Beauty ♥ Review VERENA L-Carnitine Apple Plus  สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน นิเห็นว่าช่วงนี้สาวๆหลายคนหันมาดูแลตัวเองและออกกำลังกายกันมากขึ้น ส่วนตัวนิตอนนี้เองก็กำลังตั้งใจออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออยู่ ส่วนหนึ่งมาจากการอยากจะรูปร่างดีค่ะ แต่อีกส่วนสำคัญมาจากการอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย วันนี้นิเลยมาพูดถึงอาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น เป็นตัวที่จะช่วยเบิร์นได้ดีถ้าหากเราออกกำลังกายควบคู่กันไปค่ะ VERENA L-CARNITNIE APPLE PLUS ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทชงดื่ม ช่วยในการควบคุมน้ำหนักและลดน้ำหนัก ลดระดับไขมันในกระแสเลือด ลดคอเรสเตอรอล ตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง ที่อยากมีรูปร่างสวยเพรียว รูปร่างเฟิร์มกระชับไร้ส่วนเกิน ผิวพรรณกระจ่าง แอล-คาร์นืทีน แอปเปิ้ล พลัส ประกอบไปด้วย ผงแอปเปิ้ล รวมถึงไฟเบอร์ที่ทำให้อิ่มตัวได้เร็วขึ้น ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ลดอาการท้องผูก ลดระดับคอเรสเตอรอล อินนูลิน ใยอาหารประเภทหนึ่ง มีรสหวานคล้ายน้ำตาล ช่วยในเรื่องการดูดซับ และขับสารพิษออกจากร่างกาย แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรด ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนกรดไขมันไปเป็นพลังงานได้เร็วขึ้น ทำให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นและเร่งการเผาผลาญพลังงานได้ดี รวมถึง โครเมียมพิโคลิเนต, โคเอนไซม์ คิวเทน ซึ่งจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และรักษาระดับน้ำตาลให้เหมาะสม ใน 1 กล่องจะมีซองเล็กขนาดพกพาบรรจุอยู่ 10 ซองค่ะ ซองละ 15 กรัม ราคากล่องละ 450.-  เป็นซองปิดซีลไว้สนิท ทำให้ผลิตภัณฑ์ภายในสดสะอาด วิธีการทาน ชงในน้ำสะอาด จะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำร้อนก็ได้ ต่อซองเหมาะกับน้ำปริมาณ 120ml. ค่ะ หรือประมาณ 1 แก้มน้ำขนาดปกตินี่ล่ะ หลังจากดื่มแบบผสมแล้ว ให้ดื่มน้ำเปล่าตามอีก 1 แก้วค่ะ จะดื่มก่อนอาหารเช้า หรือก่อนนอนก็ได้ แต่ส่วนตัวนิจะดื่มก็ต่อเมื่อวันนั้นนิจะออกกำลังกาย ซึ่งนิจะดื่มก่อนออกกำลังกายประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ กันเกิดอาการจุกขณะออกกำลังกายค่ะ ลักษณะผลิตภัณฑ์จะเป็นผงสีขาวๆในซองค่ะ เวลาที่เทน้ำลงไปจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนแบบแอปเปิ้ลเขียวเลย รสจะเป็นรสเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว ดื่มง่ายมากๆ นิทดลองออกกำลังกายเทียบกันระหว่างดื่มกับไม่ดื่มเวอรี่น่าตัวนี้ ได้ผลที่ต่างกันอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ขอดูตัวเลขที่วัดแคลอรี่นะคะ เพราะมันแปลผกผันตามความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายของนิ ซึ่งแต่ละวันทำออกมาไม่เท่ากันแน่ๆ แต่สิ่งที่สังเกตุได้ชัดคือเหงื่อที่ออกมาค่ะ อย่างที่บอกว่ามันช่วยเบิร์นจากภายในได้ดีขึ้น เมื่อเกิดการเบิร์น ร่างกายภายในจะรู้สึกร้อนค่ะ ซึ่งนิรู้สึกได้ชัดว่ารู้สึกร่างกายร้อนขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย และเมื่อร่างกายภายในเกิดความร้อน เหงื่อจึงเป็นตัวระบายความร้อนได้ดี และในการทานแต่ละครั้ง เมื่อเทียบกับวันที่ไม่ได้ทาน