Your Grace.Blog : เรื่องราวเล็กๆ ของคนที่รักและเดินติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ
 

ลักษณะของคนที่อุ่นๆ






ลักษณะของคนที่อุ่นๆ

วิวรณ์ 3:15-16
15 เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน
16 ดังนั้น เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา


















































//www.panarat.com 


https://www.facebook.com/panarat2013

https://www.facebook.com/cthearten







 

Create Date : 08 มิถุนายน 2559    
Last Update : 8 มิถุนายน 2559 18:06:08 น.
Counter : 880 Pageviews.  

การแต่งตั้ง




การแต่งตั้ง

ที่มาของการแต่งตั้งมาจาก 2 แหล่ง
1.    พระเจ้า
2.    มนุษย์

ความแตกต่างของการแต่งตั้งของพระเจ้ากับการแต่งตั้งของมนุษย์

แม้ว่าคนที่มนุษย์แต่งตั้ง จะทำงานของตนเองอย่างสัตย์ซื่อพระเจ้าย่อมอวยพรความสัตย์ซื่อนั้น แต่เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานย่อมแตกต่างกัน

ผู้ที่มนุษย์แต่งตั้งย่อมถูกวางตัวและทำงานตามแผนและ support มนุษย์คนนั้น องค์กรนั้น

แต่ผู้ที่พระเจ้าแต่งตั้งย่อมทำงานตามแผนของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระเจ้า และวัตถุประสงค์เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า การเคลื่อนไหวไปกับพระเจ้าองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเกิดขึ้นมากกว่า

จงอย่ากังวลถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น จากการทำงานของพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงมีระบบระเบียบมากยิ่งกว่ามนุษย์คนใด ทรงสามารถสร้างระบบจักรวาลและแผ่นดินโลกได้อย่างมีระเบียบ ทรงใส่แรงโน้มถ่วงไว้ เพื่อไม่ให้มีสิ่งใดๆ ตกหล่นหรือชนกัน ที่เป็นอัศจรรย์แห่งการทรงสร้างของพระเจ้า ในขณะเดียวกันการทำงานของพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยระบบระเบียบที่แน่ชัดและสมบูรณ์แบบ ย่อมไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย

ความวุ่นวายเกิดจากนิยามและการตั้งกฎของมนุษย์ขึ้นเอง เพื่อควบคุมมนุษย์ด้วยกัน และสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในความควบคุมของมนุษย์และองค์กร

1.    ไม่ว่าตนเองจะถูกแต่งตั้งจากพระเจ้าหรือมนุษย์ก็ตาม จงพิสูจน์ตนด้วยการทำส่วนของตนเองอย่างสัตย์ซื่อ และเป็นที่แน่นอนว่า พระเจ้าผู้ทรงควบคุมทุกสิ่ง พระเจ้าผู้ทรงมองดูและชันสูตร จะตรวจพบความสัตย์ซื่อนั้น และจะทรงยกชูเป็นแน่นอน

2.    จงเปิดให้มีอิสรภาพในการตอบสนองพระเจ้า และการเคลื่อนไหวของพระเจ้าอย่างเต็มที่ อย่าควบคุมด้วยการเอาระบบ ระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรม หรือความคิดของตนเอง หรือคนส่วนมาก หรืออดีต เพื่อปิดกั้นการทำงานของพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งการงานของพระเจ้าไว้ได้ ไม่ว่าจะหนทางใดก็ตาม

3.    การแต่งตั้งจากมือมนุษย์ ไม่มีทางเทียบเคียง หรือเทียบได้กับการแต่งตั้งจากพระเจ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นผลด้านฝ่ายวิญญาณหรือฤทธิ์เดชใดก็ตาม

