Beauty ♥ Jusme Color Workshop My True Color By Covermark ช่วงนี้เริ่มจะเห็นหน้าเห็นตากันบ่อยขึ้นตามงานอีเวนท์ต่างๆ หรืองานของเหล่าบลอคเกอร์ ดีใจที่ทางแบรนด์หลายๆแบรนด์เริ่มจะให้ความสนใจนิมากขึ้น แต่งานที่นำมาเขียนในวันนี้ จริงๆแล้วนิไม่ได้ถูกเชิญค่ะ แต่ว่าพอดี พี่โบ(กระต่ายลอยคอ หรือ Crazyrabbitz) ซึ่งเป็นคนที่ถูกเชิญ ติดธุระกระทันหัน เลยโอนกรรมสิทธิ์สำหรับ Workshop ในครั้งนี้ให้กับนิ ชื่องานในครั้งนี้คือ Jusme Color Workshop My True Color By Covermark ซึ่งจัดอยู่ที่ Q Cafe' ซอยทองหล่อ 55 ค่ะ หลังจาก Register เข้าไปในงานแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องไปเทสสีรองพื้นก่อนค่ะ งานนี้สมชื่อมากๆ Jusme Color ซึ่งก็คือ สีที่เป็นสีเฉพาะของเราจริงๆ ซึ่งตัวรองพื้นจะมีแบบ Yellow Base และ Blue Base ซึ่งเค้าจะนำตัวรองพื้นทั้งสองสีมาเทสที่ท้องแขนของเราทั้งสองข้าง ซึ่งของนิสีผิวสังเกตุเห็นชัดเจนมากว่า ข้างที่เทสด้วย Yellow Base ผิวจะดูเหลืองซีดมากๆ กับอีกข้างที่เทสด้วย Blue Base ผิวจะออกชมพูระเรื่อๆแบบมีเลือดฝาด ซึ่งผลก็ออกมาชัดเจนว่า สีผิวนิเข้ากับ Blue Base มากกว่า งานนี้มี Covermark Makeup Advisor :  Ms. Akemi Senoo มาเป็นผู้บรรยายพิเศษที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ค่ะ แนะนำวิธีในการดูแลผิวพรรณ การเลือกใช้เครื่องสำอางค์ และวิธีที่ถูกต้องในการใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย นอกจากจะเทสว่า สีผิวเราเหมาะกับ Yellow Base หรือ Blue Base มากกว่ากันแล้ว ยังไม่เสร็จค่ะ จะมีเทสระดับความเข้มของสีผิวอีก ซึ่ง ณ ขั้นตอนนี้จะไม่เทสที่ท้องแขนแล้ว แต่จะเทสในช่วงของกรามของเรา แล้วแต่ว่าเราจะชอบสีระดับไหน บางคนอาจจะชอบใช้รองพื้นสีสว่างกว่าสีผิวจริง 1 ระดับ แต่นิชอบให้สีเท่ากับสีผิวจริงของเรามากกว่า ทางทีมงานที่เทสสีให้เรา ก็จะให้ใบที่ติ๊กว่า สีผิวเราเหมาะกับรองพื้นตัวไหน เบอร์อะไรมา แล้วเอาไปให้พนักงานอีกที่หนึ่ง ในภาพจะเป็นการเทสสีรองพื้นให้กับแขกรับเชิญทั้งสองท่าน คุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างมั้ยเอ่ย ^^ สิ่งที่ได้มาทั้งหมดคือที่เห็นค่ะ ประกอบไปด้วย Covermark Essence Foundation Liquid Covermark Loose Powder Covermark Face Powder Case และ Covermark Beauty Sponge ในส่วนของรองพื้น นิได้แบบ Blue Base เบอร์ BO10 ค่ะ เนื้อรองพื้นเป็นแบบลิควิด ใช่ง่ายมากๆ แถมปาดไปแล้วเนื้อบางเบา แ่ต่ปกปิดดีทีเดียว ช่วงนี้ผิวหน้านิค่อนข้างโอเค ไม่มีสิว แต่ยังคงมีริ้วรอยดำจากสิวอยู่ ซึ่งตัวนี้ปกปิดโอเคเลย ปลื้มๆ ในส่วนของตัวแป้ง ได้แบบแป้งแยกกับตลับมาค่ะ ต้องแกะแป้งมาใส่ตลับอีกที ไม่ได้แพ๊คมาด้วยกัน ตลับแอบก๊องแก๊งไปนิด แต่ก็มีความเก๋ในตัวนะ อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าเวลาเราเปลี่ยนรีฟิลนี่ เปลี่ยนง่ายมากๆ เพราะจะมีช่องให้ดันรีฟิลได้เลย ไม่ต้องแงะ ไม่ต้องแกะ แค่ดันออก แต่ก็ไม่ได้หลุดออกจากกันง่ายนะคะ จะมีล๊อคในการยึดตัวตลับกับแป้งไว้ด้วย เวิร์คมากๆ ในส่วนของตัวแป้งก็ละเอียดและบางเบามากเลยค่ะ ทาแล้วหน้าดูเป็นธรรมชาติ ไม่โบ๊ะ หลังจากนั่งฟังคุณ Akemi ไป พรางแต่งหน้าไปเรื่อยๆ ทางเวิร์คชอปก็ได้เชิญแขกรับเชิญพิเศษ เป็นหนุ่มหล่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในละครหลายๆเรื่องค่ะ คุณป้อง นั่นเอง เชิญออกมาพูดคุยและมอบรางวัลพิเศษให้แก่สาวๆอีก 3 รางวัล ต้องบอกว่า ดีใจมากๆที่ได้ไปเวิร์คชอปครั้งดี ไม่เคยมีประสบการณ์ในการไปเวิร์คชอปเลยค่ะ สาวๆคนดังทั้งในห้องเครื่องแป้ง และ จีบันไปกันเพียบเลย ถึงแม้จะไม่ค่อยรู้จักใคร แต่ก็มีพี่ๆ้น้องๆหลายคนที่เข้ามาทักทาย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ดีใจมากที่จำกันได้ ^^ ภาพของ Q Cafe' สวยไฮโซมากๆ ชอบจริงๆ (เครดิตภาพนี้นิจำไม่ได้ว่าเซฟมาจากกล้องของใคร ขอโทษจริงๆค่ะ T^T) ปิดท้ายภาพรวมสาวๆบลอคเกอร์ทั้งหมดที่ไป Workshop ในวันนั้นค่ะ ใครเป็นใครดูกันเอาเองเลยน้า เยอะจัดๆ มึนมากๆ แต่กสนุกสุดๆไปเลยค่า ^^ Free TextEditor   Create Date : 24 สิงหาคม 2553     Last Update : 24 สิงหาคม 2553 14:41:34 น. Counter : 3130 Pageviews.   11 comment Share Tweet

Beauty ♥ Estee Lauder ANR eyes วันนี้นิจะมาเล่าอีกหนึ่งประสบการณ์ ที่ได้รับรางวัลกะเค้าบ้าง ขอบอกก่อนเลยว่า ตั้งแต่นิเกิดมา ไม่เคยได้รางวัลอะไรกะเค้าเท่าไหร่เล้ย ยิ่งถ้าเป็นกิจกรรมที่มีการโหวตด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยได้รางวัลเลย ฮ่าๆ มารอบนี้ นิได้ส่งรูปดวงตาคู่สวยกับทางกิจกรรมของ Estee Lauder เพื่อชิงรางวัล A Night to Repair หรือ ANR Eye หลังจากลุ้นอยู่หลายวัน ก็ได้เป็น 1 ใน 5 สาวที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดค่ะ ส่วนนี่เป็นภาพที่นิใช้ส่งประกวดค่ะ รับรางวัลที่ Central ชิดลมในงานของ Estee Lauder  ANR Eye ที่ Piano Hall เวลาบ่าย 2 โมงตรง ไปถึงเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ โดยไปเจอพี่โบ คุณแม่คนสวยเป็นคนแรก มองกันไป มองกันมา อุ๊ย...ใช่พี่โบนี่นา สวยจริงอะไรจริง อิอิ แล้วสาวๆก็เริ่มทยอยมากันทีละคนสองคน รัศมีความงามก็เจิดจรัสกันสุดๆ โฮกกก!!! ภาพบรรยากาศในงาน พิธีกรสาวสวยที่คุ้นหน้าคุ้นตาของเรา กำลังอธิบายถึง สรรพคุณของ ANR Eye ให้สาวๆได้ฟังกัน เสริมด้วยพิธีกรหนุ่มสุดหล่ออีกคน คุ้นหน้ากันอีกเช่นเคย ในงานก็จะมีเกมให้เล่นเล็กๆน้อยๆ ซึ่งจะเชิญผู้ร่วมงานไปเล่นคู่กับพิธีกรหนุ่มรับเชิญของงาน เกมก็จะให้หันหลังชนกันแล้วก็หันมามองตากัน