เก๋นะ! เครื่องแปลงไฟล์เพลงในเทป สำหรับไอโฟนและไอพอด ทัช เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hammacher.com           เชื่อว่าคนจำนวนมากในสมัยนี้น่าจะลืม (บางคนอาจไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ) เจ้าเครื่องเล่นเทปแบบพกพายอดนิยมในสมัยก่อนกันไปบ้างแล้ว เพราะปัจจุบันคนนิยมหันมาฟังเพลงจากไอโฟน ไอพอด ทัช หรือกระทั่งเครื่อง MP3 ซะมากกว่า เพราะนอกจากตัวเครื่องจะเล็กและบางกว่าแล้ว ยังจุเพลงได้เยอะอีกต่างหาก           แต่ บอกตามตรงบางครั้งเราก็อดนึกถึงความคลาสสิคของเครื่องเล่นเทปแบบพกพาเอาไว้ ไม่ได้ ซึ่งก็มีคนที่คิดแบบเดียวกับผมอยู่อีกไม่น้อย จนมีบริษัทแห่งหนึ่งได้ดึงเอาไอเดียของสินค้ายอดนิยมในอดีตดังกล่าว มาปรับแต่งให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสมัยนี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวนั่นก็ คือ เครื่องแปลงไฟล์เพลงในเทป สำหรับไอโฟนและไอพอด ทัช           โดยเครื่องแปลงไฟล์เพลงชิ้นนี้เป็นสินค้าของร้าน Hammacher Schlemmer ที่ได้ผลิตเครื่องแปลงไฟล์เพลงจากเทปคาสเซ็ต มาเป็นไฟล์ MP3 เพื่อโอนถ่ายลงไอโฟนหรือไอพอด ทัช ซึ่งผู้ใช้งานเพียงแค่เอาเทปคาสเซ็ตของศิลปินคนโปรดตั้งแต่สมัยยังไม่มีการ ผลิตเป็นซีดีใส่ลงในช่องใส่เทป จากนั้นนำไอโฟนหรือไอพอด ทัช มาใส่ในช่องอีกด้านนึง เพื่อเตรียมโอนถ่ายเพลงจากเทปลงเครื่อง แล้วกดปุ่ม Play เป็นอันเข้าสู่กระบวนการแปลงไฟล์เรียบร้อย           ทั้ง นี้ หากว่าต้องการฟังเพลงไปในระหว่างทำการแปลงไฟล์เพลง คุณก็สามารถนำหูฟังมาเสียบเข้าที่เครื่องแปลงไฟล์แล้วฟังเพลงไปด้วยได้เช่น กัน ถ้าเพลงไหนที่คุณไม่ต้องการดึงข้อมูลลงไอโฟนหรือไอพอด ทัช คุณก็เพียงแค่กดปุ่ม Forward หรือ Reverse เลือกเพลงที่ต้องการ แล้วค่อยกดปุ่ม Play เพื่อทำการแปลงไฟล์เพลงนั้นก็ได้ พูดง่าย ๆ ก็เหมือนการใช้งานเครื่องเล่นเทปแบบพกพาในสมัยก่อนนั่นแหละ           ไม่เพียงแค่นั้นเข้าเครื่องแปลงไฟล์ยังสามารถแปลงไฟล์ลงสู่เครื่อง คอมพิวเตอร์ ผ่านซอฟท์แวร์ Windows 7, XP, Vista หรือ Mac ก็ได้ โดยที่คุณไม่ต้องไปดาวน์โหลดเพลงแบบผิดกฎหมายอีกด้วย (แต่มีข้อแม้ต้องมีเทปของศิลปินคนนั้นด้วยนะ)           สำหรับ เครื่องแปลงไฟล์เพลงทรงเครื่องเล่นเทปชิ้นนี้ สนนราคาจำหน่ายในราคา 80 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 2,400 บาท) ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ hammacher.com ได้เลยนะครับ   Create Date : 25 กันยายน 2555     0 comment Last Update : 25 กันยายน 2555 8:28:09 น.     Counter : 1849 Pageviews.   Share Tweet

