Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 22

22.


“คืออะไรล่ะฮะ” พาสนาเร่ง ซึ่งในที่สุดแฟนนี่ก็ตัดสินใจได้ว่าบอกความจริงไปให้หมดดีกว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดก็ได้

“ค่ะ คือจริงๆแล้วเนี่ย อาเจิ้นเค้า.....”
.
.
.
“คือ จริงแล้ว อาเจิ้นเค้า...ไม่สบายมากค่ะ แต่ว่าเค้าไม่อยากให้พาสเป็นห่วงก็เลยห้ามไม่ให้บอก นอนซมอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อคืน ถ้าตอนเช้าชั้นไม่โทรเข้าไปก็คงไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แถมนี่ก็ยังสั่งไม่ให้บอกพวกเสี้ยวเทียน แวนเนส แล้วก็ไจ่ไจ๋ด้วย” แฟนนี่บอกอ่อยๆ ซึ่งเมื่อพาสนาได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก ใจเธอแทบจะแล่นขึ้นไปหาเค้าบนห้อง แต่อารมณ์โกรธอารมณ์น้อยใจก็พุ่งขึ้นมาทันทีเหมือนกัน นี่เค้าเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าเป็นพี่น้องกัน แล้วพี่น้องเค้าปิดบังกันอย่างนี้เหรอ ไม่ไว้ใจกันเลยใช่มั้ย

“พาสอย่าโกรธอาเจิ้นเลยนะ เค้าก็นิสัยแบบนี้แหละ ชอบกลัวว่าจะทำให้คนอื่นเป็นห่วง แต่ไม่ค่อยจะห่วงตัวเอง เค้าก็แค่ไม่อยากทำให้พาสเป็นห่วงเท่านั้นแหละ บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก” เมื่อเห็นพาสนาเงียบไปอย่างจับความรู้สึกไม่ได้ แฟนนี่เลยพยายามช่วยแก้ต่างให้ศิลปินในความดูแลเต็มที่ เพราะนึกกลัวใจพาสนาอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะโกรธแค่ไหน

“ตอนนี้เกอเกออยู่ไหนฮะ” ในที่สุดพาสนาก็หาเสียงตัวเองเจอ หญิงสาวเค่นเสียงถามไปอย่างยากลำบาก บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกเช่นไร โกรธ โมโห เสียใจ หรือตกใจ

“อยู่บนห้อง นอนหลับอยู่ นี่ชั้นก็ว่าจะลงมาหาซื้ออะไรไปทำให้เค้ากิน เพราะตั้งแต่ชั้นมาถึงตอนเช้าเค้าก็ไม่ยอมกินอะไรเลย บอกให้กินก็ไม่กิน บอกว่าไม่หิว จะบังคับก็ไม่ได้ ขานั้นเค้าพ่อเทวดา นี่ก็ไม่รู้ว่าซื้อขึ้นไปให้คราวนี้จะยอมกินหรือเปล่า” แฟนนี่ได้ทีก็แอบบ่น เธอทั้งขู่ทั้งปลอบจนอ่อนใจ ถ้าเวลาปกติเจอรี่ดื้อแค่ไหน เวลาไม่สบายนี่เอาสิบคูณเข้าไปได้เลย

...ดีล่ะ เดี๋ยวยกให้พาสจัดการดีกว่า หมอนั่นไม่กล้าหือแน่นอน... แฟนนี่วางแผนในใจ เริ่มมองเห็นทางสว่างในการจัดการกับคนป่วยจอมดื้อแล้ว

“งั้นพาสขอขึ้นไปดูหน่อย แฟนนี่คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยฮะ” พาสนาถามเรียบๆ สีหน้านิ่งสนิท

“ได้เลยค่ะ นี่จริงๆชั้นก็มีนัดนะคะ แต่ติดว่าเป็นห่วงอาเจิ้นไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน พาสมาก็ดีแล้ว ฝากด้วยแล้วกันนะ เดี๋ยวขึ้นไปด้วยกันแล้วชั้นขอตัวกลับก่อนเลยนะ” แฟนนี่สบช่อง รีบหาข้ออ้างในการปลีกตัวอย่างรวดเร็ว

