Your Grace.Blog : เรื่องราวเล็กๆ ของคนที่รักและเดินติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ
 

หลงกลัวอยู่ตั้งนาน!!


หลงกลัวอยู่ตั้งนาน!!

เรื่องมีอยู่ว่า.... เด็กชายคนหนึ่งชื่อแซลซี เป็นเด็กซนมีอุปนิสัยชอบขว้างปาเพื่อพิสูจน์ความแม่นยำของตัวเองว่าจะขว้างโดนเป้าหมายหรือไม่..แต่จนแล้วจนรอด เขาไม่เคยจะมีความแม่นยำเอาเสียเลย เล่นกับเพื่อนทีไรก็แพ้ทุกที หนำซ้ำยังโดนล้อเสมอๆ เพราะเขาเป็นนักพลาดเป้า อยู่มาวันหนึ่งขณะกำลังซ้อมขว้างก้อนหินให้โดนเป้า ก็ได้ยินเสียงคุณย่า เรียกให้เข้าบ้านเพื่อกินอาหารเย็น ด้วยความเซ็งสุดขีดที่ใช้เวลานานนับชั่วโมงๆ ก็พลาดเป้าตลอด จึงปาหินก้อนสุดท้ายที่อยู่ในมือด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแกมเซ็งอย่างสุดแรง...

...........

โอ้วววว ครั้งนี้เขาปาได้อย่างแม่นยำเกินคาด แต่!!!! ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะเป้าที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้โดนคือ เป็ดตัวโปรดที่คุณย่าเฝ้าเลี้ยงมายาวนาน ทันใดนั้นแซลซีกระโดดสุดตัว ร้องจ๊ากกกกกกกก
...หันซ้ายแลขวา ไม่พบใครแถวนั้น ก็คิดได้ทันทีรีบเอาเจ้าเป็ดไปฝังกลบให้เนี้ยบและมิดชิด แล้ววิ่งไปล้างเนื้อล้างตัว เข้ามากินข้าวเย็นอย่างเนียนๆ ...(ในใจนึกครึ้มขึ้นมานิดนึงว่า...ใช่ย่อยนะเรา เดี๋ยวจะไปท้าแข่งกับเพื่อนๆ ที่ชอบล้อ) แต่เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ถึงหน้าที่ที่แนนซี่พี่สาวคนเดียวของเขาต้องล้างจาน

คุณย่า : แนนซี่ กินเสร็จแล้วรีบล้างจานให้สะอาดนะลูก
แนนซี่ : วันนี้แซลซี อาสาจะล้างแทนหนูค่ะ

แซลซี่ ทำหน้างง แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำใดออกมา แนนซี่ก็กระซิบที่ข้างหูน้องชายว่า "คิดถึงเป็ดไว้สิ" ทำให้น้องชายต้องยอมแต่โดยดี
เมื่อถึงเวลาทำงานบ้านของแนนซี่ทีไร แนนซี่มักบอกคุณย่าว่าแซลซีอาสาเสมอ และคำขู่ที่ทำให้น้องชายคนนี้ยอมและทำตามโดยไม่มีทางสู้ คือ "คิดถึงเป็ดเข้าไว้"  Smiley Smiley Smiley

เวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์แซลซี นึกแล้วก็เหลืออด เราทำพลาดแค่ครั้งเดียวทำไมต้องยอมอยู่ร่ำไป จึงตัดสินใจ เดินไปหาคุณย่าพร้อมสารภาพผิดทุกอย่างที่เขาได้ทำไป คุณย่าหันมามองหน้าหลานชายตัวน้อยพร้อมกับตอบว่า

คุณย่า : อืม ย่ารู้ตั้งแต่วันนั้นแล้วเพราะย่ายืนล้างจานอยู่ที่หน้าต่าง ก็ในเมื่อหลานไม่ได้ตั้งใจ ย่าก็ให้อภัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหละ แต่ย่ารอดูว่าหลานจะอดทนและเก็บเรื่องนี้ไว้ได้นานสักเท่าไร ถึงจะยอมสารภาพกับย่าด้วยปากของหลานเอง

และอีกเช่นเคยเย็นวันนั้นแนนซี่ มาแผนเดิมหวังจะให้น้องชายทำงานในส่วนของตน เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแนนซี่รีบพูดขึ้นเลยว่า "วันนี้แซลซีอาสาล้างจานอีกแล้วค่ะ" พร้อมกับหันไปส่งซิกให้น้องชายรู้ว่า ..เป็ดหนะ เป็ด แต่แซลซีไม่สนใจแล้วตอบพี่สาวว่า "ผมไม่ทำแล้ว เพราะผมบอกคุณย่าเรื่องเป็ดแล้ว แล้วย่าก็ไม่ได้ถือโทษโกรธผม แต่กลับให้อภัยผมอีก" แล้วเขาก็ออกไปวิ่งเล่นด้วยเสรีภาพอย่างเต็มที่

.........................................................................................................

