Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 1

คุยกันก่อน

นิยายเรื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนฟิคชั่น
เพราะเป็นนิยายที่ผู้แต่งได้แรงบันดาลใจจากศิลปินที่ชื่นชอบหลายๆคน
แต่อย่างไรนิยายก็คือนิยาย มันเป็นเรื่องแต่ง กรุณาอย่าเอาไปปนกับเรื่องจริงนะคะ หุหุหุ
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกที่ลองแต่งดู และแต่งได้จนจบ(ดีใจๆๆๆ)
ใครเข้ามาอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็ช่วยกันคอมเมนต์ติชมไว้ด้วยนะคะ
อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องแรก ตัวเองก็รู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยสมบูรณ์และยังต้องการคำแนะนำจากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ อีกมากมายค่ะ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ปล. ขอความร่วมมือ อ่านอย่างเดียว(อยากจะเซฟหรือพิมพ์ไว้อ่านเองก็ไม่ว่ากัน) กรุณาอย่าเอาไปเผยแพร่ที่อื่น ก่อนจะบอกผู้เขียนนะคะ คนแต่งไม่อยากหัวใจวาย เหอๆๆ



1.

...วี๊ดดดดดดด บึ้ม! วี๊ดดดดดดดดดด บึ้ม! .....

เสียงเรียกเข้ามรณะจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ร่างบางที่กำลังขับรถอยู่ต้องละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย มาควานหามือถือที่เจ้าตัวโยนไปไว้ที่ส่วนไหนของรถก็ไม่รู้ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

.....ให้ตายสิ รถใครวะ รกชิบ......หญิงสาวคิดในใจ

ปากก็บ่นพึมพำเจริญพรไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับเสียงเรียกเข้าที่ฟังคล้ายเสียงเรียกจากนรกเข้าไปทุกทีก็ยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหญิงสาวก็ใช้มือเดียวบังคับรถให้เลี้ยวเข้าที่จอด แล้วก็พบว่า ไอ้มือถือที่เธอควานหาแทบตายน่ะ วางอยู่อย่างดีในที่ใส่มือถือข้างพวงมาลัยนั่นเอง

...เฮ้อออ ตาถั่วจริงๆชั้น ถ้าเป็นงูฉกตายไปแล้วนะเนี่ย...

หญิงสาวบ่นงึมงำ พร้อมๆกับกดปุ่มรับสาย ก่อนจะกรอกเสียงออดอ้อนเข้าไป เพราะรู้ว่าตอนนี้ปลายสายอีกข้างต้องถือหูรอนานจนหน้าหงิกแล้วแน่ๆ

“ฮัลโหล พาสพูดฮะ พี่นัทสุดหล่อมีอะไรให้น้องรับใช้คร๊าบบบบบบ” พี่นัทที่ว่า ก็คือ พี่นัทบิ๊กบอสจอมโหดของเธอนั่นเอง มีเค้าคนเดียวที่ได้รับสิทธิ์พิเศษจากเธอให้เป็นเจ้าของเสียงเรียกเข้ามรณะแบบวอนตายเช่นนี้

“ไม่ต้องมาเสียงอ่อนเสียงหวาน ไอ้พาส แกอยู่ไหนเนี่ย มัวทำอะไรอยู่ กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ ชั้นถือสายรออยู่ตั้งนาน แกนี่มันน่า...นัก”

“น่าอะไรพี่? น่ารักเหรอ แหม...พี่ไม่ต้องบอก พาสก็รู้ตัวหรอกว่าพาสอ่ะ น่ารัก แต่ไงก็ขอบคุณที่ชมนะพี่” พาส หรือพาสนา อดไม่ได้ที่จะกวนประสาทพี่นัทของเธออีกซักรอบ ตามประสาคนปากอยู่ไม่สุข ขณะที่อีกมือก็เริ่มโยนเอาของประดามีในรถใส่เป้คู่ใจ ก่อนที่จะก้าวลงจากรถพร้อมกับกดล็อคให้เรียบร้อย

“เอ๊ะ ไอ้นี่ วอนแต่หัววัน ว่าแต่แกอยู่ไหน”

“ทำไมอ่ะพี่ มีไรเหรอ คิดถึงพาสหรือไง แหม ไม่เจอกันไม่กี่วันเอง ไม่มีพาสอยู่ เหงาล่ะสิ”