4.    ในเชิงองค์กร เราสามารถคิดค้นระบบระเบียบ เพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายขึ้น ท่ามกลางความแตกต่างของแต่ละบุคคล ของแต่ละความคิดเห็น ของแต่ละสไตล์ ...  แต่ในเชิงการทำงานฝ่ายวิญญาณต้องเปิดโอกาสและมอบสิทธิในการทำงานและเคลื่อนไหวให้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นการสนับสนุนซึ่งกันและกัน เป็นการช่วยเหลือกันและกัน มากกว่าการควบคุม

5.    ไม่ว่า เราจะยืนอยู่ตรงจุดไหนก็ตาม จะเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากมนุษย์ หรือ พระเจ้าโดยตรงก็ตาม จงก้มหน้าก้มตาทำส่วนของตนเองอย่างสัตย์ซื่อ อย่ามัวแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ที่มีความแตกต่างกับตนเอง ด้วยการเสียเวลาส่วนมากไปกับการเปรียบเทียบ เพราะมันไม่สามารถยกคุณค่าการงาน พันธกิจ หรือ ชีวิตของตนให้สูงขึ้นได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้ที่สมควรได้รับเกียรติยศนั้น คือ พระเจ้าผู้ทรงอยู่เบื้องหลัง หาใช่มนุษย์คนเล็กๆ ไม่

6.    แน่นอนด้วยว่า ผลสัมฤทธิ์ของแต่ละตำแหน่งจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งนั้นๆ แต่ทั้งสิ้น เมื่อประกอบรวมกันจะสมบูรณ์ในพระกาย

1คร.12:14-31
14 เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียวแต่ด้วยหลายอวัยวะ
15 ถ้าเท้าจะพูดว่า "เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นมือ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น" เท้าจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
16 และถ้าหูจะพูดว่า "เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นตา ข้าพเจ้าจึงมิได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น" หูจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
17 ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน
18 แต่บัดนี้พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะทุกส่วนไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์
19 ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน
20 แต่บัดนี้มีหลายอวัยวะแต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน
21 และตาจะว่าแก่มือว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้
22 แต่ยิ่งกว่านี้อวัยวะของร่างกายที่เราเห็นว่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่ได้
23 และอวัยวะของร่างกายที่เราถือว่ามีเกียรติน้อย เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ไม่น่าดูนั้น เราก็ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น
24 เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น
25 เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน
26 ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย
27 บัดนี้ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครสาวก สองผู้พยากรณ์ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีการอัศจรรย์ ของประทานในการรักษาโรค การช่วยเหลือ การครอบครอง การพูดภาษาต่างๆ
29 ทุกคนเป็นอัครสาวกหรือ ทุกคนเป็นผู้พยากรณ์หรือ ทุกคนเป็นครูบาอาจารย์หรือ ทุกคนกระทำการอัศจรรย์หรือ
30 ทุกคนได้รับของประทานให้รักษาโรคหรือ ทุกคนพูดภาษาต่างๆหรือ ทุกคนแปลได้หรือ
31 แต่ท่านทั้งหลายจงกระตือรือร้นอย่างจริงจังบรรดาของประทานอันดีที่สุดนั้น และข้าพเจ้ายังคงแสดงทางที่ยอดเยี่ยมกว่าแก่ท่านทั้งหลาย





//www.panarat.com 


https://www.facebook.com/panarat2013


https://www.facebook.com/cthearten






 

Create Date : 07 มิถุนายน 2559    
Last Update : 7 มิถุนายน 2559 18:49:35 น.
Counter : 586 Pageviews.  

การล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณ




การล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณ

เหตุผลที่เราทั้งหลายดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างดี และระมัดระวังย่างเท้าของตนให้ชอบธรรม การรักษาจริยธรรม ให้ถูกต้องตามพระคัมภีร์ ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดาอยู่เสมอ เป็นเหมือนดั่งการล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณ

บ้านใดก็ตาม ที่มีรั้วเป็นขอบเขตกั้น ย่อมแสดงถึงพื้นที่ที่ตนมีสิทธิและเป็นเจ้าของในการครอบครอง ในการถือครอง ดังนั้นจะเห็นว่า โจรและขโมยไม่สามารถเข้าใกล้ หรือรุกล้ำ เข้ามายังพื้นที่ภายในรั้วได้ การล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณก็เฉกเช่นเดียวกัน