ใครทำท่าเก๋กว่าก็ชนะกันไป สำหรับสาวๆที่ถูกเชิญออกไปร่วมเล่นเกม ก็จะไ้ด้กิฟวอยเชอร์เป็นบัตรนวดหน้าฟรีกับทาง Estee Lauder ค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแจกของรางวัลให้กับ 5 สาวที่มีผลโหวตมากที่สุด มีการนำเสนอภาพในจอมอนิเตอร์ว่า ภาพไหนเป็นของใคร รวมคะแนนโหวตเท่าไหร่กันบ้าง แล้วก็รับของรางวัล เป็น Estee Lauder ANR eye ขนาดจริงค่ะ โฉมหน้าทั้ง 5 สาวที่ได้รับรางวัลค่ะ มีพี่มด แห่ง Sissme ด้วย ^^ งานนี้แฮปปี้มาก เพราะได้เจอสาวๆและหนุ่มๆคนดังแ่ห่งจีบัน และห้องแป้งหลายคนเลย เพิ่งจะเคยได้มางานแบบนี้ครั้งแรก ดูไฮโซดีมั้ยละ อิอิ พี่มด ทรายหมูน้อย และพี่โบ งามกันจริงๆสาวๆแต่ละนาง พี่แจน ทรายฟีโอ น้องเบลล์ คุณกุ้ง คุณปูเป้ และพี่เก๋ แฮปปี้ดี๊ด๊ามากๆ ทำตัวไม่ค่อยถูกเลย ^^" ส่วนนี่คือหน้าตาของเจ้า ANR Eye ของรางวัลที่นิได้มาค่ะ หลังจากจบงานก็ได้ไปทานข้าวกันต่อที่สยามพารากอน นั่งเม้าแตกกันสุดชีวิต คุยไม่ทันกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ มีความสุขมากค่ะ จริงๆได้ของรางวัลมานานมากแล้ว แต่ยังไม่ได้อัพเดทอะไร วันนี้ว่างๆเลยเอามาเห่อซะหน่อย อิอิ ขอบคุณที่ิติดตามค่า ^^ Free TextEditor   Create Date : 23 สิงหาคม 2553     Last Update : 8 กันยายน 2553 18:04:46 น. Counter : 2430 Pageviews.   8 comment Share Tweet

Beauty ♥ How To Change Nerd To Be Blythe Doll ขอเป็นน้องบลายธ์ดูซักหน สวัสดีค่าชาวล็อคแก้งทุกคน วันนี้ขอเล่นกับหัวข้อ How To Contest ประจำเดือนนี้ของเว็บจีบันกะเค้าบ้าง หลังจากไม่ได้เล่นมานาน หัวข้อนี้น่าสนใจมากๆ เพราะปกตินิเป็นคนใส่แว่นอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนะคะ นอกจากคนในบ้าน และเพื่อนที่สนิทๆกันเท่านั้น เพราะส่วนมากนิจะใส่คอนแทคเลนส์เวลาออกนอกบ้านค่ะ มันสะดวกกว่ากันเยอะเลย พอดีว่านิเพิ่งจะได้ 180 Palette มาหมาดๆ ประจวบกับวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส แสงกำลังดี เลยนั่งคิดว่า ทำฮาวทูซํกหน่อยดีกว่า แต่หาแรงบรรดาลใจไม่ค่อยได้เลย เปิดเน็ตดูก็เยอะ แต่ก็ัยังหาไม่ได้ สาวๆที่มี Facebook นิน่าจะเห็นนิบ่นในสเตตัสอยู่เนอะ สาวๆหลายคนก็พยายามหาธีมมาเสนอ ขอบคุณมากจริงๆเลยน้า แต่นิรู้สึกว่ามันยังไม่เข้ากับคอนเซปเท่าไหร่ เลยนั่งดูโน่น ดูนี่ไปเรื่อยๆ จนมาคิดขึ้นได้ว่า เอ๊ะ...ปกตินิจะชอบเซฟรูปน้องบลายธ์มาเก็บไว้ เพราะชอบน้องบลายธ์ที่คัสตอมแล้ว จะออกมาหน้าตาน่ารักๆ หลากหลายรูปแบบ เลยนั่งกดๆดูเรื่อยๆ และแล้วแรงบรรดาลใจก็มาค่ะ แพร่มมานาน(ทุกฮาวทูเลย) มาเริ่มกันที่ เครื่องไม้เครื่องมือในการจะคัสตอมนิกันดีกว่า อิอิ Contact Lens GEO Big Nudy Pink -2.75 Makeup Base SUQQU Makeup Base Creamy KMA UV Shield Liquid Foundation SUQQU Loose Powder