Beauty ♥ Review Lancome Teint Miracle Liquid Foundation

สวัสดีค่าสาวๆ

วันนี้นิมีไอเทมดีๆที่น่าสนใจมารีวิวให้ชมกันอีกแล้ว

เปิดตัวมาได้พักใหญ่ๆและกระแสก็ค่อนข้างดีทีเดียว

ทำให้นิอดรนทนไม่ไหว

ต้องไปลองที่เคาท์เตอร์ แล้วก็สอยกลับมาทันทีเลย

มันก็คือ...























Lancome Teint Miracle Liquid Foundation

คำโฆษณาของเค้าคือ

ผู้รังสรรค์ความเปล่งประกาย ดุจผิวเปลือยเปล่า อย่างเป็นธรรมชาติ

เน้นในเรื่องการตกกระทบของแสงทั้งภายนอกภายใน

ทำให้ผิวดูเปล่งประกายแบบมีออร่า และมีส่วนผสมของน้ำถึง 40% เพื่อคงามโปร่งใส

























มาดูในส่วนของแพ๊คเกจกันดีกว่า

ดีไซน์ออกมาหรูหรามีระดับด้วยขวดแก้วทรงสี่เหลี่ยม

ขนาด 30 ml. ราคา 1700 บาท



ตัวที่นิเลือกมาเป็นเบอร์ PO-03 โทนชมพูค่ะ

ไปลองโทนเหลืองมาแล้วไม่เข้ากับผิวนิ เพราะผิวนิก็โทนเหลืองอยู่แล้ว

ลองแล้วยิ่งเหลืองเข้าไปใหญ่เลย ฮ่าๆๆ



























บนขวดปริ๊นท์ข้อมูลต่างๆลงบนขวดไว้สวยงาม เขียนไว้ว่า

Natural Light Creator - Bare Skin Perfection



ตัวฝาไม่ได้ทำจากแก้วเหมือนตัวขวดค่ะ

ทำมาจากพลาสติกเนื้อแข็ง ไม่หนามาก และไม่บางเกินไป



ตัวปั๊มก็ทำจากพลาสติกเช่นกัน แต่บางกว่าตัวฝาค่ะ

ปั๊มออกมาได้ง่าย ให้เนื้อรองพื้นไม่มากไม่น้อยเกินไป



หลังขวดเขียนไว้ว่า Shake Well Before Use

นั่นก็คือ ต้องเขย่าก่อนจะใช้นะคะ

























เนื้อ จะเป็นแบบลิควิด ซึ่งค่อนไปทางเหลวนิดๆ

เวลาที่นิปั๊มออกมา 1 ครั้งแล้วแตะแปรงมาทา บางครั้งก็มีไหลบ้างนิดๆค่ะ

คือคุณสมบัติที่บอกไปข้างต้นว่า มีส่วนผสมของน้ำถึง 40%

เพราะฉะนั้นรองพื้นตัวนี้จะไม่หนืดเหนียวมากค่ะ



























ก่อน และ หลังจากทาแล้วค่ะ

สังเกตุว่า ผิวสว่างขึ้น เนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย

แต่ก็ยังดูเห็นว่า ทารองพื้น คือไม่ดูบางเบาขนาดที่ว่า ดูเหมือนไม่แต่ง

ในส่วนของความฉ่ำวาว นิว่าไม่ได้ดูฉ่ำวาวจนเห็นได้ชัดเท่าไหร่ค่ะ

ในส่วนของการปกปิด ถือว่าปกปิดได้ระดับกลางๆค่ะ



























ลุ๊คโดยรวมเวลาทาลงบนผิวหน้าค่ะ

จะเห็นว่า ยังเห็นรอยสิวอยู่จางๆ รอบดวงตายังเห็นแพนด้าอยู่เล็กน้อย

แต่ภาพโดยรวมแล้วถือว่าโอเค ไม่ดูวอกหรือหนาจนเกินไป

































คุณภาพโดยรวมนิให้ 8/10 ค่ะ



หักคะแนนตรงที่ยังดูหนาอยู่ ไม่ได้ให้ลุ๊คธรรมชาติที่สุดอย่างที่คิด

และราคาแพงมากค่ะ ในความรู้สึกส่วนตัว

ในเรื่องของความคุมมัน ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ

เพราะนิไม่ใช่คนผิวมัน จะมีความมันเล็กน้อยระหว่างวันในช่วง T-Zone

ซึ่งรองพื้นตัวนี้ไม่ทำให้เป็นคราบค่ะ

















ทั้งนี้ทั้งนั้นขอย้ำอย่างทุกๆครั้งว่า

พื้นฐานผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไลฟสไตล์การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน

มลภาวะ สภาพอากาศต่างๆเราก็เจอไม่เหมือนกันในแต่ละวัน แต่ละบุคคล

อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่นิบอก อยากให้ลองเองดีที่สุดค่ะ





สำหรับสาวๆท่านไหนที่อยากติดตามการอัพเดทความงามของนิ คลิก "
ที่นี่" นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ




 

Create Date : 16 มีนาคม 2554    
Last Update : 18 เมษายน 2554 17:52:01 น.
Counter : 6080 Pageviews.  

Beauty  Review Sigma Synthetic Brushes แปรงคุณภาพที่อยากแนะนำ

สวัสดีค่าสาวๆๆ

วันนี้นิมีไอเท็มกรี๊ดๆที่เพิ่งสั่งมาสดๆร้อนๆ

ซึ่งพอได้ของแ้ล้วก็กรี๊ดจริงๆค่ะ เพราะไม่ทำให้ผิดหวังเลย

มันคือเจ้านี่ค่ะ













เซทสามปุ้มปุ้ยจาก Sigma มีชื่อเต็มๆว่า

Sigma Synthetic Face Kit













หลังจากได้เห็นในเว็บนิก็นั่งกรี๊ดอยู่หลายวัน

ตัดสินใจอยู่หลายต่อหลายรอบว่า จะซื้อดีมั้ย จะสั่งดีมั้ย จะเอายังไงดี

สรุปก็พ่ายแพ้ไปค่ะ กดสั่งแบบหน้ามืด ลืมตัวอีกแล้ว

ราคาของเซทนี้อยู่ที่ $42.00 นะคะ นิสั่งจากเว็บของ Sigma โดยตรงเลย

โดยสั่งให้ Shipping แบบธรรมดา คิดค่าส่ง $10.31

รวมแล้วเบ็ดเสร็จอยู่ที่ราคา $52.31USD ค่ะ























ตามแบบฉบับของ Sigma เลยค่ะ

จะต้องมีซองตาข่ายมาให้ 1 ซอง คราวที่แล้วนิซื้อเซท 12 ชิ้นสีชมพูไป

ก็ได้ซองตาข่ายสีชมพูมาด้วย 1 ซอง แต่เซทนี้ได้ซองนี้ฟ้าค่ะ งามไม่แพ้กัน

มีโบชัวร์ที่มีรายละเอียดต่างๆมาให้ด้วย





















สามสาวพาวเวอร์พัฟเกิร์ล ฮิ้วๆๆๆ ตัวแปรงมีน้ำหนักแบบรู้สึกได้เลย

หนักกว่าตัวเซทแปรงปกติพอสมควรค่ะ ด้ามจะอ้วนๆไซส์เดียวกับแปรงแป้งของ Sigma

แต่จะสั้นกว่าค่ะ ลองกะด้วยสายตาแล้ว ความยาวตลอดตัวแปรงจะสั้นกว่าแปรงเซท 12 ชิ้น

อยู่ประมาณ 1 นิ้วครึ่ง ค่ะ ด้ามเป็นสีดำ เนื้อด้านๆ มีชื่อแปรงและเบอร์ไว้ทุกด้าม

มีซองพลาสติกและบลัชการ์ดให้ทุกด้ามค่ะ





















โบชัวร์ที่บอกถึงคุณสมบัติของสามสาวค่ะ

ซึ่งเค้าจะมีมาให้ทุกครั้ง ข้อมูลก็จะเหมือนในเว็บไซท์ของทาง Sigma เลยค่ะ



















มาเจาะที่ละตัวกันเลยดีกว่า







Sigma Flat Top Synthetic Kabuki F80

The F80 Flat Top Kabuki brush is perfect for applying and blending liquid, cream,

and powder products onto the skin.

The flat surface allows perfect buffing with flawless results.

Synthetic Sigmax HD filament.