...ชั้นถือว่าชั้นช่วยเปิดโอกาสให้นายนะอาเจิ้น จะง้อจะอ้อนอะไรก็ตามสบาย หวังว่านายคงไม่ปล่อยให้เสียเปล่า... แฟนนี่เหมือนจะสื่อความคิดให้ไปถึงคนที่นอนหลับอยู่บนห้อง

“ฮะ” เอาอีกแล้วสีหน้าเฉยๆแบบที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ของพาสนา ทำให้แฟนนี่อดจะหวาดเสียวแทนเจอรี่ไม่ได้ ก็ปกติสาวห้าวคนนี้ดูออกจะเป็นคนเปิดเผย อารมณ์ดี ...หวังว่าเจอรี่คงเอาตัวรอดจากข้อหาปกปิดได้นะ เฮ้อออออ...

หลังจากซื้อของอีกนิดหน่อย แฟนนี่ก็พาพาสนาขึ้นไปที่ห้องของเจอรี่ เธอไขเปิดประตูนำเข้าไป จัดการเอาของไปวางในครัวให้เรียบร้อย ก่อนจะขอตัวกลับไป ไม่แม้แต่จะเข้าไปลาเจอรี่ โดยให้เหตุผลว่า เค้าคงหลับอยู่ไม่อยากรบกวน แต่จริงๆแล้วเธอกลัวโดนเจอรี่ว๊ากใส่ต่างหาก ที่ไปบอกพาสนาว่าเค้าไม่สบาย ทั้งๆที่เค้าสั่งให้ปิดเป็นความลับแล้วโดยเฉพาะกับพาสนาที่เค้าย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอก

หลังจากแฟนนี่กลับไป พาสนาก็ยืนคว้างอยู่กลางห้องครู่ใหญ่ อย่างทำตัวไม่ถูก เมื่อกี๊ที่ขอตามแฟนนี่ขึ้นมาด้วย ก็เพราะเป็นห่วง อยากจะมาเช็คดูว่าอาการเค้าเป็นยังไงบ้าง อีกใจหนึ่งก็อยากมาถามให้รู้เรื่องว่าทำไมต้องปิดบังกันด้วย

เสียงเหมือนอะไรหล่นดังมาจากหลังประตูบานหนึ่ง ซึ่งเธอคาดว่าคงจะเป็นห้องนอนของเค้าทำให้พาสนาดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะเดินไปยังประตูบานนั้นและเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นก็คือ เจอรี่ที่ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด กำลังพยายามจะลุกขึ้นมาเก็บแก้วน้ำที่ลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นพรมข้างเตียง

...ดูซิ ขนาดจะลุกยังแทบไม่ไหว แล้วยังมีหน้าบอกแฟนนี่ว่าไม่เป็นอะไรมาก... พาสนาค่อนในใจ ก่อนจะส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพทุลักทุเลของชายหนุ่ม ในที่สุดก็อดไม่ได้ต้องเดินเข้าไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาตั้งไว้ให้ที่โต๊ะหัวเตียงตามเดิม


เจอรี่มองตามมือขาวๆ ที่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาให้อย่างแปลกใจ เอ๊ะ ทำไมมือแฟนนี่เรียวจัง ด้วยความที่ฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่แฟนนี่บังคับให้กินยังคงเหลืออยู่ ทำให้เค้าไม่ค่อยมีสตินัก สายตาก็จับโฟกัสไม่ค่อยได้ เมื่อมองตามท่อนแขนขาวนวลขึ้นมาถึงใบหน้าของคนใจดี เค้าก็ต้องตาค้าง เพราะใบหน้าที่เห็นกลับไม่ใช่ใบหน้าของแฟนนี่ผู้ช่วยของเค้าอย่างที่คิด แต่กลับเป็นใบหน้าของใครบางคนที่โผล่มาหลอกหลอนเค้าตลอดเวลาทั้งในฝันและยามตื่น ชายหนุ่มพยายามกระพริบตาพลางสลัดหัวอย่างเรียกสติ เพราะเข้าใจว่าตัวเองคงตาฝาด

...พาสจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พาสไม่รู้จักห้องเรานี่ ไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ห้องด้วย อาเจิ้นเอ๊ยไข้ขึ้นจนเพี้ยน ตาฝาดไปแล้วแน่ๆ... ชายหนุ่มบอกกับตัวเองในใจ พลางลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง แต่ภาพที่เห็นก็ยังคงเป็นภาพเดิมอยู่ จนเค้าเริ่มโมโหตัวเอง พยายามยกมือจะมาตบหัวตัวเองซักทีสองทีเผื่อจะเลิกฟุ้งซ่าน