Natural SUQQU Loose Powder Deep Muji ชอล์ก สีขาว Bobbi Brown Eye Shadow สีน้ำตาล (ทำเฉดดิ้งกรอบหน้าและข้างจมูก) Point Makeup Bobbi Brown Eye Shadow สีน้ำตาล (เขียนคิ้ว) 180 Palette Bobbi Brown Gel Liner Lord&Berry Eye Pencil&Shadow Eylure The Lash Experts Design By Nicole Roberts ที่ดัดขนตา Shu Uemura Maybelline The Colossal Volum' Express Mascara KMA Powder Blush Pink Rimmel London #006 Pink Blush Topshop Gloss Hollywood Pink เริ่มกันที่หน้าโล้นๆ พร้อมแว่นหนาระดับกลางๆ ช่วยให้ดวงตาตี่ๆเล็กๆดูโตขึ้นด้วย GEO Big Nudy Pink รู้สึกใส่ละหลอกชอบกล อาจจะเพราะสีค่อนข้างชัดมาก ใส่ละเหมือนตัวเองเป็นแวนไพร์ ฮ่าๆๆ สำหรับเลนส์ตัวนี้ ต้องแต่งหน้าค่ะ ใส่เฉยๆนี่หลอกมากๆ ปรับสีผิวทั่วใบหน้าด้วย SUQQU Makeup Base Creamy เบสตัวนี้ไม่ต้องใช้เยอะเลยค่ะ ใช้ทีละน้อยก็ทั่วหน้าแล้ว แถมเนื้อครีมก็เบามากๆ ให้ความรู้สึกชุ่มชื่น เหมาะกับผิวแห้งค่ะ ลงรองพื้นของ KMA ต่อเลย รองพื้นตัวนี้ปกปิดดีระดับนึงเลย จริงๆนิเป็นคนผิวแห้ง แต่ดันซื้อแบบ for Oily skin มาซะงั้น จำไม่ได้ว่า มีแบบสำหรับ for Dry skin รึเปล่า แต่ในเมื่อซื้อมาแล้ว ก็เลยใช้ๆให้หมด เสียดายของ ใช้ Muji ชอล์ก สีขาวในการทำไฮไลท์ค่ะ ขีดตรงสันจมูก และบริเวณโหนกแก้ม เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นดูสูงโด่งขึ้น ปัด SUQQU Loose Powder Natural ให้ทั่วใบหน้า และตามด้วย SUQQU Loose Powder Deep เพื่อเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า ตอนซื้อมาเจ้าสองตัวนี้มาเป็นเซทพร้อมเบสค่ะ BA ที่ลอนดอนเค้าก็บอกว่า ตัว Deep จะช่วยเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า แต่เอาจริงๆ นิว่ามันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ นำ Bobbi Brown Eye Shadow สีน้ำตาลมาทำเฉดดิ้งบริเวณกรอบหน้า เน้นช่วงกราม เพราะกรามนิหย่ายย แถมหน้าก็บาน ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกที่เค้าสร้างเฉดดิ้งมาแล้ว ฮ่าๆๆ และนำเจ้า Bobbi Brown Eye Shadow ตัวเดิมมาเขียนคิ้วค่ะ ภาพตอนไม่แต่งจะเห็นว่าคิ้วนิรกสุดๆ เลยจัดการถอนขนคิ้ว จัดให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็เขียนคิ้วเพื่อกลบช่องว่างระหว่างขนคิ้วค่ะ มาสู่ขั้นตอนการแต่งตากันบ้าง จาก 180 Palette เลือกสีขาวชนิดชิมเมอร์ มาเบลนด์ในช่วงโหนกคิ้ว เพื่อทำให้โหนกคิ้วดูสูงขึ้น เลือกสีชมพูแบบบาร์บี้มาคัดเบ้าในวงกว้าง เพื่อให้เป็น Under tone ในการลงสีถัดไปค่ะ การลง Under tone เป็นเหมือนการปูพื้นด้วยโทนสีหลักของการแต่งหน้าค่ะ ส่วนมากจะเป็นสีอ่อนๆ แล้วเบลนด์ให้ฟุ้งกระจาย จากนั้นเลือกสีม่วงแบบชิมเมอร์ลงในการคัดเบ้าในวงที่แคบลงมา แล้วเบลนด์ให้กลืนกับ Under tone