รีวิวภาพยนตร์เก่าเรื่อง Forrest Gump "อัจฉริยะปัญญานิ่ม" [Netflix]
เป็นภาพยนตร์ที่ถูกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1994 ก็ประมาณ 28 ปีที่แล้ว
ผมให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ 10 คะแนนเต็ม ไม่หักเลยครับ



เป็นภาพยนตร์เก่าที่อยู่ในความทรงจำของผมเพราะว่า เป็นภาพยนตร์ที่อาจารย์
สมัยมหาวิทยาลัยให้ผม สรุปว่า ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีอะไรที่เกียวกับสังคมสงเคราะห์บ้าง



และที่สำคัญกำลังเป็นที่พูดถึงในสื่อออนไลน์ ว่า ตัวละครธอร์ เทพพระเจ้าสายฟ้า
ขอขอบคุณภาพจากเพจ Facebook : ขอบสนัง
https://www.facebook.com/khobsanung



ที่ปล่อยตัวอย่างมา ไว้หนวดยาวใส่หมวกสีแดง คลายๆกับ นักแสดงตัวเอกที่แสดง
ภาพยนตร์เก่าเมื่อปี 1994 อย่างเรื่ง Forrest Gump "อัจฉริยะปัญญานิ่ม" 



ฟอร์เรสท์ กัมพ์ เป็นภาพยนตร์แนวชีวิต-เบาสมอง ที่ออกฉายในปี 1994 แสดงนำโดย
ทอม แฮงส์ ที่ประสบความสำเร็จมาก และนี่คือความจริงเกี่ยวกับ ฟอร์เรสท์ กัมพ์
ที่จะทำให้ทุกคนอยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้อีกสักครั้ง



ทอม แฮงส์ นักแสดงชื่อดัง ได้ตกลงรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง
"ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม" หลังจากใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งในการอ่านบท
และนอกจากจะตกลงรับหน้าที่นักแสดงนำอย่างรวดเร็วแล้ว เขายังปฏิเสธไม่รับค่าตัว
แต่ขอส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์รายได้ ซึ่งถ้าภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จเขาก็จะเสียประโยชน์



ฉากที่ฟอร์เรสท์ขึ้นไปพูดเกี่ยวกับการต่อต้านสงคราม ซึ่งผู้ชมได้ยินเพียงประโยคที่ว่า
“ผมอยากพูดแค่นี้แหละ” เนื่องจากมีคนดึงปลั๊กไมค์ออกไป จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาพูดคือ
“เวลาผู้คนไปรบที่เวียดนาม บางครั้งพวกเขาก็กลับบ้านมาหาแม่แบบไม่มีขา
บางคนก็ไม่ได้กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งที่แย่มาก นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากพูด”



ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย Winston Groom
แต่ตัวละครหลักนั้นเป็นคนไร้หัวใจที่ชอบเยาะเย้ยผู้อื่น แต่ในภาพยนตร์นั้นได้ถูกปรับเปลี่ยน
คาแรกเตอร์ไปจากเดิม และประโยคที่ว่า “ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อกโกแลต”
แต่ในหนังสือพูดว่า “การเป็นคนโง่ก็เหมือนการที่ไม่มีกล่องช็อกโกแลตเลย” 



หนังสือเรื่อง Forrest Gump นั้นมีภาคต่อด้วย โดยในภาคสอง ฟอร์เรสท์
ได้พบกับนักแสดงหนุ่ม ทอม แฮงค์ แต่ แฮงค์ ได้ปฏิเสธที่จะรับบทในภาคต่อ
เขาบอกว่าการสร้างภาคต่อคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะทำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้



ในการถ่ายทำฉากวิ่งข้ามประเทศ ได้มีการใช้นักแสดงคนอื่นมาแทน ทอม แฮงค์
ในบางช่วง นั่นก็คือ จิม แฮงส์ น้องชายของ ทอม แฮงค์ เอง