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ??? Smiley

แท้จริงไม่มีสิ่งใดจะจำกัดเสรีภาพในชีวิตของเราได้เลยนะคะ นอกเสียจากความรู้สึกผิดภายในที่คอยติดตามเราเสมอ หากเราเปิดช่องหรือให้โอกาสแห่งความรู้สึกผิดนั้นทำงานในเรา เสรีภาพก็พรากจากเราไปเพราะเราไม่กล้าเผชิญหน้า Smiley Smiley

ในโลกนี้ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่ไม่เคยทำผิด หรือ พลาดลง แต่คนจำนวนมากเลือกที่จะฝังหรือแอบซ่อนมันไว้ ภายใต้ แรงกดดันและการลงโทษตัวเอง วิธีการเดียวที่จะสามารถปลดปล่อยตัวเราได้คือ สารภาพความจริงและใช้ชีวิตอย่างมีเสรีภาพ คนที่รักเราจริงพร้อมเสมอที่จะให้โอกาสกับเราค่ะ และที่สำคัญหากเราหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่น เมื่อเราพลาดเราก็จะได้รับโอกาสเช่นกันค่ะ Smiley

//www.panarat.com/




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2555    
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 13:06:18 น.
Counter : 814 Pageviews.  

"แย่กว่าบางคน แต่ดีกว่าบางคน"


"แย่กว่าบางคน แต่ดีกว่าบางคน"

วันหนึ่งเห็นรถกระบะคันข้างหน้า ติดสติ๊กเกอร์ คำๆนี้

"แย่กว่าบางคน แต่ดีกว่าบางคน"

แหม อะไรมันจะสะท้อนจิตใจภายในและเปิดเผยความเป็นจริงได้เช่นนี้

แน่นอน...ชีวิตคนเรามีแย่บ้างดีบ้าง บางครั้งเราก็ดีกว่าคนบางคน แต่แน่นอนเราย่อมมีใครบางคนที่ดีกว่าเรา สิ่งที่เราใช้คนบางคนอาจไม่มีปัญญาจะหามาครอบครองได้เลยด้วยซ้ำ ในขณะที่เราเองก็มักอยากได้ในสิ่งที่อีกคนมี อีกคนใช้... น่าแปลกไหม?? ทำไมคนเราถึงเฝ้ามองดูแต่คนอื่น แทนการมองดูตนเอง หากเราลองหันกลับมามองดูตัวเราเองจะพบว่า เราสามารถเพียงพอกับสิ่งที่มี และเราสามารถภาคภูมิได้กับสิ่งที่เราเป็น

เด็กมักร้องไห้กระจองงอแง ร้องขอให้ได้ทุกสิ่งตามที่ตนเองปรารถนา โดยที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะยั้งคิดด้วยซ้ำว่า มันสมเหตุสมผล หรือมันเหมาะกับเราไหม หรือมันใช่เวลาหรือเปล่า...สิ่งเดียยวที่เขาคิดได้คือ โอ้วววว อยากได้ Smiley

แต่ผู้ใหญ่ มักให้เวลาตัวเองคิดและไตร่ตรองสักนิดว่า มันสมควรแก่เราไหม ถ้าสมควรใช่เวลานี้หรือเปล่า แล้วถ้างั้นมากกว่านั้นปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง เพราะเขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัดสินใจและรับกับผลที่จะติดตามมา...เขาคิดได้มากกว่าคิดว่า ...อยากได้ Smiley


....
....
ความจริงมีอยู่ว่า รถคันนี้ ติดสติ๊กเกอร์ที่อิงความจริงของชีวิต...มองผ่านดู ชิลๆ แต่มันคือ ความจริง



//www.panarat.com/




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2555    
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 13:06:38 น.
Counter : 1014 Pageviews.  