กระบวนการกวนประสาทบิ๊กบอสยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนเท้าก็ก้าวเข้าไปในลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้น9 อันเป็นที่ทำงานของเธอ

“เหงากับผีน่ะสิ ไม่มีแกอยู่อ่ะ ชั้นสบายหูโว้ย”

“อ้าว งั้นพาสขอลาพักต่ออีกซัก 2 อาทิตย์แล้วกันนะพี่นัท พี่จะได้สบายหูไปนานๆไง”


ตอนนี้ลิฟท์มาถึงชั้น 9 แล้ว เมื่อก้าวออกจากลิฟท์ เธอก็พบกับเพื่อนร่วมงานหลายคนที่ทำท่าจะตะโกนทัก แต่เธอก็ทำมือจุ๊ปาก สลับกับชี้ไปที่โทรศัพท์ ประมาณว่า
...อย่าเพิ่งส่งเสียง จุ๊ๆๆ...
ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ทำปากพะงาบบอกว่า
...พี่นัท ตามหาแกอยู่เว้ย...
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ในสุด ซึ่งเป็นห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายผลิตประจำบริษัทโซนี่ ประเทศไทย หรือก็คือ พี่นัท ของเธอนั่นเอง พร้อมๆเสียงด่าเจริญพรของพี่นัทที่ส่งมาทางมือถือ ที่ทำให้เธอต้องยกมือถือออกห่างจากหูเกือบคืบ

“ไอ้บ้าพาส ไม่ต้องเลยนะแก 2 อาทิตย์บ้านแกสิ 2 วันชั้นก็ไม่ให้โว้ย แกต้องเข้าบริษัทเดี๋ยวนี้ มีงานด่วน แกไม่มาชั้นตายแน่ เข้าใจคำว่าเดี๋ยวนี้ใช่มั้ยไอ้พาส เดี๋ยวนี้!”

“อืม แล้วเดี๋ยวนี้ของพี่นี่ เดี๋ยวแค่ไหนล่ะ” หญิงสาวพูดพลางพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ เพราะขณะนี้เธอยืนอยู่หน้าห้องทำงานของพี่นัทแล้ว

“ชั้นให้เวลาแก 1 ชั่วโมง แกต้องมาถึงบริษัท เข้าใจมั้ยไอ้พาส...เออ ว่าแต่ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนวะ”

“พาสก็อยู่หน้าห้องพี่นัทไง ฮ่าๆๆๆๆ” พร้อมๆกับจบประโยคนี้ มือก็เอื้อมไปเคาะประตูห้อง ก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปข้างใน

ภาพที่พบทำเอาเธอขำจนแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้น ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่พี่นัท บิ๊กบอสใหญ่ที่ลูกน้องทุกคนต่างเกรงกลัว ตอนนี้ กลับอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าโทรมสุดๆ เนคไทที่ถูกปลดลงมาครึ่งๆอย่างไม่ใยดี เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าที่เคยเรียบกริบแต่ตอนนี้กลับยับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงอย่างที่เธอจินตนาการได้ว่า มันคงเกิดจากการที่เจ้าของขยำขยี้หัวตัวเองเวลาคิดอะไรไม่ออกแน่นอน นี่ยังไม่นับ สภาพของห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารวางอยู่ระเกะระกะอีกนะ

“โห พี่นัท ระเบิดลงห้องพี่เหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

“พาส พาส พาส ไอ้พาส โอ๊ยยยยย พาสน้องรัก” ชายหนุ่มเจ้าของห้องทำหน้าเหมือนพระมาโปรด พร้อมๆกับกรากเข้ามาทำท่าจะกอดหญิงสาว หากแต่โดนเบรกเอาไว้ก่อนด้วยมือที่ยันเข้ามาที่ปลายคาง

“เฮ้ย พี่ใจเย็นพี่ ใจเย็น นี่พาสนะพี่ ไม่ใช่น้องแนทของพี่ ไม่ต้องมากอด”

“เออๆ ขอโทษว่ะ ข้าลืมตัวไปหน่อย แหม เอ็งนี่ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เชียวนะ”

“ก็ไม่ได้อ่ะสิพี่ ห้าม...บอกตรงๆ ไม่พิศมัยผู้ชายว่ะ” หญิงสาวเบ้ปาก พลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพี่นัท ขณะที่เจ้าของห้องก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“เอ๊ะ ไอ้นี่ เป็นผู้หญิงแต่ไม่พิศมัยผู้ชาย เออ ไอ้ผิดเพศ” ชายหนุ่มสวนกลับ แม้คำพูดจะดูรุนแรง แต่ทั้งคนด่าและคนถูกด่า กลับไม่ได้ติดใจอะไร ด้วยใช้คำพูดแรงๆหยอกล้อกันเป็นปกติอยู่แล้ว

“เออ ช่างพาสเหอะพี่ ว่าแต่มีงานอะไรด่วนนักหนา พี่นัทถึงกับสติแตกเชียว” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ก็ปกติพี่นัทออกจะมาดนิ่งสุขุมนุ่มลึกนี่นา

“แกรู้เรื่องงานอัลบั้มเฉพาะกิจรวมศิลปินที่เป็นโปรเจคใหญ่ของเราปีนี้ใช่มั้ย” เมื่อพูดถึงเรื่องงาน สีหน้าทั้งคนพูดและคนฟังก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที ตามประสาคนจริงจังกับการทำงาน(มากกกกกกกก) ของทั้งคู่

“อือ ก็พอรู้อ่ะพี่ ไอ้อัลบั้มที่รวมศิลปิน ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ใช่มั้ย…แล้วไงอ่ะพี่” แม้จะรู้ว่าเป็นงานไหน แต่เธอก็ยังไม่หายสงสัย ก็งานนี้มันเตรียมงานกันมาตั้งนาน จนจะเข้าปิดโปรเจ็คอยู่อาทิตย์สองอาทิตย์นี่อยู่แล้ว แล้วจะยังมีปัญหาอะไรขนาดทำพี่นัทสติแตกได้ล่ะเนี่ย

“ก็ไอ้เต้ ที่มันรับโปรดิวซ์อัลบั้มนี้อ่ะดิ เมื่อวานดันขับรถไปชน ตอนนี้นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงพยาบาล”

“อ้าว แล้วมันเป็นไรมากหรือเปล่าพี่ ทำไมไม่เห็นมีใครบอกพาสเลย” หญิงสาวออกจะตกใจกับข่าวที่เพิ่งรับรู้อยู่ไม่น้อย เต้ หรือ เดชา ถือเป็นโปรดิวเซอร์มือดีอีกคนหนึ่งของบริษัท เรียกได้ว่า นอกจากเธอและพี่นัทแล้ว ก็มีเต้อีกคนนี่แหละที่มักจะได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบงานสำคัญๆ ทั้งเธอและเต้ เข้ามาทำงานที่โซนี่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ค่อนข้างจะสนิทกันไม่น้อย นี่ยังไม่นับนิสัยส่วนตัวที่คุยกันได้ถูกคอด้วย

“มันอ่ะ ไม่เป็นไรมากหรอก แค่ขาหัก แขนเดาะ คางเหลือง หัวแตก ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกซักระยะเท่านั้นเอง”

“โห เนี่ยนะ ไม่เป็นอะไรมากของพี่ มันอยู่โรงพยาบาลไหน เดี๋ยวพาสจะได้ไปเยี่ยม”

“ไม่ต้องเลยไอ้พาส ถ้าจะไปเดี๋ยวไปด้วยกันตอนเย็น ตอนนี้มาคุยเรื่องงานก่อน ไอ้เต้มันยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องรีบไป อีกอย่างแฟนมันก็ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่แล้ว แกจะไปเป็นกขค.ทำไมวะ”

“งานอะไรพี่”

“เอ๊ะ ไอ้นี่ วอน...ก็งานอัลบั้มรวมมิตรนี่ไงล่ะวะ”

“อ้อ... แล้วไงอ่ะพี่ แล้วพาสเกี่ยวไรด้วย ก็มันงานไอ้เต้” สงสัยพักนานไปหน่อย สมองหญิงสาวเลยยังไม่ค่อยแล่น ก็เธอไม่เข้าใจเอาจริงๆว่า แล้วงานนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอ

“แล้วแกจะให้ไอ้เต้มันถ่อมาทำงานได้ไงล่ะวะ ก็พี่เพิ่งบอกไปเมื่อกี๊ว่ามันหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงพยาบาล ส่วนไอ้อัลบั้มนี้ก็ต้องทำให้เสร็จทันเดือนหน้า เพราะกำหนดการโปรโมตต่างๆก็ออกมาแล้ว”