สีชมพูที่ลงไว้ตอนแรก สีม่วงจะเป็นตัวหลักในการคัดเบ้าตาให้ดูลึกขึ้นค่ะ จากนั้นเลือกสีฟ้าเบบี้บลูแบบแมทในการลงช่วงหัวตา แล้วเบลนด์ให้กลืนกับทั้งสองสีที่ลงไว้ตอนแรก ลงให้เลยมาช่วงมุมหัวตาด้านใน ลงสีน้ำเงินแบบชิมเมอร์เป็นวงกลมตรงกึ่งกลางตา เพิ่มสีสันให้ดูจัดจ้านขึ้นค่ะ นำสีฟ้าเบบี้บลูอันเดิม ลงในช่วงขอบตาล่าง ลงจากหัวตา ไล่มาจรงถึงกึ่งกลางตา เพื่อให้สีสันดูต่อเนื่องค่ะ จากนั้นนำสีม่วงแบบชิมเมอร์ ลงในช่วงขอบตาล่างเช่นกัน แต่ลงจากหางตา ไล่มาจนบรรจบกับสีฟ้าที่ลงไว้ตอนแรก เบลนด์ให้กลืนกันค่ะ นำเจลไลน์เนอร์ของ Bobbi Brown กรีดทั้งขอบตาบนและขอบตาล่าง ครั้งนี้นิกรีดไม่หนามากค่ะ ไม่อยากให้อายไลน์เนอร์ไปทับสีสันที่อุตส่าห์เบลนด์ไว้ แล้วนำ Lord&Berry Pencil Liner วาดอินเนอร์กลบรอยขาวๆตามแนวขนตาค่ะ จากนั้นทำการดัดขนตาด้วยที่ดัดขนตาของ Shu Uemura แล้วติดขนตาปลอม Eylure The Lash Experts Design By Nicole Roberts ใช้กาวของ Shu Uemura ทาบนขนตาปลอม แล้วรอให้กาวเซ็ทตัวประมาณ 10 วินาที ก่อนจะบนแนวขนตาของเรา ทำให้ติดง่ายและเนื้อกาวไม่เลอะเทอะค่ะ ปัดมาสคาร่าของ Maybelline The Colossal Volum' Express Mascara ปัดในแนวขนตาล่างเพื่อเพิ่มความนาวและเพิ่มวอลลุ่มให้แก่ขนตา รุ่นนี้ปัดแล้วขนตายาวขึ้นเห็นได้ชัดมากเลยค่ะ ปกติขนตาล่างนิแทบจะไม่เห็นเลย ถ้าที่ไทยจะเป็นรุ่น Magnum นะคะ ตัวเดียวกัน แล้วปัดแก้มด้วย KMA Powder Blush สีชมพูหวานๆปัดเบาๆ จากบริเวณขมับไล่เข้ามาที่โหนกแก้ม อย่าปัดให้ชัดมาก เพราะเราเล่นสีสันกับตาเยอะมากแล้ว ไล้ให้ดูอมชมพูระเรื่อๆก็พอค่ะ มาในส่วนของเรียวปาก ใช้สีชมพูนู๊ดๆของ Rimmel London ทาให้ทั่วริมฝีปาก ด้วยความที่ลิปสติกของ Rimmel London ทาออกมาแล้วปากดูแห้งพอสมควร เลยต้องเพิ่มความชุ่มชื่นด้วยกลอสของ TOPSHOP โทนสีเดียวกัน กลอสตัวนี้เนื้อสีค่อนข้างแน่นเลยค่ะ นิชอบมากๆ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วววว มาดูลุ๊คแบบเสร็จเรียบร้อยกันดีกว่า เปรียบเทียบกันระหว่าง Before&After ดูแตกต่างกันบ้างมั้ยเนี่ยะ? ดูหน้าตัวเองมันชินค่ะ ยังไงก็ว่าเหมือนไม่ต่างกันมาก มาดูรูปกันดีกว่า ทำหน้ายังไงจะเหมือนน้องบลายธ์น้า? แอ๊บแบ๊วแบบชูสองนิ้ว ท่าหากิน รอดมั้ย? ยิ้มนิดๆแบบผู้ดี(มั้ง?) ฉีกยิ้มละ เครียด... อ่ะๆ...แอ๊บแบบนี้ เหมือนน้องบลายธ์บ้างรึยัง? เอาเถอะ...ช่างมันแระ จบฮาวทูเลยละกัน ผิดท้ายด้วยรูปนี้ หนูช๊อบบ ชอบบบบบบ ^^ หลังจากกลับบ้านมาก็หาโลเคชั่นอยู่นานมากๆเพื่อจะทำฮาวทู ทุกวันนี้ก็ยังหาไม่ได้ เพราะบ้านของนิแสงไม่ค่อยเข้าเลย แสงสีอาจจะผิดเพ้ี้ยนไปบ้างก็อย่าถือสาเลยนะคะ พยายามที่สุดแล้ว T^T กรุณาอย่านำภาพนิไปลงที่ไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตินะคะ เคารพสิทธิ์ของกันและกันด้วยค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^ Free TextEditor   Create Date : 15 สิงหาคม 2553     Last Update : 15 สิงหาคม 2553 21:12:13 น. Counter : 10275 Pageviews.   12 comment Share Tweet