เราขีดเส้นฝ่ายวิญญาณเอาไว้ เป็นดั่งรั้ว ที่ล้อมรอบชีวิตให้ปลอดภัย ด้วยการทรงสถิตและพระสิริของพระเจ้า ด้วยการปกคลุม ด้วยบรรดาทูตสวรรค์ที่ปกป้องเราให้ปลอดภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ พระเยซูทรงกระทำ สำเร็จแล้วบนกางเขน บรรดาผู้เชื่อ ย่อมได้รับการปกคลุมโดยพระโลหิตของพระองค์…  แต่ถึงกระนั้นการดำเนินชีวิตบนโลก ยังคงต้องพบเจอและเผชิญกับการล่อลวง การหลอกลวง การล่อให้หลง และสิ่งเย้ายวนมากมายที่คอยกระตุ้นเร้าความบาปและเนื้อหนังตัณหา ตามธรรมดาฝ่ายโลก

เหตุนี้เอง ...
•    การรักษาชีวิตให้เข้มข้นในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า
•    การดำเนินชีวิตแบบคำนึงถึงจริยธรรมพระคัมภีร์เป็นหลัก
•    การสนใจและให้น้ำหนักกับน้ำพระทัยพระบิดาเป็นที่หนึ่ง
•    การศึกษาและใคร่ครวญถึงพระวจนะคำของพระเจ้า เพื่อสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง
•    การเผชิญและตอบสนองต่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ข้องเกี่ยวโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม
*** สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น การสร้างขอบเขต และรั้วฝ่ายวิญญาณให้กับชีวิตตนทั้งนั้น

การรักษาชีวิตตนไม่ให้ข้องเกี่ยว ไม่ให้ยุ่งเกี่ยว กับสิ่งที่รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า ผิดบาป หรือสุ่มเสี่ยง ก็ตาม ย่อมทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงบุคคลที่รัก … หากเราสามารถรักษาชีวิตของตนเองเป็นอย่างดี การเป็นพระพรต่อผู้อื่น ย่อมเป็นเรื่องปกติ และเป็นจริงได้ ไม่ใช่เพียงแค่การมโนภาพหรือการสร้างภาพให้ดูสวยหรู แต่มันเป็นประสบการณ์ตรงและเป็นชีวิตที่มีน้ำหนัก อีกทั้งขอบเขตชีวิต เหล่านี้สามารถส่งต่อพระพร ไปถึง ครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนที่รัก รวมทั้งการงาน การเงิน หรือสิ่งต่างๆ ในครอบครองของเราด้วย

1.    การรักษาชีวิตเป็นอย่างดี เป็นการล้อมรั้วที่ดีที่สุด โดยปราศจาก การเปิดประตูต้อนรับ มารซาตาน การล่อลวง การล่อหลอก หรือสิ่งเลวร้ายทั้งสิ้น แท้ที่จริงในแต่ละวันก็มีสิ่งที่ต้องเผชิญของมันอยู่แล้ว การไม่นำตนเอง เข้าสู่ จุดเสี่ยงย่อมปลอดภัยกว่า

2.    หากเราฝึกตนเอง ให้เป็นคนที่ตระหนัก และระมัดระวังชีวิตให้อยู่ในทางของพระเจ้าอยู่เสมอ ย่อมกลายเป็นสภาวะชีวิต เป็นธรรมชาติปกติของชีวิต ความสงบสุข ย่อมเป็นของเรา

3.    อย่าดำเนินชีวิตโดยปราศจากการปกป้อง จากโล่กำบังที่เข้มแข็ง เพราะเราก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่ง มีโอกาสที่จะพลาดพลั้ง มีโอกาสเสี่ยง ที่สิ่งต่างๆ จะเข้ามาฉกฉวย แย่งชิง หรือทำร้ายได้ ... แต่หากมนุษย์คนเล็กๆ อยู่ในโล่กำบังขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่มีสิ่งใดกล้าต่อกร ได้เป็นแน่