วันที่ทานนิจะเหงื่อออกเยอะกว่าวันที่ไม่ได้ทานค่ะ ในเรื่องของผลลัพธ์ที่ว่า จะทำให้ผอมเพรียวขึ้น นิยังไม่รู้สึกจุดนี้ค่ะ อาจจะต้องคอยติดตามผลระยะยาวด้วย ทั้งนี้ผลต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ที่แต่ละบุคคลด้วยนะคะ อย่างไรซะ การที่เหงื่อออกมากขึ้นก็ไม่ได้การันตีถึงไขมันในร่างกายที่ลดลงไปด้วย เพราะเหงื่อและไขมันเป็นคนละส่วนกัน ในส่วนของผลของไขมันลดลงหรือไม่ อาจจะต้องให้โภชนากรณ์ที่เชี่ยวชาญเป็นผู้วัดผลให้อีกทีค่ะ และเน้นย้ำมากๆว่า แอล-คาร์นิทีน จะได้ผลก็ต่อเมื่อเราทานและออกกำลังกายควบคู่กันไปนะคะ ทานแล้วนอนเฉยๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ ยังไงขอให้ศึกษาข้อมูลดีๆก่อนตัดสินใจด้วยค่ะ ขอบคุณ​ VERENA THAILAND ขอบคุณที่ติดตามค่ะ MINIPANDAZ   Create Date : 23 กรกฎาคม 2557     Last Update : 30 กรกฎาคม 2557 9:53:37 น. Counter : 3024 Pageviews.   0 comment Share Tweet

Beauty ♥ Review & Swatch Bisous Bisous Chateau De Glamour Lipstick สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้นิเอาลิปสติกที่เพิ่งจะออกใหม่ ของแบรนด์ Bisous Bisous มารีวิวให้ชมกัน นิเป็นคนชอบลิปเนื้อแน่นๆพิกเมนท์จัดๆ ตัวนี้ถือว่าเนื้อแน่นใช้ได้เลย มาดูกัน Bisous Bisous Chateau De Glamour Lipstick มีทั้งหมด 6 เฉดสีจ้ะ แท่งละ 595.- เนื้อสีแน่น เป็นแบบครีมแมทจ้ะ 6 สีจะคุมโทนนู๊ด ชมพู ส้ม ไปจนถึงแดง แต่ละสีสวยสดใสมากๆ ตัวแท่งเป็นพลาสติกแข็งสีทองเงาๆอ่อนๆ แน่นหนาดีค่ะ ฝาไม่หลุดออกจากตัวแท่งง่ายค่ะ ดูเนื้อสีที่ปาดลงแขน แน่นมากกกกกก เนื้อแห้งไปนิดสำหรับนินะ แบบว่าปาดสีแอบยากนิดนึงค่ะ แต่ทาไปแล้วรับรองว่าแน่น และเนียนดีค่ะ สีแรก GPE01 : สีชมพูนมๆพีชๆ นู๊ดที่สุดในบรรดาทุกสีค่ะ สีนี้หวานหยดย้อยมากๆ ทาแล้วเป็นสาวหวานทันทีเลย เหมาะจะทาได้ทุกวันแบบ Everyday Look ได้เลยค่ะ สีที่สอง GPK03 : สีชมพูหวานอีกสีแต่จะสดกว่าสีแรกนิดนึงค่ะ แล้วจะไม่เจือโทนส้มแบบสีแรกจ้า ทาแล้วสดใสมากๆ สีถัดมา GOR02 : สีโทนส้มจ้า แต่ไม่ส้มแป้ดแบบรุ่นก่อนๆ เป็นโทนส้มที่ออกพีชๆนมๆเหมือนกันค่ะ เป็นสีที่น่ารักมากๆ ทาได้เรื่อยๆ ทาได้ทุกวันเช่นกัน เหมาะกับทุกสีผิวจ้า สีถัดมา GPK04 : สีชมพูช้อคกิ้งพิงค์แซ่บๆ เหมาะกับสาวมั่น ส่วนตัวนิว่าสีนี้ใครทาก็แซ่บนะ มันออกนีออนๆนิดๆ GRD05 : สีแดงสด เป็นสีที่ต้องมีแทบในทุกคอลเลคชั่นเลย เพราะยังไงปากแดงก็คลาสสิคตลอดกาล เป็นโทนแดงสดแบบไม่เจือสีส้มด้วยจ้า ทาแล้วฟันขาวเลยโทนนี้ GRD06 : สีแดงก่ำแบบโครอล เป็นโทนสีในดวงใจนิตลอดกาลกันสีโทนนี้ เจือความเป็นสีน้ำตาลนิดๆ นิชอบเพราะทาแล้วขับผิวดี ดูเซ็กซี่เบาๆค่ะ เทียบให้เห็นกันชัดๆว่าแต่ละสีต่างกันอย่างไรบ้าง สาวๆชอบสีไหนกันคะ ส่วนตัวนิปลื้มสีส้ม GOR02 กับสีแดงโครอล GRD06 มากค่ะ รุ่นนี้เป็นกลิ่นอ่อนๆของผลไม้ ทาแล้วไม่รู้สึกฉุนหรือมึนกลิ่นค่ะ เนื้อแน่นติดทนดีมากๆ เวลาเช็ดแนะนำให้เป็นคลีนซิ่งออยจะดีมากค่ะเพราะติดทนจริงๆ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสาวๆที่กำลังมองหาลิปพิกเมนท์แน่นๆจัดๆ เนื้อแบบครีมแมทท์กำลังอินมากๆช่วงนี้ค่ะ ยังไงอยากให้สาวๆลองไปเทสเนื้อลิปกันก่อนนะ เพราะอย่างที่บอกว่าเนื้อค่อนข้างแห้ง ข้นมากพอสมควร ถ้าเป็นคนริมฝีปากแห้ง แนะนำให้ทาลิปบำรุงก่อนแล้วค่อยทาค่ะ ส่วนตัวนิไม่มีปัญหาเรื่องริมฝีปากแห้งเลยไม่มีปัญหาจุดนี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามจ้า MINIPANDAZ   Create Date : 21 กรกฎาคม 2557     Last Update : 21 กรกฎาคม 2557 15:40:31 น. Counter : 4939 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Beauty ♥ Review ILLAMASQUA Matte Lip Liquid ลิปเนื้อแน่นที่อยากแนะนำ สวัสดีจ้าสาวๆทุกคน สำหรับวันนี้นิหยิบไอเท็มสีสันสวยๆคุณภาพดีๆมารีวิวให้ชมกันค่ะ เป็นแบรนด์เจ้าแห่งสีสัน ILLAMASQUA นั่นเอง มาชมกันเลยว่าไอเท็มวันนี้เป็นอะไรค่ะ ILLAMASQUA Matte Lip Liquid ลิปสติกเนื้อลิควิดแบบจิ้มจุ่ม ให้ลุคแมตต์แน่นๆที่กำลังนิยมค่ะ รุ่นนี้มีทั้งหมด 3 สีค่ะ Surrender : สีพีชอ่อน Exotic : สีส้มสดใส Forbidden : สีชมพูอ่อนหวาน ลิป ลิควิดเนื้อแมตต์ที่ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นเนียนนุ่ม ให้ผลลัพธ์สีสันบนริมฝีปากที่แมตต์ แต่ไม่แห้ง และด้วยคุณสมบัติหลักของอิลลามาสก้า ที่คงไว้ซึ่งเม็ดสีเข้มข้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ สีสันชัดเจน ติดทานนานตลอดวัน ขนาดแท่งละ 4ml. ราคา 950.- เรื่องของพิกเมนท์พูดได้เต็มปากว่าแน่นมากจริงๆค่ะ ไม่จำเป็นต้องทาซ้ำหลายๆชั้นเลย ทาทีเดียวแน่นกริ๊บมากๆ มาในรูปแบบแท่ง ใช้งานง่าย และพกพาง่ายค่ะ ภายในแท่งมีพู่กันสำหรับทาปากมาในตัวเลยค่ะ แปรงไม่อ่อนเกินไป ไม่แข็งเกินไป ใช้งานได้ดีมากๆในการเกลี่ยสีค่ะ หัวแปรงคุมทิศทางได้ง่าย สามารถกรีดขอบปากให้คมกริบได้ไม่ยากเลย เนื้อสีตอนทาไปจะเป็นแบบลิควิดไม่ข้นมากค่ะ ใช้เวลาไม่นานก็เปลี่ยนจากเนื้อลิควิดเป็นแบบแมตต์ เนียนและแน่น ด้วยความแน่นของพิกเมนท์ แนะนำว่าริมฝีปากต้องไม่แห้งด้วยนะถึงจะทาออกมาสวย สิ่งที่น่าสนใจสำหรับลิปตัวนี้คือสามารถผสมสีกันได้ แล้วจะได้เฉดสีที่หลากหลายขึ้น เดี๋ยวมาดูกันดีกว่าว่าแต่ละสีทาออกมาแล้วเป็นยังไงนะคะ SURRENDER : สีพีชอ่อน โทนสีน่ารักๆที่เข้าได้กับหลายๆสีผิวจ้า ทาแล้วให้ลุ๊คหวานแต่ไม่หวานจนเลี่ยนเพราะมีเจือโทนพีชที่ออกส้มผสมมา ช่วยให้ดูซุกซนเล็กๆ เป็นโทนสีที่นิชอบมาก เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนหวานหยดค่ะ FORBIDDEN : สีชมพูอ่อนหวาน สีนี้จะเป็นโทนชมพูที่ปนม่วงนิดๆ บางคนทาสีนี้จะออกแนวหวานๆ แต่ตัวนิทาแล้วจะออกแนวเซ็กซี่เบาๆ ทั้งนี้อยู่ที่เฉดสีผิวและบุคลิกด้วยค่ะ เป็นโทนสีคลาสสิคตลอดกาล ไม่ว่าซีซั่นไหนๆที่โทนชมพูออกมาจะต้องมีสีนี้อยู่ด้วยทุกครั้ง เป็นสีที่ใช้ได้เรื่อยๆค่ะ EXOTIC :  สีส้มสดใส เป็นโทนที่แซ่บสุดในบรรดา 3 สีที่ออกมา เป็นส้มอมแดงค่ะ สีส้มอมแดงเหมาะมากๆกับสาวเอเชียที่ผิวขาวเหลือง เพราะมันขับผิวค่ะ บางวันที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดมาก แต่อยากดูแซ่บ หยิบตัวนี้มาทา รับรองเด่นเด้งแน่นอนจ้ะ SURRENDER + FORBIDDEN เรามาผสมโทนสีพีชอ่อนกับสีชมพูอ่อนหวานกันดู จะออกมาเป็นสีชมพูหวานละมุนแบบนี้ค่ะ เป็นโทนสีที่ทาได้ทุกวัน ดูสวยหวานละมุนละไมมากๆ SURRENDER + EXOTIC ต่อมาลองผสมสีพีชอ่อนกับสีส้มสดใสดูบ้าง จะได้โทนสีที่เป็นพีชอมแดงที่สวยมากๆ นิชอบสีนี้มากที่สุดเลย เพราะจริงๆก็ตามหาสีโทนนี้มานาน พอผสมกันออกมาได้แบบนี้ ปลื้มสุดๆค่ะ EXOTIC + FORBIDDEN นำสีส้มสดใสมาผสมสีชมพูอ่อนหวาน ได้เป็นสีชมพูอมแดงที่ออกมากำลังพอดีมากๆ เป็นอีกสีที่นิชอบมากเช่นกันค่ะ ให้ลุ้คแบบสาวมั่นดี