Beauty ♥ Preview 180 Palette, MMU, Chanel, Big Eyes, และซ่อมพาเลทที่แตกค่ะ สวัสดีค่ะชาวบล็อคแก้ง วันนี้นิมาเห่ออีกแล้ว หลังจากไม่ได้เห่อมานานมากๆ เพราะสัญญากับตัวเองว่า จะไม่ซื้อของอีกในช่วงนี้ ก่อนกลับมาไทยนิช๊อปไปเยอะอย่างที่เห็นว่านิมาเห่อบ่อยๆ แต่แล้วก็อดใจไม่ได้ มาเริ่มกันเลยดีกว่า เห่อที่ 1 อันนี้ซื้อมาจาก ดิวตี้ฟรีของอังกฤษค่า Chanel Mat Lumiere Extreme เบอร์ 20 Beige Rose จริงๆชื่อยาวกว่านี้ แต่เขียนสั้นๆพอ ยาวเกินขี้เกียจพิมพ์ ฮ่าๆๆ ราคาประมาณ 1250-1300 ค่ะ ราคาพร้อมตลับนะคะ ถูกที่สุดเท่าที่นิเคยเจอ สอยมาลองซะเลย ปรากฏว่า ถูกใจมากๆ เนื้อแป้งละเอียด ทาละกริ๊บมากๆเลย ปกปิดปานกลาง แต่ทาละผ่องดีค่ะ เลิฟๆเลยไอเทมนี้ ^^ เห่อที่ 2 เป็น MMU ค่ะ นิสนใจมานานละล่ะ แต่ว่ารู้สึกไม่อยากสั่งจากเว็บนอก เลยยังไม่ได้สั่งซักที มาเดี๋ยวนี้มีเว็บคนไทยขายเพียบ เลยนั่งดูๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอดใจไม่ไหวละ เลยสั่งมาลองก่อน 7 สีตามภาพ ตอนเลือกก็มึนๆ เพราะสีมันสวยทุกสีเลยอ่ะ จิ้มๆมา จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าซื้อมานี่ สีอะไรบ้าง ฮ่าๆๆ ส่วนขวดที่เหมือนยาหยอดตา คุณสมบัติเดียวกับ Magic Eye Changer ของมิชชาเลยค่า ไว้ทำให้อายชาโดว์เป็นอายไลน์เนอร์ ^^ เห่อที่ 3 นางเอกของงานนี้ 180 Palette ค่า ตัวนี้นิสั่งกับพี่ฝน (FONKAN) ในราคา 2000 บาท จากที่นิสืบเสาะดูตามเว็บไทยแล้ว ราคานี้ถูกสุดแล้วค่ะ ถ้าใครอยากได้ถูกกว่านี้ต้องสั่งทางอีเบย์เองแล้วล่ะ แต่ก็อาจจะต้องเสี่ยงกับการไม่ได้ของ หรือของแตกหักเสียหายหน่อยน้า แต่ถ้าเลือกคนขายเป็นก็โอเคเลยค่ะ นิไม่ค่อยถนัดสั่งอีเบย์ เลยขอสั่งกับคนไทยดีกว่า อุ่นใจ มาดูกันหน่อยว่าพี่ฝนแพ็คของยังไงบ้าง เห็นละมันอดไม่ได้ที่จะเอามาอวดให้ชมกันค่ะ ฮ่าๆๆ ตอนไปรับของ งงมากว่าพาเลทนี้มันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมกล่องใหญ่จังเลย พอแกะออกมาเท่านั้นละ ปาดเหงื่อเลยค่ะ พี่ฝนแพ็คมาแน่นหนามากๆ ชั้นแรก พอเปิดกล่องมาก็เจอกับเหล่ากองทัพหนังสือพิมพ์ค่ะ พี่ฝนยัดมาซะเพียบเลย กันไม่ให้ตัวพาเลทเลื่อนไปมา ชั้นที่ 2 เจอกับบับเบิลที่ห่องทับโฟมอีกที กันกระแทก ชั้นที่ 3 เป็นโฟมที่ล๊อคตัวพาเลทไม่ให้ขยับค่ะ ชั้นที่ 4 เจอกับบับเบิลอีกครั้ง กันกระแทกสุดฤทธิ์เลย ฮ่าๆๆ ชั้นที่ 5 มีพลาสติดห่อตัวพาเลทเอาไว้ค่ะ เพื่อกันฝาพาเลทเปิด เท่านี้ยังไม่พอ ภายในพี่ฝนยังห่อพาเลททุกชั้นด้วยพลาสติกอีกรอบ โอ้ววว นี่คือสีสันทั้งหมดของพาเลทนี้ค่ะ เปิดมาจะมีพาเลทจำนวน 