สวัสดีค่ะ วันนี้นิจะมารีวิวผลลัพธ์ในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา
จากการที่นิได้รับการปรับรูปหน้าที่ Smith Clinique ของคุณหมอโอ้คค่ะ
นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่นิให้คุณหมอโอ้คทำการปรับรูปหน้าให้

ใครสนใจอ่านครั้งแรก คลิก







มาครั้งนี้คุณหมอปรับโฉมคลีนิกใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อมาเป็น Smith Clinic ค่ะ

Smith Privé Aesthetique เป็นคลีนิกที่ดูแลด้านผิวพรรณและตลอดจนรูปร่าง ที่มีคอร์สต่างๆให้บริการลกูค้าทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยแต่ละคอร์สนั้นจะปรับให้เหมาะสมกับเพศ วัย สภาพผิวพรรณหรือรูปร่างของผู้ใช้บริการ ซึ่งลูกค้าทุกท่านจะได้รับการดูแลอย่างได้ มาตรฐานจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นำทีมโดย นายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล

การเสริมความ งามในแบบฉบับของ Smith นั้นจะเน้นความงามอย่างเป็นธรรมชาติ ทางทีมแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยไม่เน้นหนักไปกับการเสริมความงามที่อันตรายหรือ ขัดกับธรรมชาติของลูกค้าจนเกินไป สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดแูลและบำรุง Smith นำเข้าวัตถุดิบคุณภาพมาตรฐานสูงจากยโุรป อเมริกา และแคนาดา ซึ่งผลิตภัณฑ์จากแหล่งเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะการคืนความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูให้กับผิว นอกจากนี้วัตถุดิบคุณภาพสูงต่างๆยังถกูนำมาสร้าง เป็นสูตรพิเศษที่เหมาะกับการดูแลผิวพรรณให้กับคนไทยอีกด้วย

สถานที่ดูโอ่อ่ากว้างสบายกว่าครั้งแรกที่นิไปเยอะเลยค่ะ
เรื่องความสะอาดก็ต้องมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว นิไม่ขอพูดถึงตรงนี้มากละกันนะ








ในครั้งนี้มีอีก 2 สาวคือป้าพิมและน้องวาเลนไทน์ที่ได้ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้
เรากำลังพูดคุยกันเรื่อง Dysport ว่ามันคืออะไร ช่วยทำอะไรได้บ้าง

Dysprot คือ บูโทลินั่มท็อกซิน หรือโบท็อกซ์ที่เราคุ้นหูกันดีนั่นเอง
ตัวนี้เป็นบูโทลินั่มท็อกซินจากอังกฤษ ชื่อเต็มๆคือ

“Dysport® 500 Units ; Faster onset, Longer duration with Natural look”

“ดิสพอต® 500 ยูนิต ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ และด้วยเทคนิคการฉีดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Dysport ที่เรียกว่า Dermolift technique ทำให้เห็นผลหลังฉีดไปแล้วประมาณ 3-5 นาที ทันที ฉีดแล้วสามารถขยับหรือแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือตึงจนขยับลำบาก บอกลาคำว่า คุณนาย โบท้อก ไปได้เลย ถ้า Botulinum toxin จาก ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันได้นำ Dysport มาฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ตาม เทรนด์ โดยเน้นเทคนิคที่เรียกว่า .เดอโมลิฟ เทคนิค” ( Dermolift technique )

ซึ่งสำหรับตัว Dysport นี้สามารถใช้ได้หลากหลายส่วนของร่างกาย
มีคุณสมบัติในการช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า ยกคิ้ว
ลดเหงื่อที่มือและรักแร้ ปรับรูปกล้ามเนื้อขา
แถมยังสามารถลดอาการปวดที่เรียกว่า Office Syndrome ได้อีกด้วย

สำหรับพี่พิมทำการลดเหงื่อบริเวณรักแร้ค่ะ ส่วนนิและน้องวาเลนไทน์ทำการปรับรูปหน้ากัน
คุณหมอจะทำการสอบถามก่อนในเบื้องต้นว่าเรารู้สึกมีปัยหาส่วนไหนอยากจะปรับแก้
และคุณหมอจะทำการวิเคราะห์ให้อีกทีว่าจะทำประมาณไหนบ้าง

สิ่งนึงที่นิชอบมากๆคือคุณหมอโอ้คบอกไว้ว่า เราไม่ควรเอาความคิดเราไปใส่หัวลูกค้า
ความสวยของแต่ละคนเป็นเรื่องปัจเจก ซึ่งแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
สิ่งที่หมอจะทำคือฟังปัญหาก่อน จากนั้นค่อยช่วยแนะนำเพิ่มเติม
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากจริงๆ







หลังจากพูดคุยกับคุณหมอถึงปัญหาของแต่ละคนแล้ว
เราก็มาเริ่มทายาชากันค่ะ นิทำหารปรับรูปหน้า
เพราะฉะนั้นก็เลยทาให้ทั่วหน้าเลย เพราะเราไม่ทราบว่าจะมีตำแหน่งไหนบ้างที่คุณหมอจะฉีดลงไป
เพราะฉะนั้นเลยทานวดให้ทั่วเลยดีที่สุดค่ะ







"กรุณาดูสีหน้าและสายตาเว้าวอนที่อิชั้นส่งให้คุณหมอ"
แหม....ขนาดแต่งงานแล้วนะนี่ (แถมเจ้โอปนั่งอยู่ในห้องด้วย) อิชั้นไม่เก็บอาการเลย
555555555555

โอเค ข้ามเรื่องนั้นไปแล้วมาเข้าเรื่องสาระกันดีกว่า
สำหรับตัว Dysport นี้จะสามารถ

* ใช้ฉีดรักษาริ้วรอย และลดปริมาณเหงื่อในจุดที่ไม่พึงปรารถนา ใช้ได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะริ้วรอยบนในหน้า ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง

* กลไก คือ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่รัดผิวหนังให้เป็นรอยพับ รอยยับ รอยย่น ให้อ่อนแรง ริ้วรอยต่างๆจะแลดูจางลง แถมยังช่วยลดกรามจากการคลายกล้ามเนื้อพยุงกรามได้อย่างดี

* ส่วนเรื่องกลไกการลดเหงื่อ คือ ตัวยาจะไปช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ให้ลดลง ทำให้ลดเหงื่อ และปัญหากลิ่นตัวได้

* ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะแต่ละคนจะมีการแสดงอารมณ์บนใบหน้าที่แตกต่างกัน ทิศทาง และขนาดของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ต่างกัน

* ส่วนใหญ่จะเห็นผลภายใน 2-7 วัน และอาจคงสภาพอยู่ได้นาน 3-8 เดือน ในขณะที่การใช้ลดเหงื่อก็ให้ผลที่แตกต่างในแต่ละบุคคลเช่นกัน

* ความปลอดภัย ทางการแพทย์ยอมรับว่าให้ใช้ได้ในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบเพื่อการรักษาโรคบางชนิด แต่ส่วนใหญ่อายุที่ใช้ยาได้อย่างปลอดภัย

* เกิดผลข้างเคียงน้อย คือ อายุ ตั้งแต่ 15-50 ปี เพราะความแข็งแรง และมวลของกล้ามเนื้อยังมีอยู่มาก และส่วนใหญ่ริ้วรอยของคนกลุ่มนี้ก็เกิดจากการทำงานมากเกินปรกติของกล้ามเนื้อบนใบหน้า

* ปัจจุบัน มีวิธีใหม่ในการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า นวัตกรรมการลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติด้วย เทคนิค “ Dermolift® ” (เดอร์โมลิฟ®)

* ที่ทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังดีขึ้น ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เรียวเล็ก และ ลดเลือนริ้วรอยไปพร้อมๆกัน

* สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆในการลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย เช่นใช้ร่วมกับครีมบำรุงผิวลดเลือนริ้วรอย Kinerase

* สารเติมเต็มชนิดฉีด (Filler) การร้อยไหม (Thread lifting) การผลัดผิวทางการแพทย์ (Dermo Peeling) หากเป็นวิธีอื่นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

* การดูแล หลังจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน จากอังกฤษ (สารลดเลือนริ้วรอยชนิดฉีด) นั่ง หรือ ยืนพัก แต่ไม่ควรนอนราบเป็นเวลา 4 ชั่วโมง

* ห้ามประคบร้อน ซาวน่า ไอออนโต โฟโน หรืออยู่ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปรกติ 7-14 วัน , ห้ามนวดคลึง บริเวณที่ฉีด เว้นแต่แพทย์จะแนะนำ

* คุ้มค่ากว่า ด้วยประสิทธิภาพยา ที่ลดริ้วรอยทั้งเล็ก และ ใหญ่ ตื้นและลึก ได้แลดูเรียบเนียนกว่า เห็นผลเร็วกว่า คงสภาพได้นานกว่า แถมยังแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

ซึ่งในเคสของนิมีการฉีดที่ใบหน้าเพื่อยกกระชับใบหน้าให้ดูยกขึ้น
คุณหมอทำการฉีดลงไปที่ใต้ผิวไม่ลึกมาก และลงทีละนิดแต่หลายๆจุดค่ะ
สอบถามมาคุณหมอบอกว่า วิธีนี้จะช่วยกระจายตัวยาไปได้ละเอียดกว่าฉีดน้อยจุด
และจะทำให้การขยับเขยื้อนใบหน้าดูเป็นธรรมชาติด้วย

หลังจากฉีด(ทันที) จะสังเกตุเห็นถึงความแตกต่างเลย
(ซึ่งมากน้อยแล้วแต่ละบุคคล) ในเคสของนิ คุณหมอเอากระจกให้ส่องหลังจากฉีดข้างนึง
ถึงกับตะลึงเลย เพราะเห็นความแตกต่างชัดเจนมาก
เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพเทียบให้เห็นชัดๆ เพราะคุณหมอกำลังทำงานอยู่ เกรงใจค่ะ








นิฉีดบริเวณกรอบหน้าทั้งสองข้าง และบริเวณโคนผมตรงหน้าผากค่ะ
เพื่อยกให้ใบหน้าโดยรวมยกขึ้น จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวกระชับขึ้น
นอกจากนี้คุณหมอได้ทำการฉีดสลายแฟตที่แก้มและเหนียงให้ด้วย
ซึ่งที่แก้มนิได้รับการฉีดทั้งด้านในปาก(ตรงกระพุ้งแก้มด้านใน)และแก้มด้านนอก
เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า หลังจากนั้นใช้เครื่องเป็นหัวอุ่นๆช่วยกระจายตัวยา
มาถูวนบริเวณผิวที่ทำการฉีดสลายแฟตค่ะ แต่ไม่ให้โดนบริเวณกรอบหน้า
ที่ทำการฉีด Dysport เพราะตัว Dysport จะสลายเร็วเมื่อเจอความร้อน








หลังฉีดทันทีจะมีอาการบวมแบบนี้ แต่จะหายไปในเวลาประมาณครั้งถึง 1 ชั่วโมงค่ะ
ออกจะดูน่ากลัว แต่จริงๆนิฉีดเสร็จแล้วสักครู่ก็หายไป มองไม่ชัดแล้วค่ะ

เจ็บมั้ย? นิว่าคำถามนี้มีแน่ๆ บอกว่าก็เจ็บค่ะ เจ็บแสบๆเหมือนมดกัด
แต่มดอาจจะเป็นมดคันไฟนิดนึง แต่ไม่ได้เจ็บทรมารจนทนไม่ได้
เคยถามคุณหมอเมื่อครั้งก่อนว่า ทำไมทายาชาละยังเจ็บอยู่เลย
คุณหมอตอบแค่ว่า ถ้าไม่ทาก็จะเจ็บกว่านี้มากครับ ฮ่าๆๆๆ โอเค รู้เรื่องเลยค่ะ







หลังจากนั้นมาดูผลกัน นิถ่ายความเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 7 วัน
หรือ 1 อาทิตย์หลังทำมาให้ดู ใน 2 ภาพแรกคือภาพ Before-After ในวันนั้นค่ะ
หลังทำหน้าดูบวมเล็กน้อย นิว่าอาจจะมาเพราะบวมจากการเจ็บที่โดนเข็มทิ่มแทงจนพรุน
หลังจากนั้น ผ่านมาวันที่ 2 ใบหน้าก็ดูยกกระชับขึ้นมาพอสังเกตุเห็นได้นิดๆ
พอมาวันที่ 3 นี่ชัดเจนมากๆเมื่อเทียบกับวันแรกว่าใบหน้าดูเรียวขึ้นค่ะ
หลังจากนั้นพอมาวันที่ 5 และวันนี้วันที่ 7 ใบหน้าก็ดูค่อยๆเข้ารูปขึ้นอีกนิดหน่อย

สิ่งที่ชอบมากๆคือมันดูเป็นธรรมชาติมากเลย
นิไม่รู้สึกตึงหรือขยับใบหน้าได้ผิดแปลกไปเลยแม้แต่น้อยค่ะ ยิ้มได้ปกติ
แสดงสีหน้าและอารมณ์ผ่านใบหน้าได้อย่างปกติ ไม่รู้สึกตึงตรงไหนเลย ประทับใจ







ขอบคุณคุณหมอโอ้คมากๆกับความพิถีพิถันดูแลอย่างดีค่ะ
ฝีมือดีไม่มีตกจริงๆเลย และขอบคุณพี่โอปอล์ ภรรยาแสนสวยของคุณหมอด้วย
ที่ดูแลเทคแคร์อย่างดีมากๆ รักทั้งคู่เลย








สำหรับใครที่สนใจลองโทรไปปรึกษาที่ Call Center ได้เลยค่ะ
สถานที่เดินทางไปไม่ยากเลย อยู่ตรง BTS สถานีพระโขนง อยู่หลังอาคารไทซินค่ะ





ผลลัพธ์เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ อย่างที่แจ้งไว้ตอนแรกว่า
ในเรื่องการปรับรูปหน้าต้องให้คุณหมอช่วยดูและวิเคราะห์ให้อีกที
แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน เป็น Case by case
ถ้าสนใจแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอด้วยตัวเองดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

MINIPANDAZ