และเหล่านี้คือสีที่ได้ออกมาทั้งหมดค่ะ ทาเดี่ยวๆก็สวย นำมาผสมกันก็ยิ่งสวย ประทับใจมากๆเลย แล้วสาวๆชอบสีไหนกันบ้างคะ? ทีนี้นิอยากท้าพิสูจน์ซักหน่อยว่า ลิปตัวนี้ของ ILLAMASQUA ติดทนแค่ไหน เลยลองทาแล้วทำหลายๆวิธีในการพิสูจน์ค่ะ มาดูกันว่านิลองทำอะไรบ้าง ลองดื่มน้ำ แล้วมาดูว่ามีรอยสีลิปติดที่ขอบแก้วมากน้อยแค่ไหน จะบอกว่าอันนี้นิลองดื่มน้ำทันทีหลังจากทาปากไปแล้วค่ะ ก็คือลิปยังไม่ทันแห้งดีนั่นเอง สังเกตุว่ามีรอยลิปสติกติดอยู่เหมือนกันนะ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อลิปแห้งสนิทแล้วก็มาลอง ทานขนมเค้ก กันดูบ้าง แล้วมาดูที่ช้อนกัน มองแทบไม่เห็นรอยลิปสติกเลยจ้า ติดทนมากจริงๆ ยังไม่พอๆๆๆ อยากให้เห็นกันจะๆอีกซักรอบ มาลอง จูบกระจก ดูกันหน่อย มาดูรอยที่เกิดบนกระจกกัน เป็นรอยแบบเหมือนเป็นความมันที่ถูกซับออกมาเฉยๆค่ะ แทบจะไม่มีสีของลิปสติกติดมาบนกระจกเลย แบบว่าตื่นเต้นมากๆ คือสีลิปติดที่ริมฝีปากเราทนมากๆจริงๆ อันนี้คือริมฝีปากที่ผ่านการทดสอบมาแล้วทั้ง 3 วิธีข้างต้นค่ะ สียังคงติดแน่น เนียน ไม่ดูเป็นคราบแต่อย่างใด สุดยอดมากๆ นิลองทำการเช็ดด้วย Cleansing Water ดู โดยลองทาบลงไปไม่ได้ถูค่ะ ผลออกมาเป็นอย่างที่เห็น คือหลุดติดสำลีออกมานิดหน่อยเท่านั้น แต่อย่ากังวลไปว่า เอ้ะ ใช้แล้วจะล้างออกยากมั้ย นิแนะนำว่าผลิตภัณฑ์ที่ติดทนแบบนี้จะเหมาะกับการทำความสะอาดด้วย Cleansing Oil, Cleansing Balm หรือไม่ก็เป็น Make up Remover ค่ะ หลุดออกง่ายและสะอาดหมดจดมากๆ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสาวๆในการตัดสินใจนะคะ ส่วนตัวนิเป็นคนชอบลิปพิกเมนท์แน่นๆ เนื้อแมตต์ๆแบบนี้มากอยู่แล้ว ถ้าใครชอบลิปแนวนี้ นี่เป็นอีกตัวที่นิแนะนำค่ะ จะทาเดี่ยวๆก็สวย ผสมสีกันไปมาก็สวย อันนี้นิยังผสมออกมาในอัตราส่วนเท่าๆกันนะ ใครชอบผสมกันแบบ 1:3 หรือ 2:3 หรือจะผสมกัน 3 สีเลยก็ไม่ว่ากัน การแต่งหน้าเหมือนกับงานศิลปะ ทุกอย่างไม่มีอะไรตายตัวค่ะ อยู่ที่ว่าคุณสนุกและพอใจกับมันแค่ไหนมากกว่า คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับใครที่อยากทาปากแบบเนื้อแมตต์แบบนี้ แนะนำให้บำรุงริมฝีปากให้ดีนิดนึง จะทาปากได้ดูเนียนสวยค่ะ ถ้าหากริมฝีปากแห้งมากๆให้ทาลิปบาล์มบำรุงก่อนจะดีกว่าค่ะ และลองใช้นิ้วกดเนื้อลิปหลังจากทา จะช่วยให้สีของลิปดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้นค่ะ ยังไงขอให้สนุกกับการแต่งหน้านะคะ ขอบคุณไอเท็มสนุกๆจาก ILLAMASQUA THAILAND ที่ให้นิมาได้ลองเล่นค่ะ ขอบคุณสาวๆที่ติดตามจ้า MINIPANDAZ   Create Date : 18 กรกฎาคม 2557     Last Update : 23 กรกฎาคม 2557 14:45:27 น. Counter : 16418 Pageviews.   4 comment Share Tweet

Beauty ♥ Review PANTENE AQUA PURE สูตรสำหรับผู้หญิงอย่างเราๆที่มีปัญหาผมลีบแบน และผมเส้นเล็ก   สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน สำหรับวันนี้นิมีรีวิวผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม จาก PANTENE มารีวิวให้ชมกันค่ะ เป็นสูตรใหม่ชื่อสูตรว่า PANTENE AQUA PURE เป็นสูตรที่เหมาะกับใครที่มีปัญหาผลลีบแบน และเส้นผมเหนียวเหนอะหนะง่ายค่ะ มาขอพูดถึงปัจจัยต่างๆที่อาจก่อให้เกิดปัญหาผมลีบแบนได้ง่ายกันก่อน ผมเส้นเล็ก สาวผมเส้นเล็กมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหานี้ได้ง่ายที่สุด