ลูกปิงปองที่ใช้ในการถ่ายทำนั้นไม่ใช่ลูกปิงปองจริงๆ แต่ใช้เทคนิคพิเศษ
เพื่อให้ฟอร์เรสท์ตีโดนทุกลูกนั่นเอง นอกจากนี้ฟอร์เรสท์ยังถูกสอนให้จ้องลูกปิงปอง
ตลอดเวลา ทำให้ระหว่างที่เล่นปิงปองนั้นเขาไม่เคยกระพริบตาเลย



แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าภาพถ่ายทุกภาพของฟอร์เรสท์ในภาพยนตร์
จะเป็นภาพตอนที่เขากำลังหลับตาทั้งหมด



และอย่างที่บอกนะครับ ทอม แฮงค์ ได้ปฏิเสธไม่รับค่าตัวในการแสดง
แต่ขอรับเป็นส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายได้ของภาพยนตร์ ซึ่งความสำเร็จ
ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำเงินให้แฮงค์ไปได้มากถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ



ประโยค “ผมชื่อ ฟอร์เรสต์ กัมพ์ คนเรียกผมว่า ฟอร์เรสต์ กัมพ์” เป็นประโยคที่
ทอม แฮงค์ คิดขึ้นมาเอง ไม่ได้มีอยู่ในบทตั้งแต่แรก แต่ผู้กำกับนั้นชอบมา
จนต้องเอามาใส่ลงไปในภาพยนตร์ นอกจากนี้ผู้ที่รับบทแม่ของฟอร์เรสท์คือ
นักแสดงหญิงชื่อว่า แซลลี ฟิลด์ ที่อายุมากกว่า ทอม แฮงค์ เพียง 10 ปีเท่านั้น



และเธอยังเคยรับบทเป็นคนที่เขาตกหลุมรักในภาพยนตร์เรื่อง Punchline อีกด้วย
และทุกครั้งที่เวลาในภาพยนตร์เปลี่ยนไป และ ฟอร์เรสท์ กัมพ์ โตขึ้น
เขาจะสวมเสื้อลายตารางสีน้ำเงินเสมอ



ฉากที่ โรบิน ไรท์ แก้ผ้าทำการแสดงอยู่บนเวทีในบาร์นั้นใช้เวลาถ่ายทำ
นานถึง 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนั้นเธอป่วยเป็นไข้หวัด แต่ก็ยังพยายามอย่าง
สุดความสามารถเพื่อให้การแสดงออกมาดีที่สุด
เพื่อให้ขาของผู้หมวดแดนดูสมจริง เขาได้พันผ้าสีน้ำเงินเอาไว้ตั้งแต่เข่าลงไป
ถึงหน้าแข้งและเท้าเพื่อใช้เทคนิคตัดต่อในภายหลัง อย่างไรก็ตามผู้ชมบางคน
สังเกตเห็นว่าบางฉากนั้นเขาดูเหมือนจะทิ้งตัวลงไปบนขาล่องหนของตัวเอง

ในช่วงท้ายของเรื่อง ที่เจนนี่บอกกับฟอร์เรสท์ว่าเธอป่วยเป็นไวรัสที่แพทย์
ไม่สามารถรักษาได้ ในขณะนั้นโรคเอดส์เพิ่งถูกกล่าวถึงในบทความทางวิทยาศาสตร์
เป็นครั้งแรก ซึ่งเธอก็ป่วยด้วยโรคเอดส์ที่คนทั่วไปยังไม่รู้จักนั่นเอง



สามารถชมซีรีส์เรื่อง Forrest Gump "อัจฉริยะปัญญานิ่ม"
ได้ที่แอพพลิเคชั่น [Netflix]



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์ "lost in thailand"
สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like กด แชร์ด้วยนะครับ 🙏
 #นายแว่นขยันเที่ยว 😎📷



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณตัวอย่าง : Forrest Gump "อัจฉริยะปัญญานิ่ม"
กำกับการแสดงโดย : Robert Zemeckis
Vote : ภาพยนตร์

 

 

ศิลาจันทร์ลอยปาฏิหาริย์ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา
ศิลาจันทร์ลอย ตั้งอยู่ภายในวัดปราสาทนครหลวง ตำบลนครหลวง
อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิกัด : https://goo.gl/maps/YxMeDoeYorHPBNZr7 