พาสนายืนออกอาการประหลาดๆของเจอรี่อยู่เงียบๆ นี่ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงขำหัวสั่นหัวคลอนไปแล้ว แต่ตอนนี้อารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจที่มีต่อคนตรงหน้ามันมีมากกว่า ทำให้แม้แต่จะยิ้มก็ยังฝืนยิ้มไม่ออกเลย เธอจึงได้แต่เอ่ยออกไปเรียบๆ

“แฟนนี่กลับไปแล้ว บอกว่ามีนัด” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูห่างเหินชนิดที่คนพูดก็ยังตกใจตัวเอง แต่ประโยคนี้ก็ทำเอาเจอรี่ชะงัก

...อะไรวะ ท่าจะเป็นเอามาก นอกจากเห็นภาพหลอนแล้วยังได้ยินเสียงด้วย... ชายหนุ่มขมวดคิ้วปั้นสีหน้ายุ่งเหยิง

“จะเอาอะไรฮะ” พาสนาเห็นแบบนั้น ก็อดจะถามออกไปไม่ได้ เพราะรู้สึกเหมือนเค้าจะไม่สบายตรงไหนซักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

“พาส” หลังจากใช้เวลาพิจารณาภาพและเสียงตรงหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็เริ่มจะแน่ใจว่าตาไม่ฝาด พาสนายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเค้านี่จริงๆ เสียงหวานๆที่ฟังดูห่างเหินไปทำเอาเค้าใจหาย รีบส่งยิ้มเซียวๆไปให้ หวังจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น

… เงียบ ... หญิงสาวไม่ยอมพูดอะไรตอบ เพียงแต่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่าเรียกทำไมเท่านั้น

“พาส” เจอรี่เรียกซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เสียงเริ่มแหบ เพราะสเลดขึ้นมาพันคอ เมื่อกี๊ก็ว่าจะลุกขึ้นมาจิบน้ำ แต่ดันเผลอทำแก้วหลุดมือไปซะได้

...เงียบ... ยังคงไม่มีสัญญาณเสียงใดๆส่งมาจากร่างบางตรงหน้า จนเจอรี่อดร้อนใจไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เธอคงรู้ความจริงแล้ว และคงจะโกรธเค้ามากที่หลอกเธอไว้ ...เมื่อเช้าเราออกปากโกหกเธอเองซะด้วยสิ... เจอรี่คิดอย่างหวาดเสียว

“พาส พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพาส เพียงแต่...แค๊ก...แค๊ก...แค๊ก... เพียงแต่...” เจอรี่พูดมาถึงตรงนี้ก็ไอออกมาอย่างแรงจนตัวงอ ทำให้หญิงสาวทนใจแข็งต่อไปไม่ได้ เธอเอื้อมมือไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วยื่นมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นมืออ่อนแรงที่เอื้อมมาจะหยิบแก้วแบบสั่นๆนั่นแล้ว ก็เปลี่ยนใจ ทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆเค้า ยื่นแก้วไปป้อนให้ชิดริมฝีปาก ส่วนอีกมือหนึ่งก็ช่วยลูบหลังหวังจะช่วยบรรเทาอาการไอของเค้าให้ลดลง

เจอรี่เปิดปากรับน้ำที่หญิงสาวป้อนให้ด้วยหัวใจที่เต็มตื้น อากัปกิริยาต่างๆของเธอ ทั้งมือเรียวที่ค่อยๆป้อนน้ำและลูบหลังให้อย่าอ่อนโยน ท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อเห็นเค้าไออย่างหนัก หรือแม้แต่สายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ส่งมาให้ยามที่เผลอตัว ล้วนทำให้เค้าร้อนวาบเข้าไปถึงกลางอก เพราะดีใจที่รู้ว่าเธอยังเป็นห่วงเค้าบ้าง ไม่ได้โกรธเกลียดเค้าอย่างที่เค้านึกกลัว


พอเค้าหยุดไอ เธอก็เหมือนจะนึกได้ว่าเผลอแสดงท่าทางห่วงใยอาการของเค้าออกไป ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะโกรธเค้าที่ปิดบังเธอแท้ๆ ทำให้หญิงสาวรีบกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง ลุกเอาแก้วน้ำไปเก็บก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“พาส...จะไปไหน” เจอรี่รีบเรียกเธอไว้ พลางถามเสียงอ้อนอย่างน่าสงสาร

