ถึงวันสิ้นปี 2012 นิตยสาร TIME จึงได้จัดอันดับ 10 อันดับ ของอุปกรณ์ Gadget แห่งปี 2012 ซึ่งก็มีทั้งอุปกรณ์ที่เราคุ้นเคยกันดี และอุปกรณ์ที่หลาย ๆ คนอาจไม่รู้จักหรือยังไม่เคยเห็นเลยก็ได้ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าในแต่ละอันดับนั้นมีอะไรบ้าง

10. Simple.TV

          อุปกรณ์ที่สามารถรับหรือบันทึกสัญญาณโทรทัศน์ช่องรายการต่าง ๆ เพื่อส่งผ่านไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถเชื่อต่ออินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ฯลฯ ให้คุณสามารถรับชมรายการโทรทัศน์ได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น


Simple.TV

9. Nest

          อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (Thermostat) ที่ใช้ในการควบคุมเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อน แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างไปจาก Thermostat ทั่วไป คือมันสามารถเรียนรู้อุณหภูมิที่เหมาะในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตประจำวันคุณได้ และจะทำการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งหากคุณทำการปรับอุณหภูมิในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง เจ้า Nest ก็จะจดจำเอาไว้และปรับอุณหภูมิให้ตรงความต้องการของคุณในครั้งต่อไป

Nest

8. Samsung Galaxy Note II

          สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จากซัมซุงที่มีจุดเด่นเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว มาพร้อมกับปากกาสไตลัส และแรม 2 GB ซึ่งเป็นที่สนใจในบรรดาผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก


Samsung Galaxy Note II

7. Microsoft Surface with Windows RT

          แท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของไมโครซอฟท์ที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ Touch Cover ที่ดูมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ถึงแม้จะได้รับความนิยมสู้แท็บเล็ตของแอปเปิลอย่าง iPad หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ไม่ได้ แต่ก็ได้รับความสนใจจากสาวก Windows และคนทั่วไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

Microsoft Surface with Windows RT

6. Apple 15-inch MacBook Pro with Retina display

          คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุดจากแอปเปิลที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Retina คมชัดสีสดสวยงาม สเปคแรง ดีไซน์หรู ดูทันสมัยราวกับเป็นโน้ตบุ๊กจากโลกอนาคต ที่ไม่อาจมีโน้ตบุ๊กรุ่นไหนในปีนี้สามารถเทียบเคียงได้


Apple 15-inch MacBook Pro with Retina display

5. Lytro

          นี่คือนวัตกรรมใหม่ของกล้องถ่ายรูป โดยเจ้ากล้อง Lytro นี้มีเซนเซอร์ที่เก็บทั้งภาพ, สีและแสงจากทุกทิศทาง เพื่อให้สามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสภายหลังจากกดชัตเตอร์ไปแล้วได้ โดยไม่จำเป็นต้องโฟกัสก่อนแล้วค่อยถ่ายภาพ สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก

Lytro

4. Raspberry Pi Model B

          คอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่ไม่มีหน้าจอ, เม้าส์ หรือคีย์บอร์ด (แต่สามารถนำมาต่อเองได้หากต้องการใช้) ราคาถูกกว่าคอมพิวเตอร์แบบปกติ เหมาะสำหรับใช้ในงานที่เน้นการประมวลผลเป็นหลัก


Raspberry Pi Model B

3. Sony Cyber-shot RX100

          กล้องคอมแพคระดับสูงจากโซนี่ที่มีขนาดเล็ก สามารถพกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งมีจุดเด่นที่เซนเซอร์รับภาพ Exmor CMOS ขนาด 1 นิ้ว สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงถึง 20.2 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ อีกมากมายที่ทำให้กล้องตัวนี้มีคนเล่นกล้องให้ความสนใจกันมากมาย

Sony Cyber-shot RX100

2. Nintendo Wii U

          เครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ล่าสุดจากนินเทนโด ที่มีจุดเด่นคือคอนโทรลเลอร์ (ที่หลายคนเรียกกันว่าจอย) มีลักษณะคล้ายแท็บเล็ตที่มีปุ่มควบคุมอยู่ด้วย สำหรับใช้ควบคุมเกมและใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ซึ่งกราฟฟิกของเกมนั้นมีการพัฒนาขึ้นจากเครื่องรุ่นก่อน (Wii) พอสมควร รองรับภาพความละเอียดระดับ HD พร้อมด้วยเกมต่าง ๆ ที่มีให้เลือกเล่นหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวแคชชวลหรือฮาร์ดคอร์ ที่เกมเมอร์ทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจกันมากมาย


Nintendo Wii U

1. Apple iPhone 5

          สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากแอปเปิลที่เหล่าสาวกแอปเปิลและผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจกันมากที่สุด โดยมาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen 16:9 ขนาด 4 นิ้ว รวมทั้งการทำงานที่รวดเร็วขึ้น และน้ำหนักเบากว่าเดิม พร้อมทั้งรับสัญญาณ LTE (4G) และคุณสมบัติอื่น ๆ ตามมาตรฐานของไอโฟนที่ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้ได้อย่างไม่น่าสงสัย

Apple iPhone 5

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับทั้ง 10 อันดับ Gadget แห่งปี 2012 ที่ทางนิตยสาร TIME ได้จัดอันดับออกมา มีอันดับไหนตรงใจท่านบ้างรึเปล่าเอ่ย...




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2555   
Last Update : 18 ธันวาคม 2555 8:41:24 น.   
Counter : 1823 Pageviews.  

เปิดตัว OPPO Find 5 มือถือหน้าจอ Full HD พร้อมกล้อง 13 ล้าน

OPPO Find 5
OPPO Find 5

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Engadget

          ฤกษ์งามยามดีวันที่ 12/12/2012 ค่ายมือถือชื่อดังจากจีนอย่าง OPPO (ออปโป้) ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ OPPO Find 5 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 4.1.2 Jelly Bean ที่มาพร้อมหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1080p Full HD (441 PPI) และมีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์กล้องที่เรียกว่า Stacked CMOS Sensor ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์กล้องรูปแบบใหม่ที่ตอบสนองความไวต่อแสงได้เป็นอย่างดี ส่วนสเปคด้านอื่น ๆ มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง มาติดตามกันเลย

OPPO Find 5
OPPO Find 5

OPPO Find 5
OPPO Find 5

OPPO Find 5 มาพร้อมขุมพลังซีพียู Snapdragon S4 Pro APQ8064 Quad-Core 1.5GHz, แรม 2GB มีหน่วยความจำภายใน 16GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 5 นิ้ว แบบ Full HD (441 PPI) ที่มีความละเอียด 1080×1920 พิกเซล แสดงผลดีกว่า iPhone 5 ถึง 35% ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1.2 Jelly Bean ด้านกล้องถ่ายภาพมีความละเอียดถึง 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Stacked CMOS sensor with HDR ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพย้อนแสงแล้วภาพไม่มืดและสามารถถ่ายภาพพร้อมกับบันทึกวิดีโอได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนกล้องด้านหน้ามีความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล และมีแบตเตอรี่ความจุ 2500mAh นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางด้วยระบบ Dirac HD ซึ่งเป็นระบบเสียงที่ไม่เคยมีมาก่อนบนมือถือ เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงเอามาก ๆ รับรองเสียงดังกระหึ่มแน่นอน

OPPO Find 5
OPPO Find 5

OPPO Find 5
OPPO Find 5

OPPO Find 5
OPPO Find 5

OPPO Find 5
OPPO Find 5

สเปคเบื้องต้นของ OPPO Find 5

  ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1.2 Jelly Bean
  ซีพียู Snapdragon S4 Pro APQ8064 Quad-Core 1.5GHz, แรม 2GB
  รองรับ 3G ความถี่ 850/1700/1900/2100MHz และ 2G ความถี่ 850/900/1800/1900MHz
  หน่วยความจำภายใน 16GB และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้
  หน้าจอขนาด 5 นิ้ว 1080p Full HD (441 PPI)
  กล้องถ่ายภาพด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม Stacked CMOS sensor with HDR
  กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล
  เชื่อมต่อ Wi-Fi, Wi-Fi Direct, Bluetooth และ NFC
  ระบบเสียง Dirac HD
  คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น GPS, Wi-Fi Display, DLNA, Gyroscope, Digital compass, Microphone และ Sensors
  อุปกรณ์ที่แถมมากับตัวเครื่องมี Power adapter, USB Cable และ Headphones
  แบตเตอรี่ 2500mAh

          ทั้งนี้ OPPO Find 5 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2,998 หยวน ($480) หรือประมาณ 15,000 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเดือนมกราคมปี 2556 ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูล หากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมเราจะกลับมารายงานให้ทราบกันอีกครั้ง







 

Create Date : 17 ธันวาคม 2555   
Last Update : 17 ธันวาคม 2555 8:41:01 น.   
Counter : 2335 Pageviews.  

WP8 อันไหนสวยสุด




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2555   
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 8:38:47 น.   
Counter : 1845 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]