เป็นแปรงทรง Flet Top หรือหัวตัดนั่นเอง โดยส่วนตัวเคยมีแปรง Flat Top หนึ่งอัน เป็นขนสัตว์แท้

และเมื่อลองเทียบกันแล้ว คุณภาพของแปรงไม่ได้ต่างกันเลย ในขณะที่แปรงของ Sigma จะเป็นขนสังเคราะห์

จากสรรพคุณที่ทางเว็บเขียนไว้ สามารถใช้กับเนื่อลิควิด ครีม หรือพาวเดอร์ได้หมดเลย

และเหมาะกับการบัฟในพื้นที่กว้างๆอย่างบริเวณใบหน้า และยังสามารถเอามาลงบลัชออนหรือบลอนซ์ได้อีกด้วยค่ะ























Sigma Round Top Kabuki F82



The F82 Round Top Kabuki brush simplifies precise makeup

application under the eyes and around the nose.

This brush is also perfect for achieving flawless coverage using liquid and powder products.

Synthetic Sigmax HD filament.





เป็นแปรงทรง Round Top คือทรงหัวมนๆ ตัวนี้จะขนสั้นที่สุดในทั้งหมด 3 ตัวค่ะ

ซึ่งคุณสมบัติของตัวนี้จะใช้ตามจุดต่างๆที่เราจะเน้นปกปิดเป็นพิเศษ

เช่นบริเวณใต้ตา และบริเวณจมูก  เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับการลงคอนซิลเลอร์

สามารถใช้ได้กับเครื่องสำอางค์แบบลิควิด และเนื้อแป้ง

และยังสามารถใช้กับ Mineral หรือลงแป้งให้ทั่วใบหน้าหรือใช้กับบลัชออนได้ด้วยค่ะ























Sigma Angled Top Kabuki F84



The F84 Angled Top Kabuki brush is the perfect brush for precise,

yet blended application of products on the cheeks.

It seamlessly applies cream, powder and liquid products.

Synthetic Sigmax HD filament.



แปรงแองเกิลบรัช หรือแปรงหัวตัดเฉียง คุณสมบัติที่เด่นมากๆของแปรงหัวตัดแบบนี้คือ

เหมาะมากสำหรับการลงไฮไลท์หรือคอนทัวร์ใบหน้าให้ดูมีมิติค่ะ

และเหมือนกันคือ ใช้ได้กับทั้งเครื่องสำอางค์แบบลิควิด ครีม และเนื้อแป้ง

และยังสามารใช้กับบลัชออนได้อีกด้วยค่ะ

















ทั้งสามตัวนี้ นิให้คะแนน เต็มค่ะ

เพราะเป็นแปรงที่เอนกประสงค์มากๆ และขนแปรงก็นิ่มกำลังดี ไม่บาดหน้า

ด้ามแปรงมีน้ำหนัก ทำให้การสปริงตัวดีเยี่ยม

และหลังจากล้างดูแล้ว สีไม่ตกเลยแม่แต่น้อย ขนไม่หลุดร่วงเลยซักเส้น

ในขณะที่เซท 12 ชิ้นยังมีสีตกบ้าง มีขนหลุดร่วงเล็กน้อย

และแปรงแป้งของเซท 12 ชิ้นก็บาดหน้านิด้วย

แต่อย่างว่าค่ะ เพราะคุณภาพของแปรงสามตัวนี้เป็นแบบ Synthetic Sigmax HD filament.

คุณภาพดีกว่ากันอยู่แล้ว สรุปง่ายๆว่า นิคลั่งเจ้า Sythetic Blushes สามตัวนี้มากกกก























และสุดท้าย มีของแถม(ในทุกโอกาส)มาให้อีกแล้ว

เป็น Sigma Blending E25 ตัวเดิมที่แถมให้ในทุกๆเซทเวลาสั่งแปรงจาก Sigma ไป

คราวก่อนที่นิสั่งก็ได้เจ้าตัวนี้มา ยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ

แต่ยังไงของแถมก็ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว เนอะๆๆๆ ^^













คำแนะนำเล็กๆน้อยๆ




ถ้าสาวๆรู้สึกว่าตัวเองมีงบที่จำกัด แต่ก็อยากได้แปรงบัฟดีๆ

นิแนะนำว่า ไม่จำเป็นจะต้องซื้อทั้งเซทสามชิ้นนี้ค่ะ

เอาแค่ตัว Flat Top F80 หรือ F82 มาตัวใดตัวหนึ่งมาก็ครอบคลุมทุกการใช้งานแล้ว

แต่ที่นิแนะนำตัว F80 เพราะว่า มันใช้งานได้ดีในทุกๆการใช้งาน

ไม่ว่าจะเป็นการลงรองพื้น ลงแป้ง คอนทัวร์ ไฮไลท์ หรือกระทั่งลงบลัชออน

และหน้าแปรงค่อนข้างกว้าง ทำให้ลงได้รวดเร็ว

และที่แนะนำตัว F82 เพราะว่ามันสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี

ตามซอกเล็กๆอย่างร่องจมูก หรือช่วงใต้ตา

ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีมากค่ะ แต่หน้าแปรงจะไม่กว้างเท่า F80



เลือกเอาว่าอยากได้คุณสมบัติไหนมากกว่ากันค่ะ











ยังไงนิก็ทำรีวิวนี้ไว้เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาวๆนะคะ

และอย่าลืมว่า ผิวและความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน สิ่งที่นิชอบ แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบก็ได้

ยังไงดูรีวิวของสาวๆหลายๆท่าน ก่อนตัดสินใจนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^




 

Create Date : 15 มีนาคม 2554    
Last Update : 19 เมษายน 2554 9:56:05 น.
Counter : 12476 Pageviews.  

Beauty ♥ Video How To Curl My Hair by Sock Bun

สวัสดีค่ะสาวๆ

วันนี้มาสอนทำผมง่ายๆ ด้วยถุงเท้าค่ะ

อ่านไม่ผิดค่ะ "ถุงเท้า" ที่เราใส่เท้านี่ละ

มาดูอุปกรณ์กันว่ามีอะไรบ้าง









อุปกรณ์

1. หวี

2. หนังยางมัดผม

3. สเปรย์ฉีดผม

4. ถุงเท้า(ซึ่งขอให้ใช้ถุงเท้าใหม่นะคะ)















มาเริ่มกันเลยดีกว่า





 





miNipanda-z :: How To Curl My Hair by Sock Bun











สำหรับภาพตอนม้วนเสร็จจะออกมาแบบนี้ค่ะ



















และเมื่อทิ้งไว้จนผมแห้งสนิท(ในภาพนิทิ้งไว้ 1 คืนค่ะ) จะได้ออกมาแบบนี้













เราก็จะได้ลอนสวยๆ แถมผมไม่เสียอีกด้วย

วิธีง่ายๆ อุปกรณ์ทั่วๆไปที่เรามีอยู่ ยกเว้นถุงเท้าที่ขอย้ำอีกครั้งว่า ใช้ของใหม่เถอะนะคะ

แค่นี้ก็ได้ลอนผมสวยๆ เซอร์ๆ และดูเป็นธรรมชาติแล้วค่ะ









ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ ^^




 

Create Date : 06 มีนาคม 2554    
Last Update : 6 มีนาคม 2554 12:49:33 น.
Counter : 4103 Pageviews.  

Beauty ♥ DUC เชิ๊ตตัวใหญ่กับสไตล์ชิลๆ

สวัสดีค่า วันนี้มาเช็ค เช็ค เช็คอีกแล้ววว

พอดีนิไปซื้อเสื้อทรงเชิ๊ตมาตัวนึง

ตอนแรกที่ซื้อมาแล้วคิดว่า ทำไมตัดสินใจซื้อมาฟระ ตัวหย่ายมาก

ใส่แล้วเหมือนเสื้อเชิ๊ตใส่นอนเลยค่ะ

พอดีลองมามิกซ์แมทช์ใหม่ดู คิดว่าเข้าท่าดีเลยเอามาเช็คให้ชมกัน













- เมคอัพวันนี้ก็เป็นสไตล์เบาๆ แต่งแบบคล้ายไม่แต่ง

คือจัดเต็มอยู่นะ แต่ไม่เน้นให้เห็นชัดเจนมาก เพราะสไตล์เสื้อผ้าวันนี้ออกแนว

ทะมัดทะแมง เท่ห์ๆ ชิลๆ จะแต่งแบบจัดจ้านก็ดูจะไม่เข้ากัน



- เสื้อเป็นเสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่สีเขียวน้ำเงินค่ะ ชอบสีมากๆเลย ซื้อมาจากตลาดนัดค่ะ



- เข็มขัดจะเป็นเข็ดขัดแบบสองเส้น ลายม้าลาย กับสีดำสนิท ของ Primark London ค่ะ



- รองเท้าส้นสูงแต่ส้นตันแบบเตารีด ใส่สบายสุดๆ ของ Hush Puppies



- กระเป๋าหนังของสีน้ำตาล เข้าได้กับทุกชุดค่ะของ Mulberry ค่ะ

















ลุ๊คโดยรวมออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ



แอบบ่นหน่อยว่ากระเป๋าหนักมากกกก ใส่ของเข้าไปยิ่งหนักเข้าไปอีก

ไหล่แทบทรุดกันเลยทีเดียว > <







ขอบคุณที่ติดตามค่าาา ^^



 




 

Create Date : 03 มีนาคม 2554    
Last Update : 3 มีนาคม 2554 17:47:56 น.
Counter : 2817 Pageviews.  