หนึ่งเดียว...ที่เหลืออยู่


หนึ่งเดียว...ที่เหลืออยู่


ในพระคริสต์ธรรม ลูกา.บทที่ 17:ข้อ 17 ฝ่าย พระเยซูตรัสว่า"มีสิบคนหายสะอาดมิใช่หรือ แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน"

ตอนนั้น พระเยซู รักษาคนโรคเรื้อนทั้ง 10 คนโดยให้เขาไปรายงานตัวต่อปุโรหิตระหว่างทางที่ทั้ง 10 คนกำลังเดินทางไปนั้นเขาหายโรค 1 ใน 10 คนนั้นหันหลังกลับมาหา พระเยซู เพื่อจะสรรเสริญที่ทรงรักษาโรคที่เขาทนทุกข์ทรมาน เป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และโรคนั้นกัดกินเนื้อหนังของเขา ... เขากลับมาเพื่อบอกให้ พระเยซู รู้ว่าเขาหายโรคนั้นแล้วเพราะพระเมตตาของพระองค์


ส่วนคนที่เหลือไม่มีใครปรากฏตัวต่อหน้า พระเยซู อีกเลย



พระเยซู ถามชายผู้นั้นว่า มีแค่คนเดียวหรอที่กลับมา ส่วนที่เหลือหายไปไหน?? 



น่าแปลกใจจัง!!! ทำไม??? พระเยซู ถึงถามเช่นนั้น (ก็เห็นอยู่แล้วว่ากลับมาเพียงคนเดียว ไม่ใช่เพราะหายโรคแค่คนเดียวนะทั้ง 10 คนหายสนิทเหมือนกัน แต่มีเพียงคนเดียวที่เลือกจะกลับมาหาพระองค์)


พระองค์น้อยใจหรอ??? ก็พระองค์บอกเองนี่นา...ว่าให้เขาไปรายงานตัวต่อปุโรหิต >> นี่ไงพวกเขาก็ไปแล้ว แต่มีคนหนึ่งที่ดูเหมือนไม่ได้ทำตามที่ พระเยซู บอกแต่ได้หันกลับมาหาพระองค์เพื่อสรรเสริญพระองค์ แล้วทำไมเขาจึงเป็นคนที่ พระเยซู ตรัสกับเขาอย่างพออกพอใจเสียเหลือเกิน....


**เพราะชายผู้นั้นเล็งเห็นถึงคุณค่าและรู้ว่าผู้ใดที่ทำให้เขาหายโรคอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะเขาต้องไปรายงานตัวต่อปุโรหิตเขาจึงหายโรค แต่เพราะคำตรัสของ พระเยซู มิใช่หรือ!! ที่ทำให้เขาหายโรค ชายผู้นี้ไม่รีรอที่จะตัดสินใจกลับมาหา พระเยซู ผู้ที่ทำให้เขาหายโรค ส่วนอีก 9 คนหนะหรือ เขาก็ได้รับการรักษาจาก พระเยซู เหมือนกันนั่นแหละแต่สิ่งที่เขาไม่ได้ คือ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะสนทนากับพระองค์ จะหวังอะไรกับการที่พระองค์จะพอพระทัยหรือจะชื่นชมเขา...**


มีเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่มีประสบการณ์กับ พระเยซู มีพระพร ได้รับการอวยพร แล้วจะกลับมาสรรเสริญพระองค์ ด้วยเสียงดัง ด้วยเปิดเผย ด้วยการละเป้าหมายส่วนตัว


ทำไมจึงมีน้อยคนเหลือเกินที่เดินติดตามพระองค์ มีคนมากมายมาหาพระองค์เพื่อรักษาโรค เพื่อขอพร เพื่ออะไรอีกมากมาย แต่มีเพียงสาวกแค่ 12 คนเท่านั้นที่ติดตามพระองค์ไป แบบที่รู้และยอมรับด้วยว่าเขาจะไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน แต่นั่นแหละเขาได้สิทธิ์ที่คนอีกนับพัน นับหมื่นคนหรืออีกนับไม่ถ้วนที่ไม่เอาด้วย และเขาไม่ได้รับเพราะเขาไม่เอา ... แม้ความตายของเขา(เหล่าสาวก) ก็ยังถูกบันทึกเลย



//www.panarat.com 




 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 13:06:56 น.
Counter : 414 Pageviews.  

ความแตกต่างของการอวยพรกะแช่งสาป


ความแตกต่างของการอวยพรกะแช่งสาป

หลักการ BLESSING.. Smiley


คือการอวยพร หมายถึง...การที่เราปรารถนาจะอวยพรคนๆ หนึ่งด้วยใจรักและเป็นห่วงที่สำคัญการอวยพรนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่เราอวยพร ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเราว่าอยากจะอวยพรเขาอย่างไร คนมากมายที่ปรารถนาจะอวยพรคนที่อยู่กับเรา คนที่น่ารัก แต่การอวยพรคนที่เขาไม่ได้ร่วมเดินเส้นทางเดียวกับเราเป็นเรื่องยาก


แต่นั่นแหละการงานของพระเยซู ที่ทรงอวยพรศัตรูหรืออวยพรคนที่บางครั้งเขาก็ไม่สมควรได้รับพรจากเรา นอกจากคำแช่งสาป ..


