Das Gesicht eines Menschen erkennst du im Licht, seinen Charakter im Dunkeln.
Group Blog
 
All blogs
 
ทำงานเมืองนอก ยังไงก็(ไม่)ได้ดี

สำหรับผู้ที่คิดอยากจะเสี่ยงดวงทำงานในต่างแดน
ข้อคิดเตือนใจเล็กๆเอาไว้อ่านเล่นๆ

การทำงานในโรงพยาบาลที่นี่ถึงแม้จะเป็นระบบteamwork ไม่มีการจัดสรรค์แบ่งแยกเป็นกลุ่ม
แต่สำหรับกลุ่มคนที่มาจากประเทศexotic อย่างประเทศไทย(อย่างเราๆท่านๆ)ในสายตาของคน
ทำงานที่นี่เราจะถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มAussenseiter(พวกนอกกลุ่ม)อย่างเลือกไม่ได้
จะพยายามยังไง น้อยนักที่จะได้รับคำชมเชยหรือการยอมรับจากหัวหน้า

ตั้งแต่ฝึกงานในโรงพยาบาลมา เกือบทุกที่ได้รับใบประเมินความประพฤติดีแต่มีข้อติเตียนห้อยท้ายมาทุกที

ล่าสุด mentor คนที่ควบคุมดูแลความประพฤตินักเรียนในวอร์ด เขียนในช่องBemerkung
"เรียบร้อย ขยันแต่คิดไม่เป็น"
อ่านแล้วก็เกือบผงะ มานเขีนมาได้ไง เอาหัวไหนคิดละเนี่ย
ด้วยความที่ชินกับสันดอนคนที่นี่ เลยขอไปถามถึงเหตุผลของการประเมิน
เธอบอกว่า การที่ขยันแต่ไม่คิดถึงความสำคัญของการเลือกการทำงานว่าอะไรต้องทำก่อน อะไรทำทีหลังได้ ไม่ใช่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้องถูกดูแลอย่างน้อย
ทุกๆสองชั่วโมง นี่คือสิ่งที่ถูกคาดหวังจากนักเรียนแต่ไม่ได้เห็นผลการทำงาน

ได้ยินแล้วก็อดเถียงคอเป็นเอ็นไม่ได้
แต่ว่า Hallo!!! แผนกนี้แบ่งออกเป็นสองแผนกย่อย คนไข้ทั้งหมดเกือบ 40คน แล้วนักเรียนต้องทำงานทั้งสองแผนก กระโดดไปฝั่งโน้นที แล้วก็กลับมาฝั่งนี้
ใครจะไปรู้ได้ไง ว่าคนไข้คนไหนกลับมาแผนกหลังผ่าตัดแล้ว คนไหนยังอยู่ในคิวหางงูอยู่

เธอได้ฟังแล้วก็สะบัดหน้า แล้วบอกว่า เรายังทำงานด้วยกันไม่บ่อยนักสำหรับการประเมินครั้งสุดท้ายค่อยมาคุยกันอีกที

และแล้วใบประเมินสุดท้าย "ความประพฤติดีแต่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป"
ดูซิมานเขียนมาได้ไง ถึงอยู่ที่นี่มานานแต่ไม่เคยลืมโคตรเง้าความเป็นไทย
เหตุผลสำหรับประโยคนี้คงมาจากเล่าเรื่องที่เกิดมาไม่นานนี้
มีคนไข้ในวอร์ดเป็นอัมพาตซีกขวาหลังเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ก็ต้องถูกผ่าตัดเพราะหมอตรวจพบมะเร็งเต้านม หลังผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายออกแล้วด้วยความละเลยในหน้าที่ของทีมพยาบาลที่มัวแต่ดูแผลผ่าตัด
แต่ไม่ได้ให้ความสนใจซีกที่อัมพาต ผลก็คือน้ำเหลืองคั่งในขาและเท้า(edematous)เหมือนคนโรคเท้าช้าง
ที่จริงเหตุการณ์รูปนี้เป็น Pflegefehler(ความผิดพลาดในการพยาบาล) ตามกฎหมายเยอรมันคนไข้หรือญาติสามารถฟ้องร้องในศาลได้
แล้วmentor เธอก็ไปเอาความคิดที่ไหนไม่รู้มาเอาถุงน้ำแข็งมาประคบวางส่วนที่edematousอีก
การใช้ความเย็นช่วยลดความเจ็บปวดหรือการอักเสบหลังการผ่าตัดเป็นการบำบัดรักษาธรรมชาติที่ดี
แต่ไม่ใช่สำหรับขาและเท้าที่ไม่ใช่แต่จะอัมพาตแถมน้ำเหลืองคั่งอีกเพราะเสี่ยงกับการไหม้ของเนื้อเยื่อ
เพราะความเย็น ข้อห้ามนี้แม้แต่เด็กปีหนึ่งก็รู้ ในหนังสือเรียนก็markตัวบะเริ่มเทิ่ม