4.    *** ข้อควรระวังสำหรับชีวิตคริสเตียน คือ รู้อยู่แล้วว่าพระเจ้าทรงเป็นปราการ เป็นโล่กำบังที่เข้มแข็ง แต่ กลับนำตนเองออกจากการปกป้องและรั้วนี้ >> เป็นเหตุให้ ล้มลงและพลาดลง อันเนื่องจาก ตนเอง





//www.panarat.com

https://www.facebook.com/panarat2013

https://www.facebook.com/cthearten






 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2559 18:45:44 น.
Counter : 925 Pageviews.  

การภาวนา2




การภาวนา2


คริสเตียนจำนวนมาก รู้จักการอธิษฐานแบบเป็นรูปแบบ  แต่เมื่อมีความจำกัด ด้านเวลา สถานที่ หรือภาระกิจที่รัดตัว ทำให้ไม่สามารถอธิษฐาน หรือนมัสการพระเจ้าได้อย่างเต็มรูปแบบ ก็ไปต่อไม่เป็น >>> ส่งผลให้เกิดการฟ้องผิดภายในจิตใจว่า ไม่สามารถใกล้ชิดพระเจ้าได้ตามรูปแบบที่เคยดำเนิน เคยเป็น หรือ เคยทำเป็นประจำ ทั้งนี้ ต่างก็มีใจปรารถนาและแสวงหาพระเจ้าอยู่เป็นเสมอ

แต่ทำไม? ความรู้สึกภายในกลับตีกันกับ ความรู้ที่เคยชิน โดยลืมไปว่า … พระเจ้าทรงมีนามว่า “เราเป็น” นั่นหมายความว่า พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งในสิ่งที่เราเป็น ในทุกขณะ แม้แต่ความจำกัด อุปสรรคหรือปัญหา ทรงชันสูตรจิตใจภายในและตรวจค้นสิ่งเหล่านั้นโดยองค์พระวิญญาณของพระเจ้าที่อยู่ภายในเรา

พระเจ้าทรงมองดูไม่เหมือนกับที่มนุษย์มอง ทรงมีมาตรวัด ไม่เหมือนที่มนุษย์วัด มนุษย์มักมองดูแต่ภายนอกสนใจแต่รูปแบบ โดย ลืมเนื้อหาภายในหรือท่าที่ในใจ ทำให้มนุษย์มักกำหนดกะเกณฑ์สิ่งต่างๆ แล้วครอบตนเองและผู้อื่นไว้ในกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งเอาไว้เอง…

แต่แท้จริงพระเจ้า ไม่ได้สนใจภายนอกเทียบเท่ากับภายใน เมื่อทรงชันสูตรภายในแล้ว ค้นพบว่าจิตใจภายในหิวกระหายและแสวงหาพระเจ้า นั่นก็เพียงพอต่อการมีความสัมพันธ์กับพระองค์

1 ซามูเอล 16:7  แต่พระเยโฮวาห์ตรัสกับซามูเอลว่า "อย่ามองดูที่รูปร่างหน้าตาหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู ด้วยว่ามนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรจิตใจ"

เราไม่จำเป็นต้องคิด หรือ กำหนดรูปแบบที่ตายตัวในการเข้าหาพระเจ้า

ดังตัวอย่างเช่น

•    หญิงที่บ่อน้ำสนทนากับพระเยซู
•    พระเยซูสอนอยู่บนเรือบ้าง อยู่บนภูเขาบ้าง อยู่ในธรรมศาลาบ้าง  สอนบนโต๊ะอาหารบ้าง ทั้งสิ้นเหล่านี้ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่มีหลากหลายรูปแบบ มีหลากหลายวาระ มีหลากหลายสถานที่ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องกำหนดตนเอง หรือ ตีกรอบให้กับตนเองในเรื่องของความสัมพันธ์จนไม่สามารถยืดหยุ่นได้ จนขาดเสรีภาพในการเข้าหาพระเจ้าได้

การภาวนาเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการอธิษฐาน ใคร่ครวญถึงพระวจนะของพระเจ้า การภาวนาเริ่มต้นจากภายในใจ เราสามารถพูดคุยกับพระเจ้า สนทนากับพระเจ้า หรือแม้แต่อธิษฐานวิงวอน หรือมีเพลงบทใหม่กับพระเจ้า ได้ตลอดเวลา แม้ในขณะที่กำลังปฏิบัติภาระกิจอื่นอยู่ …

แน่นอนว่า การมีเวลาที่เจาะจงในการเฝ้าเดี่ยว ในการแสวงหาพระเจ้า ในการศึกษาพระคำ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่ในยามที่ มีความจำกัด การภาวนา ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้เราเชื่อมต่อกับพระเจ้าได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องรู้สึกฟ้องผิด หรือ รู้สึกผิด

ภาพตัวอย่างเช่น การที่ลูกนั่งคุยกับพ่อแม่ แบบเป็นทางการ นั้นก็ดี แต่บางครั้งก็พูดคุยกันได้ ในระหว่างทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นล้างจาน นอนคุยกัน เดินไปคุยไป จ่ายตลาดไปคุยไป หรืออื่นๆ…  ก็ไม่ได้ทำให้ ความสัมพันธ์นั้นลดลง เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบ ให้เหมาะสม เท่านั้นเอง
คริสเตียนจำนวนมากหลงลืมเรื่องการภาวนา และไม่ได้มีการภาวนาเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้เมื่อถึงเวลาที่คับขัน หรือมีความจำกัด ด้านการงาน ด้านเวลา ด้านสถานที่ หรือด้านอื่นๆ ก็ไม่ให้น้ำหนักกับการเข้าหาพระเจ้าอย่างแท้จริง ... แต่กลับฟ้องผิด โทษโน่นโทษนี่ โดยที่ไม่ได้เริ่มต้น แม้แต่จะอธิษฐาน หรือเรียกหาพระเจ้าด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ยึดกรอบความคิดว่า ... ต้องนั่งลง แบบเป็นทางการเท่านั้น

กรอบความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีในสภาวะปกติ แต่ในยามที่ไม่ปกติ มีความจำกัดเป็นตัวแปรหลัก จะทำให้ไม่มีเสรีภาพในการเข้าหาพระเจ้า เกิดการฟ้องผิดในสิ่งที่ไม่เป็นเหตุผลอันสมควร เป็นการวาดความกลัวไว้ในอากาศว่า “พระเจ้าไม่พอพระทัย” “ตนเองย่ำแย่” “พระเจ้าไม่ฟัง” “สร้างแรงกดดันให้ตนเอง” ...

ซึ่งความเป็นจริงไม่ว่าเราจะนั่งลงแบบเป็นทางการ หรือภาวนาภายใน พระเจ้าก็จะทรงชันสูตรและค้นพบ ความจริงของท่าทีภายในของเราอยู่ดี ดังนั้นคริสเตียนควรฝึกที่จะภาวนาให้เป็นชีวิตจิตใจและเป็นภาวะประจำวันด้วยซ้ำ

ตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์

~ ในขณะที่พระเยซูถูกไปไต่สวน ก็ภาวนากับพระเจ้า
~ ในขณะที่เปาโลที่ถูกขังคุก ก็ภาวนากับพระเจ้า
~ ในขณะที่โยเซฟถูกขายและขังในคุก ก็ภาวนากับพระเจ้า
~ ในขณะที่ดาเนียลต้องอยู่ในถ้ำสิงโต ก็ภาวนากับพระเจ้า
~ โมเสสภาวนากับพระเจ้า แม้ในขณะที่กำลังเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดาร หรือ ท่ามกลางผู้คนมากมายกำลังทุ่มเถียง และต่อว่าโมเสส เขาใช้การภาวนากับพระเจ้า
~ โยนาห์ภาวนากับพระเจ้า ในขณะที่อยู่ในท้องปลาถึง 3 วัน
~ เนหะมีย์ ภาวนาต่อพระเจ้า ในขณะที่ฟาโรห์ถามถึงความต้องการของเขา เพื่อเยรูซาเล็มบ้านเกิด
~ เอสเธอร์ ภาวนาต่อพระเจ้า ในขณะที่กำลังยืนต่อหน้ากษัตริย์ เพื่อขอความโปรดปราน
~ มารีย์และเอลิซาเบธต่างภาวนาต่อพระเจ้าร่วมกัน
.
.
.

จะเห็นได้ว่าการภาวนามีฤทธิ์อำนาจไม่ได้แตกต่างไปจากการอธิษฐานแบบเป็นทางการ หรือการเฝ้าเดี่ยวแบบเต็มรูปแบบ เพียงแต่ มีความแตกต่าง ด้านความจำกัด หลายครั้งคริสเตียนหลงลืมและละทิ้งการภาวนา โดยเลือกเอาการไม่เข้าหาพระเจ้าเลย และอ้างความจำกัดเป็นตัวตั้ง หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ต่างอะไร กับการต้องเอาตัวเองไปกราบไหว้รูปเคารพเท่านั้น เพราะคิดว่าพระเจ้าถูกจำกัดด้วยมิติเวลา และมิติสถานที่

แท้ที่จริงพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ไม่ถูกจำกัดด้วยมิติใดๆ ทั้งสิ้น เราจึงสามารถอธิษฐานร้องทูล และมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ในทุกเวลา ในทุกวัน ได้ทุกสถานที่ ในทุกสภาวะการณ์ เนื่องด้วย การวายพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขน ทำให้ม่านในวิหารขาดจากบนลงล่างตลอดแนวแล้ว นั่นหมายความว่า ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง หรือ กีดกั้นการเข้าหาพระเจ้าของเราได้แม้แต่สิ่งเดียว

1.    ความจำกัดไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าหาพระเจ้า และไม่เป็นข้ออ้างอันสมเหตุสมผล เพื่อจะไม่เข้าหาพระเจ้าด้วย

2.    พระเจ้าทรงพระคุณอย่างมากมาย ทรงรู้ และเข้าใจความจำกัดของมนุษย์ รวมถึงของเราอย่างเจาะจง ดังนั้น ทรงเปิดทางให้แก่เราในการมีความสัมพันธ์กับพระองค์หลากหลายรูปแบบ และหลากหลายหนทาง จึงไม่มีข้ออ้างหรือเหตุผลใด ทำให้เราล้มเลิกหรือไม่เข้าหาพระเจ้าได้เลย

3.    ในความเป็นจริง คริสเตียนควรภาวนาถึงพระเจ้าในทุกสภาวการณ์ด้วยซ้ำ ไม่เพียงแค่สภาวการณ์ไม่ปกติ เพราะการภาวนาเป็นการเชื่อมต่อกับพระเจ้าโดยตรงอีกรูปแบบหนึ่ง

4.    การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแบบเต็มรูปแบบ หรือแบบเป็นทางการ เป็นสิ่งที่ควรมีในทุกวัน เพื่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่ราบรื่น และได้รับทิศทางจากพระเจ้าเป็นการส่วนตัว แต่การภาวนาเป็นเหมือน option เสริม ที่ควรเรียนรู้ เพื่อให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้า เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่เพียงแค่เวลาเฝ้าเดี่ยว  หรือเวลาศึกษาพระคำแบบเป็นทางการเท่านั้น

5.    การภาวนาเป็นเรื่องของการฝึกฝน  หากเติบโตด้านการภาวนามากยิ่งขึ้น >> จะส่งผลให้ทุกช่วงชีวิต ไม่ว่าจะคิด หรือจะทำอะไร ไม่ว่าเผชิญสิ่งใด จะเริ่มต้นด้วยการแสวงหาพระเจ้าก่อนเสมอ