เนื่องจากโครงสร้างของเส้นผม นอกจากนี้สาวผมเส้นเล็กยังมีโอกาสการเกิดผมบาง ได้มากกว่าคนที่มีผมเส้นใหญ่ได้มากถึง 50% ทางผู้เชี่ยวชาญจากแพนทีน จึงได้ทำการศึกษาโครงสร้างและกลไกการปรับเส้นผม พบว่าคอนดิชันเนอร์หลายชนิดอาจหนักเกินไปสำหรับผมเส้นเล็ก เนื่องจากสภาพเส้นผมที่บางและเล็ก ทำให้สามารถรับสารบำรุงเส้นผมจากคอนดิชันเนอร์ เข้าสู่เส้นผมได้น้อยลง ผมจึงดูลีบแบน คอนดิชันเนอร์ทั่วไป ผู้หญิงราว 48% ไม่เคยใช้คอนดิชันเนอร์ เนื่องจาก ทำให้รู้สึกว่าเส้นผมของพวกเธอหนักเกินไป มีผู้หญิงมากถึง 87% ที่รู้สึกผมทิ้งตัว ลีบแบนจากการใช้คอนดิชันเนอร์จนไม่ยอมใช้คอนดิชันเนอร์ทุกครั้งหลังสระผม ปัจจัยด้านเวลา ดูเหมือนว่าความรู้สึกเบาสบายของเส้นผมจะมาพร้อมกับผมที่เพิ่งสระ เสร็จใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้คุณรู้สึกว่าผมยิ่งรู้สึกหนักและลีบแบน โดยเฉพาะในคนที่มีเส้นผมเส้นเล็ก จะยิ่งมีแนวโน้มของผมลีบแบนได้มากกว่า คนผมธรรมดาหรือเส้นผมใหญ่ เนื่องจากเส้นผ่านศูนย์กลางและความแข็งแรง ด้านโครงสร้างมีต่ำกว่า ดังนั้นการสระผมด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ที่ให้ประสิทธิภาพในการขจัดและไม่ทิ้งสิ่งตกค้างบนเส้นผม ไม่ทำให้รู้สึกผมหนักและทิ้งตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆสำหรับสาวๆที่มีผมประเภทนี้ PANTENE AQUA PURE มีเทคโนโลยี คลีน ริชซ์ เพื่อให้รู้สึกถึงผมที่สะอาดและเบาสบายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการละลายน้ำได้สูง พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกบนเส้นผมได้เร็วขึ้นกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วๆไป แถมยังช่วยขจัดสิ่งตกค้างที่อาจหลงเหลืออยู่บนเส้นผมได้น้อยลงด้วย จุดเด่นสำคัญอีกจุดที่น่าสนใจคือ NO SILICONE ในตัวแชมพู คือไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนในแชมพูเลย แถมยังลดปริมาณของซิลิโคนในตัวคอนดิชันเนอร์ ลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับคอนดิชันเนอร์ชนิดอื่นๆของแพนทีน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมใช้ผลิตภัณฑ์แพนทีน อะควา เพียว แล้วสามารถ ลดอัตราการลีบแบนของเส้นผมลงได้ และยังให้ความสบาย พลิ้วสวยกับเส้นผมของเราอีกด้วย ก่อนหน้านี้นิได้มีโอกาสไปร่วมเวิร์คชอปกับทางแพนทีน เพื่อทำการท้าพิสูจน์ว่าเจ้าแพนทีนสูตรใหม่ อะควา เพียว อันนี้ สามารถทำได้จริงอย่างที่เคลมมาหรือไม่ โดยการพิสูจน์กับขนนกค่ะ นำขนนกมาทดลองสระลงไปกับตัวแชมพู 2 แบบ อันสีส้มคือเป็นสูตรอื่นๆของแพนทีน อันสีฟ้าคือแพนทีนตัวสูตร อะควา เพียว นำมาล้างแล้วทำการเป่าให้แห้ง จากนั้นทำการท้าพิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆว่า ถ้าปล่อยขนนกทั้ง 2 อันพร้อมกัน อันไหนหนักกว่า จะตกถึงพื้นเร็วกว่า และแน่นอนค่ะ ผลออกมาคือขนนกสีส้มซึ่งนำไปสระกับแชมพูสูตรอื่นๆของแพนทีน ตกถึงฟื้น ก่อนสีฟ้าที่เป็นสูตรใหม่ ตัวแพนทีน อะความ เพียว นั่นเอง นั่นแปลว่าสูตรใหม่นี้จะไม่ทำให้ผมหนักอย่างที่บอกไว้จริงๆ ซึ่งจะทำให้ปัญหาผมลีบแบนนั้นลดลงไปด้วย นิได้ทำการทดลองสระผมด้วยตัวเองมาแล้วด้วย กลิ่นของแชมพูหอมกรุ่น เป็นกลิ่นแบบสะอาดๆค่ะ ให้ปริมาณฟองที่มาก ทำให้รู้สึกสะอาดลึก ล้างออกง่าย นอกจากนี้ในเรื่องของการจัดทรงผมยังทำได้ง่ายขึ้นด้วย ทำให้ผมรู้สึก พลิ้วสวย และเบาสบายค่ะ หลังจากสระผมเสร็จเรียบร้อยภายในงานมีการสอนท่าเต้นสะบัดผมกันด้วย แต่ด้วยความไม่อำนวยทางสภาพร่างกายของนิ นิเลยขอยืนดูและเก็บบรรยากาศแทนค่ะ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายแบบอีกด้วยจ้า เป็นการถ่ายแบบเน้นสะบัดผม เพื่ออวดผมพลิ้วสวย ดูสุขภาพดี ถ่ายไปแบบ 16 ช็อต ใช้ได้ภาพเดียว 5555 สำหรับแพ็คเกจจิ้งก็เป็นลักษณะตามแบบฉบับของแพนทีนเลย นิชอบดีไซน์ของขวดคอนดิชันเนอร์ที่ทำฝาไว้ด้านล่างมากๆ เพราะคอนดิชันเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเหนียวข้น บางทีถ้าหากฝาอยู่ด้านบน เมื่อวางขวดทิ้งไว้ เนื้อผลิตภัณฑ์จะไปกองอยู่ก้นขวด เวลาจะใช้ก็จะทำได้ยาก แต่ถ้าหากทำฝาไว้ด้านล่างแบบนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์จะไปกองอยู่ที่ฝา เวลาจะบีบใช้ก็ทำได้ง่ายขึ้นค่ะ เนื้อของตัวแชมพูจะเป็นใสๆแบบนี้ค่ะ อย่างที่บอกตอนต้นว่าให้ฟองที่ฟูรู้สึกสะอาดดี ล้างออกง่ายมากๆไม่ทิ้งความมันลื่นไว้ที่เส้นผมค่ะ สำหรับตัวคอนดิชันเนอร์เป็นลักษณะสีขาวขุ่น แต่สัมผัสได้ถึงความบางเบาเมื่อเทียบกับคอนดิชันเนอร์ชนิดอื่นๆค่ะ ในการใช้บนเส้นผม ทำให้เส้นผมนุ่มลื่นดี เวลาล้างจะล้างออกง่ายกว่าคอนดิชันเนอร์ทั่วไป คือทำให้ผมรู้สึกนุ่มลื่นขึ้น เบาสบายขึ้น แต่ล้างออกได้สะอาดหมดจดกว่าแบบอื่นๆที่เคยใช้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ด้วยปริมาณของซิลิโคนที่ลดลงไป แบบนี้จะทำให้ผมดูชี้ฟูหรือไม่ โดยส่วนตัวนิไม่ได้มีปัญหาผมลีบแบน เพราะเป็นคนผมเส้นใหญ่และชี้ฟู แต่นิว่าในเรื่องการบำรุงก็ยังทำให้เส้นผมไม่ชี้ฟูค่ะ เส้นผมยังดูเรียงเส้นได้ดีเหมือนกับสูตรอื่นๆ แต่ไม่ทำให้ผมลีบแบนหรือไม่ทำให้หนังศรีษะมันเร็วจนเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยว่าสภาพเส้นผมของเราเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือไม่ อย่างผมนิเองอย่างที่แจ้งไว้ว่าเป็นคนผมเส้นใหญ่ และชี้ฟู ถึงแม้สูตรนี้จะไม่ทำให้ผมนิชี้ฟู และมีการบำรุงที่โอเค แต่ส่วนตัวนิยังคิดว่าเส้นผมของนิเหมาะกับคอนดิชันเนอร์ที่เข้มข้นค่ะ เพื่อให้ผมดูมีน้ำหนักและสลวยมากขึ้น แต่สำหรับสาวคนไหนที่มีปัญหาผมเส้นเล็กและลีบแบน นิว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว เพราะสามารถแก้ปัญหาผมลีบแบนได้จริง แถมยังให้การบำรุงที่ดีอีกด้วย แพนทีน โปร-วี อะควา เพียว แชมพู ขนาด 400ml. ราคา 149.- ขนาด 500ml. ราคา 179.- ขนาด 750ml. ราคา 249.- แพนทีน โปร-วี อะควา เพียว คอนดิชันเนอร์ ขนาด 320ml. ราคา 149.- ขนาด 460ml. ราคา 179.- ขนาด 670ml. ราคา 249.- สุดท้ายนี้ ตอนนี้ทางแพนทีนมีจัดกิจกรรม โดยให้เพื่อนๆมาถ่ายคลิปสะบัดผม อวดผมพลิ้วสวยสุขภาพดีลง IG โดย Hashtag #pantenethailand  เพื่อลุ้นรับตั้วหนัง ที่ Central Embassy รวมทั้งยังสามารถลุ้นรับโชคชั้นที่สองโดยใช้รหัสบนใบเสร็จของ Tesco Lotus เท่านั้น เพื่อส่งลุ้นรถยนต์ Honda Brio และทองคำอีกด้วยนะคะ งานนี้ทางแพนทีนจัดเต็มเลยค่ะ ไม่ลุ้นไม่ได้แล้วนะคะ สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 2 ตุลาคม 2557 เลยนะคะ ^^ ตามไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/pantenethailand และ www.facebook.com/PGthailand อย่างไรก็แล้วแต่นี่เป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของนิที่มีต่อผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำการทดลองใช้ด้วยตัวเองจริงเป็นระยะเวลาหนึ่ง ปัจจัยทางกายภาพและสภาพแวดล้อมของแต่ละคนมีต่างกัน ผลลัพท์ย่อมแตกต่างกันไปค่ะ อยากให้ศึกษาข้อมูลจากหลายๆแหล่งแล้วจึงตัดสินใจด้วยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ MINIPANDAZ   Create Date : 17 กรกฎาคม 2557     Last Update : 7 สิงหาคม 2557 10:47:03 น. Counter : 15216 Pageviews.   1 comment Share Tweet