หากใครไปได้ไปเที่ยวชมปราสาทนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและควรเข้าไปสักการะคือ "ศิลาจันทร์ลอย"



ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปหน้าปราสาทนครหลวง ซึ่งชาวอยุธยาเชื่อกันว่า
ศักดิ์สิทธ์ บนบานขอสิ่งใดมักจะสัมฤทธิ์ผลทุกประการ



มีประวัติความเป็นมาเหนือธรรมชาติอันสุดพิสดารด้วยลักษณะของศิลาโบราณแผ่นนี้เป็น
แผ่นหินกลมมนราวกับใช้วงเวียนวาดแล้วตัดออกมาโดยช่างฝีมือชั้นยอดเยี่ยม



ผสมผสานกับแผ่นทองคำที่ชาวบ้านนำมาปิดด้วยความเลื่อมใสจนเหลืองอร่าม
เปล่งประกายรัศมีเจิดจ้ายามที่กระทบกับแสงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ประดุจดั่งพระจันทร์
ในคืนเดือนเพ็ญ ย้อนเวลากลับไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5)



แผ่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำมาติดหน้าวัดประสาท ชาวบ้านต่างตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น
จึงนำเรื่องไปบอกกับอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งชาวบ้านยกย่องให้ท่านเป็นเกจิอาจารย์สมัยนั้น
พระคุณท่านได้บริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้น



คล้องอัญเชิญ ศิลาแผ่นมหึมาขึ้นมาจากแม่น้ำ มาประดิษฐานไว้กลางชุมชน
เพื่อเป็นสิ่งเคารพสักการบูชา ข่าวความศรัทธาของชาวบ้านได้ล่วงรู้ถึงพระกรรณของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชการที่4)



พระองค์จึงเสด็จมาทอดพระเนตรและทรงดำริว่า ควรอัญเชิญศิลาศักดิ์สิทธิ์นี้เข้าเมืองหลวง
ศิลาพระจันทร์ลอยจึงได้รับการอัญเชิญไว้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เพราะเป็นชุมชนใหญ่จะได้เป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชน



ต่อมาพระจันทร์ลอย จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของท่าเรือแห่งนี้ ผู้คนต่างขนานนามท่าเรือแห่งนี้ว่า
" ท่าพระจันทร์ " แต่ศิลาจันทร์ลอยก็อยู่ที่กรุงเทพฯได้ไม่นานนัก



เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชการที่5) ทรงสุบิน (ฝัน) ว่า
ให้นำพระจันทร์ลอยกลับไปยังที่เดิมด้วยเหตุนี้ พระจันทร์ลอยจึงถูกอัญเชิญ
กลับไปประดิษฐานไว้ในมณฑปกลางอำเภอนครหลวง ตามเดิม ตราบเท่าทุกวันนี้



แต่ก็มีนิทานปรัมปราพื้นบ้านได้เล่าถึงตำนานของศิลาจันทร์ลอยว่า ศิลานี้ได้ลอยมา
ตามแม่น้ำป่าสัก ชาวชุมชนแถวนั้นเห็นด้วยความประหลาดใจจึงนำเชือกมาผูกหินยึดไว้
กับศาลาของ วัดในชุมชนเพื่อไม่ให้หินลอยไปไหน



แต่ด้วยความอัศจรรย์ หินนั้นมีแรงขับเคลื่อนมหาศาล จนสามารถดึงศาลาให้ลอยไปด้วย
วัดนั้นจึงถูกเรียกว่า “วัดศาลาลอย” ครั้นหินนั้นลอยมาอีกชุมชนหนึ่ง
ชาวบ้านเห็นความแปลกประหลาดจึงนำเชือกไปผูก



หินกับกับต้นโพธิ์ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ด้วยแรงขับเคลื่อนของหินเช่นกันทำให้ต้นโพธิ์นั้นเองลง
วัดนั้นจึงถูกเรียกว่า “วัดโพธิ์เอน” และหินก็หลุดลอย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าวัดปราสาท
อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



เกจิอาจารย์ผู้ขมังเวทบริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้นเท่านั้น
ก็สามารถอัญเชิญขึ้นมาจากน้ำได้