6.    อย่าโดนหลอกด้วยอุปสรรคปัญหา หรือเนื้อหนัง ในการขาดวินัยของตนเอง ทำให้พรากพระพรที่ควรเป็นของตนออกไป  เพราะการห่างเหินจากพระเจ้า





//www.panarat.com 

https://www.facebook.com/panarat2013

https://www.facebook.com/cthearten






 

Create Date : 20 เมษายน 2559    
Last Update : 20 เมษายน 2559 21:28:50 น.
Counter : 357 Pageviews.  

การภาวนา




การภาวนา


คริสเตียนแทบทุกคนเคยได้ยินคำว่า “การภาวนา” อยู่แล้ว แต่มีสักกี่คนที่สามารถทำได้จริง

ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยให้เรานั่งลงอธิษฐาน
ในเวลาที่ภารกิจต่างๆ รัดตัว จนไม่สามารถปลีกตัวเองออกมาได้
ในยามคับขันที่ไม่สามารถร้องทูลได้อย่างเป็นทางการ
ในระหว่างการดำเนินชีวิตประจำวัน
ในสถานที่ๆ ไม่คุ้นเคยหรือคล่องตัว
ในท่ามกลางผู้คนที่ดูเหมือนจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกลับเราอย่างสิ้นเชิง
.
.
.

เราทุกคนต่างต้องเผชิญหน้า กับวันเวลา สถานการณ์ รวมถึงผู้คน ที่ไม่อาจควบคุมทุกสิ่งให้สะดวกสบายดั่งใจนึกได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราไม่อาจทำในสิ่งที่เราวาดไว้อย่างสมบูรณ์แบบได้
บางคนตีกรอบความคิดว่า ... “พระเจ้าจะฟังคำร้องทูลของเราต่อเมื่อเรานั่งลงอธิษฐานในท่าสวยงามอย่างเพียบพร้อมเท่านั้น”
บ้างก็จำกัดพระเจ้าว่า ... “ไม่ทรงเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นและเผชิญอยู่” แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องการการช่วยกู้จากพระเจ้า

*สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้ออ้างในการไม่ได้เริ่มต้นอธิษฐานด้วยการภาวนาภายในเลยด้วยซ้ำ!!!
แท้จริงพระเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นและรู้ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใดอยู่ พระองค์ทรงยอมรับได้ และทรงรับรู้ถึงภายในด้วยการหยั่งลึกและชันสูตร ทรงมอบหนทางแก่เราด้วยการไม่จำกัดรูปแบบ หรือยึดติดรูปแบบ หรือกำหนดสิ่งต่างๆ ให้กับเราชนิดที่ยากเกินจะทำได้ แต่ทรงให้เราสามารถภาวนาและร้องทูลต่อพระองค์ได้ทุกเมื่อทุกเวลา ทุกสภาพการณ์ ทุกสถานที่

แต่คนจำนวนมากกลับละเลยและไม่ทำสิ่งที่แสนง่ายเหล่านี้ พยายามหาเหตุผลข้ออ้างว่า “ไม่มีเวลานั่งลงอธิษฐาน”“ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เป็นรูปแบบเพื่อพระเจ้าได้เลย”
ดูเหมือนใจจะแสวงหาพระเจ้า แต่กลับละเลยและทอดทิ้งพระองค์โดยสิ้นเชิง และป้อนเหตุผลนาๆ ประการให้ตนเองดูดีด้วยความปรารถนาอยากจะเข้าหาพระเจ้าแต่สิ่งอื่นๆที่ควบคุมไม่ได้บีบคั้น

ในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง หากเราตระหนักได้ว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา พระองค์ไม่ได้เรียกร้องการไปที่แท่นบูชาพร้อมกับสัตว์เพื่อมาถวายที่วิหาร แต่ทรงประทานองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในเรา แล้วเช่นนี้จะมีที่ใดหรือที่เราไม่สามารถร้องทูล หรือภาวนาต่อพระองค์ จะมีเวลาใดหรือที่เราไม่สามารถสนทนากับพระเจ้าได้ จะมีเหตุผลใดหรือที่ยกขึ้นมาอย่างมีน้ำหนักได้ว่า “ไม่สามารถ”

พระเจ้าทรงรู้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะร้องทูลนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ก็ทรงปรารถนาให้เราเข้ามาร้องทูลความปรารถนาต่อพระองค์ด้วย

*** มีเพียงฟาริสีเท่านั้นที่มักจำกัดกรอบและขอบเขตต่างๆ ในการเข้าหาพระเจ้า จงอย่าจำกัดความสัมพันธ์ด้วยรูปแบบที่ตนเองคุ้นชิน ***

เพราะแม้งานยุ่ง เราก็สามารถภาวนาพระคำได้
แม้ภารกิจมาก เราก็สามารถสนทนากับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่กับเราได้
แม้ไม่มีเรี่ยวแรง เราก็สามารถ เรียกนามพระคริสต์ได้
แม้เหน็ดเหนื่อยจนกระดิกตัวไม่ไหว เราก็สามารถพักสงบในพระเจ้าได้
แม้ไม่มีสถานที่สวยหรู หรือเพียบพร้อมอย่างที่บ้าน ที่คริสตจักร เราก็สามารถร้องทูลต่อพระองค์ได้

การภาวนาทำอย่างไร

ในขณะที่เปาโลภารกิจมากมาย เขาทำอย่างไร?
ในขณะที่โยเซฟถูกขังคุกเขาทำเช่นไร?
ในขณะที่พระเยซูถูกไต่สวน ทรงทำอย่างไร?

วันนี้เราได้เริ่มต้นภาวนาแล้วหรือยัง??? ก่อนที่จะอ้างสารพัดเหตุผล!!!
บางทีอาจพบว่า ... ก็แค่ยังไม่ได้เข้ามาหาพระเจ้าสักทีเท่านั้นเอง อย่าทำให้เรื่องง่ายๆ ที่องค์พระเยซูปลดปล่อยแล้ว เพื่อมอบแก่เราให้เป็นไท กลับกลายเป็นเรื่องยาก เพราะความไม่เอาหรือการไม่เริ่มต้นของตนเอง เพราะหนทางที่พระเจ้าประทานให้นั้นแสนง่ายดาย






//www.panarat.com

https://www.facebook.com/panarat2013

https://www.facebook.com/cthearten






 

Create Date : 20 เมษายน 2559    
Last Update : 20 เมษายน 2559 20:17:48 น.
Counter : 835 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  
 
 

Your Grace
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




* Blog นี้ สร้างเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ข้อคิดสะกิดใจ เพื่อหนุนจิตชูใจคริสตชนด้วยกัน อีกทั้งแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆ ของคนที่รักพระเจ้าอย่างสุดใจคนหนึ่ง ที่กำลังพัฒนาตนเองให้เติบโตมากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน

* เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงมุมมองมุมหนึ่งของคนเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ได้มีประสบการณ์ตรงจากพระเจ้า อาจยังไม่สมบูรณ์ เพราะต้องการพัฒนาต่อไปในน้ำพระทัยพระเจ้าจนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์

* เรื่องราวเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดวงหรือขอบเขต เพียงแค่คริสตชนเท่านั้น แต่สำหรับทุกๆ คนที่ต้องการกำลังใจ และเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ต่อกันและกัน

* คาดหวังเพียงแค่จะเป็นส่วนหนึ่งที่่สามารถจรรโลงโลกนี้ให้น่ารักและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

*** ขอพระเกียรติสิริทั้งสิ้นมอบแด่พระเยซูคริสต์เจ้าแต่นามเดียว เท่านั้น ขอเพียงพระพรตกแก่ข้าพเจ้าและครัวเรือน อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน ***
[Add Your Grace's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com