Beauty ♥ mini Workshop Clinique Derma White @Siam Paragon

สวัสดีค่ะสาวๆ

ห่างหายจากการอัพบลอคไประยะนึงเลยทีเดียว

เพราะช่วงนี้ไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่เลยค่ะ

มีแต่เรื่องสมัครเข้าปริญญาโท และเตรียมตัวสอบ

ตอนนี้พักจากอะไรน่าปวดหัวมาเข้าสู่โหมดความสุขของตัวนิเองกันหน่อยดีกว่า



















เมื่อวันที่ 25 กุมภาที่ผ่านมานิต้องเข้าไปยื่นใบสมัครเข้าจุฬากระทันหัน

และประจวบเหมาะกับเป็นวันที่มี Mini Workshop เล็กๆของทาง Clinique

ที่อยากจะแนะนำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่าง Derma White ค่ะ

ซึ่ง WS นี้จัดอยู่จุด Beauty Hall ของสยามพารากอนค่ะ

เดินเข้าไปเจอบู๊ทใหญ่ๆอยู่ตรงกลาง Hall เลย พอดีนิไปเร็วมาก เลยนั่งเล่นรอๆไปพลางๆ

เห็นพี่ๆ BA เค้าบริการลูกค้าอยู่ตลอดไม่ขาดสาย























ซึ่งผู้ที่มาให้ความรู้กับเราในวันนี้ก็คือ พี่ณัฐคนสวยคนเดิมนี่ละค่ะ























ไลน์ของ Derma White จะเน้นในการลดเลือนจุดด่างดำต่างๆที่เกิดขึ้นบนผิวของเราค่ะ

ซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษต่างๆ และแสงแดดที่สุดจะร้อนแรง

ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ในไลน์นี้ของ Cliniqe จะมีส่วนผสมของวิตามินซีและพืชหายากที่พัฒนาพิเศษ

สำหรับผิวของสาวเอเชียโดยเฉพาะ























ตัวที่นิได้มาทดลองใช้จะมี 2 ตัวด้วยกัน

เป็น Clinique Derma White Clinical Brightening Essence (ซ้าย)

และ Clinique Derma White City Block Anti-Pollution SPF40/PA+++

สำหรับสองตัวนี้นิัยังไม่ได้ทดลองจริงจัง เพราะฉะนั้นยังบอกไม่ได้ว่า ผลการใช้เป็นยังไงบ้าง

แต่ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ค่อนข้างบางเบาทั้งสองตัวเลยค่ะ

ตัวเอสเซนส์ทาไปแล้วไม่เหนี่ยวเหนอะหนะ สบายผิว แต่ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นดีระดับนึง

ส่วนตัวกันแดด อันนี้ค่อนข้างปลื้มกับเนื้อผลิตภัณฑ์มากพอสมควร

เพราะบางเบากว่ากันแดดหลายๆตัวที่เคยใช้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นิตามหาค่ะ

























บรรยากาศสบายๆ ของ WS ค่ะ นิชอบตรงที่ทาง Clinique จะจัดเป็นกลุ่มเล็กๆ

เพื่อให้เข้าถึงทุกคนค่ะ ลักษณะคล้ายๆเพื่อนฝูงไปนั่งแชร์เรื่อความสวยความงามกัน

























Credit : Camp

ก่อนกลับก็แชะๆภาพรวมกันซะหน่อย สนุกสนาน ^^

























Credit : Camp

ปิดท้ายกับสุดเลิฟคนนี้ วันนี้มาซะเป๊ะเลย ถ่ายรูปคู่กันแล้วนิโทรมเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ











สุดท้ายขอบคุณพี่เอ๋ พี่ณัฐ และแบรนด์ Clinique มากค่ะ สำหรับความรู้

และประสบการณ์ดีๆ แล้วเจอกันใหม่บลอคหน้านะคะ ^^












 

Create Date : 02 มีนาคม 2554    
Last Update : 2 มีนาคม 2554 23:07:30 น.
Counter : 2866 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.