แต่คำแช่งสาปนำมาซึ่งความบาดเจ็บ โกรธเกลียดและหาประโยชน์จากมันไม่ได้ คำแช่งสาปมักเกิดขึ้นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่ถูกกระตุ้นเร้าให้ปล่อยคำพูดที่แช่งสาปออกมาจากอารมณ์ที่อยากระเบิดออกมา แต่ในคำเหล่านั้นมีนจะติดตัวผู้ที่ได้รับคำแช่งสาปนั้นไปตลอดจนกว่าจะมีการตัดความสัมพันธ์กับมัน


แต่หลายครั้งคนเราไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้รับคำแช่งสาปเพราะหลายๆครั้งที่คำแช่งสาปมักเกิดขึ้นลับหลัง ถ้าเราผู้มีสิทธิอำนาจที่พระเจ้า มอบให้อยู่ที่ปากของเรา เราควรคิดและตระหนักอย่างมากที่จะอวยพรหรือแช่งสาป เพราะสิ่งเหล่านี้มันสามารถมีผลต่อชีวิตของคนๆ นันได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ถ้าผู้รับไม่ปรารถนาจะรับหรือปฏิเสธที่จะรับสิ่งเหล่านี้ก็โมฆะโดยสิ้นเชิง


ย้อนกลับมาที่ปากอันมีคุณของเรา เราสามารถควบคุมตัวเองได้มากเพียงใดสำหรับการปล่อยคำอวยพรหรือควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องหลุดคำแช่งสาปออกมา คนที่ตระหนักถึงสิทธิที่พระเจ้า ทรงมอบให้จะตระหนักอย่างมากในการควบคุม


..มีเด็กน้อยคนหนึ่งเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า ถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ผู้เป็นบุพการีที่ให้กำเนิดแก่เขา


แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งผ่านมาเก็บเขาไปเลี้ยงดูจนเขาเติบใหญ่ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ให้ความรัก เอ็นดู หาสิ่งดำรงชีพแม้ต้องแลกกับสิ่งต่างๆที่ตนเองปรารถนาเพื่อเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบโต แม้จะไม่ใช่ลูกของตนเองก็ตาม วันหนึ่งเมื่อเด็กน้อยโตขึ้นกลายเป็นหญิงสาวที่สามารถดูแลตัวเองได้ หญิงผู้เลี้ยงดูเด็กน้อยคนนี้ก็ได้เจริญวัยขึ้นเป็นสาวใหญ่ จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง จึงให้บ้านที่ตนเองผ่อนมาอย่างยากลำบากแก่หญิงสาวคนนี้เพื่ออยู่อาศัยและดำรงชีพต่อไปได้ .....ส่วนตัวเองก็ออกไปหาบ้านหลังใหม่เพื่อเริ่มต้นความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่...และขาดหายไป.... แต่แล้ววันเวลาผ่านไปหญิงสาวคนนี้ได้ขึ้นป้ายที่หน้าบ้านหลังเดิมว่า .. "ห้ามสาวใหญ่คนนี้เข้าบ้านเด็ดขาด" คนที่ผ่านไปมาและคนรอบข้างก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย คิดสงสัยว่าสาวใหญ่จะทำไม่ดีบางอย่างจนต้องเป็นเหตุให้หญิงสาวคนนี้ต้องขึ้นป้ายประกาศเช่นนั้น .....


ไม่มีใครรู้เลยว่าสาวใหญ่ได้แวะมาที่บ้านหลังนี้ทุกเช้าและเย็นเพื่ออวยพรบ้านหลังนี้และคนที่อาศัยในบ้านหลังนี้ ...


เห็นภาพของการ BLESSING กับการแช่งสาปหรือไม่???


//www.panarat.com/




 

Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 13:05:16 น.
Counter : 464 Pageviews.  