ทั้งนี้ วัดศาลาลอย และวัดโพธิ์ก็มีอยู่จริง ริมฝั่งแม่น้ำป่าสักอีกด้วย



ขอบคุณข้อมูล : คุณธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก ร้านอริยะเบเกอร์รี่ จังหวัดสิงห์บุรี สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว : 
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341



ฝากกดติดตาม YouTube กูรูเอมมี่ แชลแนล : 
https://www.youtube.com/channel/UCRYXqGydbgKYciPr2Kilw3g
ขอขอบคุณ อาจาร์เอมมี่ เทพนิมิตต์ โหราเวทย์ศรีธนญชัย



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณเพลง : จันทร์เจ้าเอ๋ย
ศิลปิน : PHAMEK
Vote : ท่องเที่ยวไทย

ร้านอริยะเบเกอร์รี่ จังหวัดสิงห์บุรี
ร้านอริยะเบเกอร์รี่ ตั้งอยู่ ตำบล อินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/CBwgBpQUR8usPpUm6 



เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีมากๆ และจัดร้านได้สวยงามมากๆ



ใครเป็นสายชอบทำสวนรักต้นไม้แบบผมต้องชอบร้านนี้แน่นอนครับ
บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย นั่งพักในร้านแล้วสบายใจมากๆ



เป็นร้านแบบเรือนไทย เปิดเพลงสากลฟังสบายๆเย็นๆ มีทั้งอาหารและเครื่องดืม
และมี เค้ก กาแฟ ชาเขียว ให้บริการ และยังมีอาหารคาวให้บริการ



เดียวผมจะพาไปดูขนมกันก่อนครับ ผมไปถ่ายที่ตู้เย็นนะครับไม่ได้ชิม
ถ้าชิ้นไหนได้ชิมจะอธิบายให้อ่านนะครับ แต่เค้กชิ้นนี้ผมชอบการตกแต่งมากๆเลยครับ



ชิ้นที่สอง ผมดูจากสีผมคิดว่าเป็นเค้ก รสกาแฟ ผมว่าอร่อยมากๆเลยแต่ว่าผมไม่กินกาแฟ
ใครสายของหวานผมว่าต้องชอบมากๆแน่ๆครับ



เค้กชิ้นสุดท้ายที่ผมไม่ได้ชิ้มแต่ผมดูจากสีแล้วต้องเข้มข้นมากๆแน่ๆ



ชิ้นนี้ผมได้สั่งมารองชิมคือ เค้มมันม่วง แต่งด้วยดอกอัญชันผมบอกเลยว่าอร่อยมากๆ
ไม่หวานมากแต่ว่าได้ความแปลกใหม่ใครชอบมันม่วง ผมขอแนะนำเมนูนี้เลย



เรามาอาหารตะวันตกกันบ้างครับ จานแรกกับสเต็กหมูพริกไทยดํา มาพร้อม
น้ําเกรวี่พริกไทยดำ อร่อยมากๆ เข้มข้น



หมูหมักมานุ่มมากๆ กินกับน้ำสลัดเข้ากันมากๆ 



เครื่องมาแน่นๆทั้ง ผัก เฟรนช์ฟรายส์ ผมชอบมากๆเลยครับ



ต่อกันด้วยสลัดกุ้งทอด กุ่งมาตัวใหญ่ๆ และสดมากๆ มาพร้อมผักสดและน้ำสลัดเข้มข้นมากๆ



ปิดท้ายกันด้วย สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ น้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
รสชาติเข้มข้น อร่อยมากๆ



แถมเส้นเหนียวนุ่ม อร่อยมากๆ รสชาติเหมือนอาหารโรงแรมดังๆ ใน กรุงเทพฯ มากๆครับ



ร้านอริยะเบเกอร์รี่ เปิดตั้งแต่ 09:00 - 20:00 น. ดูรายระเอียดเพิ่มเติมที่
แฟนเพจFacebook : Ariya's Bakery https://www.facebook.com/AriyasBakery/ 