Lightning connector : สายเชื่อมต่อแบบใหม่ กับปัญหาใหญ่ที่ Apple คาดไม่ถึง [18-กันยายน-2555] จากงานเปิดตัว iPhone 5 (ไอโฟน 5) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเราจะได้เห็น iPhone 5 (ไอโฟน 5) ที่มีการออกแบบที่เปลี่ยนไปแบบ minor change แล้ว ยังได้เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อแบบใหม่ จากเดิม 30-pin เหลือ 9-pin พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ จากเดิม Dock connector เป็น Lightning connector ครับ ปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ครับว่า iPhone นั้น เป็นสินค้าที่มีอุปกรณ์เสริมเยอะที่สุด หลากหลายที่สุดในวงการสมาร์ทโฟน เห็นได้จากอุปกรณ์เสริมที่ผุดราวกับดอกเห็ด ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ตามใจชอบ แน่นอนครับว่า การเปลี่ยน Dock connector เป็น Lightning connector จากเดิม 30-pin เหลือ 9-pin นี้ ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างแน่นอน อันที่จริงแล้ว การเปลี่ยนจากพอร์ตแบบ 30-pin มาเป็น 9-pin นี้ ด้วยเหตุผลทางเทคนิคถือว่า เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะนอกจากจะช่วยให้ตัวเครื่องบางลงได้แล้ว การส่งข้อมูลยังรวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย แต่ปัญหาก็คือ Apple เปลี่ยนมาใช้ช้าเกินไป อย่าลืมนะครับว่า iPhone รุ่นแรกนั้น เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 และใช้ Dock connector แบบนี้มาตลอด ไม่ใช่เฉพาะ iPhone เท่านั้น แต่รวมถึงผลิตภัณฑ์ในตระกูล iPods ด้วย นอกจากนี้ ปัจจุบันมีคนใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เป็นจำนวนมาก แค่ iPhone รุ่นเดียว ก็เกิน 30-40 ล้านคนเข้าไปแล้ว ฉะนั้น การเปลี่ยน Dock connector แบบหักดิบ ย่อมมีผลกระทบในวงกว้างครับ แม้ว่า Apple จะเปิดตัวหัวแปลง หรือ Lightning to 30-pin Adapter ออกมา แต่จากการพิสูจน์และทดลองใช้ พบว่า ไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้ทุกประเภท คือ ตอบโจทย์ แต่ไม่ครอบคลุมนั่นเอง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของ Dock connector มาเป็น Lightning connector คือ การลดจำนวนขาการเชื่อมต่อลง จากเดิม 30 ขา หรือ 9 ขา ซึ่งขาที่ถูกตัดออกไปนั้น การส่งสัญญาณภาพและเสียง หรือ iPod output ฉะนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อนี้ เช่น เครื่องเสียงในรถยนต์ ที่ต้องใช้ iPod output ในการกดค้นหาเพลงผ่านเครื่องเสียงบนรถยนต์ พอโดนตัดออกไป ก็จะไม่สามารถใช้งานได้แล้วครับ แม้ว่าจะมี Adapter มา ก็ไม่สามารถแก้ไขในจุดนี้ได้ เนื่องจากรายละเอียดของ Lightning to 30-pin Adapter บนเว็บไซต์ Apple ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "Video output not supported" นอกจากนี้ อุปกรณ์เสริม 30-pin บางอย่าง ก็ไม่รองรับด้วย ใครได้ประโยชน์จากการเปลี่ยน Dock connector มาเป็น Lightning connector? คนแรกที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือ Apple ครับ เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีรายได้จากการขาย Lightning to 30-pin Adapter อยู่แล้ว (ราคา $30 ในไทยขาย 1,090 บาท) ส่วนอีกคนก็คือ ผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายอุปกรณ์เสริมครับ เชื่อได้เลยว่า ก่อนหน้าที่ iPhone 5 จะเปิดตัว ทางฝั่งผู้ผลิตคงได้ทราบข่าวการเปลี่ยนแปลงกันมาบ้างแล้ว ฉะนั้น การเตรียมผลิตของใหม่จึงไม่ใช่เรื่องยาก กลับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่จะได้ขายของใหม่ๆ ซึ่งไม่แน่ว่า อาจจะผลิตเสร็จ มีของในสต็อกเรียบร้อยแล้วก่อน iphone 5 จะเปิดตัวก็ได้ครับ ซึ่งสำนักข่าวดังอย่าง New Yorks Times เชื่อว่า Lightning connector จะช่วยทำให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมกว่า 100 แห่งทั่วโลก สามารถหารายได้จากจุดนี้ได้อย่างแน่นอน สุดท้ายแล้วคนที่เสียประโยชน์ ก็คือ ผู้ใช้งานอย่างเราๆ นั่นเอง อย่าลืมว่า อุปกรณ์ Apple นั้น เป็นแบบ ecosystem ครับ ผมเชื่อว่า คนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Apple นั้นกว่าร้อยละ 90 คงไม่มีใครซื้อเพียงแค่อย่างเดียวแน่นอน มี iPhone ก็ต้องมี iPad มี iPod หรือแม้แต่ MacBook, Apple TV ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ สามารถเชื่อมโยงกันได้ผ่าน iCloud นั่นเอง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจว่า เหตุใดเราเห็นคนเปิด MacBook ใช้อยู่ใน Starbucks จึงจะต้องมี iPhone วางขนาบข้างด้วย ใช่ว่าอุปกรณ์เสริมที่รองรับแบบ 30-pin จะขายไม่ได้นะครับ จริงๆ แล้วยังสามารถทำตลาดอยู่ได้ แม้จะได้รับผลกระทบบ้างก็ตาม --------------------------------------- รายละเอียดเพิ่มเติม : readwriteweb.com ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ จาก: Techmoblog   Create Date : 24 กันยายน 2555     0 comment Last Update : 24 กันยายน 2555 8:20:27 น.     Counter : 2539 Pageviews.   Share Tweet

จีนล้อเลียน iPhone5 ได้ฮาแบบสุดๆ หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำหรับ iPhone 5 ซึ่งดูเหมือนว่าชาวเนตจะจวกกันว่า ไม่มีอะไรใหม่นอกจากความยาวและบาง จึงทำให้ประเทศจีนนำเจ้า iPhone 5 มาล้อเลียนกันศะเรียกได้ว่า สร้างเสียงหัวเราะกันได้มากเลยทีเดียว iPhone 5 ลองมาดูกันดีว่าว่าไอเดียสุดฮาของจีนที่ล้อเลียน iPhone 5 จะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ที่มา: //www.chinasmack.com Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5 Longer iPhone 5     Create Date : 23 กันยายน 2555     0 comment Last Update : 23 กันยายน 2555 11:50:40 น.     Counter : 3367 Pageviews.   Share Tweet