พอมาเจอการพยาบาลที่ไม่เข้าเรื่องแบบนี้ ก็เลยอธิบายคนไข้และญาติถึงเหตุผลของความจำเป็นในการหยุดประคบขาด้วยน้ำแข็ง

วันต่อมาเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะคนไข้ถามถึงความถูกต้องในการรักษาวิธีธรรมชาติของเธอ
เพราะคุณพยาบาลคนไทยบอกว่า bla bla bla
เพื่อนนักเรียนด้วยกันมาเล่าให้ฟังอีกที ว่ามันเป็นการ"หักหน้าmentor"

แล้วความถูกต้องกับการรักษาหน้าอย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน
เหตุนี้แหละหนา เป็นคนต่างชาติแล้วมารู้ดีกว่าพยาบาลผู้มีความสามารถคนเยอรมันได้อย่างไร




Create Date : 05 สิงหาคม 2551
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 0:26:10 น. 19 comments
Counter : 760 Pageviews.

 
อ่านแล้วให้คิดว่า
มนุษย์นี้หนอมนุษย์


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:21:06:40 น.  

 


ดี.แวะมาอ่านนะคะ
เป็นมุมมองที่ไม่เคยได้สัมผัสเอง
ขอบคุณนะคะที่เล่าให้ฟังกัน








โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:21:23:01 น.  

 
คำถาม คนที่ประเมิน หรือ mentor นี่เป็น "ผู้หญิง" ใช่มั๊ยคะ .... สงสัยอ่ะ


โดย: Flowerfun วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:21:29:46 น.  

 
ไปทำงานที่ประเทศไหนเหรอคะ พอดีกำลังหาทางไปทำงานที่อิสราเอลอยู่ เป็น PT น่ะค่ะ


โดย: คนพยายามโกอินเตอร์ (Lucky-PT19 ) วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:22:31:34 น.  

 
ใช่แล้วค่ะคุณ Flowerfun เธอเป็นพยาบาลเด็ก(Kinderkrankenschwester) แต่ทำงานในวอร์ดโรงพยาบาลผู้ใหญ่

To Lucky: ถ้าคุณอยากทำงานเมืองนอก ต้องเตรียมใจสำหรับมุมมืดนี้ไว้
ให้มั่นใจในตัวเอง อย่าให้คำพูดหรือว่าคำติเตียนแบบนี้มาบ่อนทอนความเป็นตัวของตัวเอง
ไม่ใช่แต่ที่มิวนิค คนแบบนี้เจอทุกมุมโลกค่ะ




โดย: schornstein วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:23:17:15 น.  

 
ต้องได้ซิคะ สักวันมันต้องเป็นเราที่ได้ดี คนเขียนรายงานเขาคงโรคจิตอ่ะค่ะ เขียนให้ใครเพอเฟคไม่ได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: GlowPopJigglyJam วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:1:02:06 น.  

 
อย่างนี้นี่เอง คนประเมินเธอเป็นเด็กสาวด้วย ใช้อารมณ์ในการตัดสิน
เราได้ยินสามีพูดเสมอว่าคนเอเชียจะมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่คิดว่าจะมีในคนยุโรปด้วย
ยังไงก็ขอเอาใจช่วยนะค่ะ ทำดีได้ ยังคงมีอยู่ค่ะ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:19:11:52 น.  