3 ชิ้น ชิ้นละ 2 ชั้น เป็นทั้งหมด 6 ชิ้นค่ะ สังเกตุว่า ขนาดพี่ฝนก่อมาซะขนาดนี้แล้ว ยังมีหลุมนึงแตกด้วยแหละ ดีนะที่พี่ฝนห่อพลาสติกมาให้ ไม่งั้นคงกระจายใส่หลุมอื่นๆแน่ๆ นิเลยมาจัดการซ่อมซะหน่อย จากภาพ ด้านซ้ายคือพาเลทที่แตกค่ะ ด้านขวาคือที่ซ่อมแล้ว ดูเหมือนไม่แตกต่างใช่มั้ย? แต่มันต่างกันนะ จะอธิบายให้ฟังค่ะ สำหรับสาวๆที่อายชาโดว์แตกแบบนี้ อย่ากังวลใจไปค่ะ มีวิธีแก้ อุปกรณ์ที่ต้องมี แอลกอฮอล์เช็ดแผล กระดาษทิชชู่อย่างหนา หรือถ้าไม่มี ใช้แบบปกติก็ได้ค่ะ แต่พับให้หนาๆเอา เหรียญ 50 สตางค์ มาเริ่มกันเลย นำแอลกอฮอล์หยดลงบนกระดาษทิชชู่ แล้วนำทิชชู่ไปวางบนพาเลทหลุมที่แตกค่ะ แล้วใช้เหรียญ 50 สตางค์ วางทับ ใช้นิ้วเราค่อยๆกดทีละินิดให้แน่นดี แค่นี้ก็เรียบร้อยยยย!! ง่ายมากๆ มามะมาพิสูจน์กันหน่อยว่ามันได้ผล นิตั้งพาเลทในแนวดิ่ง เห็นมั้ยคะ พาเลทที่แตกไม่หลุดร่วงออกมาเลย เวิร์คค่าาา คำแนะนำ ถ้าสาวๆอยากให้พาเลทที่แตกดูเนียนเหมือนไม่เคยแตกมาก่อน นิแนะนำว่า ให้บดพาเลทที่แตกให้ละเอียดก่อนทำค่ะ เนื้อพิกเมนท์จะเนียนเป็นพาเลทใหม่เลยแหละ แต่พาเลทของนิ หลุมที่แตก ดันเป็นหลุมแบบ 2 สี เลยไม่อยากบดเพราะมันจะทำให้สีอายชาโดว์ผสมกันไปเลย นิเลยทำทั้งๆที่อายชาโดว์ยังเป็นชิ้นๆอยู่อะค่ะ พาเลทนี้งดงามมากเลยค่ะ มันกางปีกได้ด้วย ฮิ้ววว!! ยังไม่หมดสิ่งที่เห่อนะคะ อิอิ นิสั่งคอนแทคเลนส์ไป 3 คู่ค่ะ จริงๆสั่งไป 10 แต่ทางร้านไม่มีของ เลยได้มาแค่นี้ Seeshell Grey Big Nudy Pink Nudy Violet ไว้จะมารีวิวให้ดูนะคะ หลังจากนี้ขอพื้นที่บ่นอไรนิดหน่อย สาวๆคงพอจะรู้ว่าตอนนี้มีกิจกรรมของ Essential Damage Care กันใช่มั้ยคะ ที่จะมีสาวผู้โชคดี 15 คนได้ิบินไปโตเกียวและได้ชม Tokyo Girl Collection ด้วย นิส่งภาพไปประกวดค่ะ และได้ผ่านรอบคัดเลือกให้ไปสัมภาษณ์ แต่ว่านิดันลืมใส่เบอร์โทรให้ทางทีมงานติดต่อกลับ กว่าจะรู้ก็คืนวันที่ 12 ซึ่งเค้ามีสัมภาษณ์ในวันที่ 13 ที่ผ่านมา สรุปว่า ไปไม่ทันค่ะ เพราะนิไม่ได้อยู่ กทม. เท่านั้นยังไม่พอ วันนี้ออกไปรับ EMS ได้เ้จ้านี่มาค่ะ เป็นจดหมายจากทางทีมงาน ส่งมาบอกกำหนดการณ์ต่างๆ อย่างที่บอกค่ะ สัมภาษณ์วันที่ 13 แต่นิได้จดหมายวันที่ 14 โอ้ววว...เศร้าใจกว่าเดิม งวดหน้าคิดว่าจะไม่พลาดแบบโง่ๆอีกแล้ว ส่งภาพไปร่วมกิจกรรม แต่ดันลืมใส่เบอร์โทร ทำไปได้ โตเกียวอีกแค่เอื้อม...ลอยหายไปกับตา โอ้วววว T^T บ่นแค่นี้ละค่ะ ช้ำใจ ขอบคุณที่ติดตามค่า ^^" Free TextEditor   Create Date : 14 สิงหาคม 2553     Last Update : 14 สิงหาคม 2553 14:46:51 น. Counter : 5254 Pageviews.   9 comment Share Tweet

