BEAUTY :: REVIEW 20th Anniversary SAILOR MOON by CreerBeaute



 สวัสดีค่า วันนี้นิหยิบเอาแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นที่เอาตรงๆว่า
ส่วนตัวนิไม่ได้รู้จักมักจี่กับแบรนดฺนี้เลยแม้แต่น้อย
ชื่อแบรนด์ว่า CREERBEAUTE 

คือตัวนิเองก็ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้แบรนด์นี้โด่งดังมากแค่ไหนนะคะ
แต่ตอนนี้คิดว่าสาวๆหลายคนอาจจะเริ่มคุ้นหูคุ้นตากันบ้าง
เพราะแบรนด์ CREERBEAUTE นี้เค้าได้ทำคอลเล็คชั่นที่ฉลองครบรอบ 20 ปี
ของการ์ตูนชื่อดังอย่าง SAILOR MOON ออกมาหลายตัวด้วยกัน
แถมทำออกมาด้วยแพ็คเกจจิ้งที่น่ารักมากๆ










น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก!!!
คือจริงๆนิก็เคยเป็นสาวกเซลเลอร์มูนล่ะนะ เพราะมันคือช่วงวัยหรือยุคของเราเลยจริงๆ
(บ่งบอกมากว่าอายุอานามปาไปเท่าไหร่แล้ว)
และนิเชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะเป็นสาวกของสาวๆอัศวินเซลเลอร์กันแน่ๆ

วันนี้นิเลยหยิบเอาไอเท็มนึงจากแบรนด์ CREERBEAUTE นี้
ในคอลเลคชั่นของ SAILOR MOON มารีวิวให้ชมกันค่ะ







CREERBEAUTY MIRACLE ROMANCE SAILOR MOON EYELINER

ดูแค่หน้าตาก็ละลายหัวใจแล้วววว พูดตามตรงเลยว่านิซื้อมาเพราะแพ็คเกิจจิ้งล้วนๆค่ะ
ราคาแท่งละ 1926 yen จากประเทศญี่ปุ่น
สามารถหาซื้อได้ตามร้าน DRUG STORE หรือใน DON QUIJOTE นะคะ








ดีเทลของแพ็คเกจทำออกมาได้ดีทีเดียว ทำจากพลาสติกก็จริง
แต่ก็ไม่ก๊องแก๊งค่ะ เป็นรูปคฑาจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นอาวุธของอุซางิ หรือเซลเลอร์มูนใน 2 เวอร์ชั่น








อันนี้เป็นอันที่คิดว่าสาวๆที่เคยดูย่อมจะจำได้แม่น
เพราะเป็นคฑาจากภาคแรกเลยซึ่งทำให้เรารู้จักกับเซลเลอร์มูนเป็นครั้งแรก
เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแล้วมีปริซึมวางอยู่ตรงกลาง







ส่วนอันนี้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสัญลักษณ์เฉพาะตัวของเซลเลอร์มูนอีกเช่นกัน
แต่จะมีบอลตรงกลางที่คล้ายกับเป็นพระจันทร์เต็มดวงเพิ่มเข้ามา
เป็นอีกเวอร์ชั่นของคฑาของเซลเลอร์มูนที่มีการอัพเกรดพลังได้เก่งขึ้นแล้ว


ดีเทลด้านหน้าและด้านหลังทำออกมาเหมือนของจริงในไซส์จิ๋วๆ น่ารักมากๆ
มองละยิ้ม อยากจะหยิบมาถือแล้วปล่อยพลังจริงๆค่ะ









สำหรับใครที่คิดว่าหัวคฑาช่างเกะกะพกยาก
หรือกลัวพกไปพกมาแล้วจะทำแตกหัก สีลอกเละเทะ ไม่ต้องกลัวเลย
เพราะหัวคฑาที่ให้มาสามารถถอดออกได้ค่ะ ก็จะเป็นแท่งอายไลน์เนอร์ปกติที่สามารถพกได้สะดวก









มาดูทางด้านหัวแปรงกันบ้าง หัวแปรงทำออกมาได้เนี้ยบมาก
ปลายคมแข็งแรง สามารถควบคุมทิศทางในการกรีดอายไลน์เนอร์ได้ดีทีเดียว
เวลาใช้ คือใช้ง่าย วาดเส้นได้ง่ายกระชับดีมากๆค่ะ
เป็นอีกส่วนที่เกินความคาดหมาย เพราะอย่างที่บอกว่าตอนซื้อไม่ได้คิดเลยว่าคุณภาพเป็นยังไง
เพราะซื้อเอาแพ็คเกจล้วนๆจริงๆ ตอนแรกไม่คิดจะแกะมาลองด้วยซ้ำนะ ฮ่าๆๆ








ในส่วนของการกรีด สามารถกรีดได้ทั้งเส้นหนาและเส้นบาง
เนื้ออายไลน์เนอร์ค่อนข้างแห้งไว คือไม่ฉ่ำจนเยิ้มจนไหลค่ะ
สังเกตุว่าสีอายไลน์เนอร์ไม่ได้ติดตามร่องตารางผิว 
นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเนื้อเค้าค่อนข้างแห้งกว่าที่เคยใช้ยี่ห้ออื่นๆ
เพราะฉะนั้นเวลากรีดอาจจะต้องเก็บรายละเอียดให้เยอะขึ้นอีกนิดนึง 
แต่ถามว่ามันดีมั้ย ส่วนตัวชอบค่ะ บางยี่ห้อที่เคยลองพอเยิ้มไป
ก็จะชอบไหล ดูไม่ค่อยสวยงาม เก็บดีเทลยาก