“อ๋อ เออ พาสเข้าใจล่ะ แล้วไงอ่ะพี่...อย่าบอกนะว่า...” ตอนนี้หน่วยประมวลผลในสมองเธอเริ่มจะกลับมาทำงานแล้ว พร้อมกับหนังตาขวาที่กระตุกเอาๆ ทำไมเธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเห็นสายตาพี่นัท ทำให้เธอเผลอชี้มือมาที่ตัวเอง พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“ใช่ แกคิดถูก แหม...ช่างเป็นน้องที่รู้ใจพี่จริงๆ พี่จะให้แกรับช่วงงานนี้ต่อจากไอ้เต้มัน ดีใจจริงๆที่แกกลับมาทัน ตอนแรกพี่ยังไม่รู้จะหาใครที่ไหนเลย เพราะพี่เองก็งานเต็มมือ แล้วงานอินเตอร์ขนาดนี้ นอกจากแกสองคนพี่ก็ไม่ค่อยไว้ใจใครเท่าไหร่ ขอบใจมากนะน้องรัก ฮ่าๆๆ” พี่นัทพูดเองเออเองเสร็จสรรพ

“เฮ้ย อะไรพี่ พาสยังไม่ได้บอกเลยว่าจะรับทำ อย่าเหมาดิ พี่ก็รู้ พาสไม่ชอบรับงานครึ่งๆกลางๆ ถ้าจะทำก็ต้องทำตั้งแต่ต้น แล้วงานด่วนจานร้อนขนาดนี้ เหอๆๆ บอกตรงๆ น่ากลัวว่ะ แล้วได้ข่าวงานนี้นักร้องซุปเปอร์สตาร์ทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ พี่ก็รู้ว่าพาสไม่ชอบพวกเรื่องมาก อย่าเลยพี่ หาคนอื่นเถอะ”

“อ้าว ไหงพูดงั้นล่ะไอ้พาส พี่รู้แกทำได้ คนอย่างแก ถ้าลองจะทำซะอย่าง ไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ พี่เชื่อมือแกนะโว้ย แล้วอีกอย่างงานโปรเจคนี้มันก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เพลงก็ทำเสร็จไปเกินครึ่งแล้ว ส่วนใหญ่นักร้องเค้าก็มาอัดกันแล้วหลายเพลง เหลืออีกแค่ไม่กี่คนเอง รับเหอะแก แกคุ้นเคยกับทีมงานอยู่แล้ว อีกอย่างแนวแกกับแนวไอ้เต้ก็ไม่ห่างกันเท่าไหร่ สานต่อได้สบายมาก เพราะฉะนั้นงานนี้...แก...ต้อง...ทำ” ชายหนุ่มเน้นประโยคสุดท้ายทีละคำ ประมาณว่า ห้ามปฏิเสธข้าเด็ดขาดนะไอ้พาส

“โห พี่นัทอ่ะ มัดมือชกนี่หว่า ไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธเลยนี่ เอ้า ทำก็ทำ ยังไงพาสก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้วนี่” หญิงสาวตอบอย่างปลงๆ ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่างานนี้ยังไงก็ต้องรับ ที่โยกโย้ไปก็แค่อยากยั่วพี่นัทเล่นเท่านั้นเอง

“พี่ ว่าแต่ นักร้องที่เหลือที่ยังไม่เสร็จนี่มีใครบ้างอ่ะ”

“ก็มีฝน กับอาร์ท ของทางฝั่งเรา แกก็รู้จักนี่ สองคนนี้คิวอัดเสียงพรุ่งนี้”

“อ๋อ ฝนกับอาร์ท โอเคพี่ สองคนนี้ไม่มีปัญหา ทำงานง่าย แถมฝีมือโอเค….เฮ้ย พี่ พรุ่งนี้เลยเหรอ ไหงมันด่วนอย่างนี้ล่ะ พาสยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรในอัลบั้มนี้เลยนะ จะทันเหรอพี่”

“เอาเถอะ พี่เชื่อมือแก แกทำได้ชัวร์อยู่แล้ว”

“เออๆ เอะอะก็เชื่อมือๆ เอาก็เอา หลวมตัวมาแล้วนี่ ทำไงได้” หญิงสาวบ่นงึมงำ

“แล้วที่เหลือก็มีแต่นักร้องของทางไต้หวันอ่ะ แกพูดจีนได้อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการสื่อสารนะ คิวของทางไต้หวันอีก 2 อาทิตย์ ต่อจากฝนกับอาร์ทน่ะ”