“จะไปหาอะไรมาให้กิน” พาสนาตอบห้วนๆ ไม่ยอมหันหน้ากลับมา เพราะกลัวจะใจอ่อน กับสายตาที่เหมือนกระต่ายตัวน้อยนั่น

“พี่ยังไม่หิวเลย พาสอยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ…นะ” ชายหนุ่มอ้อนอย่างที่ไม่เคยอ้อนใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับแม่ตัวเอง เพราะปกติแล้ว เค้าจะต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ คอยดูแลและเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นอยู่เสมอ

“ไม่หิวก็ต้องกิน พาสไม่ไปไหนหรอก ไปทำแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มา” เมื่อได้ยินประโยคอ้อนๆของเค้า เสียงของหญิงสาวก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะเปิดประตูทิ้งไว้ เผื่อว่าเค้าจะต้องการอะไรจะได้เรียกเธอได้

ภาพของหญิงสาวท่าทางแข็งๆ ที่ทำอะไรยุกยิกๆอยู่ในครัว ทำเอาเจอรี่อดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ใครจะนึกว่าตัวตนของคนที่ชื่อว่าพาสนาจะอ่อนโยนกว่าที่ใครคิดมากนัก อย่างน้อยก็มีเค้าคนหนึ่งล่ะ ที่คิดว่าเธออ่อนโยนและอ่อนหวานกว่าหญิงสาวทุกคนที่เค้าเคยพบมาเลยทีเดียว ความอ่อนโยนของเธอไม่ได้อยู่ที่ท่าทางที่แสดงออก หากแต่อยู่ลึกเข้าไปในใจต่างหาก และเค้าก็ดีใจที่เค้าเป็นเพียงไม่กี่คนที่เห็นภาพส่วนนี้ของเธอ เพราะไม่อย่างนั้น เค้าคงมีคู่แข่งความรักเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเลยทีเดียว ที่สำคัญเค้าอยากหวงภาพเธอตรงนี้ไว้มองเพียงคนเดียวเท่านั้นด้วย


ไม่นานหลังจากนั้น พาสนาก็ยกถ้วยข้าวต้มควันฉุยเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางลงที่ข้างหัวเตียง พลางเรียกชายหนุ่มที่แกล้งทำเป็นหลับตั้งแต่เห็นว่าเธอกำลังจะเดินเข้ามา เนื่องจากอยากจะลองดูซิว่าเธอจะมีวิธีปลุกเค้ายังไง

“กินข้าวฮะ” พาสนาเอ่ยปากเรียกด้วยเสียงห้วนๆ เพราะยังเคืองอยู่ไม่หาย

“เกอเกอ” เจอรี่ก็ยังคงแกล้งทำเป็นนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวอยู่ต่อไป

“เกอเกอ ฮะลุกมากินข้าวฮะ” เสียงพาสนาเริ่มอ่อนลง เพราะนึกว่าเค้าคงเผลอหลับไปแล้วจริงๆ ...ดูสิหน้าซีดจัง สงสัยคงเพลียมาก จะปลุกดีมั้ยเนี่ย หรือปล่อยให้นอนต่อไปก่อนดี... หญิงสาวถามตัวเองในใจก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุดว่ายังไงก็ต้องปลุกเค้าขึ้นมาทานอะไรซักหน่อยก็ยังดี ไม่ควรปล่อยให้หลับไปทั้งๆที่ท้องยังว่าง เพราะแฟนนี่บอกไว้ว่าตั้งแต่เช้าชายหนุ่มยังไม่ยอมกินอะไรเลย

“เกอเกอ ลุกมากินอะไรก่อนนะฮะ เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” คราวนี้หญิงสาวเรียกเสียงหวาน พลางเอื้อมมือไปเขย่าแขนปลุกเค้าเบาๆ แต่เจอรี่ก็ยังคงแกล้งหลับตานิ่งอยู่ ...ให้มันรู้ไปว่าพระเอกชื่อดังอย่างเค้าจะเล่นบทแค่นี้ไม่สำเร็จ...