OwnFone มือถือสุดจ๊าบ พร้อมปุ่มลัดทันใจ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก technabob.com อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันกำลังต่อสู้กันอย่างหนักเพื่อหาทางครองใจผู้บริโภคให้ได้ ทำให้เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นค่ายยักษ์ใหญ่หรือค่ายขนาดเล็ก ก็พยายามคิดรูปแบบของสมาร์ทโฟนให้แปลกและน่าสนใจมากขึ้นไปด้วย ซึ่งครั้งนี้เราขอแนะนำสมาร์ทโฟนของค่าย ไซเซลล์ (Cycell) จากประเทศอังกฤษ ที่ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้สุดแสนจะง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง โอว์นโฟน (OwnFone) เป็นชื่อของสมาร์ทโฟนตัวนี้ ที่ดีไซน์ตัวเครื่องออกมาได้อย่างเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยไอเดียอันน่าทึ่ง โดยตัวเครื่องนั้นไม่มีปุ่มหมายเลข 0-9 เลยทั้งสิ้น มีเพียงแค่ชื่อของพ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อน หรือแฟน บนหน้าจอขึ้นมาให้กดแทน ซึ่งคุณอยากโทรหาใครก็กดปุ่มตามที่ตั้งไว้ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์หมายเลขให้เมื่อย จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นเด็กเล็กหรือผู้สูงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งทางบริษัทไซเซลล์ ยังให้คุณตกแต่งมือถือได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้สามารถเลือกได้ว่าจะให้มีเบอร์ผู้ติดต่ออยู่บนตัวเครื่องทั้งหมดกี่คน ไล่ตั้งแต่จำนวน 2, 4, 8 หรือ 12 คน โดยจะมีชื่อของบุคคลที่เลือกไว้บนหน้าตัวเครื่อง และยังสามารถเลือกสีและลวดลายบนตัวเครื่องได้ หรือหากไม่พอใจลวดลาย ก็สามารถอัพโหลดรูปภาพของเราเองให้แทนลวดลายที่มีอยู่ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณสามารถเข้าไปออกแบบลายตัวเครื่องที่เว็บไซต์ myownfone.com ของทางบริษัทโดยตรงได้เลย   ด้านน้ำหนักของโอว์นโฟนนั้นก็เบาเพียงแค่ 40 กรัมเท่านั้น ซึ่งช่วยให้พกพาได้อย่างสะดวก โดยมีสายร้อยเข้ากับตัวเครื่องป้องกันการสูญหายได้เป็นอย่างดี พร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จในตัวได้ ทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน สนนราคาของโอว์นโฟนเครื่องนี้อยู่ที่ราคา 55 ปอนด์ หรือประมาณ 2,750 บาท และหากว่าใช้แล้วไม่พอใจ ทางบริษัทก็ยินดีคืนเงินให้ภายใน 1 เดือน นับจากวันที่ซื้อด้วยนะ สำหรับผู้ที่สนใจ ก็คงต้องรอลุ้นดูว่าจะมีการนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราไหม หรืออย่างไรแล้วก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ myownfone.com ได้เลยนะคร้าบ   Create Date : 21 กันยายน 2555     0 comment Last Update : 21 กันยายน 2555 11:19:42 น.     Counter : 1632 Pageviews.   Share Tweet

8 ไอเดียฮิต จัดการกับไอโฟนรุ่นเก่า เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม เปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ iPhone 5 ที่สาวกแอปเปิลทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันมาหลายเดือน และก็ไม่ผิดหวังเลยล่ะ เพราะ iPhone รุ่นใหม่นี้ ทั้งหน้าจอใหญ่ขึ้นแต่กลับบางและเบาลง ที่สำคัญการทำงานยังเร็วขึ้นด้วย แหม่.. ล่อตาล่อใจกันแบบนี้ สาวกไอโฟนทั้งหลายคงจะเตรียมเงินซื้อกันเรียบร้อยแล้วชัวร์ ๆ แต่เอ๊ะ! พอมีใหม่แล้วไอโฟนที่มีอยู่ตอนนี้ล่ะ? จะเอาไปไว้ที่ไหนหนอ มา.. วันนี้เราขอนำไอเดียสุดฮิต จากเว็บไซต์ boston.com มาฝากกัน ไปดูซิว่า ไอโฟนเก่านั้นจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง 1. มอบให้เด็ก ๆ ไว้เล่นเกม เด็ก ๆ ยุคเทคโนโลยีนี้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกเขาเรียนรู้เร็วจะตายไป ที่สำคัญยังชื่นชอบการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ หรือเกมพกพาด้วย ดังนั้น ถ้าหากจะลองส่งต่อไปให้เด็ก ๆ ได้เล่นเกมกันต่อ ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ขอให้เป็นเด็กที่โตพอจะรับผิดชอบอะไร ๆ ได้แล้วเน้อ 2. ใช้มันให้ทำหน้าที่แทนไอแพดเครื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะท่องเน็ต เปิดวิดีโอ หรือแชท หรือจะใช้เป็นเครื่องสำรองไอโฟนเครื่องใหม่ก็ไม่เลว 3. บริจาคให้กับคนที่ไม่มีโทรศัพท์ใช้ ในขณะที่คุณเป็นคนหนึ่งที่คอยอัพเดทในเรื่องเทคโนโลยี อย่าลืมว่ายังมีคนอีกหลายคนที่ยังคงไม่มีโทรศัพท์ใช้อยู่ ดังนั้น เป็นเรื่องที่ดีหากจะหยิบยื่นโทรศัพท์ที่คุณไม่ใช้แล้ว ให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้แต่ไม่มีโอกาส 4. ใช้เป็นนาฬิกาปลุก ดูเหมือนจะเป็นไอเดียที่ไม่คุ้มค่าเสียเลย กับไอโฟนที่มีฟังก์ชั่นเยอะแยะมากมากขนาดนั้น แต่ถ้าในที่สุดแล้วคุณไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงล่ะก็ มันก็คงต้องกลายเป็นนาฬิกาปลุกดี ๆ ของคุณนี่เอง 5. ประกาศขายในอินเทอร์เน็ต แอปเปิลเป็นแบรนด์ที่ใคร ๆ ก็อยากมี อยากใช้ อยากครอบครอง ถ้าหากประกาศขายในราคาที่สมเหตุสมผล ที่ถูกกว่าใคร ๆ เสียหน่อย มีรึจะไม่มีใครสนใจ จริงไหม? 6. เก็บไว้ใช้แบ็คอัพข้อมูล เพื่อไว้ในกรณีที่ข้อมูลในไอโฟนเครื่องใหม่ของคุณหาย หรือหายไปทั้งข้อมูลทั้งเครื่อง คุณก็ยังอุ่นใจว่ายังมีข้อมูลอยู่ในไอโฟนเครื่องเก่าอยู่นะ 7. ใช้เป็นกล้องถ่ายรูปซะเลย ยังไงกล้องหลังของไอโฟนรุ่นเก่า ๆ ก็ชัดแจ๋วพอ ๆ กับกล้องถ่ายรูปอยู่แล้วนี่นา ถ้าอยากซื้อกล้องใหม่อยู่ละก็ลองคิดดี ๆ ดีกว่า จริง ๆ มันก็ใช้แทนกันได้เหมือนกันนะ 8. ส่งกลับไปยังแอปเปิลตามโครงการรีไซเคิลของแอปเปิล ทางบริษัทแอปเปิลนั้นมีโครงการขายโทรศัพท์คืนให้กับแอปเปิลมานานแล้ว ซึ่งถ้าโทรศัพท์ของคุณนั้นมีรอยข่วนเพียงน้อยนิด แต่ยังใช้งานได้ดีอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะขายได้กว่า 8,600 บาท (งานนี้ถูกกว่าไทยแน่นอน เพราะคิดตามราคาบ้านเขาจ้า) อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงไอเดียการจัดการกับไอโฟนเก่าสำหรับคนที่ไม่รู้จะทำยังไงกับมันจริง ๆ แต่เชื่อว่า สาวกไอโฟนหลายคนคงจะไม่ต้องมานั่งคิดจัดการกับปัญหานี้หรอก เพราะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว.. จริงไหม?   Create Date : 18 กันยายน 2555     0 comment Last Update : 18 กันยายน 2555 8:35:55 น.     Counter : 1736 Pageviews.   Share Tweet