“อืม ภาษาจีนก็พอได้อยู่พี่ คงไม่มีปัญหา ว่าแต่ศิลปินของทางไต้หวันนี่ใครล่ะ”

“แกรู้จัก F4 ใช่เปล่า นั่นแหละตัวแทนไต้หวัน”

“หา F4 เหรอพี่ ตาย........ ได้ข่าวว่า โคตรเรื่องมากเลยไม่ใช่เหรอ พาสเปลี่ยนใจทันมั้ยอ่ะพี่”

“สายไปแล้วน้อง ยังไงชั้นก็ไม่ให้แกปฏิเสธ ฮ่าๆๆ อย่าเครียดๆ โห คนอย่างพาสนา กลัวกะอีเรื่องแค่นี้อ่ะนะ เสียชื่อหมด”

“ไม่ได้กลัวพี่ แต่ไม่ชอบ เจอคนเรื่องมากแล้วมันหงุดหงิด ว่าแต่งานนี้มาครบ 4 คน เลยหรือเปล่า”

“ไม่ มาแค่ 2 เจอรี่ กับ เคน ที่ต้องอัดสองคนนี้สุดท้ายก็เพราะว่าคิวงานพวกเค้าช่วงนี้ยุ่งมาก แล้วนี่ก็ไม่ได้มาพร้อมกันนะ เคนจะมาก่อน แล้วอีกสองหรือสามวันนี่แหละเจอรี่ถึงจะตามมา พอดีเค้าติดถ่ายละครน่ะ”

“เอาเหอะพี่ มาไงก็มา แต่บอกก่อนนะ งานนี้ขอให้เป็นงานจานด่วนงานสุดท้ายนะพี่ พี่ก็รู้ว่าพาสไม่ชอบงานประเภทเร่งๆทำ”

“เอาน่า ยังไงก็ขอบใจแกมากนะพาส ว่าแต่ เดี๋ยวจะไปเยี่ยมเต้มันเลยหรือเปล่า แต่งานพี่ยังไม่เสร็จเลยว่ะ”

“เดี๋ยวเย็นๆค่อยไปพี่ แหม จะอัดเสียงพรุ่งนี้ โปรดิวซ์ยังไม่รู้อะไรซักอย่าง จะไปไหนได้ยังไง เดี๋ยวพาสไปคุยงานก่อนแล้วกัน พี่จะไปเมื่อไหร่ค่อยไปเรียก ว่าแต่นี่ใช้ทีมไอ้เต้ทีมเดิมใช่มั้ย”

“อือ ใช่ ทีมนั้นแหละ แกก็สนิทอยู่แล้วนี่ ไม่น่ามีปัญหา มีอะไรก็มาหาพี่แล้วกัน ขอบใจมากนะพาส” ชายหนุ่มเอ่ยปากขอบใจพร้อมๆกับเอื้อมมือไปตบบ่าคนตรงหน้าเบาๆ


ในขณะที่หญิงสาวเดินแบกเป้ หน้านิ่วคิ้วขมวดออกมาจากห้องบิ๊กบอส เดินไปยังห้องประชุมย่อย ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องทำงานของทีมงานอัลบั้มรวมเฉพาะกิจนี้ หญิงสาวเคาะประตูไม่กี่ที ก่อนจะเปิดเข้าไปภายใน พลางทักทีมงานที่อยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“หวัดดี ทุกคน”

“อ้าว พาส กลับมาแล้วเหรอวะ เออ ดีๆ” หนุ่มใหญ่ผมยาวที่นั่งอยู่ใกล้ประตูทัก

“พี่พาส ของฝากๆๆๆ” คราวนี้เป็นเสียงจากหญิงสาวหน้าหมวยไซส์กะทัดรัด

“พี่พาส แหม ได้หยุดกลับมาสวยขึ้นนะเนี่ย” ส่วนเสียงแซวนี้มาจากเด็กหนุ่มมาดกวนที่วุ่นอยู่กับอะไรบางอย่างที่มุมห้อง

“พาส เอ็งรู้เรื่องไอ้เต้แล้วใช่มั้ย” และคนสุดท้ายที่ส่งเสียงทักทายหญิงสาว ก็คือหนุ่มใหญ่มาดขรึมอีกคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะประชุม

“เฮ้ย ใจเย็นทุกคน ค่อยๆถาม ตอบไม่ทัน” หญิงสาวเบรค แหม ทักกันอย่างกับยิงจรวด ใครจะไปตอบทัน