“เกอเกอ ตื่นก่อนฮะ เดี๋ยวค่อยนอนต่อ มากินข้าวกินยาก่อน” คราวนี้หญิงสาวก้มลงไปพูดใกล้ๆคนที่แกล้งนอนหลับมากยิ่งขึ้น มือก็เขย่าแรงขึ้น เจอรี่แกล้งทำเสียงอือออส่ายหน้านิดหน่อยเพื่อให้สมบทบาท ไม่อย่างนั้นหญิงสาวอาจจะสงสัยได้ว่าทำไมไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แต่สงสัยจะสมบทบาทมากไปหน่อย เพราะงานนี้หญิงสาวถอยออกมาหรี่ตามองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ นอกจากภาพชายหนุ่มที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียง

...สงสัยจะหลับสนิทจริงๆ ช่างเถอะ ไว้ค่อยปลุกก็ได้... หญิงสาวตัดใจ ก่อนจะหันไปยกถาดไปเก็บ ร้อนถึงเจอรี่ที่แอบหรี่ตาสังเกตการณ์อยู่ ก็เค้าไม่ได้อยากให้เธอออกไปซักหน่อย แค่อยากแกล้งนิดๆหน่อยๆ ให้เธอมาใกล้ๆเค้าก็เท่านั้น สมองคมๆของชายหนุ่มรีบวางแผนการณ์ทันที

“อือ...อือ...อือ...” เค้าทำเสียงครางพลางส่ายหัวไปมาบทหมอนท่าทางทุรนทุราย เรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังจะก้าวออกไปยังห้องรับแขกได้เป็นอย่างดี พาสนารีบเอาวางถาดลงพลางถลันเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างตกใจ

“เกอเกอ เป็นอะไรฮะ เกอเกอ” หญิงสาวพยายามเรียก พลางเอื้อมมือเรียวๆไปลูบที่หน้าของเค้าอย่างเบามือ เหมือนจะปลุกปลอบให้เค้าผ่อนคลายจากอะไรก็ตามที่ทำให้เค้ามีอาการแบบนี้

“อือ...อือ...” เจอรี่ยังคงเล่นละครต่อไป อยากรู้นักว่าหญิงสาวจะทำยังไงต่อ

“เกอเกอ นี่พาสนะฮะ เกอเกอตื่นสิฮะ” คราวนี้หญิงสาวตบแก้มเค้าเบาๆ พลางก้มหน้าลงไปเรียกจนชิด จนเค้ารู้สึกได้ถึงลมหายในอุ่นๆของเธอ และเมื่อตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้นมา เค้าก็พบกับดวงตาคมโต และใบหน้าหวานๆลอยอยู่ในระยะประชิด

“เอ้ย” พาสนาอุทานอย่างตกใจ ผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะตั้งหลักได้หันมาตั้งท่าจะเอาเรื่องเต็มที่

“เกอเกอ แกล้งหลับเหรอฮะ”

“เปล่านะ พี่หลับจริงๆ แต่เมื่อกี๊ฝันร้าย แล้วพอพาสมาปลุกก็เลยตื่น ทำไมพาสถึงคิดว่าพี่แกล้งหลับล่ะ พี่จะแกล้งไปทำไม” เจอรี่ถามกลับพลางทำหน้าตาใสซื่อ ได้อย่างแนบเนียน

“แน่ใจนะฮะว่าไม่ได้แกล้งหลับให้พาสปลุกอยู่ตั้งนาน” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่ไว้ใจในความเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มเท่าไหร่ ...เห็นเงียบๆแบบนี้ท่าทางเจ้าเล่ห์ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะเนี่ย...

“พาสปลุกพี่นานแล้วเหรอ สงสัยยาที่แฟนนี่เอาให้กินคงออกฤทธิ์น่ะ หลับไม่รู้ตัวเลย” เจอรี่แกล้งทำหน้างงๆ ทำเอาพาสนาเชื่อสนิท ด้วยไม่คิดว่าเค้าก็โกหกได้หน้าซื่อตาใสขนาดนี้

“ช่างเถอะ ตื่นมาก็ดีแล้ว ทานข้าวซะ เดี๋ยวจะได้กินยา” พอเริ่มตั้งสติได้ หญิงสาวก็หันมาวางท่าปั้นปึ่งกับเค้าเหมือนเดิม