 
เข้ามาขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่ให้คำแนะนำในการบอกอาการทั้งหมดกับหมอ บอกตรงๆว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงค่ะ ก็พยายามอธิบายกับหมอเท่าที่สามารถค่ะ

คุณสามีไม่ได้ไปด้วยเพราะเธอไปประชุมที่ฮิวตันค่ะ

ครั้งนี้จดไปเลยค่ะ ว่ามีอาการอะไรบ้างไม่งั้นไปถึงหมอ ตื่นเต้นแล้วลืมหมดค่ะ

เห็นด้วยค่ะว่าหลักจิตวิทยาง่ายๆ ถ้าเราคิดว่าป่วย เราก็จะป่วยจริงๆ อันนี้เห็นด้วยเต็มร้อยเลยค่ะ ดังนั้นทุกครั้งที่รู้สึกไม่สบายตัวเราเองจะไม่พยายามทำตัวอ่อนแอค่ะ

เราอยากดื่มน้ำเยอะๆค่ะ แต่เบื่อตรงที่หลังจากดื่มไปแล้ว ประมาณ 7-10 นาที ก็ต้องเข้าห้องน้ำนี่ซิค่ะ กลางคืนก่อนนอนเลยไม่ค่อยจะดื่มน้ำเลยค่ะ

ส่วนการพักผ่อนนั้น ได้เยอะอยู่แล้วเพราะยังไม่มีงานทำ เป็นแม่บ้านอย่างเดียวค่ะ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:22:05:35 น.  

 
ได้อ่านหลายบล๊อคแล้ว ลูกหลานใครหรอเก่งจังเลยค่ะ
นับถือๆ
ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัคร 300 กว่าคน เป็นหนึ่งใน 22

คุณแม่คงภูมิใจกับลูกคนนี้เป็นอันมากซินะค่ะ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:0:52:23 น.  

 
อ่านแล้วก็แอบจี๊ดไปด้วยค่ะ ไม่ง่ายเลย


โดย: thaispicy วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:7:34:43 น.  

 
สู้..สู้นะคะ



โดย: ColaGirl วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:15:22:41 น.  

 
อ่านแล้วมันปรี้ด แตก



โดย: kanhompung วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:22:38:57 น.  

 
เข้าไปค้นหาแล้วค่ะ มีรูปให้ดูด้วย เพราะคุณๆใช้คำย่อกันนี่เอง ตอนแรกเราเลยหาไม่มี


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:1:14:39 น.  

 
ขอบคุณนะจ๊ะ ขอลองแบบหนักๆ ดูค่ะ ถ้าไม่ไหว ก็ลาออกกกก เอิ๊กๆๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: thaispicy วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:2:10:45 น.  

 
ว่าแล้วในชีวิตนี้ไม่ชอบการเต้นรำเลยค่ะ เคยไปลงเรียนตอนทำงานที่กรุงเทพฯเสียเงินแต่ไม่ได้ไป แย่จัง

ยังไงก็ขอขอบคุณนะค่ะที่แนะนำ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:21:07:44 น.  

 
อ่านแว เหมือน ซอ วอ ยอ ในกรณีสุดท้ายมากมาก

ประจบเข้าไว้ ใช้ได้ทุกที่

วันนี้คุณลองแล้วหรือยังคะ


โดย: บะหมี่น้ำแสนอร่อย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:0:12:10 น.  