Beauty ♥ Review SCOTCH COLLAGEN-AORA   สวัสดีค่าสาวๆทุกคน สำหรับวันนี้นิมาแนะนำเครื่องดื่มคอลลาเจนอีกตัวที่น่าสนใจมารีวิวให้ชมกัน เป็นแบรนด์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี SCOTCH นั่นเองค่ะ ส่วนตัวนิคุ้นเคยกับ SCOTCH ดีค่ะ เพราะเป็นคนชอบทานพวกซุปไก่สกัด แต่วันนี้เป็นตัว SCOTCH COLLAGEN-AORA ค่ะ มาดูกันเลยว่าช่วยในเรื่องอะไรกันบ้าง ส่วนประกอบหลักๆจะเป็นคอลลาเจน วิตามิน และน้ำผลไม้ต่างๆค่ะ และมีไซลิทอล(สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) ปริมาณต่อ 1 ขวด 45 มล.  พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย ไม่เจือสี แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ แต่ที่น่าสนใจคือ "สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant)) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามิน E ถึง 50 เท่า ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ แถมยังชะลอให้การสร้างเม็ดสีในปริมาณที่น้อยลง อนุมูลอิสระ (Free Radical) เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและไวต่อปฏิกริยาต่างๆซึ่งมีผลต่อการทำลาย เซลล์ต่างๆในร่างกาย ทำให้กระบวนการสร้างพลังงานเกิดการบกพร่อง และประสิทธิภาพในการสังเคราะห์โปรตีนลดลงด้วย Oligopin เป็นสารที่ประกอบไปด้วยโมเลกุลของสารโพลีฟีนอล ในกลุ่มไปโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ หรือที่เรียกว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ได้ดีกว่า วิตามิน C ถึง 20 เท่า และดีกว่าวิตามิน E ถึง 50 เท่า และยังมีกรดอินทรีย์ซึ่งจะร่วมกันทำงานอย่างลงตัว ทำให้มีการออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารประกอบเดี่ยวๆตัวใดตัวหนึ่ง Ologopin สกัดได้จากเปลือกต้นสนจากป่าสนทางใต้ของฝรั่งเศส French Forest Landes และผ่านกระบวนการสกัดโดยการแช่น้ำร้อน เพื่อสกัดเอาสารประกอบสำคัญที่เรียกว่า Oligameric ProCyaridins ผลการศึกษาพบว่า การเสริม OPC จะช่วยเสริมการทำงานของร่างกายในด้านต่างๆ - ป้องกันการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ ที่เกิดจากเม็ดสีใต้ชั้นหนังทำงานผิดปกติ และจากการถูกแสงแดดบ่อยๆ โดย Oligopin จะยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือชะลอให้มีการสร้างเม็ดสีในปริมาณที่น้อยลง - การปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและเส้นเลือดฝอย และควบคุมความยืดหยุ่นของเส้นเลือด ส่งเสริมการลำเลียงของออกซิเจนและสารอาหารต่างๆไปเลี้ยงที่ผิว รวมถึงการกำจัดของเสีย ทำให้ผิวพรรณดูมีสุขภาพหรือมีเลือดฝาด ดูเปล่งปลั่ง และชะลอการเกิดริ้วรอย - ป้องกันการเสื่อมของอิลาสตินและคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง เนื่องจากการทำงานของเอนไซม์ และช่วยป้องกันผิวหนังจากการเสื่อมสภาพและการสูญเสีย ความเรียบเนียน