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก สักการะหลวงพ่อกำจัด สุจิตโต วัดป่าสัก
จังหวัดชัยนาท สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว : 
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341



ฝากกดติดตาม YouTube กูรูเอมมี่ แชลแนล : 
https://www.youtube.com/channel/UCRYXqGydbgKYciPr2Kilw3g
ขอขอบคุณ อาจาร์เอมมี่ เทพนิมิตต์ โหราเวทย์ศรีธนญชัย



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณเพลง : More Than I Can Say
ศิลปิน : Leo Sayer
Vote : ท่องเที่ยวไทย

รีวิว ภาพยนตร์เก่าเรื่องแก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์ "lost in thailand" [2012]
ตอนแรกผมนั่งนึกว่าจะหยิบภาพยนตร์เรื่องไหนดีที่มีฉากจำเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์
ผมก็นั่งนึกอยู่นาน แต่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ช่อง Mono29 ก็เลยหยิบเรื่องนี้มาช่วนเพื่อนๆดูครับ



ผมดูแล้วมีความสุขมากๆ เป็นภาพยนตร์ของประเทศจีนแต่ว่ามาถ่ายทำในประเทศไทย
เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ (ตลก) สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชม



เนื้อเรื่องย่อ ภาพยนตร์เรื่อง "แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์" เป็นเรื่องราว
เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์จีน (สวี่เจิง) ที่มาเยื่อนเชียงใหม่ เพื่อตามตัวเจ้านาย
ให้อนุมัติการผลิตสิ่งประดิษฐ์ของตัวเขาเอง



ซึ่งถ้าทำสำเร็จอาจส่งผลให้เขารวยเป็นเศรษฐีไปในพริบตา แต่ในขณะเดียวกัน
ก็ต้องหนีให้พ้นการไล่ตามสืบจากนักประดิษฐ์คู่แข่ง



จนสุดท้ายเขาต้องยอมผูกมิตรกับนักท่องเที่ยวจีนสติเฟื่อง
เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเขา



ภาพเป็นนักแสดงจีน ฉากเป็นสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย (90% ถ่ายทำในเมืองไทย)
เสียงพากย์เป็นของทีมงานพันธมิตร ส่วนผสมที่ผมเองไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยครั้งนักในระยะหลัง



ภาพยนตร์สไตล์ตลกผจญภัย ที่มีทั้งฉากบู๊ ฉากติงต๊อง ฉากดราม่าเล็กๆ
กลายเป็นเรื่องราวที่พาให้เพลินกันไปตั้งแต่ต้นยันจบ กับมุขต่างๆ
ที่พันธมิตรขนใส่เข้ามา จะฮาบ้างแป้กบ้าง



แม้การดำเนินเรื่องจะรวดเร็ว แต่คงเพราะเรื่องราวที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ชมติดตามได้
และสนุกไปกับการผจญภัยของคนต่างชาติ 2-3 คนในเมืองไทย แม้ว่าภาพต่างๆ
ที่ออกมาจากไม่ได้สวยงาม



แต่มันก็คือภาพจริงๆ ที่เราเห็นด้วยตา เพราะเขาไม่ได้พาไปเราไปเที่ยวตามจุดชมวิว
ของบ้านเราแต่อย่างใด แค่ได้เห็นภาพของฉากบ้านตัวเองอยู่ในหนังต่างชาติ
ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเพียงพอแล้ว



หลายคนอาจจะการพากย์พันธมิตรค่อนข้างจะเลอะเกิน แต่สำหรับผม มันก็เป็นปกติ
ของทีมพากย์นี้อยู่แล้ว ให้ความสนุกสนานได้ตามสมควร โดยรวมแล้วก็นับว่า
“Lost In Thailand” เป็นหนังที่ฉากหลังเป็นเมืองไทยที่ดูได้เพลินๆ



ผมอยากจะฝากให้รัฐบาลไทยสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยด้วยหนังไทยให้จริงจิงซะทีนะครับ



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก ภาพยนตร์เรื่องป๊าด 888 แรงทะลุนรก
สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว : 
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341 