 
พี่เป็น Mentor มา 8 ปี
มีอะไีรที่มันก่อให้เกิดความกังขา น่าสงสัย ก็ต้องเรียกนักเรียนมาคุยกันทันที บางครั้งพี่บอกตรงๆ ว่าเวลาในการประเมินนั้นบางทีก็สั้น เด็กขึ้นเวรไม่ตรงกับพี่บ้าง และบางครั้งพวกเขามีปัญหากับสำเนียงเยอรมันของพี่ เลยตั้งท่าไม่ค่อยจะเชื่อถือเราเหมือนกัน

แต่เมื่อสัมผัสกันนานขึ้นก็รู้อะไรมากขึ้น นักเรียนพยาบาลที่นี่เขาจะถามเก่ง เพราะเขากลัวว่าจะแคร์ผิดแล้วมีปัญหา บางคนนั้นอ่านเก่ง หาข้อมูลเก่ง สรุปพี่ก็เรียนรู้จากเขาด้วย ในแวดวงพยาบาล ไม่มีอะไีตายตัว แม้แต่การแคร์ก็ต้องระวัง และหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยๆ
บางอย่างเด็กแย้งพี่ตอบไม่ได้ก็ต้องหาข้อมูล ถามครูในวิทยาลัยด้วย ใครพฤติกรรมแปลกๆ พี่คุยกับเขาให้เวลาปรับตัว ก่อนประเมิน และไม่เคยประเมินใครแบบไม่ให้โอกาสเขา

พี่เคยทำงานร่วมกับ Mentor เด็กสาวๆ วอร์ดอื่น เจอมาเหมือนกันว่าประสบการณ์ของเขานั้นน้อย และการใช้จิตวิทยาของเขานั้นก็น้อยมาก ขนาดเด็กนักเรียนชาวแอฟริกันที่ต้องสอบเอาใบประกอบโรคศิลป์ในเยอรมันยื่นเรื่องขอร้องให้พี่คุมสอบแทน เพราะเขามีปัญหากัน พี่ไกล่เกลี่ยก็ไม่ได้ เขากลัวว่าจะสอบไม่ผ่านหาก คนคนนี้คุมสอบ

ตอนนี้พี่มาป็นหัวหน้าอยู่แผนกวิเคราะห์แผล ทำแผล เลยไม่เป็นครูคลีนิคอีก เพราะมันเหนื่อย เด็กสอบที พี่ก็เครียดไปกับเขา ลุ้นเขา ตะลอนไปอบรมจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว

แต่เด็กๆที่จบไปทำงานกันแล้ว เขามาเยี่ยมพี่บ่อย บางคนเสาร์อาทิตย์มาที่วอร์ด แอบช่วยพี่แจกอาหารคนไข้อีกด้วย บางทีมีปัญหาอะไรเขาก็ปรึกษา พี่ดีใจมาก

สิ่งที่น้องเจอ มันมีทุกที่ค่ะน้อง ที่สำคัญ พูดกับเขาตรงๆ เอาหลัก วิชาการมาอ้าง ดูกาละเทศะ เพราะพวกนี้ก็เหมือนคนไทยหลายคนที่ ไม่ชอบการเสียหน้า ไม่ยอมรับว่าตนเองก็ผิดเป็นเหมือนกัน บางทีกับคนเหล่านี้น้องต้องใช้จิตวิทยามากกว่ากับคนไข้เสียอีก
อย่าท้อค่ะ คนไข้จะรู้ว่าน้องพยาบาลด้วยใจ และความรู้
พี่เคยท้อมาแล้ว แต่ก็สู้มาตลอด จนเพื่อนร่วมงาน คนไข้หัวหน้ายอมรับค่ะ


โดย: It-ta-tee วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:20:48:37 น.  

 
พี่เป็น Mentor มา 8 ปี
มีอะไีรที่มันก่อให้เกิดความกังขา น่าสงสัย ก็ต้องเรียกนักเรียนมาคุยกันทันที บางครั้งพี่บอกตรงๆ ว่าเวลาในการประเมินนั้นบางทีก็สั้น เด็กขึ้นเวรไม่ตรงกับพี่บ้าง และบางครั้งพวกเขามีปัญหากับสำเนียงเยอรมันของพี่ เลยตั้งท่าไม่ค่อยจะเชื่อถือเราเหมือนกัน