“อ้าว โทษๆ นั่งก่อนดิ นี่น้ำ กินซะก่อน”

“เอาทีละคำถามนะพี่” หลังจากได้นั่งพักและดื่มน้ำไปรวดเดียวเกือบหมดแก้ว พาสก็เริ่มตอบคำถามที่จะข้อ

“1. หวัดดีพี่เอก ถ้าพาสยังไม่กลับมา แล้วพี่จะเห็นพาสได้ไง”

“อ้าว ไอ้นี่ มันเป็นคำทักทายเฉยๆโว้ย ไม่ต้องมากวนteen” พี่เอก ชายหนุ่มผมยาวสยาย มาดเซอร์ ที่นั่งอยู่ข้างๆตอบอย่างหมั่นไส้ พร้อมกับเอื้อมมือมาเขกหัวทุยๆของคนพูดซะหนึ่งที

“2. สำหรับแกไอ้พริก ของฝากอ่ะมี แต่อยู่ท้ายรถ อยากได้ไปเปิดเอาเอง แต่ขอเตือน อย่ากินมากนะแกขนมอ่ะ พี่ว่าตอนนี้แกชักจะอวบๆเกินมาตรฐานหญิงไทยไปหน่อยแล้ว” พลางยื่นกุญแจรถไปให้สาวพริก ที่ทำระยิบระยับเมื่อได้ยินคำว่าของฝาก

“จ้า ขอบคุณนะคะ พี่พาส พี่พาสน่ารักพี่สุดเลย จุ๊บ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังถือโอกาส หอมแก้มเนียนๆของพาสนาไปซะหนึ่งที ก่อนจะรีบเผ่นออกจากห้องพร้อมกับเสียงโห่แซวจากคนที่เหลือ

“โห่ ไอ้พริก ขโมยหอมแก้มพี่พาสอีกแล้ว ไม่ยอมๆ พี่พาสต้องให้ผมหอมมั่ง นะๆๆ”

“ไม่ต้องเลยไอ้กัน ไปไกลๆ” หญิงสาวที่ตอนนี้หน้าแดงไปลูกตำลึง หันไปขู่ชายหนุ่มรุ่นน้อง หน้าทะเล้น ที่พยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“โหย ไรวะ พี่พาสลำเอียงนี่หว่า แล้วไมต้องหน้าแดงด้วยอ่ะ ดูดิ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย ฮ่าๆๆ”

“หยุดเลยไอ้กัน ไม่ต้องมาหัวเราะ ข้าจะหน้าแดงไม่แดงมันเรื่องของข้า นี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเอ็งเลย พูดมาได้ไงว่าชั้นกลับมาแล้วสวยขึ้น วันหลังถ้าจะชม หัดหาคำที่มันเจริญหูกว่านี้ได้มั้ย อย่างเช่น หน้าตาดี เท่ห์ หรือหล่อ อะไรอย่างนี้”

“แหมๆๆ ก็พี่พาสเป็นผู้หญิง ก็ต้องสวยดิ หล่ออ่ะมันต้องผม ฮ่าๆๆ” นายกันยังคงกวนไม่เลิก

“แต่ชั้นไม่อยากสวยโว้ย ไม่ต้องมาชม”

“อ้อ โทษทีพี่ ผมลืมไปว่าพี่อ่ะ เป็นผู้ทอม ฮ่าๆๆ ว่าแต่ผู้ทอมนี่มันก็เพศที่แยกย่อยมาจากผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ”

“เอ๊ะ ไอ้นี่วอน เดี๋ยวได้โดนเตะ” หญิงสาวคาดโทษพร้อมกับเงื้อเท้าขึ้นมาทำท่าจะเตะคนข้างๆจริงๆ

“ใจเย็นพาส ไอ้กันมันก็ปากห-มาเป็นปกติอยู่แล้ว อย่าไปถือสามัน มาคุยกับพวกพี่ต่อดีกว่า ตกลงแกรู้เรื่องไอ้เต้หรือยัง” พี่ชาติ ชายหนุ่มมาดขรึมที่ดูจะมีอาวุโสสูงที่สุดในห้องนั้นถาม พร้อมกับหันไปทำหน้าดุใส่ ชายหนุ่มตัวป่วนประจำทีม