โดยรวมในการใช้งานจริง บอกเลยว่า ปลื้มมากกกกก!!!
เนื้อที่บอกว่าแห้ง คือช่วยได้เยอะในการกำหนดเส้นไลน์เนอร์ค่ะ
หัวแปรงแข็งแรง ทำให้วาดเส้นได้ง่ายมากๆ เนื้ออายไลน์เนอร์ไหลต่อเนื่อง เส้นไม่ขาด
และเนื้อที่ดำสนิท ไม่เงา ไม่มัน ติดทนมากๆ ถึงมากที่สุด
ถ้าตามันอาจจะมีเยิ้มบ้างเล็กน้อยค่ะ แต่โดยรวมถือว่าเป็นอายไลน์เนอร์ที่เนื้อดีมากทีเดียว










ถามว่ารักมั้ย? รักสุดๆ แล้วแนะนำให้ซื้อมั้ย? แนะนำมากกกกกกค่ะ 
มันดี มันน่ารัก มันเติมเต็มวัยเด็กในตัว มันโอเคทุกอย่างเลย คือปลื้มมากจริงๆ 
ติดแค่ว่าหาซื้อยากเหลือเกิน ยิ่งตอนนี้ยิ่งยาก 
หลายคนบ่นๆมาแล้วว่าเริ่มหาแบบจันทร์เสี้ยวเวอร์ชั่นแรกไม่ได้ แทบจะเป็นแรร์ไอเท็มไปแล้ว
รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจซื้อค่ะ


CAMERA : SONY a5100
CIRCLE LENSES : MIMI BY TONI ELSA GRAY
EYELASHES : BOHK TOH J204 + BT03
LIP : TOOFACED MELT NUDE


รีวิวนี้ทำเพื่อให้เป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์จากการทดลองใช้จริงด้วยตัวนิเองค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครที่กำลังสนใจในตัวผลิตภัณฑ์นะคะ
ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ 


MINIPANDAZ











 

Create Date : 23 มิถุนายน 2558    
Last Update : 9 สิงหาคม 2559 12:13:14 น.
Counter : 2781 Pageviews.  

BEAUTY :: REVIEW ทำเลสิกกับ SUPREME iLASIK

 สวัสดีค่ะ สำหรับบล็อกนี้นิจะมารีวิวหนึ่งในสิ่งดีๆที่มีโอกาสได้ทำเมื่อปีก่อน
อ่านไม่ผิดค่ะ เมื่อปีก่อน นับตามระยะเวลาจริงๆ อีกไม่กี่วันก็จะครบปีแล้ว
ที่เพิ่งมารีวิวเพราะตอนแรกๆที่ทำก็มัวแต่รอเก็บผลไปๆมาๆ
จนสุดท้ายมันเลยพ่วงยาวมาจนกะทั่งวันนี้

นั่นคือการตัดสินใจทำเลสิกเพื่อปรับสายตาจากสายตาสั้นมาเป็นสายตาปกตินั่นเอง
ซึ่งคลีนิกที่นิได้ทำคือ

คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางจักษุ
SUPREME iLASIK CLINIC : สุพรีม ไอเลสิค

ตั้งอยู่ที่อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ชั้น 19 ประมาณสีลมซอย 3
ตรงข้ามโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ลง BTS ศาลาแดงใกล้สุดค่ะ

ราคาสำหรับทำ iLasik ราคาเต็มอยู่ที่ 140,000.- (แล้วแต่โปรโมชั่น)
รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามที่

02-6312112 หรือ 089-2056326 ค่ะ


//www.supremeilasik.com







สำหรับบล็อกที่แล้วนิเคยเขียนไว้เป็นในส่วนของการเตรียมตัว
ลองกลับไปอ่านกันใหม่ได้ในบล็อกนี้นะคะ


สำหรับก่อนที่จะทำเลสิก ถ้าหากเราเป็นคนที่ใส่คอนแทคเลนส์
เราจะต้องทำการงดใส่คอนแทคเลนส์เป็นอย่างน้อย 1 สัปดาห์
เพื่อให้ดวงตาของเราคงสภาพปกติที่สุดก่อนทำ
ยิ่งงดนานยิ่งดีค่ะ เพราะเวลาที่เลนส์มันกดทับไปที่ดวงตาของเรา
จะทำให้เกิดรอยกดทับ ซึ่งเมื่อทำเลสิก อาจจะทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนบางอย่างได้
แต่เราสามารถใส่แว่นสายตาได้ตามปกติเลยค่ะ








ขั้นตอนก่อนการทำเลสิกคือเราจะต้องตรวจค่าสายตาอีกครั้ง
ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำการผ่าตัด
ใช้เครื่อง WaveScan สำหรับเก็บข้อมูลเกี่ยวกับม่านตาของเราอย่างละเอียด
และข้อมูลเหล่านี้จะเชื่อมโยงไปกับเครื่องเลเซอร์ที่จะทำการแก้ไขสายตาค่ะ
เพราะฉะนั้นจึงมีความแม่นยำสูงพอสมควร

จากนั้นก็ใส่ชุดปลอดเชื้อแล้วทำการหยอดยาฆ่าเชื้อ และยาชา
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแก้ไขสายตา
รอราวๆ 5-10 นาทีเท่านั้นค่ะ
แล้วเราก็จะไปเข้าห้องสำหรับผ่าตัดด้วยเลเซอร์กัน

แพทย์ที่ทำ iLasik ให้กับนิคือ
พญ.ศศิวิมล จันทรศรี
ผู้อำนวยการแพทย์ของ SUPREME iLASIK CLINIC ค่ะ
คุณหมอใจดีมากๆ และอธิบายทุกอย่างได้อย่างเข้าใจง่ายมากๆ
ทำให้เราไม่รู้สึกกลัวเลยกับการทำเลสิกครั้งนี้








จากนั้นก็เข้าไปนอนที่เตียงที่ออกแบบมาพิเศษกันค่ะ
สำหรับการแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์นี้ จะใช้เครื่อง 2 เครื่องค่ะ