“พี่ยังไม่หิวเลย” เจอรี่ออด

“ไม่ได้ หิวไม่หิวก็ต้องกิน ผอมจะตายอยู่แล้วรู้ตัวมั้ย ยิ่งไม่สบายอย่างนี้ ไม่ยอมกินข้าวแล้วมันจะมีแรงได้ยังไง เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก ถ้าไม่กินงั้นพาสกลับแล้วนะ ขี้เกียจอยู่ดูคนไม่รักตัวเอง” พาสนาขู่ฟ่อ พลางทำท่าจะยกถาดออกไป

“จ้ะ กินก็กิน แต่พี่ไม่มีแรงอ่ะ พาสป้อนหน่อยได้มั้ย” เจอรี่แกล้งอ้อน พลางทำตาปริบๆอย่างน่าสงสาร ตอนนี้เค้ายังนอนอยู่บนเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นมาซักที

“ไม่ได้ จะกินหรือไม่กิน ไม่กินพาสกลับ” พาสนาปฏิเสธเสียงแข็ง

“กินจ้ะกิน ว่าแต่พาสมาช่วยพยุงพี่นั่งหน่อยสินะ” เจอรี่แกล้งอ้อนเสียงหวาน คราวนี้พาสนาคงรู้สึกว่าเค้าน่าจะลุกลำบากจริงๆ ก็เลยมาช่วยพยุงเจอรี่ให้ชันตัวขึ้น พลางจัดหมอนวางใหม่เพื่อให้ชายหนุ่มพิงได้ ระหว่างที่หญิงสาวทำเช่นนั้นตัวเธอก็เข้าไปใกล้กับเจอรี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเค้าอดหน้าแดงไม่ได้ แต่ท่าทางของเธอก็ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรอยขัดเขินแต่อย่างใด เมื่อเค้าลุกขึ้นนั่งได้แล้ว เธอก็จัดการย้ายชามข้าวต้มมาที่ตรงหน้าชายหนุ่ม หากแต่พอเห็นมือสั่นๆที่พยายามเอื้อมมาหยิบช้อนอย่างไม่มีแรง ใจเธอก็อ่อนยวบ ก่อนนะตัดใจว่า

...เอาวะ ป้อนก็ป้อน...

“เอามานี่” หญิงสาวพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าชามข้าวต้มขึ้นมา จัดการคนแล้วก็เป่า ก่อนจะค่อยตักไปจ่อที่ปากคนป่วย ซึ่งเจอรี่ก็อ้าปากรับอย่างว่าง่าย พาสนายังคงก้มหน้าป้อนข้าวเค้าต่อไปเงียบๆ ไม่ยอมพูดอะไร แม้ว่าชายหนุ่มจะเพียรพยายามสบตากับเธอแค่ไหนก็ตาม พอข้าวหมดถ้วย เธอก็จัดการเอาถ้วยไปเก็บ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาและแก้วน้ำในมือ

“กินยาแล้วนอนพักซะ” หญิงสาวพูดห้วนๆ พลางยื่นยาและน้ำไปให้เค้า ตอนแรกเจอรี่ทำท่าจะไม่ยอมกิน แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆนั่นแล้ว เค้าก็ตกลงใจได้ว่า เวลานี้ไม่ควรจะทำให้หญิงสาวโมโหอีก เพราะแค่คดีเก่าที่เค้าหลอกเธอไว้ว่ามีงาน ก็ไม่รู้จะง้อเธอยังไงแล้ว


เมื่อกินยาเสร็จ เจอรี่ก็ยังคงไม่ยอมนอน แต่กลับนั่งจ้องหน้าเธอตาแป๋ว พาสนาก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาออดอ้อนนั้น คราวนี้เธอโกรธเค้ามากจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเค้ากำลังไม่สบายมาก เธอคงฟาดหัวฟาดหางให้พังกันไปข้างแล้ว

“พาส พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากให้พาสเป็นห่วง” เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ยอมพูดอะไร เจอรี่ก็เลยเริ่มแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

“ไม่อยากให้พาสเป็นห่วงเนี่ยนะ เหตุผลไร้สาระมากๆ” พาสนาตะคอกกลับ เธอก็ว่าจะพยายามใจเย็นๆแล้วนะ แต่มาเจอประโยคนี้เข้าไป ทำใจเย็นไม่ไหวแล้วจริงๆ