“รู้แล้วพี่ พี่นัทเพิ่งบอกเมื่อกี๊ พาสเลยต้องมาหาพวกพี่ที่ห้องนี้ไง” หญิงสาวหันไปคุยกับพี่ชาติอย่างเป็นการเป็นงานมากขึ้น

“หมายความว่าไงวะ?” พี่เอกแทรกถามขึ้นอย่างสงสัย

“ก็หมายความว่า พี่นัท สั่งให้พาสมารับโปรดิวส์อัลบั้มนี้ต่อจากไอ้เต้ ไงล่ะพี่ ฝากตัวด้วยนะฮะ”

“กรี๊ดดดดดดดด พี่พาสจะทำงานต่อจากพี่เต้เหรอคะ ดีใจจัง” สาวพริก ที่เพิ่งไปหยิบของกลับขึ้นมาพอดีได้คำพูดของพาสนา ร้องอย่างดีใจ พลางรีบวางของแล้ววิ่งเข้ามากอดพาสนาทันที

“มากไปๆ ยัยพริก อะไรจะดีใจโอเวอร์ปานนั้น” กันแขวะอย่างหมั่นไส้

“ใจเย็น พริก ใจเย็น” ไม่ใช่เฉพาะกันเท่านั้น พาสนาก็ออกจะตกใจกับอาการดีใจโอเวอร์ของสาวพริกไม่น้อย

“แหม ก็พริกดีใจนี่คะพี่พาส พริกอยากทำงานกับพี่พาสตั้งนานแล้ว ก่อนนี้ก็แค่ได้ร่วมงานกันสั้นๆเอง”

“เออ แล้วอย่ามาหาว่าพี่โหดทีหลังแล้วกันยัยพริก ฮ่าๆๆๆ” หญิงสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ด้วยเพราะเธอสนิทกับทุกคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้การร่วมงานในครั้งนี้ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก


“เอาล่ะ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า ทุกคนก็รู้ว่าการที่พาสมารับทำงานอัลบั้มนี้มันค่อนข้างกระทันหัน เพราะฉะนั้นตอนนี้พาสยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอัลบั้มนี้เลย นอกจากว่า เป็นอัลบั้มรวมศิลปิน 5 ชาติ เพราะฉะนั้น พาสต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ทั้งหมด ช่วยสรุปให้พาสฟังหน่อยได้มั้ยฮะ แล้วก็พาสอยากฟังเพลงที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย ว่าแต่ตอนนี้เพลงทำเสร็จหมดแล้วใช่มั้ยพี่ เห็นพี่นัท บอกว่าเหลือแต่เข้าห้องอัดอีก 4 เพลง”

“อืม ก็เสร็จเกือบหมดแล้วนะ เหลือแต่ส่วนของศิลปินไต้หวัน ที่ต้องรอเคาะสุดท้าย หลังจากคุยกับตัวศิลปินที่จะเดินทางมาในอีก 2 อาทิตย์อีกทีหนึ่ง เพราะเพลงของฝนกับอาร์ทที่จะอัดพรุ่งนี้เนี่ย เรียบร้อยแล้ว” พี่เอก ที่เป็นคนควบคุมด้านการแต่งเพลงเป็นคนตอบ

“โอเคพี่ งั้นพาสว่าเรามาคุยในรายละเอียดกันเลยดีกว่า”


หลังจากนั้นทั้ง 5 ก็คุยปรึกษาเกี่ยวกับอัลบั้มชุดนี้กันอยู่นานหลายชั่วโมง แต่ผลที่ได้ก็ออกมาน่าพอใจ เพราะพาสนาก็เบาใจว่างานทำท่าจะสานต่อได้ไม่ยาก ในขณะที่ทีมงานเดิมก็สบายใจที่ได้พาสนามาสานงานต่อ


การเข้าห้องอัดของศิลปินไทยทั้ง 2 คนผ่านไปได้อย่างราบรื่นและน่าพอใจ จะเหลือก็แต่ การทำงานช่วงสุดท้ายกับศิลปินจากไต้หวัน ที่พาสนากลัวนักหนา กับกิตติศัพท์ความเรื่องมากของศิลปินทั้งคู่

...เฮ้อ เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแล้วกัน...คิดมาได้ถึงตรงนี้พาสนาก็ต้องถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมๆ กับเสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้น ก่อนที่พริก หรือพริมาจะเปิดประตูห้องเข้ามาตาม

“พี่พาสขา คุณเคน มาถึงแล้วค่ะ”





Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:47:49 น. 0 comments
Counter : 178 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.