Femtosecond Laser ใช้สำหรับแยกชั้นกระจกตา
และ  Excimer Laser เป็นเลเซอร์เย็นที่จะทำการปรับแก้ปัญหากระจกตาของเรา
ที่อาจจะมีการโค้งบิดเบี้ยวไป ทำให้จุดกระทบภาพไม่ตรง เกิดการมองเห็นไม่ชัด
หรือสายตาสั้นนั่นเองค่ะ

และเตียงก็เป็นเตียงพิเศษสำหรับการทำ iLasik โดยเฉพาะ
ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องขยับร่างกายเลย เพราะเตียงนี้สามารถขยับเปลี่ยนทิศทางได้
ในขณะที่เรานอน เค้าจะมีหมอนนุ่มๆสำหรับล็อคให้ศรีษะของเราไม่ขยับเขยื้อนได้







ขั้นตอนแรกคือเครื่อง Femtosecond Laser สำหรับทำการแยกกระจกตาออก
ขั้นตอนนี้เราจะครอบดวงตาด้วยซิลิโคน(น้ำหนักราว 2 ขีด)
เพื่อล๊อคลูกนัยน์ตาดำของเราให้อยู่กับที่
ขั้นตอนนี้จะหน่วงๆที่เบ้าตานิดนึง
ในขั้นตอนนี้คุณหมอจะให้มองจุดๆที่เครื่องไปเรื่อยๆค่ะ
เป็นขั้นตอนที่นิพลาดเล็กน้อย เพราะความหน่วงที่เกิดขึ้นทำให้นิพยายามกระพริบตา
เครื่องเลยหลุดไป 1 รอบที่ตาข้างซ้าย 
ส่งผลให้มีรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยแตกเกิดขึ้นนิดนึงหลังทำ
แต่ไม่ได้เจ็บปวดค่ะ ไม่ระคายเคืองใดๆด้วย

จากนั้นทำการแยกชั้นกระจกตาออกด้วยการยิงฟองอากาศเข้าไปที่เนื้อเยื่อ
เพื่อให้เกิดช่องว่างขึ้น จากนั้นคุณหมอจะกระทำการแซะเปิดชั้นกระจกตาออกค่ะ
อ่านละคงเสียวๆเนาะ แต่บอกเลยตอนทำนี่นอนชิลมาก
ก็มองจุดเดิมที่คุณหมอให้มองต่อไป
ภาพในตอนนี้จะมัวๆหน่อย เห็นหมดนะคะว่าตอนนี้กระจกตาคงกำลังถูกเปิด นู่นนี่นั่น บลา
แต่อย่างที่บอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย นอนสวยๆอืดๆมองจุดต่อไป









อันนี้ถามคุณหมอมา เพราะหลังทำมีสาวๆถามนิในเพจว่า
เคยได้ยินว่าเวลาเราทำเลสิก กระจกตาเราถูกตัด มันจะไม่สมานคืนเหมือนเดิมอีกต่อไป
คือเป็นรอยกรีดแล้ว เป็นรอยกรีดไปเลย แบบนี้จะอันตรายมั้ย
คุณหมอบอกว่า มันเป็นรอยเลยจริงๆค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆมันจะหลุด โผล๊ะะะ!! ออกได้ง่ายๆนะ
เพราะอย่างคนที่เคยทำเลสิกแล้ว นานวันไปมีปัญหาสายตาสั้นเพิ่ม
จะกลับมาทำ หมอยังต้องใช้ฝีมือมากกว่าเดิมเพื่อจะแซะออกค่ะ

ซึ่งข้อดีอีกอย่างของการทำ iLasik คือ
เวลาที่เลเซอร์ตัดชั้นเนื้อเยื่อกระจกตาเค้าไป เค้าจะไม่ทำให้เกิดแผลเท่า Lasik ทั่วไป
เพราะอย่างแรกเลย มีดหมอเนี่ยะ ต่อให้ทำมาคม บางแค่ไหน ก็คงได้ไม่เท่าเลเซอร์
และในการตัดลงไปที่เนื้อเยื่อด้วยมีด จะตัดในแนวเฉียงภาพซ้าย
แต่ iLasik จะตัดในแนวเฉียงภาพขวา
ซึ่งจะทำได้เฉพาะการผ่าตัดแบบเลเซอร์เท่านั้น 
เพราะฉะนั้นการที่อยู่ๆกระจกตาจะจะหลุดพรวดออกมา จึงเป็นไปไม่ได้เลย









จากนั้นมาที่เครื่อง Excimer Laser สำหรับแก้ไขสายตากันบ้าง
เครื่องนี้จะทำการเจียระไนกระจกตาของเราให้กลับมาสายตาปกติค่ะ
สำหรับขั้นตอนนี้จะเอาซิลิโคนครอบตาออกแล้ว และแปะเทปที่เปลือกตาแทน(กันกระพริบตา)
สิ่งที่เราต้องทำก็เช่นเดิมค่ะ มองจุดแดงๆไปเรื่อยๆ
เครื่องนี้ทำงานแบบอัตโนมัติ เครื่องจะทำงานก็ต่อเมื่อมันจับโฟกัสว่า
ตาเรามองตรงไปในตำแหน่งที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะเริ่มทำงาน
ซึ่งข้อมูลม่านตาของเราก็อยู่ในระบบเรียบร้อย หากเราเลื่อนตาหลุดจากตำแหน่ง
เครื่องจะหยุดทำงานทันที แล้วเมื่อเรากลับมามองในตำแหน่งที่ถูกต้องตามเดิม
เครื่องจะทำงานต่อจากจุดที่เราหลุดโฟกัสออกไป
ถือว่าแม่นยำและปลอดภัยมากจริงๆ

นิมีค่าสายตาสั้น และเอียง ทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน
ถ้าจำไม่ผิด

ซ้ายค่าสายตา 2.75 เอียง 1.25 >>> 29 วินาที 
และข้างขวาค่าสายตา 3.25 เอียง 1.75 >>> 32 วินาที

โดยรวมแล้วเวลาสำหรับการผ่าตัดตั้งแต่เข้าไปสวมชุดปลอดเชื้อนี่ราวๆครึ่งชั่วโมงค่ะ
ไวมากกกกกกกกกกกกก!!!