Beauty ♥ miNi review คอนแืทคเลนส์ที่นิโดนถามถึงมากที่สุด วู๊ววว...พักนี้นิหายหน้าหายตาจากการตั้งกระทู้ไป หวังว่าคงไม่ลืมนิกันแล้วน้า วันนี้จะมาพูดถึงคอนแทคเลนส์ที่นิใช้อยู่เป็นประจำ และเป็นคอนแทคที่สาวๆถามถึงตลอดในทุกๆ How To ว่านิใช้ยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ยังไง วันนี้ว่างๆเลยเอามารีวิวซะเลย จริงๆแล้วนิซื้อเจ้าเลนส์พวกนี้มานานมากแล้วค่ะ เพราะเอาไปใช้ที่ลอนดอน เลยซื้อตุนๆไว้ และที่สาวๆถามถึงมากที่สุด จะเป็น 2 ตัวที่เอามารีวิวนี้ มาดูกันเลย ตัวแรก โดนถามบ่อยมากๆ เพราะใส่แล้วตาดูวิ๊งสุดๆ เป็นประกายๆ ยิ่งถ้าแต่งหน้าแล้วติดขนตาปลอมด้วย จะยิ่งวิ๊ง รุ่นที่ได้ยินกันประจำ GEO Angel ค่ะ ตัวนี้นิใช้สีม่วง(Violet) เพราะรู้สึกว่าให้ลุ๊คน่าค้นหาดี สายตานิสั้นไม่เท่ากันค่ะ ข้างนึง 3.00 อีกข้าง 2.75 (แต่จำไม่ได้ว่าข้างไหนเป็นข้างไหน) แต่มันต่างกันนิดเดียว เลยใช้คอนแทคเลนส์ค่าสายตาเดียวกันได้ GEO Angel Violet DIA : 14.00 mm ความโค้ง : 8.60 mm ค่าอมน้ำ : 45% อายุการใช้งาน : 1 ปี ให้เห็นกันชัดๆว่าเวลาใส่แล้ว ลายออกมาเป็นแบบไหน มองระยะไกลจะออกมาแบบนี้ค่ะ ดูมีสเน่ห์น่าค้นหามากๆ(คิดเอาเอง) ฮ่าๆ มาถึงเลนส์อีกตัวที่โดนถามถึงบ่อยเช่นกัน ตัวนี้เป็นเลนส์ในเครือ G&G ค่ะ รุ่น Hyper Sweet ค่ะ สีน้ำตาล (Brown) เป็นเลนส์ที่โตกว่ารุ่น Angel นิดหน่อย ใส่แล้วตาดูกลมโตหวานๆค่ะ Hyper Sweet Brown DIA : 14.50 mm ความโค้ง : 8.60 mm ค่าอมน้ำ : 42% อายุการใช้งาน : 1 ปี ใส่แล้วลายจะออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ มองระยะไกลจะออกมาเป็นแบบนี้ ตาจะดูหวานๆสีน้ำตาลดูเป็นธรรมชาติค่ะ ถ้าเลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ความสะอาด ขั้นตอนในการดูแลคอนแทคเลนส์และดวงตาของเรา อาจจะมีขั้นตอนเยอะแยะ ดูยุ่งยาก แต่ถ้าหากตัดสินใจว่า อยากจะใส่คอนแทคเลนส์ ก็ต้องยอมขยันแลกนะคะ เชื่อเถอะว่า มันคุ้มค่ากว่าการขี้เกียจ แล้วดวงตาเราิติดเชื้อ หรือลามไปถึงการตาบอด และหลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลานาน เช่นใส่ข้ามคืน หรือใส่เกิน 5-8 ชั่วโมงบ่อยๆ ใส่ไปเรียน ใส่ไปทำงาน กลับมาถึงบ้าน รีบถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อนจะทำกิจวัตรประจำวันเลยค่ะ นิใส่คอนแทคเลนส์มาเป็น 10 ปีได้แล้ว แต่ยังไม่มีปัญหาอะไรกับดวงตาเลย ทั้งนี้เพราะนิพยายามที่จะดูแลเรื่องความสะอาดให้ดีที่สุด อย่าลืมว่า ดวงตาของเรา มีอยู่คู่เดียวนะคะ จบการรีิวิวค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^ Free TextEditor   Create Date : 10 สิงหาคม 2553     Last Update : 10 สิงหาคม 2553 19:42:34 น. Counter : 3272 Pageviews.   8 comment Share Tweet

• purrhouse
• Webmaster - BlogGang

• N i c H a * Hi5
• N i c H a * Jeban
• N i c H a * TheWos
• N i c H a * Exteen
• N i c H a * Multiply
• N i c H a * Twitter
• BlogGang.com