You R MY best friend


You R MY best friend

เพื่อน...คำๆ นี้ฟังดูเผินๆ ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก


แต่เชื่อไหมว่า ชั้นเฝ้าเรียกหาและรอคอยคนๆ นั้น ที่จะเป็นเพื่อนแท้ของชั้นได้จริงมาตลอดในช่วงชีวิตของชั้น


สำหรับชั้นคำว่า "เพื่อน" มันลึกซึ้งกว่า


* การมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง แต่คนๆ นั้นต้องสามารถเคียงข้างชั้นด้วยความเข้าใจ พร้อมที่จะยื่นมือออกมาช่วยชั้นในยามที่ชั้นอ่อนล้า และแสดงตัวตนที่เลวร้ายที่สุดออกมา พร้อมจะบอกว่าให้ อภัยเสมอและยังคงรักชั้นต่อไปแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ


* เวลาที่ชั้นพูดอะไรกับใครไม่ได้เลย ... ชั้นสามารถนึกถึงคนๆ นี้ได้ เขาสามารถนั่งฟังชั้นได้ โดย ไม่เข้าใจชั้นผิด หรือบิดเบือนไปจากตัวตนของชั้น * บางเวลาที่ชั้นทำผิดพลาด เขาไม่ได้คอยตามใจ หรือไม่สนใจที่จะตักเตือนชั้น เขากล้าที่จะบอกชั้นว่าชั้นต้องรับการเปลี่ยนแปลงใหม่


* เวลาที่ชั้นเหงา ชั้นจะมีเขาเข้ามาเติมจิตใจภายในที่เป็นช่องว่างอยู่ แม้ชั้นจะไม่เห็นหน้าเขา แต่ชั้นสามารถมั่นใจได้ว่าชั้นมีเขาเคียงข้าง


มีบทเพลงนึงทำให้ชั้นรู้และแน่ใจว่าพระเยซูเป็นเพื่อนคนนั้นของชั้น


"พระเยซูรักชั้น พระเยซูรักชั้น


 พระคัมภีร์สั่งสอน.. จึงรู้ดังนั้นแน่นอน"


พระองค์ทรงรักและให้อภัยชั้นเสมอ ที่กางเขนทรงพิสูจน์รักนั้นให้ชั้นได้เห็น

ว่าทรงยอมสละทุกสิ่งเพื่อชั้นได้แม้แต่ชีวิตของพระองค์เอง


ชั้นสามารถพูดทุกสิ่งที่เป็นตัวชั้น แต่พระองค์ยังปลอบประโลมชั้นด้วยอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยรัก แล้ว ตรัสว่า "เราอยู่กับเจ้า"


เวลาที่ชั้นเหงาจับขั้วหัวใจ พระองค์มักตรัสในใจชั้นว่า .."เรารักเจ้าไม่เสื่อมคลาย"


เมื่อชั้นเผชิญปัญหาหนักหน่วงในชีวิตจนแทบจะยืนไม่ไหว ทรงประคองชั้นแล้วมองชั้นด้วยสายตาอันอบอุ่น กระซิบที่ข้างหูชั้น .. พักพิงในเราเถิด


เมื่อครั้งที่ชั้นก้าวพลาดไปทรงสอนทางใหม่ให้กับชั้นแล้วจูงมือชั้นลุกขึ้น พร้อมกำลังใจที่ไม่ลดลง


คนหลายคนอาจจะงงและสงสัย ว่าพระเยซูเป็นเพื่อนของชั้นได้อย่างไร??? แต่จากประสบการณ์ของชั้นทรงเป็นเช่นนั้นจริงๆ...



//www.panarat.com/




 

Create Date : 23 มีนาคม 2553    
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 13:26:15 น.
Counter : 1174 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  
 
 

Your Grace
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




* Blog นี้ สร้างเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ข้อคิดสะกิดใจ เพื่อหนุนจิตชูใจคริสตชนด้วยกัน อีกทั้งแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆ ของคนที่รักพระเจ้าอย่างสุดใจคนหนึ่ง ที่กำลังพัฒนาตนเองให้เติบโตมากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน

* เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงมุมมองมุมหนึ่งของคนเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ได้มีประสบการณ์ตรงจากพระเจ้า อาจยังไม่สมบูรณ์ เพราะต้องการพัฒนาต่อไปในน้ำพระทัยพระเจ้าจนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์

* เรื่องราวเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดวงหรือขอบเขต เพียงแค่คริสตชนเท่านั้น แต่สำหรับทุกๆ คนที่ต้องการกำลังใจ และเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ต่อกันและกัน

* คาดหวังเพียงแค่จะเป็นส่วนหนึ่งที่่สามารถจรรโลงโลกนี้ให้น่ารักและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

*** ขอพระเกียรติสิริทั้งสิ้นมอบแด่พระเยซูคริสต์เจ้าแต่นามเดียว เท่านั้น ขอเพียงพระพรตกแก่ข้าพเจ้าและครัวเรือน อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน ***
[Add Your Grace's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com