หลังทำบอกเลยว่า "เห็นชัดทันที" แต่จะมีความมัวๆบ้างเล็กน้อย
คล้ายๆแว่นที่มีฝ้าขึ้นนิดๆค่ะ เพราะกระจกตาเรายังเป็นแผลอยู่
คุณหมอทำการตรวจเช็คแผลอีกครั้งว่าผลออกมาดีมั้ย เป็นอย่างไรบ้าง
แล้วก็พักซักครู่ก็กลับบ้านได้เลย แต่ต้องใส่แว่นกันแดดสำหรับกรองแสงนะคะ







หลังจากนี้ดูแลตัวเองยังไงบ้าง?

- จะยังต้องใส่แว่นดำไปอีกราวอาทิตย์นึงเพื่อป้องกันฝุ่นและแสงแดดเข้าดวงตาโดยตรงค่ะ

- คุณหมอจะจ่ายน้ำเกลือล้างแผล สำหรับเช็ดตาเพราะยังโดนน้ำไม่ได้ค่ะ
งดไปเลย 1 อาทิตย์เต็มๆ ใช้ควบคู่กับสำลี 
และคัตตอนบัดแบบผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว(บรรจุในห่อแบบฉีกใช้ครั้งต่อครั้ง)

- ที่ครอบตา เทปกาว สำหรับครอบตา
ในตอนนอนป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว 1 อาทิตย์เต็มๆเช่นกัน

- พาราเซตามอล(แก้ปวด) ยานอนหลับ(สำหรับใครที่นอนไม่ได้ถ้านอนได้ก็ไม่ต้องทาน)

- ยาแก้แพ้และแก้อักเสบสำหรับหยอดตา ซึ่งเราจะต้องหยอดทุกเช้าเย็นอย่างเคร่งครัดค่ะ

- งดแต่งตาอย่างน้อย 1-2 อาทิตย์

- คุณหมอจะทำการนัดตรวจตาหลังทำใน
1 วัน, 1 อาทิตย์, 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี





- หยดน้ำตาเทียม(ชนิดเข้มข้นสำหรับดวงตาที่ผ่านตัด) อย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก
เพราะหลังจากผ่าตัด ตาเราจะแห้งกว่าปกติค่ะ








สรุปสำหรับการทำ iLasik นะคะ

คำถามยอดฮิต "เจ็บมั้ย?"
- ตอบสั้นๆเลยว่า ไม่เจ็บเลยค่ะ

มีอาการข้างเคียงอะไรบ้างมั้ย?
- ของนิหลังจากทำแล้ว ไม่รู้สึกอะไร แต่ในคืนแรกที่ทำ
นินอนไม่ได้ เพราะมันรู้สึกร้อนผ่าวๆที่ตาและน้ำตาไหลค่ะ
มันไม่แสบ ไม่เจ็บ แต่มันร้อนๆ แบบรำคาญ สุดท้ายเลยต้องทานยานอนหลับ 1 เม็ดเพื่อให้นอนได้ค่ะ
ตื่นมาอีกวันนิก็ไปเดินช้อปปิ้งกับคุณแม่ได้เลย

มองเห็นชัดตอนไหน?
- เห็นตั้งแต่ยิงเลเซอร์เสร็จเลยค่ะ แต่อย่างที่บอกว่ามันจะมีฝ้าบางๆนิดๆ
แล้วมันก็ค่อยๆหายไป อีกวันก็มองเห็นชัดแจ๋วแหว๋วเลย


หลังทำเลสิกแล้วใส่คอนแทคเลนส์ได้มั้ย?
- ใส่ได้หรือไม่จะอยู่ที่ความโค้งกระจกตาเราที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ
ส่วนตัวนิด้วยความที่ค่าสายตาไม่มาก ความโค้งกระจกตาเปลี่ยนไปน้อยมากๆ
เพราะฉะนั้นอย่างที่เห็นเลยว่า นิยังใส่คอนแทคเลนส์อยู่เหมือนเดิม
แต่หลังจากทำเลสิกแล้ว 1 เดือนเป็นอย่างน้อยนะคะ
และไม่จำเป็นก็จะไม่ใส่ค่ะ ใส่เพื่อทำงานเท่านั้น 

ทำมาจะเป็นปีแล้ว สิ่งที่สังเกตุตัวเอง มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?
- แน่นอน เห็นชัดขึ้น 555555 นิได้ค่าสายตาแบบ Super Vision
คือสามารถอ่านตัวหนังสือที่เล็กกว่าที่คนปกติอ่าน และมองได้ชัดกว่าค่าสายตาปกติเล็กน้อยค่ะ
แต่สิ่งนึงที่นิสังเกตุเห็นคือ เราจะรู้สึกชัดมากว่าวันนี้เราใช้สายตามากเกินไปรึป่าว
เพราะบางครั้งเวลาที่สายตาเราล้า เราเห็นเลยว่าสายตาเราจะเบลอๆ
ตอนแรกนิก็งงๆว่า เอ้ะ? เกิดอะไรขึ้น? ผิดปกติตรงไหนมั้ยนะ?
แต่จริงๆไม่ใช่ค่ะ คือด้วยความที่นิสายตาสั้นมาเป็นสิบปี เวลานิมองอะไรก็เห็นเบลอๆตลอด
ไม่ว่าจะสายตาล้าหรือไม่ล้ายังไงก็เบลอ
แต่ด้วยความที่ตอนนี้สายตาเราปกติแล้ว มันเลยเห็นชัดว่า เพราะสายตาล้าละนะเลยเบลอ อะไรงี้
นอกนั้นเฉยๆเลย ไม่มีความผิดปกติอะไร ไปตรวจตากับคุณหมอหลังทำก็ปกติ
แผลสวยงามไม่มีอาการอักเสบใดๆ







ต้องขอบคุณทาง SUPREME iLASIK มากๆสำหรับการดูแลปรับค่าสายตาของนิ
ซึ่งผ่านล่วงเลยมาเป็นปีแล้วเพิ่งจะได้เขียนบล็อก ขออภัยด้วยค่ะ เก็บข้อมูลนานไปมาก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกอ่านกันได้ใน


หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่สนใจนะคะ

MINIPANDAZ








 

Create Date : 12 มิถุนายน 2558    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2558 13:08:03 น.
Counter : 4060 Pageviews.  