แต่เมื่อสัมผัสกันนานขึ้นก็รู้อะไรมากขึ้น นักเรียนพยาบาลที่นี่เขาจะถามเก่ง เพราะเขากลัวว่าจะแคร์ผิดแล้วมีปัญหา บางคนนั้นอ่านเก่ง หาข้อมูลเก่ง สรุปพี่ก็เรียนรู้จากเขาด้วย ในแวดวงพยาบาล ไม่มีอะไีรตายตัวไปหมด แม้แต่การแคร์ก็ต้องระวัง และหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยๆ
บางอย่างเด็กแย้งพี่ตอบไม่ได้ก็ต้องหาข้อมูล ถามครูในวิทยาลัยด้วย ใครพฤติกรรมแปลกๆ พี่คุยกับเขาให้เวลาปรับตัว ก่อนประเมิน และไม่เคยประเมินใครแบบไม่ให้โอกาสเขา

พี่เคยทำงานร่วมกับ Mentor เด็กสาวๆ วอร์ดอื่น เจอมาเหมือนกันว่าประสบการณ์ของเขานั้นน้อย และการใช้จิตวิทยาของเขานั้นก็น้อยมาก ขนาดเด็กนักเรียนชาวแอฟริกันที่ต้องสอบเอาใบประกอบโรคศิลป์ในเยอรมันยื่นเรื่องขอร้องให้พี่คุมสอบแทน เพราะเขามีปัญหากัน พี่ไกล่เกลี่ยก็ไม่ได้ เขากลัวว่าจะสอบไม่ผ่านหาก คนคนนี้คุมสอบ

ตอนนี้พี่มาป็นหัวหน้าอยู่แผนกวิเคราะห์แผล ทำแผล เลยไม่เป็นครูคลีนิคอีก เพราะมันเหนื่อย เด็กสอบที พี่ก็เครียดไปกับเขา ลุ้นเขา ตะลอนไปอบรมจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว

แต่เด็กๆที่จบไปทำงานกันแล้ว เขามาเยี่ยมพี่บ่อย บางคนเสาร์อาทิตย์มาที่วอร์ด แอบช่วยพี่แจกอาหารคนไข้อีกด้วย บางทีมีปัญหาอะไรเขาก็ปรึกษา พี่ดีใจมาก

สิ่งที่น้องเจอ มันมีทุกที่ค่ะน้อง ที่สำคัญ พูดกับเขาตรงๆ เอาหลัก วิชาการมาอ้าง ดูกาละเทศะ เพราะพวกนี้ก็เหมือนคนไทยหลายคนที่ ไม่ชอบการเสียหน้า ไม่ยอมรับว่าตนเองก็ผิดเป็นเหมือนกัน บางทีกับคนเหล่านี้น้องต้องใช้จิตวิทยามากกว่ากับคนไข้เสียอีก
อย่าท้อค่ะ คนไข้จะรู้ว่าน้องพยาบาลด้วยใจ และความรู้
พี่เคยท้อมาแล้ว แต่ก็สู้มาตลอด จนเพื่อนร่วมงาน คนไข้หัวหน้ายอมรับค่ะ


โดย: It-ta-tee วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:20:50:10 น.  

 
เรียนพยาบาลที่ไทยก็หนัก แต่เรียนที่ต่างประเทศหนักมากกว่าแน่ ต้องเรียนภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม อาหาร อากาศ พฤติกรรม จิตวิทยาของคนชาตินั้น คนต่างชาติมักจะดูถูกคนเอเชีย พยาบาลไทยมีความขยันอยู่เป็นหลัก อยู่แล้ว ความรู้ความสามารถก็ไม่ด้อยกว่าคนชาติไหน แต่มักจะท้อเพราะต้องทนฟัง ทนเห็น คนต่างชาติพูดจาถากถาง ดูหมิ่น นี่แหละ อย่าท้อถอย นะคะ คิดไว้เสมอเลยว่า ถ้าไม่แน่จริง ฉันไม่มาถึงที่นี่หรอก




โดย: ninukka วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:45:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

schornstein
Location :
Berlin Germany

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Es gibt keinen Weg zum Glück. Das Glück selbst ist der Weg!
Friends' blogs
[Add schornstein's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.