ฝากกด like กด แชร์ด้วยนะครับ 🙏
 #นายแว่นขยันเที่ยว 😎📷



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณตัวอย่าง : แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์ "lost in thailand"
กำกับการแสดงโดย : สวี่ เจิง
Vote : ภาพยนตร์

สักการะหลวงพ่อกำจัด สุจิตโต วัดป่าสัก จังหวัดชัยนาท
วัดป่าสัก ตั้งอยู่ ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
พิกัด : https://goo.gl/maps/qzJFTaiQshZVsSF19 



วัดป่าสักเป็น เป็นวัดที่เก็บร้างของ พระครูสุจิตตสังวรคุณ (หลวงพ่อกำจัด สุจิตโต)
เป็นพระเกจิที่ละสังขาร เมื่อปีที่แล้ว และเป็นที่เคารพนับชื่อของชาวบ้านบริเวณวัด



หลวงพ่อกำจัดได้จัดสร้าง "ตะกรุดยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก" เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2557



ไว้ที่วิหารตะกรุดมหารอด ภายในวัดป่าสัก ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
ได้มีการจัดสร้างตะกรุดยักษ์ ชื่อว่า “ตะกรุดมหารอด” เครื่องรางของขลังที่



มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาว 299 เซนติเมตร
ความกว้างเส้นผ่าศูนย์กลาง 79 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 4,000 กิโลกรัม
หรือ 4 ตัน ทำด้วยทองเหลืองหล่อทั้งดอก



ด้านหน้าตะกรุด สลักเป็นรูปพระรอด 2 องค์ และเขียนข้อความ
“กำจัดภัย วัดป่าสัก ชัยนาท 2557” ส่วนด้านหลังตะกรุดสลักเป็นอักขระยันต์



ภายในดอกตะกรุดยักษ์ ทำเป็นช่องเหมือนอุโมงค์ โดยสร้างยกพื้น มียักษ์แบกดอกตะกรุดไว้เหนือหัว 4 ตน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เดินลอดใต้ตะกรุดยักษ์



ก่อนที่จะเข้าไปกราบสักการะพระแก้วมรกต องค์พระประธานที่อยู่ในเครื่องทรงทุกฤดู
เพื่อความเป็นสิริมงคล



ภายในวิหารตะกรุดมหารอด ยังมีการตกแต่งเสาและผนังวิหารด้วยลวดลายไทย
และรูปเทวดานางฟ้า มีการประดับแสงสีอย่างสวยงามตระการตา
ทำให้ประชาชนที่มาเที่ยวชมต่างประทับใจในความสวยงาม



มีการถ่ายรูปและนำไปโพสต์ลงในโซเชียล ทำให้ชาวโซเชียลฮือฮา ต่างเดินทางไป
กราบสักการะและเที่ยวชมวัดกันอย่างต่อเนื่อง วันละไม่ต่ำกว่า 100 คน



ผู้ดูแลวิหารตะกรุดมหารอด เปิดเผยว่า วิหารตะกรุดมหารอด และตะกรุดยักษ์มหารอด
ได้จัดสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2557



โดย หลวงพ่อกำจัด หรือพระครูสุจิตตสังวรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสัก
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดชัยนาท ได้มีดำริให้จัดสร้างขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชน



และประชาชนได้มากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลและแคล้วคลาดปลอดภัย
รวมทั้งเป็นจุดดึงดูดให้ประชาชนหันมาเข้าวัดมากยิ่งขึ้น



ขอบคุณข้อมูล : https://mgronline.com/local/detail/9620000024192 



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก ร้านปั๊วะ! #มากแม่ จังหวัดเพชรบูรณ์ 
สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว : 
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341



ฝากกดติดตาม YouTube กูรูเอมมี่ แชลแนล : 
https://www.youtube.com/channel/UCRYXqGydbgKYciPr2Kilw3g
ขอขอบคุณ อาจาร์เอมมี่ เทพนิมิตต์ โหราเวทย์ศรีธนญชัย



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณเพลง : กำจัดภัย หลวงพ่อกำจัด วัดป่าสัก
ศิลปิน : วิว ชัชวาล
Vote : ท่องเที่ยวไทย