BEAUTY :: REVIEW INNISFREE Mineral Jelly Pact จะเรียกแป้งดินน้ำมัน หรือมันคือเจลลี่

สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน สำหรับไอเท็มในวันนี้ 
นิหยิบเอาไอเท็มที่คิดว่าสาวๆน่าจะอยากเล่นอยากลองกันแน่ๆ
ถ้าหากชมรีวิวนี้จบไป
เพราะไอเท็มนี้มีความแปลกใหม่ และคุณภาพดีมากๆ น่าสนใจทีเดียว
แถมยังเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวในไทยไปไม่นานนี้เองด้วย
คือแบรนด์ INNISFREE จากประเทศเกาหลีนั่นเอง

จริงๆน่าจะคุ้นชื่อกันดีแหละเนาะ
เพราะผลิตภัณฑ์ของเค้าโด่งดังข้ามประเทศมาหลายตัว
ซึ่งจะเป็นในโซนของสกินแคร์ซะส่วนมาก 
เช่นในไลน์ของ The Green Tea หรือ Volcanic

นิได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวช็อปแรกและในตอนนี้ยังมีเพียงช็อปเดียว
ที่ชั้น 1 Digital Gateway ซึ่งช็อปใหญ่มากๆ มีครบทุกสิ่งที่อยากจะลองเล่นกันแน่นอน
แถมราคายังไม่แพงเว่อจนเกินไปด้วย ดี๊ดีเชียวล่ะ







INNISFREE MINERAL JELLY PACT SPF36 PA++

อยากบอกเลยว่าส่วนตัวนิไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสิ่งนี้เลย
สิ่งที่นิเคยได้ยินว่าโด่งดังมากๆของแบรนด์นี้คือตัวคูชั่น ซึ่งก็จัดมาเป็นที่เรียบร้อย
แต่ยังไม่ได้แกะลอง เพราะดันมาเจอตัวนี้ก่อน และมันน่าเล่นมากเลยคว้าทันใด
และก็อดใจไม่ไหว เลยหยิบมาลองก่อนตัวคูชั่นซะอีก 

ถ้าว่ากันตามชื่อของเค้ามันคือเจลลี่ แต่ถ้าว่ากันตามบ้านเรา
มันก็คือแป้งดินน้ำมันนั่นเองค่ะ ไม่ได้มีแต่ในไทยนะที่ฮิตแป้งดินน้ำมัน
เมืองนอกเค้าก็ฮิตเหมือนกัน 

สำหรับคุณสมบัติคำเคลมเลยคือเนื้อนุ่ม เนียน และให้การปกปิดอย่างเป็นธรรมชาติ
เนื้อแบบเจลลี่ที่ยืดหยุ่นดีเยี่ยม แต่เมื่อทาลงบนผิวจะให้ Finish Look แบบ Powder 
แถมยังมีส่วนผสมด้วย Mineral Powder (ซึ่งช่วยให้อ่อนโยนไม่อุดตันผิว)
และ Green Tea Extract (ช่วยลดการเกิดสิว) ส่วนผสมจากเกาะเซจู

ขนาด 10g. ราคา 1,000.-









อย่างที่บอกค่ะว่าแป้งดินน้ำมัน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่สนุกคือ เนื้อของเค้านี่เอง
เวลาเรากดตัวพัฟลงไปที่ผลิตภัณฑ์จะสัมผัสได้เลยว่ามันนุ่ม ยวบลงไปทันที
จากภาพนิใช้นิ้วกดลงไป สังเกตุว่าจะเห็นเป็นลายนิ้วมือกันเลย
เพราะมีควาามยืดหยุ่นพิเศษแบบนี้
เวลาที่ทาลงไปบนผิว จึงเกาะผิวได้ดี และไม่แคร็กระหว่างวัน








ในส่วนของเฉดสีทั้งหมดมี 3 เฉดค่ะ 
คือ No.13 No.21 และ No23
เอาจริงๆผลิตภัณฑ์ของเกาหลีก็ค่อนข้างขาวอยู่แล้วนะ
สำหรับสาวไทยเบอร์ 21 หรือ 23 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
แต่สีที่นิเลือกมาเป็นเบอร์ 13 ค่ะ
เพราะนิเป็นคนชอบทาแป้งขาวกว่าปกติเล็กน้อย แล้วทำการเฉดดิ้งหน้าเยอะๆ
เคยใช้แป้งที่สีตรงกับสีผิวเป้ะๆ และเฉดดิ้งหน้าเยอะๆ
มันทำหน้านิดูดรอปหมองลงค่ะ เลยใช้วิธีเลือกแป้งสีขาวสุดแล้วตบด้วยบรอนเซอร์เยอะๆเอา
ชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยโดนทักว่าหน้าลอยอ่ะนะ ฮ่าๆๆ
คนหน้าบานมันก็ต้องหาทางดิ้นรนกันอ่ะนะคะ 








พัฟของเค้ามีความแน่นเป็นพิเศษ
เพื่อรองรับกับเนื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ ถ้าหากพัฟเป็นแบบฟองน้ำปกติ
นิว่าคงกินเนื้อผลิตภัณฑ์พอตัวเลย
อันนี้เก็บเนื้อผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้พอเหมาะ
เวลาแท็ปไปที่ผิวก็ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ดูเนียนกลืนผิวดี