“โอเค ในเมื่อคุณไม่อยากให้ชั้นเป็นห่วง งั้นชั้นกลับก่อนแล้วกัน ขอโทษด้วยที่มาวุ่นวาย” หญิงสาวประชดกลับ สรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไป พลางตั้งท่าจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง

“พาส” เจอรี่รีบเรียกเธอไว้ พลางเอื้อมมือไปฉุดข้อมือบางไว้ ไม่วายที่หญิงสาวจะพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมเท่าไหร่ก็ตามก็ไม่เป็นผล ...ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนป่วยจะมีแรงได้ขนาดนี้... หญิงสาวโอดครวญในใจ

“ก็ไม่อยากให้เป็นห่วงไม่ใช่เหรอ ก็กำลังจะกลับนี่ไง” ไม่รู้เธอไปขุดเอาอารมณ์ประชดๆแบบผู้หญิงอย่างนี้มาจากไหน แต่ก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยงอน ไม่เคยประชดใคร แต่ตั้งแต่รู้จักผู้ชายไต้หวันเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจตรงหน้า เธอกลับแสดงพฤติกรรมแบบผู้หญิงๆที่เธอเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาดออกมาได้ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งแล้ว

“โธ่ อย่าเพิ่งกลับสิคะ ใครบอกว่าพี่อยากให้พาสกลับล่ะ ใจคอพาสจะปล่อยให้พี่นอนไม่สบายอยู่คนเดียวเหรอคะ พี่ขอโทษนะ อย่าโกรธเลย” เจอรี่รีบอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน เมื่อเห็นท่าทางงอนๆของพาสนาเค้าก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“ก็คุณบอกไม่สบายนิดหน่อย นอนซักคืนก็หาย แล้วจะให้ชั้นอยู่ทำไม” พาสนาไม่วายเหน็บ อารมณ์ประชดยังไม่หายไปง่ายๆ

“ไม่เอา เรียกเกอเกอเหมือนเดิมสิคะ แล้วแทนตัวเองว่าพาสด้วย ไม่เอานะชั้นกับคุณอะไร พี่ไม่ยอมนะ” เจอรี่ยังพยายามอ้อนต่อไป รู้ว่าคราวนี้เค้าคงทำให้เธอโกรธมาก แต่จากท่าทีของเธอ ก็ดูจะยังพอมีหวังอยู่บ้าง เพราะถ้าเธอโกรธเค้ามากจริงๆ ก็คงเดินหนีออกจากห้อง ไม่คอยมาดูดำดูดีเค้าอย่างนี้หรอก

“ก็เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันนี่ คนเป็นพี่น้องเค้าไม่ทำกันอย่างนี้หรอก เกอเกอไม่คิดว่าพาสเป็นน้อง ถึงได้ปิดได้หลอกกันแบบนี้” หญิงสาวโวยเสียงดังอย่างน้อยใจ

“ใครบอก พาสเป็นน้องรักของพี่เสมอนะ แต่พี่ไม่อยากให้พาสต้องมาคอยดูแลพี่ไง เห็นว่าวันนี้พาสต้องย้ายห้อง แล้วอีกอย่างตอนแรกพี่ก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวนิดหน่อย กินยา นอนพักเดี๋ยวก็หาย ไม่นึกว่าไข้จะขึ้นด้วย” เจอรี่สารภาพเสียงอ่อย

“รู้ตัวเหมือนกันเหรอว่าเป็นหนักนะ นึกว่าจะปากแข็ง เชอะ คำก็พี่ไม่เป็นอะไรมาก คำก็พี่ไม่สบายนิดหน่อย ดีรู้ตัวซะมั่งก็ดี” พาสนาว่าอย่างหมั่นไส้ แต่ใจน่ะอ่อนให้เค้าไปเกินครึ่งแล้ว เมื่อได้ยินคำอ้อนหวานๆนั่น อีกอย่างเธอก็เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วซะด้วยสิ

“คร๊าบบบบบ ผมผิดไปแล้วคร๊าบบบบ คุณพาสนาอย่าโกรธเลยนะคร๊าบบบบ นะๆๆคนดี” เจอรี่ได้ทีรีบปะเหลาะ พลางยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวนิ้วก้อยของพาสนาไว้อย่างถือวิสาสะ

“ไม่โกรธก็ได้ แต่ถ้าเกอเกอยังไม่ยอมนอนพักอีกพาสจะโกรธจริงๆแล้วนะ” หญิงสาวขู่ พลางดันตัวเค้าให้นอนลง ก่อนจะห่มผ้าให้เค้าอย่างเบามือ