และการต่อต้านการเสื่อมเสียของผิวเนื่องจากรังสียูวี - ป้องกันการเกิดออกซิเดชันของ Low Density Lipoprotein และยังป้องกัน การอุดตันของผนังเส้นเลือด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ - ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างอิสทรามีน ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ในสิ่งมีชีวิต และช่วยลดการอักเสบ การบวม - ป้องกันความผิดปกติทางด้านการสร้าง DNAและลำดับของ DNA ร่วมทั้ง ช่วยซ่อมแซม DNA และยังยั้งอนุมูลอิสระที่มีผลต่อการทำลาย DNA - ปกป้องไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งเป็นของเหลวภายในเซลล์เมมเบรนและมีส่วนสำคัญ ในการส่งผ่านสารสำคัญต่างๆ - ป้องกันการกระตุ้นสารอนุมูลอิสระจากตัวกระตุ้นภายนอกร่างกาย เช่น อาหาร การสูบบุหรี่ และยาต่างๆ ซึ่งกลไกของร่างกายอาจจะไม่สามารถกำจัดได้ - ป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อลีบ ซึ่งการศึกษาของ Bordeaux Univerdity พบว่าสารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสช่วยลดการสูญเสียของมวลกล้ามเนื้อได้ โดยออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ใน 1 กล่อง มีทั้งหมด 6 ขวด ทานเพียงวันละขวดก่อนนอน หรือ หลังอาหารเย็น 3 ชั่วโมงค่ะ เพราะร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุดช่วงเวลานี้ ราคาแพ็คละ 259 บาท อุดมด้วยวิตามินรวม 13 ชนิด ได้แก่ วิตามินอี, วิตามินเค, โฟเลต, วิตามินบี 2, ไบโอติน, วิตามินบี 1, วิตามินบี 12, แพนโทธินิค แอซิด, ไนอะซิน, วิตามินบี 6, วิตามินดี, วิตามินซี, และวิตามินเอ ลักษณะขวดเป็นแบบสีชา ป้องกันแสงที่จะทำให้วิตามินบางตัวเสื่อมเมื่อเจอแสงค่ะ ฝาเกลียวแน่นหนาสีขาวสะอาดสะอ้าน สี เป็นสีเหลืองอำพันสะอาดไม่มีตะกอนใดๆค่ะ ส่วนรสเป็นรสแบบผลไม้เปรี้ยวนิดๆ ทานง่ายค่ะ เรื่องของผลลัพธ์จากการที่นิใช้ชีวิตปกติ คือการนอนเพียงพอ ทานอาหารครบหมู่ ออกกำลังกาย และดูแลผิวด้วยการบำรุงอยู่แล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้ผิวรู้สึกลื่นขึ้น และในบางวันที่อาจจะต้องนอนดึก ก็ไม่ทำให้ผิวดูโทรมค่ะ ในส่วนของความขาว ส่วนตัวเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว ไม่เห็นผลในส่วนนี้ แต่ทำให้รอยสิวต่างๆที่เกิดขึ้นดูจางลงเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็อย่างที่แจ้งว่ามีการใช้ครีมบำรุงร่วมด้วยค่ะ ในความออร่า อันนี้ไม่มีผลกับผิวของนิเท่าไหร่ เพราะไม่ได้มีปัญหาผิวอะไรที่ทำให้หมองคล้ำมาก แต่สำหรับใครที่อาจจะมีปัญหาผิวหมองคล้ำ อาจจะได้ผลก็ได้ค่ะ ทั้งนี้นี่เป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของนิที่ทำการทดลองผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง เป็นเวลาราวๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งจริงๆถ้าอยากให้เห็นผลชัด ควรทานราวๆ 1 เดือนถึงจะวัดผลได้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม MINIPANDAZ   Create Date : 15 กรกฎาคม 2557     Last Update : 29 สิงหาคม 2557 11:15:33 น. Counter : 2141 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• purrhouse
• Webmaster - BlogGang

• N i c H a * Hi5
• N i c H a * Jeban
• N i c H a * TheWos
• N i c H a * Exteen
• N i c H a * Multiply
• N i c H a * Twitter
• BlogGang.com