เทสเนื้อเจลลี่บนหลังมือก็ได้ตามภาพเลยจ้ะ
จะเห็นว่าเฉดสีจะขาวกว่ามือนิเล็กน้อย 
(แต่หน้านิขาวกว่าตัวนะ เพราะฉะนั้นจะไม่ต่างมากขนาดนี้ค่ะ)

ระดับการปกปิดตอนนี้ที่มองถือว่าดีใช้ได้เลย
แต่ดูจะหนาไปนิดเนาะ 
ซึ่งถามว่าถ้าเราเทสรองพื้นหรือแป้งเนี่ยะ ถ้าอยากเห็นจริงๆว่าใช้แล้วจะเป็นยังไง
แนะนำให้คลีนหน้าแล้วไปเทสที่ผิวหน้าเลยจะดีที่สุดค่ะ
เพราะผิวหลังมือ และผิวหน้าเราไม่เหมือนกันนะ
สีผิวนี่ยิ่งไม่เหมือนกันเลย ถ้าเทสที่ผิวหน้าได้จะดีค่ะ









มาดูผิวหน้ากันบ้าง
BEFORE ผิวนิจะมีสีผิวไม่ค่อยสม่ำเสมอ
มีกระ และรอยแดงๆอยู่ทั่วไป พอทาเจลลี่ลงไปแล้ว
สีผิวสว่างขึ้นเล็กน้อย และสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
แต่นิชอบตรงที่เค้ายังให้ความเป็นผิวให้นิได้ดีค่ะ
เพราะรูขุมขนดูเบลอขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีให้เห็นกันอยู่









FINISHED LOOK
รอยสิวยังเห็นจางๆ รูขุมขนยังคงเห็นนิดๆ แต่ Overall Look ออกมาคือดูผิวดีมากๆ
ดูเป็นธรรมชาติ และเนียนละเอียด
ความประทับใจนี่แบบว่ายกให้เลยค่ะ นิเทสดูแล้วไม่เป็นคราบระหว่างวันด้วย คือเลิศ!!!
เอาเป็นว่านิชอบเลยแหละ ในทุกๆรายละเอียด
ถ้าหากสนใจก็ลองไปเทสที่เคาน์เตอร์ INNISFREE ได้ค่ะ ตรงชั้น 1 Digital Gateway
หาง่ายแน่นอนเพราะช็อปใหญ่มากกกกกกกก!!!










CAMERA : CANON G1X + SONY a5100
CIRCLE LENSES : BEAUTY LENS #Solang Gray
EYELASHES : BOHK TOH J204 + BT03
LIP : TOOFACED #Melted Nude + BOURJOIS COLORBOOST GLOSSY #01 Red Sunshine
BLUSH : CANDY DOLL #Strawberry Pink


หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของสาวๆนะคะ
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ไปลองที่เคาน์เตอร์กันก่อน
เพราะความชอบและปัจจัยสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อาจจะทำให้ผลที่ได้ออกมาไม่เหมือนกันด้วย
ยังไงศึกษาข้อมูลให้มากๆก่อนตัดสินใจด้วยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

MINIPANDAZ 









 

Create Date : 11 มิถุนายน 2558    
Last Update : 11 มิถุนายน 2558 9:06:05 น.
Counter : 15431 Pageviews.  

BEAUTY :: REVIEW SCOTCH COLLAGEN-LEFFUP

 สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้นินำเอาอาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องของผิวสวย
มารีวิวให้ชมกันอีกแล้ว เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดี SCOTCH นั่นเองค่ะ 






สำหรับแพ็คเกจของ SCOTCH COLLAGEN-LEFFUP จะเป็นโทนขาวชมพู 
ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้เป็นในเรื่องของความสวยและความอ่อนเยาว์ค่ะ








ส่วนผสมสำคัญซึ่งถือเป็นตัวเด่นของรุ่นนี้คือนี่เลยค่ะ 
สารสกัดจากซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn Extract) 
อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ดีต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะวิตามินซีที่มีสูงกว่าส้มถึง 15 เท่า
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี แคโรทีน ฟีนอล และไลโคปีนซึ่งเป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อผิว
ซีบัคธอร์นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการแพทย์และวงการความงามในแถบยุโรปและอเมริกา
จนได้รับการขนานนามว่า "The Beauty Treatment Fruit" 

คอลลาเจนเปปไทด์ 5,000 มิลลิกรัม
เป็นเคล็ดลับช่วยให้ผิวนุ่มและชุ่มชื่น ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวให้เต่งตึงและกระชับ
เป็นที่ทราบกันดีว่าคอลลาเจนในร่างกายเราจะค่อยๆลดลงไปเมื่ออายุมากขึ้น
และยังมีปัจจัยของแสงแดด ความเครียด และปัจจัยอื่นๆในชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อผิวเราด้วย
ซึ่งตามผลวิจัยของประเทศญี่ปุ่นระบุว่า การรับประทานคอลลาเจน 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน
เป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดและเพียงพอต่อการดูดซึมในแต่ละวัน









สำหรับส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ SCOTCH COLLAGEN-LEFFUP

เครื่องดื่มคอลลาเจนผสมน้ำผลไม้รวม 12% (น้ำองุ่นขาว และน้ำอะเซโรล่าเชอร์รี่)
ประกอบด้วยคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก
มีส่วนประกอบของนาโน โคเอนไซม์คิว 10 และอุดมด้วยวิตามินรวม 13 ชนิด
วิตามินซี, วิตามินเค, กรดแพนโทธินิค, วิตามินอี,
โฟเลต, วิตามินเอ, วิตามินบี2, วิตามินบี12, ไบโอติน,
ไนอะซิน, วิตามินดี, วิตามินบี6, วิตามินบี1








ใน 1 กล่องประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 6 กล่องย่อย
บรรจุ 1 ขวดตามแบบฉบับของ SCOTCH เลยค่ะ
ขวดละ 45 มล.