“พาสอย่าเพิ่งกลับนะ อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อน” เจอรี่ยังไม่ยอมปล่อยมือหญิงสาว กลับยังคงยึดไว้มั่น

“อืมม ยังไม่กลับหรอก เกอเกอนอนเถอะ เดี๋ยวพาสไปหาหนังสือมาอ่านอยู่เป็นเพื่อน”

“ไม่เอา ไม่ให้ไป...พาสร้องเพลงให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่อยากฟังเสียงพาส นะคะ” เจอรี่ทำท่างอแง ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวง่ายๆ จนพาสนาอ่อนใจ ต้องยอมทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ก่อนจะร้องเพลงกล่อมเค้าเบาๆ
.
.
.
.
.
หันมาอีกที ร่างหนาบนเตียงก็ผ่อนลมหายใจยาวอย่างสม่ำเสมอ เปลือกตาปิดสนิทจมสู่ห้วงนิทราอย่างสบายใจ หญิงสาวมองมือเธอที่ยังอยู่ในการเกาะกุมของเค้า แล้วก็ตัดใจไม่ดึงมือออกเพราะกลัวจะทำให้เค้าตื่น เธอจึงได้แต่นั่งอยู่ข้างเตียงเค้า ใช้เวลาพิจารณาโครงหน้าของคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆตัวเงียบๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันทำให้เธอต้องตั้งคำถามกับตัวเองหลายอย่าง ทำไมแค่ไม่ได้ข่าวจากเค้าแค่วันเดียวเธอจะต้องรู้สึกกระวนกระวายใจ จนถึงขนาดต้องขับรถมาวนแถวคอนโดเค้าด้วย แล้วยิ่งรู้ว่าเค้าป่วยไม่สบายมากถึงกับต้องนอนซมแถมไม่ยอมกินอะไร เธอก็ยิ่งเป็นห่วงเค้ามากขึ้นอีกเท่าตัว ถ้าหากว่าไม่ติดอารมณ์โกรธอารมณ์น้อยใจ ที่เค้าปิดบังเธอทำเหมือนเธอเป็นคนอื่นคนไกล เธอก็คงแทบจะแล่นขึ้นมาหาเค้าบนห้องด้วยความเป็นห่วงตั้งแต่ที่แฟนนี่บอกเดี๋ยวนั้น

ซึ่งเมื่อมาเห็นหน้าซีดๆของเค้าอารมณ์โกรธก็หายลงไปกว่าครึ่ง จะติดก็แต่ความน้อยใจ ที่ทำให้อดพูดประชดออกไปไม่ได้ แต่เค้าก็ใช้เสียงอ่อนๆออดอ้อนมาทำให้เธอใจอ่อนจนได้ แล้วไหนจะพูดจนเธอยอมอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าดูเค้านอนหลับแบบนี้อีก ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกลัวตัวเอง

ใช่ว่าเธอไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้ แน่นอนเธอเคยมีความรักมาก่อน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจจนต้องมาสำรวจตัวเองแบบนี้ก็เพราะเธอไม่เคยมีความรู้สึกกับผู้ชายมาก่อน คนรักของเธอทุกคนก่อนหน้านี้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเธอเลยรู้สึกไม่มั่นใจ สับสน กับความรู้สึกในตอนนี้ แน่นอนเธอชอบเค้า อาจเรียกถึงขั้นรักได้ เพียงแต่เธอไม่แน่ใจว่านั่นคือความรักแบบหนุ่มสาว เธอพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่ความรักแบบชื่นชม แบบพี่ชายที่จะเป็นแบบอย่างให้เธอได้ พี่ชายอย่างที่เธอไม่เคยมี มันคงไม่ใช่ความรักแบบคู่รัก ใช่ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง มันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน พาสนาบอกกับตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วความคิดของเธอก็ยังวนเวียนอยู่กับความสับสนและคำถามเดิมๆเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง จนเผลอฟุบหลับไปกับเตียงข้างๆเจอรี่ในที่สุด



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 14 ตุลาคม 2549 0:02:31 น. 1 comments
Counter : 209 Pageviews.

 
สนุกจังเลยค่ะ


โดย: pop IP: 58.9.84.81 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:23:54:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.