ฝาเป็นฝาบิดเกลียวซึ่งง่ายต่อการรับประทานมากๆ
ส่วนตัวนิชอบฝาแบบนี้นะ นอกจากจะทำให้ผลิตภัณฑ์สะอาดแล้วยังสดใหม่เสมอด้วย








ส่วนของขวดจะเป็นสีชา ซึ่งแน่นอนว่าดีต่อวิตามินต่างๆที่เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์
โดยเพาะวิตามินซี ซึ่งจะเสื่อมสลายง่ายถ้าหากเจอกับแสงค่ะ
การที่ขวดสีชาจึงช่วยคงวิตามินไว้ได้ดีกว่าขวดใสๆ









สีของเค้าจะเป็นสีทองอำพันค่ะ หรูหราน่าทานมาก
กลิ่นของเบอร์รี่และองุ่นขาวหอมเตะจมูกมาก
ส่วนตัวนิค่อนข้างชอบรสและกลิ่นของรุ่นนี้มากๆ นิเป็นคนชอบกลิ่นของเบอร์รี่อยู่แล้ว
นิมีความรู้สึกว่าคล้ายกลิ่นสตอร์เบอร์รี่ หอมหวานๆมีอมเปรี้ยวนิดๆ
ทานง่ายมากๆ และยิ่งถ้าเรานำไปแช่เย็น จะยิ่งรสชาติดีค่ะ







ในส่วนของผลลัพธ์หลังจากทานมาได้ราว 2 สัปดาห์คือผิวลื่นขึ้นเวลาสัมผัสค่ะ
และรอยสิวต่างๆที่เพิ่งหายไปแล้วเป็นรอยแดงๆดูลดลงไวขึ้นเล็กน้อย
น่าจะเป็นส่วนของวิตามินซีที่เข้มข้น เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ผิวเราดูกระจ่างใสค่ะ

สำหรับใครที่มีปัญหาในเรื่องของผิวและริ้วรอย ลองทานกันดูค่ะ
เพราะทานง่าย และทานได้เป็นประจำทุกวัน







สำหรับ SCOTCH COLLAGEN-LEFFUP
ราคาขวดละ 48.- กล่องละ 275.-
มีขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ ร้านสะดวกซื้อ
หรือที่ร้าน Scotch Healthy Gift Shop บนสถานี BTS ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่




ยังไงในส่วนของผลรีวิวอาจจะอยู่ที่แต่ละบุคคลด้วยค่ะ
ส่วนตัวนิเป็นคนไม่ค่อยได้ออกไปเจอแดดมาก เพราะทำงานอยู่ในห้องซะส่วนมาก
เลยไม่ได้มีปัจจัยของสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วงมากที่จะเป็นตัวทำให้ผิวเสียเพิ่มเติม
ยังไงก็อยากให้ได้ทดลองด้วยตัวเองค่ะ ได้ผลยังไงกันบ้างก็แชร์กันด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ

MINIPANDAZ




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2558    
Last Update : 25 มิถุนายน 2558 13:35:44 น.
Counter : 2012 Pageviews.  

BEAUTY :: REVIEW NIVEA Makeup Clear Cleansing Water คลีนซิ่งสูตรน้ำใหม่ล่าสุดจ้ะ

 สวัสดีจ้าสาวๆทุกคน 
สำหรับวันนี้นิหยิบเอาไอเท็มสำหรับทำความสำอาดผิวใหม่ล่าสุด
ของแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี NIVEA นั่นเองมารีวิวให้ชมกันค่ะ

สาวๆหลายคนมักจะให้ความสำคัญกับการแต่งหน้ามากกว่าการล้างหน้าเนาะ
แต่อยากจะบอกจริงๆว่า นิอยากให้ลองทำกลับกันดู
ลองพิถีพิถันให้กับการทำความสะอาดผิวเยอะๆเพื่อให้เราได้มีผิวที่สะอาดหมดจด
ลดปัญหาของสิวอุดตันจากความสกปรกต่างๆที่เราเจอ
ทั้งเมคอัพเอง และมลภาวะต่างๆเอง
เพื่อที่จะทำให้ผิวเราเคลียร์ที่สุด พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ดู

แล้วจะพบว่า มันดีกว่าการต้องมานั่งแต่งหน้ากลบปัญหาจุดด่างดำต่างๆของผิวเราเยอะเลยนะ








สำหรับไอเท็มที่จะแนะนำในวันนี้คือ

NIVEA Make Up Clear Cleansing Water

มีทั้งหมด 2 สูตรค่ะ คือสูตรขวดสีชมพู และขวดสีเขียว

NIVEA Make Up Clear Cleansing Water (ขวดสีชมพู)

เมคอัพรีมูฟเวอร์สูตรน้ำที่ช่วยสลายสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอาง จากเมคอัพจัดหนัก
ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและอุดตัน 5 ชนิด
สีสังเคราะห์ น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และซิลิโคน

มีเทคโนโลยีไมเซล่า (Micellar) นวัตกรรมของนีเวีย 
ที่ทำความสะอาดแม้คราบเมคอัพจัดหนัก
โดยไม่ทิ้งคราบน้ำมันลื่นเหนอะหนะบนผิว ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
แม้ผิวที่มีแนวโน้มระคายเคืองง่าย


NIVEA Bright Acne Oil Control Make Up Clear Cleansing Water (ขวดสีเขียว)

ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางสูตรน้ำ สำหรับผิวแต่งหน้าจัดเต็ม
มัน หมองคล้ำ เป็นสิวง่าย เพราะเมคอัพติดทนและเมคอัพกันน้ำ
ล้างออกยากกว่าที่คิด จึงสะสมและบล็อคเซลล์ผิวจนแทบไม่ได้หายใจ
ต้นเหตุสิว ผิวกร้าน หมองโทรม
มีนวัตกรรมไมเซล่า ออกซิเจน บูสท์ สลายเมคอัพกันน้ำ
พร้อมเติมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น และ ออกซิเจนสู่ผิว









แน่นอนค่ะ สำหรับคนแต่งหน้าบ่อยๆแบบนิ
ทั้งแต่งหนักแต่งเบา สูตรสีเขียวย่อมจะเป็นสูตรที่นิต้องนำมาพูดถึงแน่นอน












สำหรับแพ็คเกจจิ้งจะเป็นขวดพลาสติกใสสะอาดสะอ้านน่าใช้ค่ะ
นิชอบความใสของขวดเค้านะ มันทำให้เราเห็นเนื้อผลิตภัณฑ์ข้างในชัดเจนดี
ทำให้เราแน่ใจได้ 100% ว่าไม่ได้มีอะไรแปลกปลอมปนเข้าไปในขวดค่ะ

ฝาจะเป็นรูปแบบสำหรับหยด ผลิตภัณฑ์ของนีเวียอันนี้จะต้องหยดใส่สำลีสำหรับใช้งาน
ทำให้สามารถควบคุมปริมาณได้ง่ายขึ้นค่ะ









วิธีใช้ ให้หยดเนื้อผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีให้ชุ่มพอเหมาะ
แล้วแปะทับลงไปบนผิว ทิ้งซักพัก คลึงเบาๆ แล้วค่อยๆเช็ดออกค่ะ









สำหรับวันนี้นิจะเทสกับผิวบริเวณรอบดวงตาค่ะ
ซึ่งเมคอัพในวันนี้นิก็จัดหนักจัดเต็มอยู่พอตัว เพราะอยากจะเทสให้เห็นชัดว่าๆ
ผลิตภัณฑ์นี้ของนีเวียเค้าเอาอยู่มั้ย

เมคอัพวันนี้มีทั้งรองพื้น อายชาโดว์สีจัดจ้าน อายไลน์เนอร์ และมาสคาร่าชนิดกันน้ำค่ะ








อันนี้เป็นสำลีที่นิใช้ 
NIVEA Bright Acne Oil Control Make Up Clear Cleansing Water 
หยดลงบนสำลีแล้วแปะไปที่ผิวบริเวณรอบดวงตาค่ะ
แปะไว้เฉยๆเลย ไม่ได้คลึงหรือเช็ดใดๆ
จะเห็นว่าเนื้ออายชาโดว์ และอายไลน์เนอร์ติดออกมาด้วยบางส่วน ชักจะน่าสนใจละนะ









ทีนี้เรามาลองเช็ดแบบจริงจังกันดูบ้าง หลังจากนิแปะสำลีที่บริเวณรอบดวงตาอีกครั้ง(สำลีแผ่นเดิม)
แล้วคลึงและเช็ดออกเบาๆ จะเห็นออกมาได้ดังภาพเลย
คือเมคอัพหลุดติดออกมาชัดเจน ตาหนึ่งข้างนิจะเช็ดด้วยสำลีประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
สำหรับรองพื้น อายชาโดว์ และอายไลน์เนอร์ หลุดออกมาง่ายดายและหมดจดมากๆ
ส่วนมาสคาร่ากันน้ำต้องใช้เวลามากกว่าส่วนอื่นๆพอสมควร
แต่ก็หลุดออกมาหมดจดใช้ได้เลย








ลงให้ดูแบบชัดๆเทียบกันจะๆว่าทั้ง 2 ข้างหมดจดต่างกันแค่ไหน
นิไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นในการเช็ดเลยค่ะ ใช้แค่ NIVEA Make Up Clear Cleansing Water นี่เลย

สิ่งที่ชอบอีกอย่างนึงคือ ไม่แสบตาเลยแม้แต่น้อย
โดยปกติแล้ว นิจะชอบถอดคอนแทคเลนส์ก่อนจะล้างเมคอัพค่ะ
เพราะบางยี่ห้อจะมีอาการแสบตาบางๆ หรือเป็นเมฆขุ่นๆในตาซักพักเวลาล้างเครื่องสำอาง
กลัวว่ามันจะทำให้เศษเครื่องสำอางเข้าไปตกค้างอยู่ในเลนส์ สะสมหมักหมม
แต่วันนี้อยากเทสว่าเค้าแสบตาหรือมีความขุ่นมัวที่จะติดอยู่ในตามั้ย

ปรากฏว่าไม่มีเลยค่ะ ไม่แสบและไม่ขุ่นมัวในตาเลย
ถือว่าประทับใจพอสมควรสำหรับข้อนี้










ถือว่าประทับใจพอสมควรค่ะสำหรับ NIVEA Make Up Clear Cleansing Water นี้
เป็นไอเท็มที่คุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋า แถมหาซื้อได้ง่ายด้วย

ขวดละ 200ml. ราคา 159.-

สำหรับใครที่สนใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน 






ยังไงซะนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริงของนิ
ซึ่งในเมคอัพต่างๆที่แต่ละคนใช้ก็จะมีความแตกต่างกัน
เมคอัพบางยี่ห้อก็อาจจะสามารถกันน้ำได้ดีมากๆ 
ซึ่งต้องเทสกันอีกทีว่าผลิตภัณฑ์นี้จะสามารถเช็ดออกได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ
ส่วนตัวนิก็ว่านิลองเลือกเมคอัพที่กันน้ำพอสมควรแล้วนะ ซึ่งก็ได้ผลที่ดีเกินที่นิคาดไว้
แต่ยังไงก็อยากให้ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากหลายๆแหล่งก่อนที่จะตัดสินใจนะคะ


ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามค่ะ

MINIPANDAZ







 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2558 18:51:11 น.
Counter : 3414 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.